จอมนักรบทรงเกียรติยศ 740 เทียนขุยที่โมโหจัด

Now you are reading จอมนักรบทรงเกียรติยศ Chapter 740 เทียนขุยที่โมโหจัด at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ดอกไม้เลือดยังคงเบ่งบานไม่หยุด ส่วนหลินเทียนตกใจสุดขีดจนยืนตัวแข็งทื่อ!

ผู้ชายคนนั้นที่ถูกเขาเหยียดหยาม ผู้ชายคนนั้นที่โดนเขาดูถูกว่าเป็นคนป่วย ผู้ชายคนนั้นที่โดนเขาเหยียบย่ำมาตลอด กลับสามารถทำลายลมพายุทอร์นาโดของเขาได้ในชั่วพริบตา ไม่เพียงเท่านั้น เขารู้สึกได้ว่าพลังชีวิตของเขาได้ไหลออกไปอย่างรวดเร็ว!

จะตายแล้วเหรอ?

นี่เป็นความคิดที่อยู่ก้นบึ้งหัวใจของหลินเทียน

จะเป็นไปได้ยังไง?

มันเป็นแค่คนป่วยที่หน้าตาซีดเซียวคนหนึ่ง เป็นไอ้สวะ เป็นแค่สวะที่เอาแต่พึ่งพาชายร่างกำยำที่อยู่ข้างกายมัน

ทันใดนั้น เขาคิดย้อนไปถึงรายละเอียดปลีกย่อย วินาทีที่ไอ้ขี้โรคนั่นลงมือ เขารู้สึกได้ถึงแรงกดทับที่หนักหนาเหมือนภูเขาไท่ถาโถมเข้ามา แรงกดทับนี้เป็นสิ่งที่เขาไม่สามารถต้านทานได้ ได้แต่ยอมรับความเจ็บปวด ตอนที่แรงกดทับนี้ปะทะเข้ามา เขากลับรู้สึกถึงจิตสังหารที่ยิ่งใหญ่มหึมา เป็นจิตสังหารที่เข้มข้นดุเดือดมากกว่าไอ้หน้าโง่นั่นอีก

จิตสังหารนี้ต้องเป็นจิตสังหารที่ผ่านการต่อสู้นองเลือด เหยียบย่ำศพและกระดูกมามากมาย เด็ดขาด สงบนิ่ง ลงมือร้ายกาจ มีพลังอันยิ่งใหญ่

หรือว่า……

หลินเทียนไม่กล้าคิดต่อไปแล้ว เขาเงยหน้ามองไปยังไอ้ขี้โรคอย่างกะทันหัน สีหน้าดูเคร่งขรึมมากขึ้นเรื่อย ๆ

จากที่ตกใจจนช็อกไปทุกคนก็ได้ดึงสติกลับมาได้ แต่ละคนมองไปที่ไอ้ขี้โรคด้วยท่าทางตกตะลึงอ้าปากค้าง สุดท้ายละสายตามามองที่หลินเทียน เมื่อเห็นบนลำตัวศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเขา ก็ยิ่งมีสีหน้าช็อกตาตั้งมากขึ้นไปอีก

ศิษย์พี่ใหญ่แพ้แล้ว!

ผู้มากความสามารถของสำนักฉิวหลงพ่ายแพ้แล้ว!

เป็นไปได้ยังไง!

เรื่องบ้าอะไรกันเนี่ย

คนที่ทำให้เขาพ่ายแพ้เป็นไอ้ขี้โรคคนหนึ่ง โลกนี้มีเรื่องบ้าบอแบบนี้ด้วยเหรอ?

ไอ้ขี้โรคนั่นดูไม่มีลมปราณภายในเลยสักนิด จะทำลายลมพายุทอร์นาโดที่แข็งแกร่งของศิษย์พี่ใหญ่ได้ยังไง หากไม่ใช่เพราะร่างกายของเขามีเลือดสาดเต็มไปหมดทั้งตัวล่ะก็ ทุกคนคงคิดว่าไอ้หน้าโง่ที่อยู่ข้างไอ้ขี้โรคคนนั้นต่างหากที่เป็นคนจัดการ

ทันใดนั้นพวกลูกน้องที่ปิดปากเงียบเริ่มส่งเสียงร้องอย่างตกใจออกมา เสียงเริ่มดังและวุ่นวายมากขึ้นเรื่อย ๆ

“ศิษย์พี่ใหญ่ พี่ไม่เป็นไรใช่ไหม?”

“ศิษย์พี่ใหญ่ พี่รีบห้ามเลือดสิ มัวเหม่ออะไรอยู่ล่ะ?”

“ศิษย์พี่ใหญ่……”

หลินเทียนที่เดิมทีอดกลั้นไว้จนถึงขีดสุด ตอนนี้รู้สึกเหมือนเลือดลมพลุ่งพล่านขึ้นมา ใช่แล้ว เขาถูกทำให้โมโห! เลือดออกมากขนาดนี้ จะไม่เป็นไรได้ยังไง?

“หุบปากให้หมดเลยนะ!”

เสียงทั้งหมดเงียบลงทันที แต่ละคนมองหลินเทียนด้วยท่าทางตัวสั่นงันงก ไม่กล้าพูดมาก

เขาไม่อยากห้ามเลือดเหรอ?

วินาทีที่ฟางเหยียนถอยกลับไปอยู่ที่เดิม เขาก็เริ่มห้ามเลือด แต่แม่งถ้าห้ามเลือดได้ สีหน้าเขาคงไม่ซีดเผือดอย่างนี้หรอก ทั้งตัวเหมือนตกลงไปในบ่อน้ำแข็ง หนาวเย็นผิดปกติ หนาวเหน็บเข้าไปถึงกระดูก

เทียนขุยเอ่ยถาม : “จอมพลโผ้จวิน จะฆ่าคนพวกนี้ด้วยไหม?”

“ฆ่า!”

เทียนขุยพุ่งตัวออกไปทันที คนที่หลินเทียนพามาคิดอยากจะหนี แต่ความเร็วของพวกเขาจะเร็วสู้เทียนขุยที่เป็นทหารผ่านศึกประสบการณ์โชกโชนอีกทั้งยังองอาจห้าวหาญไร้ผู้ใดเทียมได้ยังไง? เทียนขุยเป็นเหมือนเทพจุติมาเกิด พุ่งเข้าไปในกลุ่มคนพวกนั้น การต่อสู้จบลงอย่างรวดเร็ว

หญ้ารกร้าง เหมาะกับเป็นที่ฝังศพได้ดีจริง ๆ

ใบหน้าที่ซีดเผือดของหลินเทียนดูตื่นตระหนก โหดเหี้ยมอำมหิต เด็ดเดี่ยวแน่วแน่ ไม่พูดให้มากความ เขาเริ่มกลัวขึ้นมาแล้ว

ใช่แล้ว

เขาเหมือนจะรู้ฐานะที่แท้จริงของคนคนนี้แล้วล่ะ เขาคือจอมพลโผ้จวินของประเทศหวานั่นเอง!

เสี่ยวหยู่ตกใจหน้าถอดสีไปนานแล้ว ได้แต่มองฟางเหยียนอย่างเหม่อลอย ลืมแม้กระทั่งคำขอบคุณ

“วรยุทธ์เอาไว้ใช้ฆ่าคน ไม่ใช่เอามาใช้แสดง อัจฉริยะของสำนักฉิวหลงก็แค่นี้เองเหรอ”

แทงใจดำทุกคำพูด!

หลินเทียนใจสั่นขึ้นมา สู้แพ้ก็แย่แล้ว ยังถูกคนเหยียบย่ำซ้ำเติมอย่างร้ายกาจอีก เรียกได้ว่าฉีกทำลายความภาคภูมิใจของผู้แข็งแกร่งอย่างเขา เขาทนได้ที่ไหนกันล่ะ

“เชี้ยเอ้ย มึงแม่งพูดอะไรวะ ลองพูดอีกรอบดิ”

ฟางเหยียนเอ่ยพูดเสียงเรียบ : “มีเพียงผู้อ่อนแอเท่านั้นถึงจะวิตกกังวลลนลาน ฉันอยากถามแกประโยคหนึ่ง นอกจากเพลิงเสวนให้พวกแกควบคุมสำนักฉิวหลงแล้ว ยังมีจุดประสงค์อะไรอีก”

จู่ ๆ หลินเทียนก็หัวเราะอย่างบ้าคลั่ง หลังจากหัวเราะอย่างบ้าคลั่งแล้ว ก็พูดด้วยท่าทางจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม : “มึงกำลังขอร้องกู? ฮ่าฮ่าฮ๋า……คิดไม่ถึงว่าจอมพลโผ้จวินแห่งประเทศหวาของพวกเราจะขอร้องคนเป็นด้วย?”

พูดถึงตรงนี้ จู่ ๆ หลินเทียนก็ดุร้ายขึ้นมา “ขอร้องคนก็ต้องมีท่าทีขอร้องคนหน่อยดิ คุกเข่าให้กูซะ ขอแค่มึงคุกเข่า กูอารมณ์ดีแล้ว จะบอกมึงให้ คุกเข่าดิวะ!”

สิ่งที่ตอบกลับเขาไปคือฝ่าเท้า และคนที่ฟาดฝ่าเท้านี้คือเทียนขุย

หลังจากถีบหลินเทียนจนล้มกลิ้ง เทียนขุยก็พูดว่า : “เหยียดหยามจอมพลโผ้จวินแห่งประเทศหวา ควรได้รับโทษตายเท่านั้น!”

“โทษตาย!” หลินเทียนหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง : “ปีศาจป่าเถื่อนอย่างมึงเนี่ยนะ? อย่างมึงคู่ควรเป็นข้าราชการระดับสูงปกครองประเทศหวาเหรอวะ?” มึงโหดร้ายป่าเถื่อน เพื่อประโยชน์ของตัวเองไม่ลังเลที่จะกำจัดคนที่ไม่เห็นด้วย ทำให้สำนักต่าง ๆ เกิดความไม่สงบ เพลิงเสวนผิดเหรอที่ทำตามบัญชาสวรรค์? อ้อ มึงคิดว่าตัวเองคู่ควรกับคำว่าจอมพลงั้นเหรอ? ห๊ะ!”

“จอมพลโผ้จวิน มึงคู่ควรเหรอ? มึงละอายใจต่อประชาชนที่มึงปกป้องเหรอ มึงละอายใจต่อคำเรียกที่ประชาชนตั้งให้มึงไหม? ห๊ะ! มึงทำให้ทุกคนตกอยู่ในความหวาดกลัว ทำให้ทุกคนไม่สงบสุข ผิดเหรอที่ทุกคนรวมตัวกันต่อสู้? สิ่งที่พวกเราทำคือการทำเรื่องดี ๆ ตามบัญชาสวรรค์ นี่เป็นเรื่องดีที่ต้องจารึกไว้ในประวัติศาสตร์!”

“มีปัญญาก็ฆ่ากูให้ตายตอนนี้เลยสิ ไม่อย่างนั้นกูจะทำตามบัญชาสวรรค์ กำจัดปีศาจอย่างมึง ไม่ตายไม่เลิก จริงสิ จอมพลโผ้จวินของพวกเรา มึงคิดว่าตัวเองสุขสบายไร้เหตุกังวลใจจริง ๆ งั้นเหรอ? ฆ่ากูไปคนหนึ่ง ต้องถูกล้างแค้นจากสำนักฉิวหลง ฮ่าฮ่าฮ่า……”

ฟางเหยียนเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา : “แกพูดมากเกินไปแล้ว”

“แพ้เป็นพระ ชนะเป็นมาร ความตายมีอะไรน่ากลัว มาสิ ฆ่ากูให้ตายเลย ฮ่าฮ่าฮ่า……”

“ใช้วิธีพูดยุยงเหรอ?” ฟางเหยียนเอ่ยพูดเสียงเรียบ : “กลอุบายแค่นี้แกคิดว่าจะทำให้จิตใจฉันสั่นคลอนได้เหรอ?”

หลินเทียนชะงักไป เขายอมตายแต่ไม่ยอมกลายเป็นนักโทษของมัน แต่จอมพลโผ้จวินกลับไม่หลงกล

“ในเมื่อแกไม่อยากพูด งั้นก็กลับสำนักฉิวหลงกันเถอะ พาตัวไป”

เทียนขุยเดินเข้าไป คิดจะมัดตัวหลินเทียนไว้ แต่ตอนที่มือของเขาแตะตัวหลินเทียน หลินเทียนก็ปล่อยพลังออกมากะทันหัน ลูกธนูลับพุ่งออกมาจากแขนเสื้อ ลอยไปทางเทียนขุย เทียนตกใจหน้าถอดสี คิดว่าตัวเองหลบไม่ทันแล้ว จึงได้แต่จ้องมองลูกธนูลับอันนั้นลอยมาทางตัวเอง

ระยะห่างแค่นี้ อย่าว่าแต่นินจาระดับต้าชี่เลย แม้แต่ระดับปรมาจารย์ก็เกรงว่าจะหลบไม่พ้น

หวืด!

เทียนขุยสีหน้าเปลี่ยนไป ลูกธนูลับได้ลอยเฉียดด้านข้างเขาไป!

“หืม?” หลินเทียนผิดหวังเป็นอย่างมาก เทียนขุยกลับหลบลูกธนูลับไปได้

ไม่ใช่สิ!

มันจะหลบพ้นได้ยังไง?

ทันใดนั้นเอง สายตาของเขาก็จับจ้องไปที่จอมพลโผ้จวิน เขาตวาดด้วยความโมโห : “เป็นมึงนี่เอง!”

“หรือว่าลูกศิษย์สำนักฉิวหลงมีแต่พวกดูดีแค่เปลือกนอกแต่ภายในชั่วร้าย?” ฟางเหยียนเอ่ยเสียงเรียบ : “แอบลอบทำร้ายคนอื่นด้วยธนูลับ เป็นการกระทำของคนกระจอก สำนักฉิวหลงแบบนี้ ไม่เหลือไว้ก็ดี!”

“พาตัวไป!”

เทียนขุยมัดหลินเทียนได้อย่างราบรื่น แล้วโค้งตัวขอโทษ : “จอมพลโผ้จวินผมประมาทเองครับ ถ้าหากไม่ได้คุณช่วยไว้ เกรงว่าผมจะ……”

“เทียนขุย ความผิดไม่ได้อยู่ที่นายหรอก แต่นายประเมินจิตใจของคนดีเกินไป ดั่งคำกล่าวที่ว่าใจคนเรายากแท้หยั่งถึง ในใจของทุกคนจะมีด้านที่ดำมืดที่สุดอยู่ทั้งนั้น เมื่อตกอยู่ในสถานการณ์ที่เป็นอันตรายต่อชีวิต ก็เผยด้านนั้นออกมา และเมื่อด้านนั้นปรากฏขึ้น เขาก็พร้อมจะลงมือฆ่าได้”

เทียนขุยพยักหน้าเล็กน้อย “จอมพลโผ้จวิน เทียนขุยได้บทเรียนแล้วครับ คราวหน้าจะระวังอย่างแน่นอน”

จนถึงตอนนี้เสี่ยวหยู่จึงเพิ่งดึงสติกลับมาได้ เธอมองไปยังหลินเทียนที่ถูกมัดคอมัดมือไขว้หลัง เธอรู้สึกเหมือนอยู่กันคนละโลก ยังคงอยู่ในม่านหมอกที่เหมือนจะไม่ใช่เรื่องจริง เธอยังมีชีวิตอยู่ คนที่ช่วยเธอกลับเป็นจอมพลโผ้จวินที่ฆ่าเจ้าสำนักแห่งสำนักฉิวหลง!

ตุ๊บ!

เสี่ยวหยู่คุกเข่าลงตรงหน้าฟางเหยียน บุญคุณที่ช่วยชีวิตกับความเคียดแค้น ล้วนเป็นเรื่องที่สำคัญมากทั้งนั้น เธอสมควรที่จะต้องตอบแทนผู้มีพระคุณ

ความตั้งใจที่ช่วยชีวิตเสี่ยวหยู่นั้น เป็นเพราะเห็นแก่หน้าของซ่งหยิง

หลังจากที่เสี่ยวหยู่ขอบคุณแล้ว ฟางเหยียนกลับเมินเฉยไม่สนใจไยดี

และขณะที่เขากำลังเดินไปข้างหน้า จู่ ๆ เสี่ยวหยู่ก็เอ่ยขึ้นว่า : “จอมพลโผ้จวิน ตอนนี้ทางที่ดีคุณอย่าเพิ่งไปสำนักฉิวหลงเลยค่ะ เพราะผู้อาวุโสใหญ่ได้ควบคุมสำนักฉิวหลงไว้หมดแล้ว และจะแก้แค้นจนกว่าจะตายกันไปข้างหนึ่ง อีกทั้งตอนนี้คุณจับตัวลูกชายเขาไว้ เกรงว่าคุณยังไปไม่ทันถึงสำนักฉิวหลง จะตายเอาเสียก่อน!”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

จอมนักรบทรงเกียรติยศ 740 เทียนขุยที่โมโหจัด

Now you are reading จอมนักรบทรงเกียรติยศ Chapter 740 เทียนขุยที่โมโหจัด at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ดอกไม้เลือดยังคงเบ่งบานไม่หยุด ส่วนหลินเทียนตกใจสุดขีดจนยืนตัวแข็งทื่อ!

ผู้ชายคนนั้นที่ถูกเขาเหยียดหยาม ผู้ชายคนนั้นที่โดนเขาดูถูกว่าเป็นคนป่วย ผู้ชายคนนั้นที่โดนเขาเหยียบย่ำมาตลอด กลับสามารถทำลายลมพายุทอร์นาโดของเขาได้ในชั่วพริบตา ไม่เพียงเท่านั้น เขารู้สึกได้ว่าพลังชีวิตของเขาได้ไหลออกไปอย่างรวดเร็ว!

จะตายแล้วเหรอ?

นี่เป็นความคิดที่อยู่ก้นบึ้งหัวใจของหลินเทียน

จะเป็นไปได้ยังไง?

มันเป็นแค่คนป่วยที่หน้าตาซีดเซียวคนหนึ่ง เป็นไอ้สวะ เป็นแค่สวะที่เอาแต่พึ่งพาชายร่างกำยำที่อยู่ข้างกายมัน

ทันใดนั้น เขาคิดย้อนไปถึงรายละเอียดปลีกย่อย วินาทีที่ไอ้ขี้โรคนั่นลงมือ เขารู้สึกได้ถึงแรงกดทับที่หนักหนาเหมือนภูเขาไท่ถาโถมเข้ามา แรงกดทับนี้เป็นสิ่งที่เขาไม่สามารถต้านทานได้ ได้แต่ยอมรับความเจ็บปวด ตอนที่แรงกดทับนี้ปะทะเข้ามา เขากลับรู้สึกถึงจิตสังหารที่ยิ่งใหญ่มหึมา เป็นจิตสังหารที่เข้มข้นดุเดือดมากกว่าไอ้หน้าโง่นั่นอีก

จิตสังหารนี้ต้องเป็นจิตสังหารที่ผ่านการต่อสู้นองเลือด เหยียบย่ำศพและกระดูกมามากมาย เด็ดขาด สงบนิ่ง ลงมือร้ายกาจ มีพลังอันยิ่งใหญ่

หรือว่า……

หลินเทียนไม่กล้าคิดต่อไปแล้ว เขาเงยหน้ามองไปยังไอ้ขี้โรคอย่างกะทันหัน สีหน้าดูเคร่งขรึมมากขึ้นเรื่อย ๆ

จากที่ตกใจจนช็อกไปทุกคนก็ได้ดึงสติกลับมาได้ แต่ละคนมองไปที่ไอ้ขี้โรคด้วยท่าทางตกตะลึงอ้าปากค้าง สุดท้ายละสายตามามองที่หลินเทียน เมื่อเห็นบนลำตัวศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเขา ก็ยิ่งมีสีหน้าช็อกตาตั้งมากขึ้นไปอีก

ศิษย์พี่ใหญ่แพ้แล้ว!

ผู้มากความสามารถของสำนักฉิวหลงพ่ายแพ้แล้ว!

เป็นไปได้ยังไง!

เรื่องบ้าอะไรกันเนี่ย

คนที่ทำให้เขาพ่ายแพ้เป็นไอ้ขี้โรคคนหนึ่ง โลกนี้มีเรื่องบ้าบอแบบนี้ด้วยเหรอ?

ไอ้ขี้โรคนั่นดูไม่มีลมปราณภายในเลยสักนิด จะทำลายลมพายุทอร์นาโดที่แข็งแกร่งของศิษย์พี่ใหญ่ได้ยังไง หากไม่ใช่เพราะร่างกายของเขามีเลือดสาดเต็มไปหมดทั้งตัวล่ะก็ ทุกคนคงคิดว่าไอ้หน้าโง่ที่อยู่ข้างไอ้ขี้โรคคนนั้นต่างหากที่เป็นคนจัดการ

ทันใดนั้นพวกลูกน้องที่ปิดปากเงียบเริ่มส่งเสียงร้องอย่างตกใจออกมา เสียงเริ่มดังและวุ่นวายมากขึ้นเรื่อย ๆ

“ศิษย์พี่ใหญ่ พี่ไม่เป็นไรใช่ไหม?”

“ศิษย์พี่ใหญ่ พี่รีบห้ามเลือดสิ มัวเหม่ออะไรอยู่ล่ะ?”

“ศิษย์พี่ใหญ่……”

หลินเทียนที่เดิมทีอดกลั้นไว้จนถึงขีดสุด ตอนนี้รู้สึกเหมือนเลือดลมพลุ่งพล่านขึ้นมา ใช่แล้ว เขาถูกทำให้โมโห! เลือดออกมากขนาดนี้ จะไม่เป็นไรได้ยังไง?

“หุบปากให้หมดเลยนะ!”

เสียงทั้งหมดเงียบลงทันที แต่ละคนมองหลินเทียนด้วยท่าทางตัวสั่นงันงก ไม่กล้าพูดมาก

เขาไม่อยากห้ามเลือดเหรอ?

วินาทีที่ฟางเหยียนถอยกลับไปอยู่ที่เดิม เขาก็เริ่มห้ามเลือด แต่แม่งถ้าห้ามเลือดได้ สีหน้าเขาคงไม่ซีดเผือดอย่างนี้หรอก ทั้งตัวเหมือนตกลงไปในบ่อน้ำแข็ง หนาวเย็นผิดปกติ หนาวเหน็บเข้าไปถึงกระดูก

เทียนขุยเอ่ยถาม : “จอมพลโผ้จวิน จะฆ่าคนพวกนี้ด้วยไหม?”

“ฆ่า!”

เทียนขุยพุ่งตัวออกไปทันที คนที่หลินเทียนพามาคิดอยากจะหนี แต่ความเร็วของพวกเขาจะเร็วสู้เทียนขุยที่เป็นทหารผ่านศึกประสบการณ์โชกโชนอีกทั้งยังองอาจห้าวหาญไร้ผู้ใดเทียมได้ยังไง? เทียนขุยเป็นเหมือนเทพจุติมาเกิด พุ่งเข้าไปในกลุ่มคนพวกนั้น การต่อสู้จบลงอย่างรวดเร็ว

หญ้ารกร้าง เหมาะกับเป็นที่ฝังศพได้ดีจริง ๆ

ใบหน้าที่ซีดเผือดของหลินเทียนดูตื่นตระหนก โหดเหี้ยมอำมหิต เด็ดเดี่ยวแน่วแน่ ไม่พูดให้มากความ เขาเริ่มกลัวขึ้นมาแล้ว

ใช่แล้ว

เขาเหมือนจะรู้ฐานะที่แท้จริงของคนคนนี้แล้วล่ะ เขาคือจอมพลโผ้จวินของประเทศหวานั่นเอง!

เสี่ยวหยู่ตกใจหน้าถอดสีไปนานแล้ว ได้แต่มองฟางเหยียนอย่างเหม่อลอย ลืมแม้กระทั่งคำขอบคุณ

“วรยุทธ์เอาไว้ใช้ฆ่าคน ไม่ใช่เอามาใช้แสดง อัจฉริยะของสำนักฉิวหลงก็แค่นี้เองเหรอ”

แทงใจดำทุกคำพูด!

หลินเทียนใจสั่นขึ้นมา สู้แพ้ก็แย่แล้ว ยังถูกคนเหยียบย่ำซ้ำเติมอย่างร้ายกาจอีก เรียกได้ว่าฉีกทำลายความภาคภูมิใจของผู้แข็งแกร่งอย่างเขา เขาทนได้ที่ไหนกันล่ะ

“เชี้ยเอ้ย มึงแม่งพูดอะไรวะ ลองพูดอีกรอบดิ”

ฟางเหยียนเอ่ยพูดเสียงเรียบ : “มีเพียงผู้อ่อนแอเท่านั้นถึงจะวิตกกังวลลนลาน ฉันอยากถามแกประโยคหนึ่ง นอกจากเพลิงเสวนให้พวกแกควบคุมสำนักฉิวหลงแล้ว ยังมีจุดประสงค์อะไรอีก”

จู่ ๆ หลินเทียนก็หัวเราะอย่างบ้าคลั่ง หลังจากหัวเราะอย่างบ้าคลั่งแล้ว ก็พูดด้วยท่าทางจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม : “มึงกำลังขอร้องกู? ฮ่าฮ่าฮ๋า……คิดไม่ถึงว่าจอมพลโผ้จวินแห่งประเทศหวาของพวกเราจะขอร้องคนเป็นด้วย?”

พูดถึงตรงนี้ จู่ ๆ หลินเทียนก็ดุร้ายขึ้นมา “ขอร้องคนก็ต้องมีท่าทีขอร้องคนหน่อยดิ คุกเข่าให้กูซะ ขอแค่มึงคุกเข่า กูอารมณ์ดีแล้ว จะบอกมึงให้ คุกเข่าดิวะ!”

สิ่งที่ตอบกลับเขาไปคือฝ่าเท้า และคนที่ฟาดฝ่าเท้านี้คือเทียนขุย

หลังจากถีบหลินเทียนจนล้มกลิ้ง เทียนขุยก็พูดว่า : “เหยียดหยามจอมพลโผ้จวินแห่งประเทศหวา ควรได้รับโทษตายเท่านั้น!”

“โทษตาย!” หลินเทียนหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง : “ปีศาจป่าเถื่อนอย่างมึงเนี่ยนะ? อย่างมึงคู่ควรเป็นข้าราชการระดับสูงปกครองประเทศหวาเหรอวะ?” มึงโหดร้ายป่าเถื่อน เพื่อประโยชน์ของตัวเองไม่ลังเลที่จะกำจัดคนที่ไม่เห็นด้วย ทำให้สำนักต่าง ๆ เกิดความไม่สงบ เพลิงเสวนผิดเหรอที่ทำตามบัญชาสวรรค์? อ้อ มึงคิดว่าตัวเองคู่ควรกับคำว่าจอมพลงั้นเหรอ? ห๊ะ!”

“จอมพลโผ้จวิน มึงคู่ควรเหรอ? มึงละอายใจต่อประชาชนที่มึงปกป้องเหรอ มึงละอายใจต่อคำเรียกที่ประชาชนตั้งให้มึงไหม? ห๊ะ! มึงทำให้ทุกคนตกอยู่ในความหวาดกลัว ทำให้ทุกคนไม่สงบสุข ผิดเหรอที่ทุกคนรวมตัวกันต่อสู้? สิ่งที่พวกเราทำคือการทำเรื่องดี ๆ ตามบัญชาสวรรค์ นี่เป็นเรื่องดีที่ต้องจารึกไว้ในประวัติศาสตร์!”

“มีปัญญาก็ฆ่ากูให้ตายตอนนี้เลยสิ ไม่อย่างนั้นกูจะทำตามบัญชาสวรรค์ กำจัดปีศาจอย่างมึง ไม่ตายไม่เลิก จริงสิ จอมพลโผ้จวินของพวกเรา มึงคิดว่าตัวเองสุขสบายไร้เหตุกังวลใจจริง ๆ งั้นเหรอ? ฆ่ากูไปคนหนึ่ง ต้องถูกล้างแค้นจากสำนักฉิวหลง ฮ่าฮ่าฮ่า……”

ฟางเหยียนเอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชา : “แกพูดมากเกินไปแล้ว”

“แพ้เป็นพระ ชนะเป็นมาร ความตายมีอะไรน่ากลัว มาสิ ฆ่ากูให้ตายเลย ฮ่าฮ่าฮ่า……”

“ใช้วิธีพูดยุยงเหรอ?” ฟางเหยียนเอ่ยพูดเสียงเรียบ : “กลอุบายแค่นี้แกคิดว่าจะทำให้จิตใจฉันสั่นคลอนได้เหรอ?”

หลินเทียนชะงักไป เขายอมตายแต่ไม่ยอมกลายเป็นนักโทษของมัน แต่จอมพลโผ้จวินกลับไม่หลงกล

“ในเมื่อแกไม่อยากพูด งั้นก็กลับสำนักฉิวหลงกันเถอะ พาตัวไป”

เทียนขุยเดินเข้าไป คิดจะมัดตัวหลินเทียนไว้ แต่ตอนที่มือของเขาแตะตัวหลินเทียน หลินเทียนก็ปล่อยพลังออกมากะทันหัน ลูกธนูลับพุ่งออกมาจากแขนเสื้อ ลอยไปทางเทียนขุย เทียนตกใจหน้าถอดสี คิดว่าตัวเองหลบไม่ทันแล้ว จึงได้แต่จ้องมองลูกธนูลับอันนั้นลอยมาทางตัวเอง

ระยะห่างแค่นี้ อย่าว่าแต่นินจาระดับต้าชี่เลย แม้แต่ระดับปรมาจารย์ก็เกรงว่าจะหลบไม่พ้น

หวืด!

เทียนขุยสีหน้าเปลี่ยนไป ลูกธนูลับได้ลอยเฉียดด้านข้างเขาไป!

“หืม?” หลินเทียนผิดหวังเป็นอย่างมาก เทียนขุยกลับหลบลูกธนูลับไปได้

ไม่ใช่สิ!

มันจะหลบพ้นได้ยังไง?

ทันใดนั้นเอง สายตาของเขาก็จับจ้องไปที่จอมพลโผ้จวิน เขาตวาดด้วยความโมโห : “เป็นมึงนี่เอง!”

“หรือว่าลูกศิษย์สำนักฉิวหลงมีแต่พวกดูดีแค่เปลือกนอกแต่ภายในชั่วร้าย?” ฟางเหยียนเอ่ยเสียงเรียบ : “แอบลอบทำร้ายคนอื่นด้วยธนูลับ เป็นการกระทำของคนกระจอก สำนักฉิวหลงแบบนี้ ไม่เหลือไว้ก็ดี!”

“พาตัวไป!”

เทียนขุยมัดหลินเทียนได้อย่างราบรื่น แล้วโค้งตัวขอโทษ : “จอมพลโผ้จวินผมประมาทเองครับ ถ้าหากไม่ได้คุณช่วยไว้ เกรงว่าผมจะ……”

“เทียนขุย ความผิดไม่ได้อยู่ที่นายหรอก แต่นายประเมินจิตใจของคนดีเกินไป ดั่งคำกล่าวที่ว่าใจคนเรายากแท้หยั่งถึง ในใจของทุกคนจะมีด้านที่ดำมืดที่สุดอยู่ทั้งนั้น เมื่อตกอยู่ในสถานการณ์ที่เป็นอันตรายต่อชีวิต ก็เผยด้านนั้นออกมา และเมื่อด้านนั้นปรากฏขึ้น เขาก็พร้อมจะลงมือฆ่าได้”

เทียนขุยพยักหน้าเล็กน้อย “จอมพลโผ้จวิน เทียนขุยได้บทเรียนแล้วครับ คราวหน้าจะระวังอย่างแน่นอน”

จนถึงตอนนี้เสี่ยวหยู่จึงเพิ่งดึงสติกลับมาได้ เธอมองไปยังหลินเทียนที่ถูกมัดคอมัดมือไขว้หลัง เธอรู้สึกเหมือนอยู่กันคนละโลก ยังคงอยู่ในม่านหมอกที่เหมือนจะไม่ใช่เรื่องจริง เธอยังมีชีวิตอยู่ คนที่ช่วยเธอกลับเป็นจอมพลโผ้จวินที่ฆ่าเจ้าสำนักแห่งสำนักฉิวหลง!

ตุ๊บ!

เสี่ยวหยู่คุกเข่าลงตรงหน้าฟางเหยียน บุญคุณที่ช่วยชีวิตกับความเคียดแค้น ล้วนเป็นเรื่องที่สำคัญมากทั้งนั้น เธอสมควรที่จะต้องตอบแทนผู้มีพระคุณ

ความตั้งใจที่ช่วยชีวิตเสี่ยวหยู่นั้น เป็นเพราะเห็นแก่หน้าของซ่งหยิง

หลังจากที่เสี่ยวหยู่ขอบคุณแล้ว ฟางเหยียนกลับเมินเฉยไม่สนใจไยดี

และขณะที่เขากำลังเดินไปข้างหน้า จู่ ๆ เสี่ยวหยู่ก็เอ่ยขึ้นว่า : “จอมพลโผ้จวิน ตอนนี้ทางที่ดีคุณอย่าเพิ่งไปสำนักฉิวหลงเลยค่ะ เพราะผู้อาวุโสใหญ่ได้ควบคุมสำนักฉิวหลงไว้หมดแล้ว และจะแก้แค้นจนกว่าจะตายกันไปข้างหนึ่ง อีกทั้งตอนนี้คุณจับตัวลูกชายเขาไว้ เกรงว่าคุณยังไปไม่ทันถึงสำนักฉิวหลง จะตายเอาเสียก่อน!”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+