จอมนักรบทรงเกียรติยศ 556 ก่อความวุ่นวาย

Now you are reading จอมนักรบทรงเกียรติยศ Chapter 556 ก่อความวุ่นวาย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ฟางเหยียนยืนขึ้นจากเก้าอี้ด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ หยางซงที่นั่งอยู่ข้างๆ มีสีหน้ากระวนกระวาย รีบดึงมือของฟางเหยียนเอาไว้ทันที พร้อมเอ่ยเสียงเบา “น้องฟาง เมื่อกี้พี่บอกน้องว่ายังไง ลืมแล้วเหรอ? อย่าเก็บอารมณ์ไม่อยู่เร็วขนาดนี้สิ ที่นี่คือตระกูลโจวเชียวนะ”

ฟางเหยียนไม่สนใจคำพูดของหยางซงแม้แต่น้อย เขายืนขึ้นมาพร้อมเอ่ยเสียงดัง “สิ่งที่ตระกูลโจวของพวกคุณทำ ก็มีสิทธิ์บอกว่าตนเองเป็นตระกูลยิ่งใหญ่อันดับหนึ่งในดินแดนตะวันตกเหรอ? บังคับให้คนอื่นแต่งงาน ถือว่าเป็นอะไรกัน?”

ขณะที่พูดอยู่นั้น ดวงตาของฟางเหยียนก็ประสานตากับโจวปินคาง ณ ที่นี้ มีเพียงโจวปินคางเท่านั้นที่จะมีสิทธิ์ในการฝืนทนยอมรับการประสานตากับเขา โจวเจิ้ง เป็นเพียงคนไร้น้ำยา ไม่มีทางอยู่ในสายตาตนได้เลย ขณะที่จ้องตาโจวปินคาง สายตาคู่นั้นของเขาเฉียบคมมีชีวิตชีวา ไม่มีความเกรงกลัวต่อพลังคุกคามของฝ่ายตรงข้ามเลยแม้แต่น้อย เดิมทีทุกคนยังไม่มั่นใจว่าคำพูดนี้เขาเป็นผู้เอ่ยขึ้นมา เมื่อเขาเอ่ยครั้งที่สอง ทุกคนต่างก็ทราบว่าคำพูดนั้นเขาเป็นผู้พูด ทุกคนจึงอดไม่ได้ที่จะเริ่มถกเถียงกันขึ้นมา

“นี่มัน นี่ เจ้าหมอนี่มากับหยางกงงั้นเหรอ?”

“ใช่น่ะสิ นั่งข้างหลังหยางกง ถ้าไม่มากับหยางกงแล้วจะมากับใครได้”

“ดูจากท่าทางของเขา ฟังสำเนียงของเขา น่าจะไม่ใช่คนพื้นที่ของดินแดนตะวันตกเรา ต้องเป็นคนที่มาจากต่างแดนแน่นอน หรือว่าจะมายุ่งเรื่องของตระกูลโจวงั้นเหรอ? เขาไม่กลัวตายหรือมารนหาที่ตายกันแน่!”

“ฉันว่าเขาน่าจะใช้ชีวิตจนเบื่อแล้วมั้ง!”

“พวกคุณจะไปรู้อะไร ฉันได้ยินมาว่าหลายวันก่อน นายน้อยตระกูลโจวมีเหตุทะเลาะวิวาทที่โรงแรมของตระกูลหยาง ว่ากันว่าคู่หมั้นของเขาถูกคนจับไปเปิดห้องที่โรงแรม เขาต้องการที่จะไปฆ่าคนผู้นั้น ต่อมาคุณชายเจ็ดตระกูลหยางเป็นคนเข้าไปห้ามไว้ ไม่อย่างนั้นคืนนั้นอาจจะเกิดคดีฆาตกรรมฆ่าคนขึ้นที่ดินแดนตะวันตกก็เป็นได้ ถ้าฉันเดาไม่ผิดนะ เจ้าหมอนี่ก็คือคนที่พาคู่หมั้นของนายน้อยตระกูลโจวไปเปิดห้องนั่นแหละ”

“แสดงว่า เจ้าหมอนี่บุกเข้ามาในตระกูลโจวเพื่อเรื่องรักใคร่งั้นเหรอ?”

“ก็ใช่น่ะสิ วัยรุ่นสมัยนี้จะไปเข้าใจอะไร ก็แค่ความใจร้อนในใจของตัวเองแค่นั้น พวกเขาไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำด้วยซ้ำไป คราวนี้ ตระกูลโจวมีเรื่องสนุกๆ ให้ดูแล้วสิ”

หลายคนมีท่าทีที่อยากยุ่งเรื่องชาวบ้านโดยไม่คิดที่จะช่วยเหลือ นี่ถือเป็นความคิดส่วนใหญ่ของผู้คน

ขณะที่โจวเจิ้งมองเห็นใบหน้าของฟางเหยียน แก้มจึงกระตุกอย่างแรง เขาเอ่ยขึ้นด้วยความประหลาดใจว่า “นายเองเหรอ?”

เขาไม่แม้แต่จะคิดจะฝันว่าฟางเหยียนจะกล้าบุกรุกเข้ามาในตระกูลโจวของพวกเขา การที่เขามาเยือนดินแดนตะวันตกก็ถือว่าเป็นการต่อยหน้าตระกูลโจวอย่างแรงแล้ว บัดนี้มาเยือนถึงตระกูลโจว นี่ถือว่าเป็นการแทงมีดใส่ตระกูลโจวอย่างแรง แถมยังต้องการที่จะเดินเหยียบย่ำตระกูลโจวอีก

อวดดี เขาอวดดีเกินไปแล้ว อวดดีเกินกว่าที่ตนจะจินตนาการ

โจวเจิ้งกัดฟันกรอด ยกมือขึ้นมาชี้หน้าฟางเหยียน เอ่ยว่า “พ่อ มันนั่นเอง ไอ้หมอนี่แหละ มันนี่แหละนายน้อยของชิงชิง”

หวังชิงชิงได้ยินคำพูดนี้ หัวใจก็เต้นระรัว เขาเองหรือ นายน้อยเองหรือ? นายน้อยมาแล้วจริงๆ หรือ? หวังชิงชิงไม่เคยคิดถึงฉากที่นายน้อยมาเยือนเลยแม้แต่น้อย เมื่อสักครู่นี้เองเธอเพิ่งจะจินตนาการถึงภาพว่านายน้อยมาที่นี่และพาตัวเธอไป

ทว่าไม่คาดคิดว่าภาพจินตนาการของตนเองจะกลายเป็นจริงขึ้นมาได้ นายน้อยมาที่ตระกูลโจวเพื่อเธอ แถมยังเอ่ยเช่นนี้ขึ้นมาที่นี่อีกด้วย เธอกลืนน้ำลายลงอึกใหญ่ กำลังที่จะเปิดผ้าคลุมหน้าตะโกนเรียกนายน้อย ทว่าเมื่อคิดที่จะเอ่ยขึ้นมาเธอก็ต้องกลืนกลับลงไป หากตอนนี้เธอตะโกนว่านายน้อยขึ้นมา เปิดผ้าคลุมศีรษะออก แล้วนายน้อยเห็นรอยแผลที่อยู่บนใบหน้าเธอเข้า จะต้องก่อเรื่องที่ตระกูลโจวโดยไม่ลังเลเป็นแน่

แม้ว่านายน้อยจะแข็งแกร่งมากก็จริง ทว่าที่นี่อย่างไรก็เป็นบ้านตระกูลโจว หากนายน้อยก่อเรื่องวุ่นวายที่บ้านตระกูลโจวขึ้นมา จำต้องหนีรอดออกไปไม่ได้เป็นแน่ ไม่ เธอจะทำร้ายนายน้อยไม่ได้ เธอจำต้องอดทนไว้ อดทน จะต้องอดทน

เมื่อเทียบกับตะโกนบอกให้นายน้อยทำร้ายเขา ไม่สู้รอดูก่อนว่าสถานการณ์เป็นเช่นไร

ฟางเหยียนไม่สนใจคำพูดของโจวเจิ้ง ยังคงประสานตากับโจวปินคาง โจวปินคางทราบว่าพละกำลังของฝ่ายตรงข้ามนั้นมองข้ามไม่ได้ ทว่าที่นี่คือบ้านตระกูลโจว อีกอย่าง ณ สถานที่จัดงานยังมีจอมพลโผ้จวินอีกด้วย ตระกูลโจวเขาจะกลัวได้อย่างไร?

“ใครก็ได้มานี่!” โจวชื่อเจี๋ยได้ยินคำพูดของโจวเจิ้ง จึงได้ตะโกนออกไปข้างนอกเสียงดัง

เสียงเพิ่งเปล่งออกไป ก็มีบอดี้การ์ดชุดดำไม่น้อยคนมาล้อมรอบหน้าประตูเอาไว้เต็มไปหมด บางคนก็ถึงขั้นเดินขึ้นมา ล้อมรอบฟางเหยียนเอาไว้เป็นวง ด้านในสามนอกสาม หมายถึงคนเยอะมาก ทว่าตอนนี้ตระกูลโจวกำลังใช้วิธีนี้ในการล้อมฟางเหยียนเอาไว้

“ไอ้สารเลว กล้ามาก่อเรื่องที่ตระกูลโจวฉัน! ฉันเห็นทีว่าแกจะไม่อยากมีชีวิตแล้วสินะ !” โจวชื่อเจี๋ยตะโกนใส่ฟางเหยียนด้วยบันดาลโทสะ

ฟางเหยียนคร้านแม้แต่จะมองบอดี้การ์ดเหล่านั้น และคร้านที่จะตอบคำถามของโจวชื่อเจี๋ยด้วย สำหรับฟางเหยียน โจวชื่อเจี๋ยเป็นเพียงเศษขยะเท่านั้น หากเขาต้องการที่จะลงมือ เพียงวินาทีเดียวเขาก็สามารถปลิดชีวิตของโจวชื่อเจี๋ยได้ทันที

ชีวิตของมนุษย์ในสายตาของฟางเหยียนแล้ว เป็นเพียงแมลงตัวเล็กๆ เท่านั้น!

โจวชื่อเจี๋ยเห็นว่าตนเองอยู่เหนือกว่าแล้ว จึงได้เอ่ยกับโจวปินคาง “พ่อ เจ้าหมอนี่ก็คือคนที่ผมเพิ่งบอกกับพ่อไป มันบ้าคลั่งจนถึงขั้นนี้ เมื่อก่อนที่มาถึงดินแดนตะวันตก คุณพ่อบอกว่าเสี่ยวเจิ้งทำเองรับผลเอง ผมยอมรับ ผมเองก็รู้นิสัยใจคอของเสี่ยวเจิ้งดี ตอนนี้เขามาที่บ้านของเราแล้ว นี่มันกำลังตบหน้าพวกเราอยู่อย่างแรง ไม่ไว้หน้าตระกูลโจวของเราเลย วันนี้เป็นวันมงคลใหญ่ของตระกูลโจวเรา เป็นวันร่วมยินดีเฉลิมฉลองกันทั่วหล้าเชียว การที่เขามาก่อความวุ่นวาย เป็นการรนหาที่ตายชัดๆ !”

คำพูดของโจวชื่อเจี๋ยสิ้นสุดลง บอดี้การ์ดเหล่านั้นก็ชักอาวุธออกมากันอย่างพร้อมเพรียงกัน อาวุธของพวกเขาเหมือนกันหมด ล้วนเป็นแบบพีระมิดสามเหลี่ยม พีระมิดสามเหลี่ยมคืออาวุธที่มีมีดคมอยู่สามด้าน คมเสียยิ่งกว่ามีด แทงคนหรือฟันคนก็ได้

หลังจากที่ชักอาวุธออกมา ทุกคนล้วนเดินหน้าขึ้นมาหนึ่งก้าว เห็นท่าทางเช่นนั้นก็ทราบทันทีว่าเตรียมต่อสู้แล้ว

ทว่าเพิ่งจะเดินได้หนึ่งก้าว โจวปินคางกลับยกมือขึ้นห้ามปรามคนเหล่านั้นเอาไว้ เอ่ยว่า “ถอยไป!”

ทุกคนต่างก็หยุดชะงักฝีเท้าของตนเองอย่างพร้อมเพรียงกัน สายตาจับจ้องไปยังใบหน้าของโจวชื่อเจี๋ย ตระกูลนี้ โจวปินคางถึงจะเป็นเจ้าของตระกูล ทว่าพวกเขากลับฟังแต่คำสั่งของโจวชื่อเจี๋ย ดังนั้นทุกคนจึงไม่ทราบว่าลำดับต่อไปต้องทำเช่นไร

“พ่อ!” โจวชื่อเจี๋ยเบิกตากลมโต ร้องเรียกด้วยน้ำเสียงที่ประหลาดใจ

โจวปินคางยกมือขึ้นขัดจังหวะโจวชื่อเจี๋ย พร้อมโบกมือเอ่ยว่า “ถอยออกไปกันให้หมดเดี๋ยวนี้!”

สิ้นเสียงคำสั่ง ทุกคนก็ไม่กล้าที่จะอยู่ตรงนั้น ต่างก็ทยอยกันถอยออกไปจากห้องโถงใหญ่ เดิมทีภายในห้องโถงใหญ่ที่บรรยากาศตึงเครียด หลังจากที่คนกลุ่มนี้ออกไปแล้ว ก็ค่อยๆ ผ่อนคลายขึ้นมาบ้าง ถึงขั้นว่าได้ยินเสียงคนสูดหายใจเข้าลึก

หลังจากที่ห้องโถงใหญ่กลับสู่ความเงียบสงบ ดวงตาสองข้างของโจวปินคางก็จ้องหน้าฟางเหยียนพร้อมเอ่ยว่า “พ่อหนุ่มน้อย นายหมายความว่ายังไง?”

ฟางเหยียนเอ่ยขึ้นจังหวะพอดี “ผมคิดว่า คนของตระกูลโจวน่าจะทราบดีว่าผมหมายความว่าอะไร โดยเฉพาะลูกชายและหลานชายของคุณ”

“ถ้างั้นความหมายของนายก็คือต้องการก่อเรื่องในการแต่งงานตระกูลโจวฉันเท่านั้นใช่ไหม?” โจวปินคางไล่ต้อนซักถาม พละกำลังก็เดือดดาลขึ้นมาทั้งหมดในเวลานี้เช่นเดียวกัน

ในฐานะผู้นำตระกูลที่ยิ่งใหญ่อันดับหนึ่ง หากไม่มีกำลังแม้แต่นิดเดียว จะมานั่งอยู่บนตำแหน่งผู้นำตระกูลนี้ได้อย่างไร

พละกำลังของเขากำลังเดือดดาล ตู่เหย่นหลงที่อยู่ข้างหลังก็สาวเท้าเดินหน้าขึ้นมาหนึ่งก้าว ท่าทางเตรียมพร้อมบุกเข้าสู้

“ก่อเรื่องงั้นเหรอ!” ฟางเหยียนแค่นหัวเราะอย่างเย็นชาขึ้นมา เอ่ยว่า “คำว่าก่อเรื่องพูดได้น่าขำดีนี่ ถ้าผมก่อเรื่องขึ้นมาจริงๆ ทั้งดินแดนตะวันตกก็ไม่มีใครต่อกรได้หรอกนะ!”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

จอมนักรบทรงเกียรติยศ 556 ก่อความวุ่นวาย

Now you are reading จอมนักรบทรงเกียรติยศ Chapter 556 ก่อความวุ่นวาย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ฟางเหยียนยืนขึ้นจากเก้าอี้ด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ หยางซงที่นั่งอยู่ข้างๆ มีสีหน้ากระวนกระวาย รีบดึงมือของฟางเหยียนเอาไว้ทันที พร้อมเอ่ยเสียงเบา “น้องฟาง เมื่อกี้พี่บอกน้องว่ายังไง ลืมแล้วเหรอ? อย่าเก็บอารมณ์ไม่อยู่เร็วขนาดนี้สิ ที่นี่คือตระกูลโจวเชียวนะ”

ฟางเหยียนไม่สนใจคำพูดของหยางซงแม้แต่น้อย เขายืนขึ้นมาพร้อมเอ่ยเสียงดัง “สิ่งที่ตระกูลโจวของพวกคุณทำ ก็มีสิทธิ์บอกว่าตนเองเป็นตระกูลยิ่งใหญ่อันดับหนึ่งในดินแดนตะวันตกเหรอ? บังคับให้คนอื่นแต่งงาน ถือว่าเป็นอะไรกัน?”

ขณะที่พูดอยู่นั้น ดวงตาของฟางเหยียนก็ประสานตากับโจวปินคาง ณ ที่นี้ มีเพียงโจวปินคางเท่านั้นที่จะมีสิทธิ์ในการฝืนทนยอมรับการประสานตากับเขา โจวเจิ้ง เป็นเพียงคนไร้น้ำยา ไม่มีทางอยู่ในสายตาตนได้เลย ขณะที่จ้องตาโจวปินคาง สายตาคู่นั้นของเขาเฉียบคมมีชีวิตชีวา ไม่มีความเกรงกลัวต่อพลังคุกคามของฝ่ายตรงข้ามเลยแม้แต่น้อย เดิมทีทุกคนยังไม่มั่นใจว่าคำพูดนี้เขาเป็นผู้เอ่ยขึ้นมา เมื่อเขาเอ่ยครั้งที่สอง ทุกคนต่างก็ทราบว่าคำพูดนั้นเขาเป็นผู้พูด ทุกคนจึงอดไม่ได้ที่จะเริ่มถกเถียงกันขึ้นมา

“นี่มัน นี่ เจ้าหมอนี่มากับหยางกงงั้นเหรอ?”

“ใช่น่ะสิ นั่งข้างหลังหยางกง ถ้าไม่มากับหยางกงแล้วจะมากับใครได้”

“ดูจากท่าทางของเขา ฟังสำเนียงของเขา น่าจะไม่ใช่คนพื้นที่ของดินแดนตะวันตกเรา ต้องเป็นคนที่มาจากต่างแดนแน่นอน หรือว่าจะมายุ่งเรื่องของตระกูลโจวงั้นเหรอ? เขาไม่กลัวตายหรือมารนหาที่ตายกันแน่!”

“ฉันว่าเขาน่าจะใช้ชีวิตจนเบื่อแล้วมั้ง!”

“พวกคุณจะไปรู้อะไร ฉันได้ยินมาว่าหลายวันก่อน นายน้อยตระกูลโจวมีเหตุทะเลาะวิวาทที่โรงแรมของตระกูลหยาง ว่ากันว่าคู่หมั้นของเขาถูกคนจับไปเปิดห้องที่โรงแรม เขาต้องการที่จะไปฆ่าคนผู้นั้น ต่อมาคุณชายเจ็ดตระกูลหยางเป็นคนเข้าไปห้ามไว้ ไม่อย่างนั้นคืนนั้นอาจจะเกิดคดีฆาตกรรมฆ่าคนขึ้นที่ดินแดนตะวันตกก็เป็นได้ ถ้าฉันเดาไม่ผิดนะ เจ้าหมอนี่ก็คือคนที่พาคู่หมั้นของนายน้อยตระกูลโจวไปเปิดห้องนั่นแหละ”

“แสดงว่า เจ้าหมอนี่บุกเข้ามาในตระกูลโจวเพื่อเรื่องรักใคร่งั้นเหรอ?”

“ก็ใช่น่ะสิ วัยรุ่นสมัยนี้จะไปเข้าใจอะไร ก็แค่ความใจร้อนในใจของตัวเองแค่นั้น พวกเขาไม่รู้จักฟ้าสูงแผ่นดินต่ำด้วยซ้ำไป คราวนี้ ตระกูลโจวมีเรื่องสนุกๆ ให้ดูแล้วสิ”

หลายคนมีท่าทีที่อยากยุ่งเรื่องชาวบ้านโดยไม่คิดที่จะช่วยเหลือ นี่ถือเป็นความคิดส่วนใหญ่ของผู้คน

ขณะที่โจวเจิ้งมองเห็นใบหน้าของฟางเหยียน แก้มจึงกระตุกอย่างแรง เขาเอ่ยขึ้นด้วยความประหลาดใจว่า “นายเองเหรอ?”

เขาไม่แม้แต่จะคิดจะฝันว่าฟางเหยียนจะกล้าบุกรุกเข้ามาในตระกูลโจวของพวกเขา การที่เขามาเยือนดินแดนตะวันตกก็ถือว่าเป็นการต่อยหน้าตระกูลโจวอย่างแรงแล้ว บัดนี้มาเยือนถึงตระกูลโจว นี่ถือว่าเป็นการแทงมีดใส่ตระกูลโจวอย่างแรง แถมยังต้องการที่จะเดินเหยียบย่ำตระกูลโจวอีก

อวดดี เขาอวดดีเกินไปแล้ว อวดดีเกินกว่าที่ตนจะจินตนาการ

โจวเจิ้งกัดฟันกรอด ยกมือขึ้นมาชี้หน้าฟางเหยียน เอ่ยว่า “พ่อ มันนั่นเอง ไอ้หมอนี่แหละ มันนี่แหละนายน้อยของชิงชิง”

หวังชิงชิงได้ยินคำพูดนี้ หัวใจก็เต้นระรัว เขาเองหรือ นายน้อยเองหรือ? นายน้อยมาแล้วจริงๆ หรือ? หวังชิงชิงไม่เคยคิดถึงฉากที่นายน้อยมาเยือนเลยแม้แต่น้อย เมื่อสักครู่นี้เองเธอเพิ่งจะจินตนาการถึงภาพว่านายน้อยมาที่นี่และพาตัวเธอไป

ทว่าไม่คาดคิดว่าภาพจินตนาการของตนเองจะกลายเป็นจริงขึ้นมาได้ นายน้อยมาที่ตระกูลโจวเพื่อเธอ แถมยังเอ่ยเช่นนี้ขึ้นมาที่นี่อีกด้วย เธอกลืนน้ำลายลงอึกใหญ่ กำลังที่จะเปิดผ้าคลุมหน้าตะโกนเรียกนายน้อย ทว่าเมื่อคิดที่จะเอ่ยขึ้นมาเธอก็ต้องกลืนกลับลงไป หากตอนนี้เธอตะโกนว่านายน้อยขึ้นมา เปิดผ้าคลุมศีรษะออก แล้วนายน้อยเห็นรอยแผลที่อยู่บนใบหน้าเธอเข้า จะต้องก่อเรื่องที่ตระกูลโจวโดยไม่ลังเลเป็นแน่

แม้ว่านายน้อยจะแข็งแกร่งมากก็จริง ทว่าที่นี่อย่างไรก็เป็นบ้านตระกูลโจว หากนายน้อยก่อเรื่องวุ่นวายที่บ้านตระกูลโจวขึ้นมา จำต้องหนีรอดออกไปไม่ได้เป็นแน่ ไม่ เธอจะทำร้ายนายน้อยไม่ได้ เธอจำต้องอดทนไว้ อดทน จะต้องอดทน

เมื่อเทียบกับตะโกนบอกให้นายน้อยทำร้ายเขา ไม่สู้รอดูก่อนว่าสถานการณ์เป็นเช่นไร

ฟางเหยียนไม่สนใจคำพูดของโจวเจิ้ง ยังคงประสานตากับโจวปินคาง โจวปินคางทราบว่าพละกำลังของฝ่ายตรงข้ามนั้นมองข้ามไม่ได้ ทว่าที่นี่คือบ้านตระกูลโจว อีกอย่าง ณ สถานที่จัดงานยังมีจอมพลโผ้จวินอีกด้วย ตระกูลโจวเขาจะกลัวได้อย่างไร?

“ใครก็ได้มานี่!” โจวชื่อเจี๋ยได้ยินคำพูดของโจวเจิ้ง จึงได้ตะโกนออกไปข้างนอกเสียงดัง

เสียงเพิ่งเปล่งออกไป ก็มีบอดี้การ์ดชุดดำไม่น้อยคนมาล้อมรอบหน้าประตูเอาไว้เต็มไปหมด บางคนก็ถึงขั้นเดินขึ้นมา ล้อมรอบฟางเหยียนเอาไว้เป็นวง ด้านในสามนอกสาม หมายถึงคนเยอะมาก ทว่าตอนนี้ตระกูลโจวกำลังใช้วิธีนี้ในการล้อมฟางเหยียนเอาไว้

“ไอ้สารเลว กล้ามาก่อเรื่องที่ตระกูลโจวฉัน! ฉันเห็นทีว่าแกจะไม่อยากมีชีวิตแล้วสินะ !” โจวชื่อเจี๋ยตะโกนใส่ฟางเหยียนด้วยบันดาลโทสะ

ฟางเหยียนคร้านแม้แต่จะมองบอดี้การ์ดเหล่านั้น และคร้านที่จะตอบคำถามของโจวชื่อเจี๋ยด้วย สำหรับฟางเหยียน โจวชื่อเจี๋ยเป็นเพียงเศษขยะเท่านั้น หากเขาต้องการที่จะลงมือ เพียงวินาทีเดียวเขาก็สามารถปลิดชีวิตของโจวชื่อเจี๋ยได้ทันที

ชีวิตของมนุษย์ในสายตาของฟางเหยียนแล้ว เป็นเพียงแมลงตัวเล็กๆ เท่านั้น!

โจวชื่อเจี๋ยเห็นว่าตนเองอยู่เหนือกว่าแล้ว จึงได้เอ่ยกับโจวปินคาง “พ่อ เจ้าหมอนี่ก็คือคนที่ผมเพิ่งบอกกับพ่อไป มันบ้าคลั่งจนถึงขั้นนี้ เมื่อก่อนที่มาถึงดินแดนตะวันตก คุณพ่อบอกว่าเสี่ยวเจิ้งทำเองรับผลเอง ผมยอมรับ ผมเองก็รู้นิสัยใจคอของเสี่ยวเจิ้งดี ตอนนี้เขามาที่บ้านของเราแล้ว นี่มันกำลังตบหน้าพวกเราอยู่อย่างแรง ไม่ไว้หน้าตระกูลโจวของเราเลย วันนี้เป็นวันมงคลใหญ่ของตระกูลโจวเรา เป็นวันร่วมยินดีเฉลิมฉลองกันทั่วหล้าเชียว การที่เขามาก่อความวุ่นวาย เป็นการรนหาที่ตายชัดๆ !”

คำพูดของโจวชื่อเจี๋ยสิ้นสุดลง บอดี้การ์ดเหล่านั้นก็ชักอาวุธออกมากันอย่างพร้อมเพรียงกัน อาวุธของพวกเขาเหมือนกันหมด ล้วนเป็นแบบพีระมิดสามเหลี่ยม พีระมิดสามเหลี่ยมคืออาวุธที่มีมีดคมอยู่สามด้าน คมเสียยิ่งกว่ามีด แทงคนหรือฟันคนก็ได้

หลังจากที่ชักอาวุธออกมา ทุกคนล้วนเดินหน้าขึ้นมาหนึ่งก้าว เห็นท่าทางเช่นนั้นก็ทราบทันทีว่าเตรียมต่อสู้แล้ว

ทว่าเพิ่งจะเดินได้หนึ่งก้าว โจวปินคางกลับยกมือขึ้นห้ามปรามคนเหล่านั้นเอาไว้ เอ่ยว่า “ถอยไป!”

ทุกคนต่างก็หยุดชะงักฝีเท้าของตนเองอย่างพร้อมเพรียงกัน สายตาจับจ้องไปยังใบหน้าของโจวชื่อเจี๋ย ตระกูลนี้ โจวปินคางถึงจะเป็นเจ้าของตระกูล ทว่าพวกเขากลับฟังแต่คำสั่งของโจวชื่อเจี๋ย ดังนั้นทุกคนจึงไม่ทราบว่าลำดับต่อไปต้องทำเช่นไร

“พ่อ!” โจวชื่อเจี๋ยเบิกตากลมโต ร้องเรียกด้วยน้ำเสียงที่ประหลาดใจ

โจวปินคางยกมือขึ้นขัดจังหวะโจวชื่อเจี๋ย พร้อมโบกมือเอ่ยว่า “ถอยออกไปกันให้หมดเดี๋ยวนี้!”

สิ้นเสียงคำสั่ง ทุกคนก็ไม่กล้าที่จะอยู่ตรงนั้น ต่างก็ทยอยกันถอยออกไปจากห้องโถงใหญ่ เดิมทีภายในห้องโถงใหญ่ที่บรรยากาศตึงเครียด หลังจากที่คนกลุ่มนี้ออกไปแล้ว ก็ค่อยๆ ผ่อนคลายขึ้นมาบ้าง ถึงขั้นว่าได้ยินเสียงคนสูดหายใจเข้าลึก

หลังจากที่ห้องโถงใหญ่กลับสู่ความเงียบสงบ ดวงตาสองข้างของโจวปินคางก็จ้องหน้าฟางเหยียนพร้อมเอ่ยว่า “พ่อหนุ่มน้อย นายหมายความว่ายังไง?”

ฟางเหยียนเอ่ยขึ้นจังหวะพอดี “ผมคิดว่า คนของตระกูลโจวน่าจะทราบดีว่าผมหมายความว่าอะไร โดยเฉพาะลูกชายและหลานชายของคุณ”

“ถ้างั้นความหมายของนายก็คือต้องการก่อเรื่องในการแต่งงานตระกูลโจวฉันเท่านั้นใช่ไหม?” โจวปินคางไล่ต้อนซักถาม พละกำลังก็เดือดดาลขึ้นมาทั้งหมดในเวลานี้เช่นเดียวกัน

ในฐานะผู้นำตระกูลที่ยิ่งใหญ่อันดับหนึ่ง หากไม่มีกำลังแม้แต่นิดเดียว จะมานั่งอยู่บนตำแหน่งผู้นำตระกูลนี้ได้อย่างไร

พละกำลังของเขากำลังเดือดดาล ตู่เหย่นหลงที่อยู่ข้างหลังก็สาวเท้าเดินหน้าขึ้นมาหนึ่งก้าว ท่าทางเตรียมพร้อมบุกเข้าสู้

“ก่อเรื่องงั้นเหรอ!” ฟางเหยียนแค่นหัวเราะอย่างเย็นชาขึ้นมา เอ่ยว่า “คำว่าก่อเรื่องพูดได้น่าขำดีนี่ ถ้าผมก่อเรื่องขึ้นมาจริงๆ ทั้งดินแดนตะวันตกก็ไม่มีใครต่อกรได้หรอกนะ!”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+