อดีตกาลทหารแกร่ง สตรีกล้าแห่งสกุลมู่ 1 พบเจอ

Now you are reading อดีตกาลทหารแกร่ง สตรีกล้าแห่งสกุลมู่ Chapter 1 พบเจอ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ท่ามกลางสายฝนโหมกระหน่ำ มู่หยางหลิงกำลังยืนอยู่กลางสายฝนกับสหายรวมรบ ด้านหน้านั้นหัวหน้ากำลังตะโกนเสียงดังว่า "พวกเธอเป็นถึงทหาร หลังจากผ่านการเรียนมหาวิทยาลัยสี่ปี แล้วยังได้รับการฝึกจากที่นี่อีกหนึ่งปี นี่เป็นผลงานที่พวกเธอแสดงออกมาเหรอ ฉันหนักใจและอับอายแทนพวกเธอจริงๆ”

หัวหน้าแทบอยากจะคลั่งออกมา เขาเอาเกรดเฉลี่ยยัดลงไปในมือของกลุ่มนักฝึกทหารที่ยืนอยู่ข้างล่าง “ พวกเธอยังมีหน้ามายืนอยู่ตรงนี้อีกเหรอ ไม่รู้สึกอายสักนิดเลยใช่ไหม อย่างงี้เนี่ยนะยังจะไปสมัครเป็นทหารหน่วยรบพิเศษ พวกเธอไม่รู้สึกขายขี้หน้าเหรอ ฉันว่าถอดชุดเครื่องแบบที่ใส่อยู่นี้กลับไปทำไร่ทำนาจะดีกว่า"

ถึงแม้ว่ามู่หยางหลิงจะยืนอยู่ในกองด้วย ต่อให้จะมีความหนาวเย็นของสายฝนที่ตกลงมาอยู่บนร่างกาย แต่ใบหน้าของเธอกลับรู้สึกร้อนไปหมดด้วยความโกรธ มือที่แนบอยู่ข้างลำตัวของเธอถูกกำใว้แน่นยิ่งขึ้น ในขณะนั้นบังเอิญโดนหัวหน้าหันหน้ามาเห็นปฏิกิริยาของเธอเข้า ทำให้ความโมโหทั้งหมดถูกส่งมาที่เธอทันที “ มู่หยางหลิง เธอไม่พอใจเหรอ”

" รายงานหัวหน้า พวกเขาเป็นทหารหน่วยรบพิเศษเก่า … "

" ถุย!หรือว่าตอนเธอเข้าสนามรบไปพอเจอกับศัตรูจะยังมาเจรจาเรื่องประสบการณ์อีกเหรอ พวกเธอจะต้องปฏิบัติภารกิจความเป็นความตาย ถ้าพลาดแค่นิดเดียวหัวก็ไม่อยู่บนบ่าแล้ว เธอจะไปบอกกับศัตรูว่าเธอพึ่งจะเข้ารบไม่กี่วัน ไม่มีประสบการณ์อะไร คิดว่าแบบนี้ศัตรูก็จะไม่สู่รบกับเธอแล้วเหรอ งั้นมันจะดีกว่าไหมถ้าจะบอกว่าพวกเธอเป็นเพศหญิง พวกเขาเป็นเพศชาย ดังนั้นพวกเธอย่อมไม่สามารถสู้พวกเขาได้อยู่แล้ว ”

มู่หยางหลิงเกลียดคนที่ชอบเอาเรื่องเพศชายหญิงมาพูดเปรียบเทียบมากที่สุด แม้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นหัวหน้าหรือพี่น้องปู่ย่าน้าอาที่เคารพก็ตาม เธอหันหน้ามา "ฟู่" มองไปที่หัวหน้าด้วยความโมโห แล้วตะโกนพูดว่า " หัวหน้า พวกเรามาประลองกันหน่อยไหม "

หัวหน้า และสหายรวมรบรบ "………. "

หัวหน้าชี้ไปที่หน้ามู่หยางหลิงแต่พูดอะไรไม่ออก ในที่สุดก็โยนเกรดเฉลี่ยที่อยู่ในมือทิ้งไป ทำการพับแขนเสื้อขึ้นแล้วพูดว่า " มา เอ็งออกมาสู้กับข้าเดียวนี้ วันนี้ถ้าข้าไม่สามารถลกหนังเอ็งออกมาได้ ข้าจะยอมเปลี่ยนไปใช้นามสกุลบ้านเอ็งเลย "

มู่หยางหลิงโยนกระเป๋าเป้สะพายหลังออกไปเสียงดัง " ปึง " ก้าวไปข้างหน้าสามก้าวแล้วตั้งท่าเปิดศึก หัวหน้าพึ่งจะตะโกนว่า "มา" คำเดียว มู่หยางหลิงก็รีบวิ่งจู่โจมเข้าไปทันที

ทันใดนั้นทั้งสองก็ออกกระบวนท่ากับไปสองสามท่า หัวหน้ารับหมัดมือของมู่หยางหลิงไว้ได้แค่หนึ่งท่า แต่ก็ต้องบ่นอยู่ในใจลึกๆ แม้ว่าจะเป็นเวลาหนึ่งปีแล้ว แต่เขาก็ยังไม่ชินกับวิธีการออกท่าของมู่หยางหลิง หล่อนคนนี้มีท่าแปลกประหลาดเยอะแยะมากมาย เมื่อวันทดสอบและสอนท่าให้เธอ เธอยังเชื่องช้ากับเขามาก วันนี้ก็รุกเหมือนเป็นลมบ้าหมูเลย โดยไม่คำนึงถึงการป้องกันตัวเลยสักนิด ที่สำคัญคือหล่อนคนนี้แรงเยอะมาก จะทำยังไงดีเขารู้สึกว่ารับมือไม่ค่อยไหวแล้ว

ทหารที่อยู่รอบๆรู้สึกสงสารหัวหน้าอยู่ในใจลึกๆ

ในการแข่งขันแลกเปลี่ยนระหว่างภายในทหารค่ายที่สามนี้ มู่หยางหลิงได้รับรางวัลแชมป์ที่มีความสามารถรอบด้าน ไม่เพียงแต่มวยจะได้อันดับหนึ่ง ยังเอาชนะหัวหน้าหน่อยรบพิเศษของภายในค่ายทหารนี้ด้วย และยังสามารถล้มหัวหน้าหน่อยรบพิเศษของค่ายทหารที่อยู่ข้างๆด้วย

จริงๆแล้วครั้งนี้ที่พวกเขาได้คะแนนต่ำที่สุดก็เพราะได้รับผลกระทบจากพวกเธอ ถึงแม้ว่าพวกเธอจะเป็นผู้หญิงที่แกร่งก็จริง ยังไงก็ยังเป็นผู้หญิงอยู่ดี

มู่หยางหลิงได้ก้าวข้ามขอบเขตระหว่างชายหญิงไปอย่างสิ้นเชิง จนกลายเป็นชายอย่างแท้จริง …………….

มู่หยางหลิงหายใจเข้าลึกๆ เท้าลอยออกมาข้างหนึ่ง ทันใดนั้นเสียงดัง " ปัง " พร้อมกับเสียงกรีดร้องที่ตามมาทำให้มู่หยางหลิงรู้สึกเจ็บจี๊ดที่หูของเธอ เธอรีบลืมตาขึ้นมาดู ก็เห็นซู่หว่านเหนียงกุมไปที่ท้องของตัวเองด้วยอาการที่ตกใจไปชั่วขณะ แล้วมองหล่อนด้วยแววตาที่เศร้าสร้อย น้ำตาก็ไหลออกมาที่ดวงตา ทั้งรู้สึกเป็นห่วงและกังวลจึงถามขึ้นมาว่า "อาหลิง ลูกฝันร้ายอีกแล้วเหรอ ลูกคนนี้นี่ ลูกดูสิลูกเตะโต๊ะไม้ที่ท่านพ่อเขาพึ่งจะทำเสร็จจนแตกกระจายไปหมดเลย .”

มู่หยางหลิงหันไปมองอย่างฝืดเคือง ถึงได้เห็นท่อนไม้ที่แตกกระจายอยู่ในที่นอน ดูเหมือนว่าเธอจะเตะโต๊ะไม้แทนหัวหน้าซะแล้ว

มู่หยางหลิงรีบกระโดดลุกขึ้น แล้วเก็บไม้ที่หักแตกกระจายอยู่บนที่นอนไว้ด้วยกัน พูดด้วยท่าทางไม่แยแส " ไม่เป็นไร ไว้คราวหน้าข้าขึ้นไปตัดไม้ที่ป่าเขา แล้วค่อยทำใหม่อีกอันหนึ่งก็ได้ "

ซู่หว่านเหนียงขมวดคิ้ว “ ในความฝัน ลูกฝันถึงอะไรกันแน่ นี่เป็นโต๊ะตัวที่ห้าแล้วนะ ตอนเด็กๆก็เหมือนกัน ขณะกินนมยังจะเตะไปเตะมาอยู่นั่นแหละ … ”

ซู่หว่านเหนียงหยิบเสื้อผ้ามาให้ลูกสาว เห็นเธอแต่งตัวอย่างรวดเร็วและแข็งกระด้าง ทำให้ซู่หว่านเหนียงยิ่งกังวลมากขึ้นว่าลูกสาวคนนี้จะแต่งงานออกไปได้เยี่ยงไร

มู่หยางหลิงย่อมไม่สามารถบอกได้อยู่แล้วว่า เธอฝันถึงฉากตอนที่หัวหน้ากำลังอบรมฝึกฝนพวกเธอในชาติก่อน เรื่องแบบนี้เธอได้แต่เก็บเอาไว้ในใจเงียบๆคนเดียว ไม่กล้าที่จะพูดออกมาหรอก

“ ท่านแม่ ท่านพ่อล่ะ”

" ท่านพ่อเขาไปหาเจ้าหน้าที่แล้ว จะต้องไปจ่ายภาษีอีกแล้ว สินค้าเครื่องหนังของพวกเรายังขายออกไปไม่ได้ ณ ตอนนี้ยังไม่สามารถเอาเงินออกไปจ่ายได้ ท่านพ่อเขาลองไปถามดูว่าพอจะเลื่อนให้สองสามวันได้หรือไม่ " ซู่หว่านเหนียงสีหน้าเต็มไปด้วยความกังวล " ปีนี้มีเงินกำไรเก็บน้อยมาก กลัวว่าหลังจากจ่ายค่าภาษีแล้ว คงจะไม่มีเงินอะไรเหลือ เดิมทียังคิดว่าจะให้อาจารย์มาสอนน้องชายกับลูกที่บ้าน หากเป็นเช่นนี้ เกรงว่าจะต้องล่าช้าออกไปอีกหนึ่งปีแล้ว "

มู่หยางหลิงขมวดคิ้ว “ ภาษีของปีนี้มากกว่าปีที่แล้วหนึ่งเท่า ทำไมแต่ละปีต้องเพิ่มภาษีด้วย หากเป็นเช่นนี้ต่อไป พวกเราคงไม่เหลือแม้แต่ข้าวสารจะกรอกหม้อแล้ว ”

ซู่หว่านเหนียงถอนหายใจ " จะทำอะไรได้ พวกทหารพ่อยคอยมายุ่งวุ่นวายตลอด ได้ยินมาว่าส่วนเกินจะเอาไปเป็นค่าใช้จ่ายของพวกทหาร"

"ถุย!" มู่หยางหลิงกระโดดขึ้น " พวกทหารพ่อยมาก่อกวนทุกปี ไม่เคยเห็นมีใครหรือกรมไหนเข้ามาดูแลเลย ยังต้องจ่ายเงินอะไรให้พวกทหารอีก "

"ลูกคนนี้นี่ อย่าไปพูดอะไรเรื่อยเปื่อยเช่นนี้ภายนอก " ซู่หว่านเหนียงใช้สายตามองเธออย่างตำหนินิดๆ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรอีก การบ่นนินทาเรื่องข้าราชกา ขุนนาง ทหารกลายเป็นเรื่องปกติไปแล้ว ที่เธอตำหนิลูกสาวก็เพียงเพราะนิสัยตามปกติของตัวเองเท่านั้น

มู่หยางหลิงแต่งตัวด้วยท่าทีที่ไม่พอใจ เมื่อเห็นว่าน้องชายมู่ปั๋วเหวินยังนอนหลับอยู่เธอจึงก้าวเข้าไปข้างหน้าแล้วบีบจมูกของเขาไว้ ซู่หว่านเหนียงที่อยู่ข้างๆเหลือบไปเห็นก็ใช้มือตี แล้วพูดว่า " อย่าทำเช่นนั้น น้องชายยังเล็กอยู่เลย ให้เขานอนอีกหน่อย”

มู่หยางหลิงมุ่ยปากแล้วหยิบน้ำขึ้นมาดื่มแก้วหนึ่ง หยิบคันธนูและลูกศรขึ้นมาเตรียมเข้าป่าไปทันที ซู่หว่านเหนียงรับพยุงท้องแล้วจับขอบโต๊ะไว้เอาขนมปังย่างที่วางอยู่บนโต๊ะไล่ตามออกไป “ เอาไปแผ่นหนึ่งเพื่อรองท้อง ลูกยังเป็นแค่เด็ก ไม่กินอะไรเลยได้อย่างไร”

มู่หยางหลิงชำเลืองไปเห็นท้องที่นูนออกมาของซู่หว่านเหนียงด้วยความลังเล ซู่หว่านเหนียงยัดขนมปังย่างไปใส่ที่มือของเธอ แล้วใช้มือแตะไปที่หัวของเธอเบาๆแล้วพูดว่า " เจ้าเด็กโง่ ลูกยังเป็นเพียงแค่เด็กคนหนึ่ง ที่บ้านยังมีท่านพ่อของลูกอยู่ ลูกไม่ต้องไปกังวลอะไรมาก "

มู่หยางหลิงยิ้มอย่างเจื่อน ๆ หลังจากรับขนมปังย่างมาก็เดินเข้าป่าไป เธอตัดสินใจว่า ไม่ว่าอย่างไรวันนี้ก็ต้องล่าสัตว์ป่ามาให้ได้ เอาไปขายจะได้เอาเงินมาซื้อข้าวสาร ก็ไม่รู้ว่าท่านแม่เกิดในชาติตระกูลอะไร ข้าวหยาบก็กินไม่ได้ ท่านพ่อก็ค่อนข้างที่จะตามใจแม่ ไม่ยอมให้ท่านแม่ต้องออกไปลำบากแม้แต่น้อย ดังนั้นต่อให้ท่านพ่อจะมีความสามารถและเก่งแค่ไหน แต่ละวันที่เข้าป่าไปก็ไม่เคยกลับมามือเปล่าก็ตาม ที่บ้านยังมีค่าใช้จ่ายที่สูงเช่นนี้ ยังต้องจ่ายภาษีที่สูงขนาดนี้ ซึ่งน้อยมากที่จะทำให้บ้านเธอจะมีเงินเก็บ

ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อสองปีก่อนท่านแม่ยังป่วยหนักทำให้เงินออมของครอบครัวทั้งหมดได้หมดไปกับค่ารักษาของท่านแม่

มู่หยางหลิงยิ่งเดินยิ่งลึกเข้าไปในป่าเรื่อย ๆด้วยขนมปังย่างที่คาบอยู่ในปาก หูฟังไปยังทิศทาง ตามองไปรอบแปดด้าน จึงทำให้ไปสบตาเข้ากับเด็กหนุ่มที่สกปรกมอมแมมทั้งสองที่อยู่ใต้ต้นไม้

ฉีเฮ่าหรานกับฟ่านจื่อจินจ้องมองไปที่มู่หยางหลิงที่ดวงตาเบิกกว้าง… ที่ปากยังคาบขนมปังย่างอยู่ แล้วกลืนน้ำไหลลงคออย่างไม่ทันรู้ตัว

แม้ว่ามู่หยางหลิงจะมีจิตวิญญาณของผู้ใหญ่ แต่เวลานี้เธอก็อดที่จะหน้าแดงไม่ได้ เธอหยิบขนมปังออกมาจากปาก คิดอยู่สักครู่ แล้วดึงฝั่งที่มีน้ำลายติดออกยัดใส่ปากของตัวเอง ที่เหลือก็ยื่นไปให้เด็กหนุ่มสองคนนั้น.

ฉีเฮ่าหรานเหลือบมองไปที่มู่หยางหลิงอย่างระมัดระวัง ดูเหมือนว่าหลังจากที่แน่ใจแล้วว่าเธอไม่ได้มีเจตนาร้ายอะไร จึงวิ่งเข้าไปดึงขนมปังย่างนั้นมาอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นเขาก็ฉีกขนมปังย่างออกเป็นชิ้นใหญ่ๆแล้วยัดเข้าไปในปากของฟ่านจื่อจินแล้วพูดว่า "ขอบใจมาก."

ฟ่านจื่อจินรู้สึกสำลักจนตาเหลือก มู่หยางหลิงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากถอดขวดน้ำที่เอวแล้วส่งไปให้เขา

ฉีเฮ่าหรานรีบกรอกน้ำให้ฟ่านจื่อจินอีกครั้งด้วยมือไม้ที่วุ่นวายไปหมด ฟ่านจื่อจินถึงกับต้องดึงขนมปังที่อยู่ในปากออกมาส่วนหนึ่งถึงได้กลืนลงไป จากนั้นถึงได้รู้สึกดีขึ้นมาหน่อย เขาใช้สายตาเหลือบมองไปที่เธอทีหนึ่ง แล้วรีบลุกขึ้นยืนเพื่อแสดงความขอบคุณ " ขอบคุณแม่นางผู้นี้มาก ข้ากับน้องชายพลัดพรากกับคนในครอบครัวหลงทางมาถึงที่นี่ ไม่ทราบว่าจะแทนแม่นางผู้นี้อย่างไรดี บ้านอาศัยอยู่ที่ใด รอให้พวกข้าได้หาคนในครอบครัวเจอแล้วจะได้กลับมาตอบแทนพระคุณ"

####ทหารพ่อย ชื่อกลุ่มทหาร

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด