อดีตกาลทหารแกร่ง สตรีกล้าแห่งสกุลมู่ 33 รวมตัว

Now you are reading อดีตกาลทหารแกร่ง สตรีกล้าแห่งสกุลมู่ Chapter 33 รวมตัว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

มู่หยางหลิงไม่รู้ว่าพ่อไปพูดอะไรกับลุง พอพ่อกลับมาก็บอกว่า: "พรุ่งนี้เราจะไปหมู่บ้านซีซาน ลูกอยู่ที่บ้านดีๆนะอย่าออกไปไหน "

มู่หยางหลิงรีบพูดขึ้นอย่างร้อนรน: "หนูอยากไปด้วย!"

มู่ฉือขมวดคิ้ว "อย่าดื้อ ผู้ใหญ่เขาจะไปคุยเรื่องปัญหากัน ลูกจะไปทำอะไร?"

"หนูกับน้องๆก็จะไปช่วยย่าใหญ่ทำงานไง ส่วนพ่อก็ไปคุยกับกลุ่มผู้ใหญ่ไงคะ" มู่หยางหลิงพูดขึ้นอีก: "ข้าวบ้านย่าใหญ่ยังกองอยู่ในทุ่งนาอยู่เลยค่ะ ย่าใหญ่ก็แก่มากแล้ว และน้องทั้งสองก็ยังเด็กไม่มีแรงอะไร จะปล่อยให้ทั้งสามคนทำกันเองได้ยังไงคะ? พ่อให้หนูไปด้วยเถอะค่ะ "

มู่ฉือยังคงจ้องมองเธอนิ่ง มู่หยางหลิงจึงรีบพูดต่อ: "ในเมื่อผู้ชายในหมู่บ้านก็ไปกันหมดแล้ว ที่นี่ก็คงไม่มีงานอะไรต้องทำอีก ให้แม่ไปเที่ยวบ้านลุงสักวันไม่ได้เหรอคะ? ยังไงเราก็จะกลับมาก่อนค่ำอยู่แล้ว”

มู่ฉือรู้สึกปวดหัว มีลูกสาวที่มีความคิดเป็นของตัวเองและเจ้าอารมณ์แบบนี้ก็ไม่ค่อยดีเท่าไหร่

สิ่งที่มู่หยางหลิงพูดไม่ได้ทำให้มูฉือใจอ่อน แต่ซู่หวันเหนียงกลับเห็นด้วยกับเธอ ซู่หวันเหนียงเคยได้ยินลูกสาวพูดถึงความยากลำบากของป้าใหญ่มาก่อน

หม่าหลิวซื่อเป็นป้าใหญ่ของมู่ฉือในบรรดาญาติๆของเขาซู่หว่านเหนียงคุ้นเคยกับเธอคนนี้ที่สุด

นั้นเป็นเพราะว่าเธอคือคนเดียวที่มาช่วยตอนที่ซู่หว่านเหนียงคลอดมู่หยางหลิง คนที่จัดงานอาบน้ำแรกเกิดให้มู่หยางหลิงก็เป็นเธอ ตอนที่มู่หยางหลิงไม่ยอมดื่มนมก็มีเธอคอยสอนวิธีทำซุปข้าวให้ เธออยู่ช่วยที่บ้านตระกูลมู่อยู่ห้าวันเต็ม

ถ้าไม่เป็นเพราะหลายปีมานี้เธอป่วยออดๆแอดๆ ร่างกายไม่ค่อยแข็ง ทำให้ไม่สามารถไปไหนได้ละก็ เธอเองก็อยากไปเยี่ยมเยียนป้าใหญ่สักครั้ง

ตอนนี้ฐานะของทางครอบครัวก็เริ่มดีขึ้นบ้างแล้ว พอได้ข่าวว่าชีวิตของป้าใหญ่ตอนนี้ไม่ดีนัก ซูหว่านเหนียงก็หวังว่าจะสามารถช่วยอะไรเธอได้บ้าง

เมื่อเห็นภรรยายืนกรานแบบนั้น มู่ฉือจึงต้องยอมตกลงก่อนจะพูดขึ้น: "พรุ่งนี้ฉันจะไปหาพวกคุณลุงแต่เช้าเพื่อพาหลิวหลางกับหลิวหลุนไปกันก่อน แล้ววันมะรืนฉันจะไปกับพี่ชายอีกครั้งแบบนี้ก็น่าจะพอ .”

"เอาเนื้อไปเยอะหน่อยนะ เราสองพ่อลูกกินข้าวทีอย่างกับออกรบ ต้องเอาของไปมากกว่านี้หน่อย ไม่ใช่ว่าจะไปช่วยป้าใหญ่ถึงเวลากลับกลายเป็นว่าไปทำให้ป้าใหญ่ลำบากอีก"

“ รู้แล้ว ”

มู่หยางหลิงที่ยืนอยู่ข้างๆพูดขึ้น :“ พรุ่งนี้เช้าหนูจะตื่นแต่เช้า ขึ้นเขาไปดูว่าพอจะล่ากวางได้สักตัวมั้ย ถ้าได้เราก็มีอาหารเที่ยงแล้วค่ะ ”

"ลูกคิดว่ากวางเป็นกระต่ายที่วิ่งไปทั่วภูเขาหรือไง? นึกจะล่าก็ล่าได้ง่ายๆ? รีบไปอาบน้ำแล้วเข้านอนเลย" มู่ฉือดันหลังลูกสาวออกจากห้องก่อนหันกลับมาพูดกับซู่หว่านเหนียง: "เธอก็ตามใจลูกมากเกินไป ลูกคนนี้เริ่มคิดการใหญ่มากขึ้นทุกที "

ซู่หว่านเหนียงยิ้มเล็กน้อย "คุณนั้นแหละเป็นคนตามใจลูกแต่แรก สองพ่อลูกไม่รู้มีเรื่องปิดบังฉันมากแค่ไหน? ฉันเพิ่งจะตามใจลูกก็ครั้งนี้เอง"

มู่ฉือไม่กล้าพูดอะไรอีก เพราะกลัวว่าภรรยาจะรื้อฟื้นถามเรื่องที่ผ่านมา

ชาวบ้านส่วนใหญ่ในหมู่บ้านซีซานมีนามสกุลว่าหม่า ในขณะที่ชาวบ้านส่วนใหญ่ในหมู่บ้านหลินซานมีนามสกุลว่ามู่ ดังนั้นเมื่อคืนพอมู่ฉือไปบอกวลุง หลิวต้าเฉียนเสร็จ เขาก็รีบไปหาน้องชายหลิวเออร์เฉียนกับญาติพี่น้องอีกหลายคน

เช้าตรู่ของวันถัดมา ทุกคนก็เตรียมเสบียงอาหารมาจากบ้านตัวเอง แล้วมารวมตัวกันที่บ้านหลิวต้าเฉียน

มู่ฉือถือข้าวสารมาด้วยครึ่งถุง หลิวต้าเฉียนขมวดคิ้วเล็กน้อย“ เอามาเยอะแยะแบบนี้ จะให้พวกลุงเขาคิดยังไง?”

ชีวิตของหม่าหลิวซื่อยากลำบากมาก แม้ว่าทุกคนไปเพราะอยากไปช่วยออกหน้าให้เธอ แต่ตามธรรมเนียมพวกเขาก็ต้องนำอาหารที่บ้านไปเอง เมื่อถึงที่โน้นก็ให้หม่าหลิวซื่อนำไปทำ แล้วเพิ่มกับข้าวอีกสักสองสามอย่าง

แต่ทุกคนก็นำอาหารไปเท่าที่เพียงพอสำหรับตัวเองเท่านั้น มีแต่มู่ฉือคนเดียวที่ถือมาค่อนข้างเยอะ จึงทำให้คนอื่นไม่ค่อยสบายใจอยู่บ้าง

มู่ฉือ : "ฉันกับอาหลิงกินจุ เลยเอามาเยอะหน่อย"

"อาหลิงเหรอ? ทำไมให้เธอไปด้วย?" หลิวต้าเฉียนไม่เห็นด้วย: "เธอยังเด็กอยู่ อย่าให้รับรู้เรื่องแบบนี้ดีกว่า"

“ อาหลิงบอกว่าเขาจะไปช่วยป้าเกี่ยวข้าว เห็นบอกว่าจะพาหลิวหลางไปด้วย”

น้าผู้หญิงหลิวจ้าวซื่อที่ไม่พอเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว เนื่องด้วยเห็นใจลูกชายของเธอที่เหนื่อยล้าจากการทำงานมาหลายวัน ยังต้องไปช่วยงานนอกหมู่บ้านให้เหนื่อยอีก?

หลิวหลานกับหลิวหลุนไม่ได้ไปเพื่อช่วยงาน แต่ไปเพราะเนื้อของมู่หยางหลิงพวกเขาคว้าแขนเสื้อของแม่แล้วพูดข้างหูเธอ: "แม่ไปกับน้องเรามีเนื้อกิน"

หลิวหลุนพยักหน้าซ้ำๆ มองไปที่แม่ของเขาด้วยแววตาโหยหา

หลิวจ้าวซื่อลังเลเล็กน้อยก่อนถามมู่ฉือ "ทำไมอาหลิงไม่ตามมาด้วยล่ะ?"

มู่ฉือมีสีหน้าเหนื่อยใจเล็กน้อย "เด็กนั้นเข้าไปในภูเขาแต่เช้าแล้ว เห็นบอกว่าจะไปล่ากวาง"

พอบอกว่าไปล่ากวาง ดวงตาของหลิวจ้าวซื่อสว่างวาบขึ้น แต่ถึงแม้ว่าจะไม่มีกวาง ก็มีเนื้ออื่นๆอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ?

เมื่อคืนเด็กๆเพิ่งได้กินเนื้อไปนิดหน่อย มันเป็นเนื้อชิ้นเดียวที่มู่ฉือให้มา แต่ครอบครัวของพวกเขาเป็นครอบครัวใหญ่สองครอบครัวรวมกันมีเด็กห้าคนและผู้ใหญ่หกคน เนื้อประมาณครึ่งกิโลกรัมจึงไม่เพียงพอสำหรับทุกคน แม่สามียังเอาไปซ่อนไว้อีกครึ่งหนึ่ง เพื่อนำมาปรุงเพิ่มรสชาติให้อาหารในวันอื่นๆ

หลิวหลางและหลิวหลุนกลืนน้ำลายก่อนพูดเสียงเบา: "เนื้อกวางอบอร่อย"

“ อย่างกับว่าเคยกินมาก่อนแหละ ต้องย่างถึงจะอร่อย” หลิวหลางบอก “ ครั้งก่อนอาหลิงก็อบให้พวกเรากิน แต่น่าเสียดายเกือบโดนอาหยุ่นจับได้”

หลิวจ้าวซื่อได้ยินเด็กทั้งสองกระซิบกระซาบกันก็อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว ก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปหาหลิวต้าเฉียนผู้เป็นพ่อ แล้วพูดว่า "ท่านพ่อให้ลูกทั้งสองไปด้วยดีกว่า พวกเขาก็ไม่ได้ไปบ้านป้านานแล้ว เดี๋ยวให้พี่สาวตามไปด้วย”

ลูกสาวของหลิวจ้าวซื่อปีนี้อายุสิบขวบ มีชื่อเล่นว่าของเธอคือพี่สาว ลูกพี่ลูกน้องของเธอที่ชื่อหลิวเยวินเป็นลูกสาวในตระกูลหลิว เธอมีชื่อเล่นว่าพี่รอง

หลิวจ้าวซื่อเหลือบตามองไปที่เธอแวบหนึ่ง ก่อนจะหันไปพูดกับคุณปู่: "ถ้างั้นก็ให้ลูกทั้งห้าคนไปกันหมดเลยแล้วกัน"

หลิวต้าเฉียนย่นคิ้วเข้าหากันเล็กน้อย “ เด็กๆจะไปกันเยอะแยะทำไม? ไปแค่เขาสามคนก็พอ ถ้าอยากไปช่วยป้าจริงๆ วันมะรืนนี้ค่อยไปอีกรอบแล้วกัน แล้วนี่อาหลิงจะมาหรือยัง? เราจะออกเดินทางกันแล้ว”

"ฉันบอกลูกแล้วว่าไม่ว่าล่าได้หรือไม่ได้ ก็ให้ออกมาในเวลาประมาณนี้ คิดว่าเธอน่าจะรออยู่ที่ตีนเขาแล้ว" มู่ฉือเหลือบตาขึ้นมองดวงอาทิตย์บนฟ้าแวบหนึ่ง

“ งั้นก็ไปกันเถอะ”

กลุ่มคนมากกว่าสิบคนเริ่มมุ่งหน้าไปทางเชิงเขาของซีซาน

มู่หยางหลิงนั่งดึงหญ้ารออย่างเบื่อหน่ายอยู่บนพื้น พอเห็นพวกเขามาเธอก็กระโดดขึ้นมาพร้อมโบกไม้โบกมือให้ จากนั้นทุกคนก็เห็นว่าอะไรวางอยู่ข้างตัวเธอ มันไม่ใช่กวางแต่เป็นแพะ

ลุงหลิวถิงพูดขึ้นยิ้มๆ: "อาหลิงเก่งจังเลย จับแพะได้ด้วย"

มู่หยางหลิงตอบ "เนื้อแพะไม่อร่อยเท่าเนื้อกวางค่ะ"

ทุกคน: "………….. " ยังไงกันดีปกติก็ไม่ค่อยจะกินเนื้ออยู่แล้ว? แต่เธอกลับบอกว่าเนื้อแพะไม่อร่อย

หลิวหลานกับหลิวหลุนดูมีความสุขมาก ส่วนหลิวหลงเองก็แววตาส่องแสงวิบวับ เธอวิ่งไปด้านหลังของมูนหยางหลิง ก่อนจะพูดขึ้นเบาๆว่า: "ให้พี่ช่วยแบกตะกร้าให้ไหม?"

“ ไม่เป็นไรค่ะ ตะกร้าของหนูไม่หนักเลย”

มู่ฉือนำถุงข้าวสารในมือใส่ไปในตะกร้าของลูกสาว แล้วอุ้มแพะเดินนำหน้าพร้อมพูดตามหลังว่า "ไปกันเถอะ"

การเดินทางต้องผ่านภูเขาไปยันอีกฝั่ง ด้วยว่าคนค่อนข้างเยอะจึงทำให้การเดินทางช้าลงนิดหน่อย ประมาณครึ่งชั่วโมงจึงถึงจุดหมาย

อยู่ๆก็มีคนสิบกว่าคนเดินเข้ามาในหมู่บ้าน แถมเป็นชายฉกรรจ์กว่าครึ่ง ทำให้ชาวบ้านในหมู่บ้านซีซานตื่นตระหนกตกใจไม่น้อย บางคนก็วิ่งเข้ามาขวางพวกเขาไว้ "พวกเจ้าเป็นใคร? มาทำอะไรที่หมู่บ้านของเรา?"

ลุงหลิวเดินออกมาตอบ "พวกเรามาจากตระกูลหลิวในหมู่บ้านหลินซาน เรามาหาป้าใหญ่ของเรา และหัวหน้าตระกูลหม่าที่อยู่ในหมู่บ้านซีซาน พี่ชายเป็นคนของตระกูลไหนเหรอ?"

คนที่วิ่งออกมาตกใจอยู่มาก เขานึกไปถึงเหตุการณ์ความขัดแย้งระหว่างครอบครัวของหม่าโหย่วฉายกับครอบครัวของหม่าหลิวซื่อเมื่อวาน จึงเข้าใจว่าครอบครัวเดิมของหม่าหลิวซื่อคงมาหาเรื่องเป็นแน่แล้ว เขาจึงรีบชี้ไปโรงเก็บข้าวพร้อมพูดว่า "พวกเขาอยู่ที่บริเวณพื้นที่เก็บข้าวเปลือก เห็นว่าครอบครัวของหม่าโหย่วฉายได้เชิญหัวหน้าตระกูลหม่ามาทำการแบ่งเขตพื้นที่เก็บข้าวเปลือกใหม่”

"อะไรนะ?" หลิวจวงผู้ที่มีอารมณ์ร้อนตระโกนขึ้นมาทันที "ตระกูลหม่าจะมากเกินไปแล้วนะ ก่อนหน้านี้ยึดที่นาของป้าใหญ่ไปยังไม่พอ ตอนนี้จะมียึดพื้นที่เก็บข้าวเปลือกอีก ไม่มียางอายกันบ้างเลยหรือไง? "

หลิวต้าเฉียนเองก็โกรธมากเหมือนกัน แต่ด้วยว่าเขาอายุมากแล้วจึงสามารถระงับอารมณ์โกรธไว้ได้ดีกว่า เขาหันไปพูดกับมู่ฉือ: “มู่ฉือเอาของไปเก็บที่บ้านป้าใหญ่ก่อน ส่วนพวกเราจะไปที่โรงเก็บข้าวเปลือกกันก่อน”

มู่ฉือพยักหน้าตอบ

มู่หยางหลิงรีบพาเด็กน้อยทั้งสามวิ่งไปหาป้าใหญ่ทันที

หลิวต้าเฉียนพยักหน้า เห็นพวกเขาวิ่งไปอย่างร้อนรน กังวลเหมือนกันว่าพี่สาวของเขาจะถูกรังแก แต่ตอนนี้อาหลิงวิ่งไปก่อนก็ดี คนอื่นจะได้รังแกพี่น้องเขาไม่ได้

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด