อดีตกาลทหารแกร่ง สตรีกล้าแห่งสกุลมู่ 34 สั่งสอน

Now you are reading อดีตกาลทหารแกร่ง สตรีกล้าแห่งสกุลมู่ Chapter 34 สั่งสอน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

เมื่อมู่หยางหลิงพาลูกพี่ลูกน้องทั้งสามวิ่งไปถึงที่ตากข้าวเปลือก ก็เห็นหม่าหลิวซื่อกำลังจุงมือหลานสาวคนหนึ่งยืนอยู่กลางที่ตากข้าวเปลือก มองจากด้านหลังเธอดูโศกเศร้าและเดียวดายมาก หม่าต้ากุ้ยที่อยู่ตรงหน้ากำลังพยายามพูดโน้มน้าวให้หัวหน้าตระกูลแบ่งพื้นที่ตากข้าวเปลือกใหม่ให้อยู่

โรงเก็บข้าวเปลือกในหมู่บ้านซีซานก็เหมือนกับที่หมู่บ้านหลินซาน คือชาวบ้านจะออกเงินช่วยกันสร้างขึ้นมา จากนั้นค่อยแบ่งกันตามจำนวนครัวเรือนตามสัดส่วนมากน้อย

ตระกูลหม่าเป็นตระกูลใหญ่ในหมู่บ้านซีซาน เมื่อพวกเขาออกเงินเยอะกว่าก็ย่อมได้พื้นที่เยอะกว่าเป็นธรรมดา จึงทำให้พื้นที่เก็บข้าวเปลือกส่วนใหญ่ตกอยู่ในมือของตระกูลหม่า

พื้นที่เก็บข้าวเปลือกของหม่าหลิวซื่อ เป็นที่ที่พ่อสามีของเธอแบ่งไว้ให้กับสามีเธอ ส่วนฝั่งตรงข้ามเป็นที่ของครอบครัวหม่าต้ากุ้ย

พ่อตาของเธอมีลูกชายเพียงสองคนคือหม่าต้ากุ้ยและหม่าต้าฟู่

ตอนนี้หม่าต้ากุ้ยอ้างเหตุผลที่จะขอทำการแบ่งพื้นที่ใหม่คือ หม่าหลิวซื่อไม่มีหลานชายสืบสกุล และที่นาของครอบครัวเธอก็น้อยเกินกว่าที่จะครอบครองพื้นที่เก็บข้าวเปลือกที่ใหญ่ขนาดนี้ ส่วนเขามีลูกชายถึงสามคนและยังมีหลานมากกว่าสิบคน อีกทั้งคนในครอบครัวมีกันหลายสิบคน ที่นาก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ พื้นที่เก็บข้าวเปลือกที่พ่อของเขาเคยจัดสรรไว้ให้ก่อนหน้านี้จึงไม่เพียงพอ

เหตุผลของเขาไร้ยางอายมาก แต่ก็ไม่มีใครคิดว่ามันจะผิดตรงไหน เพราะหม่าหลิวซื่อไม่มีลูกผู้ชายซึ่งหมายความว่าหลังจากเธอตายไปแล้ว บ้านที่เธออาศัยอยู่ในปัจจุบัน ที่เก็บข้าวเปลือกรวมไปถึงสวนผักของเธอ ก็จะถูกแบ่งให้ครอบครัวของหม่าต้ากุ้ยอยู่ดี

เรื่องแบบนี้มันเป็นเรื่องธรรมดาในหมู่บ้านอยู่แล้ว ถ้าหม่าโหย่วฉายไม่ได้ฆ่าลูกชายลูกสะใภ้และหลานชายเธอตาย หม่าหลิวซื่อเองก็คงจะไม่คัดค้านแบบนี้ แม้ว่าเธอจะไม่เต็มใจก็ตาม

แต่ตอนนี้มันไม่ใช่แบบนั้นแล้ว ต่อให้เธอต้องทุบมันทิ้งก็จะไม่มีวันแบ่งมันให้กับครอบครัวของหม่าต้ากุ้ยเด็ดขาด

ตอนนี้เธอมายืนอยู่กลางที่เก็บข้าวเปลือกเพื่อพูดให้ชัดเจนว่า: "ถ้าใครกล้ายึดพื้นที่เก็บข้าวของฉันไป วันนี้ฉันก็จะขอตายอยู่ที่นี่"

มู่หยางหลิงได้ยินแบบนั้นก็โกรธมาก "ย่าใหญ่ทำไมต้องพูดว่าตายด้วยคะ?" เธอวิ่งไปข้างหน้าก่อนจะดึงย่าใหญ่ไปหลบอยู่ด้านหลัง ปรายตามองหม่าต้ากุ้ยแวบหนึ่ง ก่อนจะหันไปพูดกับหม่าหลิวซื่อ: "ย่าใหญ่ช่างโง่จริงๆ ถ้าย่าใหญ่เป็นอะไรไปน้องๆก็คงต้องตายตามไปแน่ ส่วนพวกเขาก็แค่ล้างเลือดบนพื้นแล้วยึดที่เอาไปใช้ต่ออย่างสบายใจ สุดท้ายพวกเขาก็มีแต่ได้กับได้ไม่ใช่เหรอคะ? ถ้าหนูเป็นย่าใหญ่ละก็ หนูจะไปร้องเรียนว่ามีคนกลั่นแกล้งรังแก หรือถ้าย่าใหญ่ไม่อยากไปร้องเรียน ก็แค่ทุบโรงเก็บข้าวเปลือกนี้ทิ้งซะ ใครอยากได้ก็ไปซ่อมแซมเอาเอง ยังไม่พอนะไหนๆย่าใหญ่ก็จะตายอยู่แล้วก็ไม่ต้องกลัวอะไรอีก สู้ลากครอบครัวของพวกเขาลงนรกไปด้วยกันเลยไม่ดีกว่าเหรอคะ? "

มู่หยางหลิงพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่ก็ทำให้ทุกคนรู้สึกกลัวขึ้นมา แม้แต่หม่าหลิวซื่อเองก็ยังตกใจกับสิ่งที่เธอพูด เธอแค่จะเอาความตายมาขู่พวกเขา แต่เธอไม่ต้องการให้หลานสาวต้องมาลำบากไปด้วยแบบนี้ หากคำพูดพวกนี้กระจายออกไปชาวบ้านในหมู่บ้านนี้และหมู่บ้านต่างๆก็จะพากันครหาได้ว่าหลานสาวของเธอมีนิสัยก้าวร้าว นิดสัยแบบนี้สำหรับผู้ชายก็อาจดูแข้มแข็งกล้าหาญ แต่ถ้าสำหรับผู้หญิงแล้วมันก็จะดูไม่ดีนัก

หลานสาวทำเพื่อเธอมากมายแบบนี้ แล้วเธอจะทำให้หลานสาวต้องมาลำบากด้วยได้อย่างไร?

มู่หยางหลิงไม่รู้ว่าย่าใหญ่กำลังคิดอะไรอยู่ เธอจึงพูดขึ้น: "ย่าใหญ่คะ นี่มันไม่ใช่เรื่องที่ครอบครัวเขาจะตัดสินใจกันเองได้นะคะ ยังไงก็ต้องถามความคิดเห็นของหัวหน้าตระกูลหม่าก่อนมั้ย?"

หม่าต้ากุ้ยยิ้มเยาะก่อนพูดขึ้น "นี่เป็นเรื่องภายในของตระกูลหม่าเรา คนนอกมีสิทธิ์อะไรจะเข้ามายุ่ง?"

“ใครบอกว่านี่เป็นแค่เรื่องภายในของตระกูลหม่ากัน?” หลิวต้าเฉียนที่ตามมาถึงพอดีพร้อมกับคนกลุ่มใหญ่ หัวเราะด้วยน้ำเสียงเย็นชา : “ ป้าใหญ่ของตระกูลหลิวแต่งเข้าตระกูลหม่ามาเป็นลูกสะใภ้ ไม่ได้มาให้คนในบ้านตระกูลหม่ารังแกแบบนี้"

หลิวต้าเฉียนจ้องมองไปที่หม่าต้ากุ้ยและผู้เฒ่าคนอื่นๆด้วยสายตาเย็นเยียบ จนทำให้ทุกคนพากันหันหน้าหนี ก่อนที่เขาจะพูดขึ้นอีก " แล้วที่หม่าต้ากุ้ยพูดว่าคนในครอบครัวมีกันหลายสิบชีวิต ทำให้พื้นที่เก็บข้าวเปลือกไม่พอใช้ เลยต้องมาแย่งที่ของพี่สาวข้า เพียงเพราะว่าที่นาบ้านพี่สาวข้าและคนในครอบครัวของพี่สาวข้ามีน้อย ถ้าเป็นแบบนี้ครอบครัวอื่นๆในหมู่บ้านที่มีคนในครอบครัวอยู่กันน้อยและมีที่นาไม่เยอะ ก็ต้องแบ่งพื้นที่เก็บข้าวเปลือกให้ครอบครัวเจ้าด้วยซินะ? ”

พอได้ยินแบบนั้นชาวบ้านในหมู่บ้านซีซานก็พากันมองหม่าต้ากุ้ยด้วยสายตาระแวงขึ้นมาทันที ก็ไม่ใช่เหรอ วันนี้ถ้าเขาแย่งที่ของหม่าหลิวซื่อไปได้ วันหน้าถ้าพื้นที่เก็บข้าวเปลือกของครอบครัวหม่าต้ากุ้ยไม่พอใช้อีก ก็จะไม่ไปแย่งพื้นที่ของพวกเขาอีกเหรอ?

หม่าต้ากุ้ยรู้ว่าหลิวต้าเฉียนพูดแบบนั้นเพื่ออะไร จึงรีบพูดขึ้นอย่างร้อนรน "อย่างพูดไปเรื่อยนะ ฉันไม่ได้มีเจตนาแบบนั้นเลยสักนิด"

“ งั้นก็แสดงว่าจงใจทำกับพี่สาวของข้าคนเดียวซินะ? พี่สาวเราเป็นถึงน้องสะใภ้ของเจ้า แต่พวกเจ้ากลับใช้วิธีสกปรกเลวทรามแบบนี้เพื่อเอาเปรียบครอบครัวของพี่สาวพวกข้าเหรอ? ที่นาที่ยึดไปก่อนหน้านี้มันไม่ทำให้ครอบครัวพวกเจ้าอิ่มท้องบ้างเลยเหรอ? "หลิวต้าเฉียนกดดันโดยกันย่างก้าวเข้าหา ก่อนจะดึงหลานสาวทั้งสองหม่าซิ่วหงและหม่าซิ่วหลานไปด้านหน้าและถามขึ้น: " พวกเขาไม่ใช่หลานสาวของเจ้าเหรอ? ไม่ใช่สายเลือดของน้องชายแท้ๆของเจ้าเหรอ? หรือในตอนที่น้องชายเจ้ายังมีชีวิตอยู่ทำอะไรให้เจ้าคุณขุ่นเคืองใจนัก เจ้าถึงได้ใจร้ายใจดำได้แบบนี้?"

หลิวต้าเฉียนและหม่าต้ากุ้ยถือเป็นคนรุ่นเดียวกัน เวลาที่เขาพูดตำหนิออกไปแบบนี้จึงไม่เหมือนกับเวลาที่มู่หยางหลิงพูด ทุกคนจะมองสิ่งที่เธอพูดเป็นแค่อารมณ์โกรธของเด็ก แต่พอเป็นหลิวต้าเฉียนพูดมันจึงสามารถทำให้ชาวบ้านฉุดคิดกันมากขึ้น เวลานี้จึงเห็นได้ว่าชาวบ้านทุกคนต่างพากันมองไปที่หม่าต้ากุ้ยด้วยความสงสัย

หม่าต้ากุ้ยตะคอกขึ้นอย่างเสียงดัง: "นี่มันกล่าวหากันชัดๆ หลิวต้าเฉียนข้าเห็นแก่ที่เจ้าเป็นเขยของตระกูลหม่าเลยไม่ยากมีเรื่องด้วย แต่เจ้าคงไม่รู้ว่าที่ครอบครัวของน้องชายข้าตกอยู่ในสภาพแบบนี้ก็เพราะลูกสาวบ้านตระกูลหลิวมีดวงทำลายผัวและลูกหลาน”

"เหลวไหล!" หลิวต้าเฉียนโกรธมากจึงหันไปพูดกับหม่าต้าจงที่ยืนอยู่ข้างๆ: "หม่าต้าจง หัวหน้าตระกูลหม่าของพวกเจ้าเขาว่ายังไง? เห็นด้วยกับการที่หม่าต้ากุ้ยมารังแกพี่สาวของข้าแบบนี้มั้ย? ถ้าเป็นแบบนั้นจริงละก็ตระกูลหลิวเราก็คงไม่ลำบากตระกูลหม่าของพวกเจ้าอีก แค่สามชีวิตตระกูลหลิวเราเลี้ยงไหว! "

หลิวต้าเฉียนหันไปต่อว่าลูกชายหลิวถิง : "เจ้ายังยืนบื้ออะไรอยู่? ลูกพี่ลูกน้องของเจ้าก็ตายไปแล้ว เจ้าไม่มีความเป็นคนบ้างเลยเหรอ? ป้าของเจ้าต้องทนทุกข์ทรมานอยู่ที่นี่ แต่เจ้ากลับยังไม่รู้จักกตัญญูกตเวทีให้การช่วยเหลือป้าของเจ้า ยังไม่รีบไปเก็บกระเป๋าให้ป้าของเจ้า ข้ากับแม่เจ้าไม่ขอให้เจ้ามาดูแลตอนแก่เฒ่า ขอแค่ให้เจ้าดูแลป้าและเลี้ยงดูหลานสาวทั้งสองของเจ้าจนตบแต่งเป็นฝั่งเป็นฝา ส่วนข้ายังมีน้องชายของเจ้าคอยดูแล "

หลิวถิงโค้งรับอย่างเชื่อฟังก่อนจะเดินเข้าไปประคองหม่าหลิวซื่อไว้และพูดว่า "ท่านป้าหลานพาไปเก็บข้าวของครับ"

นี่ไม่เท่ากับทำให้ตระกูลของพวกเขาสั่นคลอ?

คนของตระกูลหม่าจึงรีบก้าวไปหยุดพวกเขาไว้ โดยไม่กล้าให้พวกเขาไปไหน

หม่าต้าจงซึ่งเงียบมาตลอดจำต้องก้าวออกมาขอโทษ ก่อนจะคว้าตัวหลิวต้าเฉียนไว้พร้อมพูดว่า: "พี่หลิว หัวหน้าตระกูลของเรายังไม่รู้เรื่องนี้รอให้เขามาก่อนดีกว่ามั้ยครับ"

"โกหก เรื่องนี้ข้าอยู่ในหมู่บ้านหลินซานยังรู้เลย หัวหน้าตระกูลแบบนี้เอาแต่หลบอยู่ในกะลาหรือยังไง?" หลิวต้าเฉียนสบัดแขนออกอย่างไม่ใยดี ก่อนจะหันไปพูดกับกลุ่มชายหนุ่มของตระกูลหลิวที่ยืนอยู่ด้านหลังหลัง: "พวกเจ้าก็โง่เหมือนกัน เห็นป้าของตัวเองโดนรังแกแบบนี้ก็ยืนโง่อยู่ได้ ช่างเลี้ยงเสียข้าวสุกจริงๆ”

เด็กหนุ่มในวัยยี่สิบกว่าที่กำลังเลือดร้อนและมีพละกำลัง ได้ยินสิ่งที่ท่านลุงพูด ปุ๊บก็ยกแขนเสื้อขึ้นและเดินไปหาลูกชายทั้งสามของหม่าต้าเฉียนทันที ลูกชายคนเล็กของหลิวต้าเฉียนหลิวจวนก็วิ่งนำหน้าเข้าไปพร้อมเหวี่ยงกำปั้นใส่บนใบหน้าของหม่าโหย่วฉายทันที

หม่าต้ากุ่ยที่ไม่กล้าพูดอะไรตั้งแต่หลิวต้าเฉียนพูดว่าจะพาหม่าหลิวซื่อกลับไปเลี้ยงดูที่ตระกูลหลิว พอเห็นว่าชายหนุ่มจากตระกูลหลิวกำลังวิ่งเข้ามาเขาจึงตะโกนขึ้น: "ที่นี่คือหมู่บ้านซีซาน คนจากหมู่บ้านหลินซานจะมากเกินไปแล้วนะ”

หลิวต้าเฉียนตะคอกอย่างเย็นชา: "อย่าไปสนใจตาแก่นั้น ป้าของเจ้าอายุมากแล้ว หลานชายทั้งสามของเธอไม่มีใครสั่งสอน เธอทำอะไรไม่ได้ พวกเจ้าก็ช่วยเธอสั่งสอนหลานทั้งสามให้รู้หน่อยว่าอะไรคือความกตัญญู”

ทันทีที่พูดจบ คนของตระกูลหม่าที่กำลังจะก้าวเข้าไปช่วยก็หยุดอยู่กับที่กันหมด เพราะนี่เป็นเรื่องของครอบครัวหม่าต้ากุ้ยกับครอบครัวหม่าหลิวซื่อ ถ้าหากพวกเขาเข้าไปยุ่งมันจะกลายเป็นเรื่องของตระกูลหม่าและตระกูลหลิวทันที และมันจะบานปลายไปสู่ความขัดแย้งระหว่างหมู่บ้านซีซานและหมู่บ้านหลินซานได้

หมู่บ้านทั้งสองอยู่ใกล้กันทุกคนมีญาติพี่น้องอยู่ในหมู่บ้านหลินซานไม่มากก็น้อย ที่ยืนอยู่ก็มีลูกสะใภ้หลายคนที่มาจากหมู่บ้านหลินซาน นอกจากนั้นยังมีลูกสาวที่แต่งงานไปอยู่ในหมู่บ้านหลินซานอีกด้วย เพื่อไม่ให้ลูกสาวถูกกลั่นแกล้งจากบ้านพ่อตาแม่ยายในช่วงเทศกาลตรุษจีน ทุกคนจึงตัดสินใจไม่เข้าไปยุ่ง ทำแค่เพียงยืนมองดูหม่าโหย่วฉายและพี่น้องโดนทุบตีสั่งสอน

มู่หยางหลิงตกตะลึงจนอ้าปากค้าง เธอเพิ่งเข้าใจตอนนี้เองว่าพลังโจมตีของเธอเทียบอะไรกับลุงของเธอเลย ถึงว่าเรื่องแบบนี้ควรให้ผู้ใหญ่เขาออกหน้าดีที่สุด

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด