อดีตกาลทหารแกร่ง สตรีกล้าแห่งสกุลมู่ 3 แรงมหาศาล

Now you are reading อดีตกาลทหารแกร่ง สตรีกล้าแห่งสกุลมู่ Chapter 3 แรงมหาศาล at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หมูป่าที่ทรุดตัวอยู่ในหลุม ทำได้เพียงแค่ส่งเสียงครวญคราง "อู๊ด อู๊ด" ออกมา มู่หยางหลิงรีบลงจากตัวหมูป่าอย่างมีความสุขและภูมิใจ จากนั้นยกหมูป่าเกือบจะสองร้อยชั่งขึ้นมาด้วยมือทั้งสองข้างแล้วโยนมันออกไปอย่างไม่มีทางเลือก เพราะเธอมีอายุเพียงเก้าขวบเท่านั้น แถมตัวยังเตี๊ยอีก เธอจึงทำได้เพียงแค่โยนมันออกไป โชคดีที่เธอยังมีทักษะและความชำนาญอยู่บ้าง ทำให้หมูป่าที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสร้องโหยหวนออกมาเพียงสองครั้งด้วยความตกใจ

จากนั้นมู่หยางหลิงก็ปีนออกจากกับดัก และเก็บพับกิ่งไม้ที่อยู่ใกล้ ๆ เพื่อซ่อมแซมกับดักใหม่ จากนั้นถึงได้แขวนกระต่าย ไก่ป่าและสิ่งของอื่น ๆ ไว้รอบเอวของเธอ แล้วแบกหมูป่าไว้บนบ่า

ชาวบ้านที่กำลังลงเขาหลังจากเก็บเกี่ยวร้องออกมาด้วยความตกอกตกใจ เมื่อได้เห็นหมูป่าที่เคลื่อนตัวออกมา พอใกล้เข้ามาทีละนิดถึงได้เห็นมู่หยางหลิงที่ถูกหมูป่าบังจนไม่เห็นตัวเลย

“ โอ้แม่เจ้า นี่มันลูกสาวคนโตของตระกูลมู่ไม่ใช่หรือ” เมื่อหม่าต้าจวงเห็นสัตว์ป่าที่แขวนอยู่บนเอวและหมูป่าที่แบกอยู่บนบ่าของมู่หยางหลิง แล้วแอบแลบลิ้นออกมาพูดเบาๆว่า“ นี่ถ้าเป็นลูกสาวของบ้านเราจะดีแค่ไหนกันเชียว.”

หม่าต้าเซิ่นตบหัวหม่าต้าจวงแล้วบ่นว่า " ถ้าลูกสาวเจ้าแต่งไม่ออกเจ้าจะรับผิดชอบใช่ไหม สมองคิดอะไรก็ไม่รู้ ถึงแม้เด็กหยางหลิงผู้นี้จะแข็งแกร่งก็จริง … แต่อนาคตจะหาบ้านสามีเจอได้อย่างไรกัน"

หม่าต้าจวงพึมพำ " หน้าตาก็ไม่ได้ดูน่าเกลียดอะไรสักหน่อย ก็แค่ห่าวและแรงเยอะไปหน่อย ยังสามารถช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายในครอบครัวได้ … " ภายใต้สายตาตำหนิของหม่าต้าเซิ่น หม่าต้าจวงจึงไม่กล้าที่จะพูดอะไรอีก

เมื่อมู่หยางหลิงได้ยินเสียงคนคุยกันค่อยๆเดินเข้าไปใกล้ พอเดินเข้าไปใกล้ถึงได้เห็นว่าเป็นหม่าต้าจวงกับเมียของเขา เธอขยับไม่ได้เพราะถูกสัตว์ป่าที่เธอล่าได้ขวางตาอยู่ เธอจึงใช้มือข้างหนึ่งจับตัวหมูป่าที่อยู่บนบ่าไว้ แล้วใช้อีกมือหนึ่งทักทายพวกเขา แล้วถามด้วยรอยยิ้มว่า "ลุงหม่า ป้าหม่า พวกลุงมาเก็บเกี่ยวหรือ "

ยิ่งได้เห็นใกล้ๆก็ยิ่งน่าตกใจกลัวไปใหญ่ หม่าต้าจวงและเมียแกยิ่งเบิกตากว้างเมื่อเห็นสัตว์ป่าที่เธอล่ามาแขวนเต็มตัว ทันใดนั้นหมูป่าก็ดิ้นขึ้นมาสองสามที และครวญครางออกมาอย่างอ่อนแรง ทำให้ทั้งคู่นั่งลงบนพื้นด้วยความหวาดกลัว

มู่หยางหลิงออกแรงมือกดลงไปทำให้หมูป่าไม่สามารถขยับตัวได้อีก

หม่าต้าเซิ่นชี้ไปที่ตัวหมูป่าแล้วพูดอย่างเสียงสั่นว่า " ตัวเป็นๆ ยัง ยังไม่ตาย "

มู่หยางหลิงยิ้มแล้วพยักหน้า " ตัวเป็นได้ราคาดีกว่า " มู่หยางหลิงยังรู้สึกเสียดายเล็กน้อย " น่าเสียดายที่ ที่นี่ห่างไกลจากในตัวอำเภอมากเกินไป มิฉะนั้นอย่างน้อยต้องได้เงินเพิ่มอีกห้าร้อยอีแปะ "

ขณะที่มู่หยางหลิงรู้สึกเสียดายแต่ก็รีบเร่งฝีเท้ากลับไปที่บ้านอย่างรวดเร็ว เช้าวันนี้เธอแทบจะไม่ได้กินอะไรเลยทำให้ตอนนี้เธอรู้สึกหิวมากแล้ว เธอควรจะกลับไปที่บ้านเพื่อเติมท้องก่อนแล้วค่อยไปที่ในตัวหมู่บ้าน ซึ่งตอนนี้ท่านพ่อก็น่าจะกลับมาแล้ว

หม่าต้าจวงกับเมียเฝ้าดูมู่หยางหลิงจากไปด้วยความงุนงง หม่าต้าจวงเม้มริมฝีปากแล้วพูดว่า " น่าจะแต่งออกไปยากจริงๆด้วย … "

ใต้เขาลูกนั้นมีบ้านตระกูลมู่เพียงหลังเดียว ในหมู่บ้านหลินซานมีตระกูลมู่เพียงสามชั่วอายุคนเท่านั้น

ปู่ของมู่หยางหลิงนั้นมีสายเลือดของชาวหูครึ่งหนึ่ง แต่รูปร่างหน้าตาของเขากลับได้แม่ของเขาที่เป็นคนชาวฮั่นที่รูปร่างตัวเล็กและผอมเพรียว จึงถูกคนชาวหูที่ฉลาดและแข่งแกร่งรังเกียจ เขาเลยย้ายถิ่นฐานมาอยู่ที่หมู่บ้านหลินซานตั้งแต่อายุได้ประมาณแค่สิบกว่าขวบ

ผู้ใหญ่ของอำเภอหมิงสุยเห็นว่าเขาเป็นคนที่ซื่อสัตย์และจริงใจ จึงให้เขามาตั้งถิ่นฐานอยู่ในหมู่บ้านหลินซานเนื่องจากปู่ของเธอดูไม่เหมือนคนชาวหูเลย เขาจึงเข้ากับชาวบ้านได้อย่างง่ายดายแล้วได้แต่งงานกับหญิงสาวในหมู่บ้านคนหนึ่ง ซึ่งเป็นย่าของเธอนั้นเองแล้วได้ให้กำเนิดมู่ฉือพ่อของมู่หยางหลิง

บางทีอาจจะเป็นเพราะถูกสืบทอดมาจากรุ่นสู่รุ่น ใบหน้าของมู่ฉือดูเข้มไปหน่อยบวกกับรูปร่างที่สูงใหญ่และมีแรงเยอะเป็นพิเศษ ตอนอายุได้ห้าขวดก็ดูใหญ่และแข่งแกร่งกว่าเด็กเจ็ดขวบของบ้านอื่นๆ

พวกผู้ใหญ่ไม่ได้รังเกียจหรือมีความคิดใดๆ แต่พวกเด็ก ๆ มักจะไม่ชอบคนที่แตกต่างจากตัวเองซะเท่าไร ไม่นานมู่ฉือก็ถูกเด็กๆในหมู่บ้านรังเกียจและไม่ยอมเล่นด้วยยิ่งไปกว่านั้นยังมีการนองเลือดมาหลายครั้ง เพื่อไม่อยากให้ท่านพ่อต้องเสียใจและถูกรังแกท่านปู่และท่านย่าจึงย้ายบ้านมาอยู่ที่ใต้เชิงเขาลูกนั้น เลยทำให้พวกเขามีการติดต่อกับหมู่บ้านน้อยลง จนกะทั่งมู่ฉือได้แต่งงานกับภรรยาของเขาและให้กำเนิดมู่หยางหลิง

มู่หยางหลิงกลับมาบ้านเร็วอย่างกับจรวด ส่วนซู่หว่านเหนียงที่กำลังใช้ไม้กวาดทำการกวาดหน้าบ้านอยู่ เมื่อเห็นมู่หยางหลิงกลับมาถึงกับอ้าปากค้างไปเลย

นางรู้ดีว่าลูกสาวคนนี้ค่อนข้างที่จะมีแรงเยอะเหมือนพ่อ แต่ก็ไม่น่าจะเยอะขนาดนี้หรือเปล่า

ในที่สุดก็กลับถึงบ้านซะที มู่หยางหลิงวางหมูป่าลงกับพื้น พอเงยหน้าขึ้นก็เห็นแม่นั้นกำลังจ้องมองตัวเองด้วยตาที่เบิกกว้างปากที่อ้าค้าง " ท่านแม่ " มู่หยางหลิงยิ้มเ พลางเอามือไพล่หลังในใจนั้นรู้สึกกังวลเล็กน้อย เธอคงจะไม่ทำให้แม่ถึงกับตกใจกลัวนะ

“ หยางหลิงกลับมาแล้วเหรอ ” มู่ฉือเดินออกมาจากในบ้าน

ดวงตาของมู่หยางหลิงเปิดกว้างขึ้นทันทีเธอกระโดดเข้าไปข้างหน้าแล้วตะโกนว่า " ท่านพ่อ ที่หลุมกับดักมีหมูป่านอนอยู่ตัวหนึ่งข้าช่วยแบกกลับมาให้แล้ว "

" เจ้าทำได้ดีมาก " หลังจากที่มู่ฉือชื่นชมลูกสาวเสร็จถึงได้สังเกตเห็นภรรยากำลังจ้องมองพวกเขาด้วยท่าทางตกใจบวกกับดวงตาที่เบิกกว้าง จึงรีบก้าวไปข้างหน้าสวมกอดภรรยาของเขาพร้อมกับพูดว่า " หว่านเหนียง เจ้าเข้าไปพักผ่อนที่ตัวบ้านก่อนเดียวข้ากวาดพื้นเอง”

ซู่หว่านเหนียงรู้ว่าพวกเขาจะต้องมีเรื่องปิดบังตัวเองอย่างแน่นอน แล้วนางก็พูดด้วยน้ำตาคลอเบ้าว่า " พวกเจ้ามีเรื่องอะไรปิดบังข้าอยู่ใช่ไหม "

"ไม่มี ไม่มี " มู่ฉือรีบโบกมือปฏิเสธ เขากลัวน้ำตาของซู่หว่านเหนียงมากที่สุด มือเท้าวุ่นวายสับสนไปหมดแล้วส่งสายตาไปขอความช่วยเหลือจากลูกสาวทันที

มู่หยางหลิงเลยต้องรีบก้มหัวลงอย่างเชื่อฟังแล้วยอมรับความผิด “ ท่านแม่เป็นเพราะข้าไม่ดีเองแรงกำลังของข้าเยอะมากและแข็งแกร่งกว่าที่คิด กลัวว่าท่านจะเป็นกังวลและเป็นห่วงก็เลยไม่กล้าบอกท่าน ”

ใช่อยู่ว่าซู่หว่านเหนียงค่อนข้างที่จะกังวลใจมาก นางก้าวไปข้างหน้าแล้วบีบแขนและข้อมือของลูกสาวแล้วพูดอย่างกังวลว่า " ทั้งๆที่เหมือนกับเด็กหญิงเก้าขวบทั่วไปไม่แตกต่างกันอะไร ทำไมถึงได้แข็งแกร่งและมีแรงมากมายเช่นนี้ หมูป่าตัวหนึ่งขนาดชายวัยกลางคนในหมู่บ้านยังไม่สามารถแบกไหวเลย ต่อจากนี้เจ้าอย่าทำอย่างงี้ให้ใครเห็นอีกไม่เช่นนั้นแม่เกรงว่าในอนาคตเจ้าออกเรือนไม่ได้ " ที่สำคัญที่สุดก็คือพวกที่หวังกระทำความผิดอย่างตอนนี้เป็นช่วงที่บ้านเมืองกำลังวุ่นวาย ถึงแม้ว่าความสามารถนี้ของลูกสาวนั้นดูแล้วเหมือนจะเป็นเรื่องดีเรื่องหนึ่ง แต่มันก็สามารถนำพาความเดือดร้อนมาให้เธอเช่นกัน

ซู่หว่านเหนียงนั้นเคยได้รับการศึกษามาตั้งแต่ยังเด็กๆ สายตาการมองของนางย่อมไกลกว่ามู่ฉือเป็นเรื่องธรรมดา ดังนั้นเธอจึงไม่เห็นว่าเป็นเรื่องน่าภูมิใจอะไรสำหรับความสามารถหรือพรสวรรค์อันพิเศษนี่ของลูกสาว

แค่ว่าตอนนี้พวกเขาอาศัยอยู่ในหมู่บ้านเล็กๆบนภูเขาแห่งนี้ จึงไม่จำเป็นต้องพูดออกมาเพื่อสร้างความหวาดกลัวให้กับลูกสาวและสามี ซู่หว่านเหนียงพยุงท้องของตัวเองแล้วกล่าวว่า " พอได้แล้วพวกเจ้ารีบไปจัดการกับสัตว์ป่าเหล่านั้นซะ ในเมื่อเจ้าหน้าที่ได้รับปากว่าให้พวกเราผ่อนผันได้อีกสองสามวัน งั้นพวกเราก็รีบร่วมรวมเงินภาษีให้พร้อมมิฉะนั้นจะทำให้เจ้าหน้าที่ทำงานได้ยาก "

" ข้าจะเอาสัตว์ป่าที่ล่าได้รีบเข้าตำบลไปเดียวนี้เลย " มู่ฉือรีบพูดขึ้นทันที

" พาหยางหลิงไปด้วย เหยื่อเยอะขนาดนี้ไปคนเดียวจะเอาไปหมดได้อย่างไรแต่ห้ามแบกไปใช้รถเข็นขึ้นไป เมื่อไปถึงในตัวตำบลก็ขายให้กับร้านอาหารโรงเตี้ยมโดยตรง ไม่ต้องอยู่ในตัวตำบลนานและห้ามไปทะเลาะวิวาทกับคนอื่นเขาเป็นอันขาด … "

" ท่านแม่ ท่านพ่อเข้าไปในตัวตำบลอยู่เกือบทุกวันทำไมท่านถึงได้กำชับอย่างไม่จบไม่สิ้นเช่นนี้ " มู่หยางหลิงได้ยินคำพูดเหล่านี้จนหูของเธอเกือบจะชาไปหมดแล้ว เมื่อเห็นมู่ฉือยังคงฟังด้วยรอยยิ้มทันใดนั้นเธอก็รู้สึกว่าความอดทนของท่านพ่อนั้นมากจริงๆ

ซู่หว่านเหนียงถอนหายใจ " พ่อของลูกอารมณ์ค่อนข้างร้อนแม่กังวลว่าท่านพ่อของลูกจะไปทะเลาะวิวาทกับคนอื่น และพวกเจ้าสองพ่อลูกก็ค่อนข้างที่จะแรงเยอะกว่าคนปกติทั่วไป แม่กลัวว่าพวกเจ้าจะไปสร้างปัญหาทีไหน"

มู่ฉือรีบรับปากอย่างรวดเร็ว " หว่านเหนียงไม่ต้องกังวลหรอกข้าไม่ไปทะเลาะกับคนอื่นแน่นอน" เมื่อเห็นลูกสาวที่ยืนอยู่ข้างๆแล้วรีบให้สัญญาว่า " ข้าจะดูแลอาหลิงให้เป็นอย่างดีและอย่างใกล้ชิดจะไม่ให้นางไปขัดแย้งกับใคร "

หลังจากนั้นซู่หว่านเหนียงถึงได้ยิ้มออกมาแล้ว ก่อนเดินเข้าไปในห้องครัวก็พูดว่า " ข้าจะไปเตรียมพวกอาหารสำหรับกินระหว่างทางให้พวกเจ้าสองพ่อลูกก่อนก็แล้วกัน พวกเจ้ารีบไปเก็บข้าวของเตรียมตัวก่อนเลย"

"เฮ้ " เมื่อมู่ฉือเห็นภรรยาของเขาเข้าไปในห้องครัวแล้วถึงได้ดึงลูกสาวไปด้านข้างแล้วพูดว่า " ทำไมเจ้าถึงได้แบกหมูป่ากลับมาด้วยตัวเองเยี่ยงนี้น่าจะกลับมาบอกพ่อก่อนให้พ่อไปแบกถึงจะถูก เจ้าเห็นไหมเกือบจะทำให้ท่านแม่ของเจ้าตกใจกลัวไปเลย”

#####มาตราชั่งน้ำหนักจีน 1 ชั่ง (斤) เท่ากับ 500 กรัม

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด