อดีตกาลทหารแกร่ง สตรีกล้าแห่งสกุลมู่ 74 ฝาแฝด

Now you are reading อดีตกาลทหารแกร่ง สตรีกล้าแห่งสกุลมู่ Chapter 74 ฝาแฝด at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

กลางดึกคืนนั้น ซู่หว่านเหนียงรู้สึกปวดเกร็งที่หน้าท้อง นางปวดมากเสียจนลืมตาไม่ขึ้น และมีความรู้สึกปวดหน่วง ๆ ช่วงท้องน้อย ด้วยความที่นางเองก็เคยมีประสบการณ์การมีลูกมีแล้วถึง 2 ครั้ง นางจึงรู้ว่าลูกน้อยคนที่ 3 คงอยากจะออกมาลืมตาดูโลกแล้วแน่ ๆ

มู่ฉือสะดุ้งตื่นตั้งแต่ตอนที่ซู่หว่านเหนียงเริ่มขยับตัว “เป็นอะไรรึ?” เขาลุกขึ้นนั่งทันทีที่เห็นถึงความผิดปกติของภรรยา

“ข้าปวดท้องเหมือนจะคลอด” ซู่หว่านเหนียงหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อรวบรวมสติ “เจ้าไปตามหมอตำแยมาที”

“ทำไมเร็วอย่างนี้ล่ะ? ไม่ใช่อีกครึ่งเดือนรึ?” มู่ฉือรีบลุกขึ้นใส่เสื้อผ้าทันที จากนั้นก็เดินมาลูบท้องภรรยา “เจ็บมากไหม? ข้าไปเรียกท่านป้าให้มาอยู่เป็นเพื่อนเจ้านะ”

ซู่หว่านเหนียงเห็นสามีใส่เสื้อบางแล้ววิ่งออกไป จึงพยายามตะโกนบอก “ใส่เสื้อให้มันหนา ๆ หน่อย……” แต่ไม่ทันจะพูดจบมู่ฉือก็วิ่งออกไปเสียแล้ว

“ท่านป้า หว่านเหนียงจะคลอดแล้ว”

หม่าหลิวซื่อได้ยินดังนั้นก็ตาสว่างขึ้นทันที ส่วนหลานสาวอีก 2 คนก็พลอยตื่นขึ้นมาด้วย “พวกเจ้านอนต่อเถอะ เด็ก ๆ เข้าไปก็ช่วยอะไรไม่ได้ ซิ่วหง ดูน้องด้วยนะ”

จากนั้นหม่าหลิวซื่อก็รีบสวมเสื้อกันหนาวแล้วออกไปกับมู่ฉือ

มู่หยางหลิงที่ยืนอยู่ในห้อง เมื่อเห็นพ่อกับย่าใหญ่มา นางก็รีบลุกขึ้นให้ผู้ใหญ่นั่งกันทันที

หม่าหลิวซื่อลูบหน้าท้องซู่หว่านเหนียงเบา ๆ “ใกล้จะคลอดแล้วล่ะ มู่ฉือ เจ้ารีบไปตามหมอตำแยมาเร็วเข้า ข้าจะไปต้มน้ำร้อนรอไว้ก่อน” พูดจบนางก็มองไปนอกหน้าต่างด้วยสายตาที่เป็นกังวลอยู่หน่อย ๆ เพราะสภาพอากาศตอนนี้เหมือนว่าจะมีพายุหิมะอ่อน ๆ นางจึงพามู่ฉือเดินออกไปคุยหน้าบ้าน “หิมะตกหนักอย่างนี้ เจ้าต้องระวังให้มากหน่อยนะ เดี๋ยวข้าให้อาหลิงไปตามน้าสะไภ้ของเจ้ามาช่วยดูแลทางนี้ด้วย เจ้าไม่ต้องกังวล ค่อย ๆ เดินไปนะ”

เนื่องจากมีผู้เสียชีวิตจากเหตุหิมะถล่มอยู่บ่อยครั้ง และมู่ฉือเองก็เป็นเสาหลักของครอบครัว หม่าหลิวซื่อจึงรู้สึกกังวลในจุดนี้มากที่สุด

แต่มู่ฉือกลับพยักหน้าตอบรับไปแบบไม่ได้คิดอะไร แล้วเดินกลับเข้าบ้านไปสวมเสื้อกันหนาวตัวใหญ่ จากนั้นเขาก็เดินเข้าไปจับมือภรรยา “ไม่ต้องห่วงนะ อีกประเดี๋ยวข้าก็กลับมา” แล้วเขาก็หันไปหามู่หยางหลิง “ดูแลแม่ดี ๆ นะ” เขาหยุดนิ่งไปครู่นึง แล้วพูดต่อให้ได้ยินกันแค่สองคนว่า “ถ้าหากว่า……ให้ปกป้องชีวิตของแม่ไว้ก่อนเลย”

มู่หยางหลิงพยักหน้าตอบรับ “ท่านพ่อโปรดวางใจ ข้ารู้ว่าต้องทำอย่างไร”

จากนั้นมู่ฉือจึงเดินทางเข้าเมืองไปได้อย่างไร้กังวล

จากบ้านของมู่ฉือจนถึงตัวเมืองก็ไม่ได้ไกลอะไรมาก ถ้าหากว่าเป็นวันที่อากาศดีกว่านี้ มู่ฉือจะใช้เวลาแค่ครึ่งชั่วโมงเท่านั้น ในการเดินไปกลับ แต่วันนี้เป็นวันที่มีหิมะตกหนักมาก จนทำให้พื้นดินถูกปกคลุมไปด้วยหิมมะหนา ถ้าหากว่าจะวิ่งไป ก็วิ่งได้แค่บริเวณที่หิมะปกคลุมไม่ถึงเท่านั้น แต่พอต้องเดินบนทางที่ถูกปกคลุมไปด้วยหิมมะหนา เขาจะทำได้เพียงแค่เดินก้าวเท้ายาว ๆ ไปเท่านั้น

พอหม่าหลิวซื่อเห็นมู่ฉือออกเดินทางไปแล้ว นางก็กลับเข้ามาดูซู่หว่านเหนียงต่อ จากนั้นก็ให้มู่หยางหลิงไปตามน้องสะไภ้อีก 2 คนมา พอนางเห็นว่าซิ่วหงก็ตื่นขึ้นมาแล้วเหมือนกัน นางจึงไหว้วานซิ่วหงว่า “ซิ่วหง เจ้าเข้าไปต้มน้ำในครัวไว้หน่อยนะ ต้มหม้อใหญ่ ๆ เลย เผื่อไว้เยอะ ๆ”  นางก็กลับมานั่งข้าง ๆ ซู่หว่านเหนียง แล้วพูดคุยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ตอนนี้เจ้ายังปวดมากไหม?”

ซู่หว่านเหนียงส่ายหน้าช้า ๆ “หายปวดแล้วล่ะจ้ะ ท่านป้าไม่ต้องเป็นห่วงนะจ้ะ น่าจะไม่เร็วขนาดนั้น”

แต่หม่าหลิวซื่อก็ยังร้อนใจอยู่ดี แม้ว่านางเองจะเคยคลอดลูกแค่คนเดียวในชีวิตนี้ แต่นางก็เคยไปช่วยทำคลอดให้หญิงในหมู่บ้านมาแล้วหลายคน นางจึงมีประสบการณ์กับเรื่องนี้มากพอสมควร แล้วนี่ก็เป็นท้องที่ 3 ของซู่หว่านเหนียงด้วย ปากมดลูกจะเปิดเร็วกว่าท้องแรก ๆ เป็นธรรมดา และหม่าหลิวซื่อก็เกรงว่าหมอตำแยจะมาไม่ทันการนี่แหละ

นางก็คิดว่าการทำคลอดในวันนี้จะต้องยากอยู่พอสมควร หม่าหลิวซื่อสัมผัสได้ และไม่อยากจะเห็นซู่หว่านเหนียงอยู่ในสภาพนั้นเลย

การคลอดลูกนั้น ถือเป็นเรื่องที่ยากเย็นและเจ็บปวดที่สุดของผู้หญิงแล้ว ยิ่งถ้าเป็นท้องที่คลอดยากกว่าปกติด้วยแล้วเนี่ย ก็จะทำให้มีความเสี่ยงสูงทั้งแม่และเด็ก ทางเดียวก็คือต้องพึ่งดวงชะตาเอาว่าจะสามารถปลอดภัยได้ทั้งแม่และเด็กหรือไม่

ในขณะที่หม่าหลิวซื่อนั่งคิดเป็นตุเป็นตะอยู่นั้น ย่าหลิวใหญ่กับย่าหลิวคนรองก็รีบวิ่งมาที่บ้านตระกูลมู่พร้อมกับลูกสะไภ้ของพวกเขา

เมื่อย่าหลิวใหญ่เข้ามาเห็นมู่หยางหลิงนั่งอยู่ด้วย จึงตกใจทำท่าจะพานางออกจากห้องนั้นทันที “ทำไมเจ้ายังอยู่ในนี้อีกล่ะ? ออกไปรอข้างนอกก่อนไป”

มู่หยางหลิงจับหัวเตียงไว้แน่นแล้วตอบกลับไปว่า “ท่านพ่อบอกให้ข้าอยู่ดูแลท่านแม่ตรงนี้ ข้าไม่ไปไหนแน่ ย่าใหญ่ให้ข่าอยู่ตรงนี้เถอะนะจ้ะ” มู่หยางหลิงหันไปอ้อนวอนย่าใหญ่ เพราะนางรู้ดีว่า ณ เวลานี้นอกจากหมอตำแยแล้ว ย่าใหญ่จะเป็นผู้ควบคุมการทำคลอดด้วยอีกคน

หม่าหลิวซื่อเองก็กังวลว่าถ้ามู่หยางหลิงออกไปแล้ว จะทำให้ซู่หว่านเหนียงจิตใจไม่สงบได้ นางจึงพูดกับย่าหลิวใหญ่ว่า “ให้นางอยู่ด้วยเถิด แล้วนี่แม่ของนางก็กำลังจะคลอดน้องชายแท้ ๆ ของนางเอง ไม่เป็นไรหรอก”

ย่าหลิวใหญ่จึงไม่อาจคัดค้านอะไรได้ เพราะหม่าหลิวซื่อเป็นผู้อาวุโสที่นางนับถือ

จากนั้นหม่าหลิวซื่อก็เริ่มแบ่งงานให้หลิวจางซื่อ “เจ้าไปคอยอยู่ในครัวนะ ต้มน้ำเพิ่มอีกเยอะ ๆ เลย” พูดจบนางก็หันมาแบ่งงานให้หลิวจ้าวซื่อต่อ “ของทุกอย่างข้าเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว ลองดูว่ายังมีอะไรที่ยังไม่ลวกน้ำทีบ้าง เอามาลวกน้ำแล้วล้างให้สะอาดเลยนะ”

แล้วนางก็หันมาพูดกับย่าหลิวใหญ่และย่าหลิวรองว่า “พวกเจ้าเคยคลอดลูกมาแล้วหลายคน ล้วนมีประสบการณ์กันหมด มาอยู่ในห้องคอยดูแลซู่หว่านเหนียงด้วยกันกับข้าเลยนะ”

ทั้งสองพยักหน้าตอบรับ จากนั้นก็เดินเข้าไปหาซู่หว่านเหนียงพร้อมกับลูบท้องนางเบา ๆ แต่พวกนางก็อดรู้สึกแปลกใจขึ้นมาไม่ได้ เพราะปกติแล้วซู่หว่านเหนียงไม่ได้มีรูปร่างอ้วนหนาอะไร และท้องแรก ๆ ของนางก็มีขนาดที่พอเหมาะกับรูปร่าง แต่ทำไมท้องนี้ของนางดูใหญ่เทอะทะ จนทำให้ตัวนางดูผอมเล็กพิกล?

และนี่ก็เป็นสิ่งที่หม่าหลิวซื่อกังวลอยู่ เพราะขนาดท้องที่ใหญ่ผิดปกติของซู่หว่านเหนียงนี้ อาจจะบ่งชี้ถึงตำแหน่งหัวท้ายที่ผิดปกติของทารกในครรภ์ได้

ปกติแล้ว ซู่หว่านเหนียงจะเป็นคนขี้หนาว แค่ฤดูใบไม้ร่วงนางก็ใส่เสื้อผ้าหนากว่าคนอื่น ๆ แล้ว พอเริ่มต้นฤดูหนาว นางก็ใส่หนาขึ้นไปอีก จนทำให้ใคร ๆ ดูไม่ออกว่ารูปร่างของนางอ้วนหรือผอมกันแน่ แม้แต่ท้องที่กำลังแก่ใกล้คลอด ก็ยังดูไม่ออกว่าใหญ่ขนาดไหน เพราะเสื้อผ้าที่นางสวมใส่อยู่นั้น มันหนาจนบดบังพลางตาไปหมด พอหม่าหลิวซื่อถูกรับเข้ามาอยู่ที่นี่ ก็เป็นช่วงที่มีหิมะตกพอดี ด้วยความหนาวที่แสนสุดจะทนไหว ซู่หว่านเหนียงก็เอาผ้าห่มมาบุทำเสื้อใส่เพิ่ม จึงทำให้หม่าหลิวซื่อไม่รู้เลยว่าท้องของนางใหญ่ขนาดไหน

จนกระทั้งไม่กี่วันก่อนหน้านี้ ที่หมอตำแยมาเยี่ยมซู่หว่านเหนียงที่บ้าน นางถึงได้เห็นท้องของซู่หว่านเหนียงเต็มตา และรู้สึกว่าท้องของนางครั้งนี้ใหญ่ผิดปกติ พอได้ปรึกษากับหมอตำแยแล้ว หมอตำแยก็บอกเป็นเสียงเดียวกับนางว่าท้องของซุ่หว่านเหนียงใหญ่มากจริง ๆ จะต้องระมัดระวังให้มากเป็นพิเศษเลย

มู่ฉือเองก็คิดไว้แล้วว่าพอใกล้ถึงกำหนดคลอดของภรรยา เขาจะรีบไปรับหมอตำแยมาอยู่ที่บ้านตระกูลมู่เพื่อรอดูอาการไปด้วยกัน แต่ใครจะไปรู้ล่ะ ว่าลูกของพวกเขาจะอยากออกมาเร็วกว่ากำหนดอย่างนี้

ตอนนี้เหล่าย่าทั้งสามก็ได้แต่นั่งร้อนใจกันอยู่ในห้องของซู่หว่านเหนียง โดยไม่มีใครกล้าพูดเรื่องนี้กับซู่หว่านเหนียงหรือมู่หยางหลิงเลย

ครึ่งชั่วโมงต่อมาหลังจากที่มู่ฉือออกจากบ้านไป ปากมดลูกของซู่หว่านเหนียงก็เริ่มเปิดออก แล้วความเจ็บปวดก็แล่นเข้าสู่โสตประสาททั้งหมดของซู่หว่านเหนียง มู่หยางหลิงจับมือแม่ไว้แน่นแล้วกระซิบข้างหูแม่ของนางว่า “ท่านแม่ ไม่เป็นไรนะจ้ะ ค่อย ๆ หายใจเข้าออกไปพร้อม ๆ กับย่าใหญ่นะ……”

พอมู่ฉือแบกหมอตำแยกลับมาถึงบ้าน ซู่หว่านเหนียงก็ร้องโอดครวญไปแล้วเกือบ 15 นาที

“เจ้าฉือมาแล้วรึ เร็วเข้า รีบพาหมอตำแยเข้ามาดูนางที เหมือนหัวเด็กจะอยู่ผิดตำแหน่งนะ”

มู่ฉือแบกหมอตำแยขึ้นหลังมาตลอดทาง ดังนั้นพอถึงหน้าบ้าน หมอตำแยก็ไม่ลังเลที่จะรีบวิ่งเข้าไปดูอาการของซู่หว่านเหนียงในทันที นางตรงเข้าไปยังห้องของซู่หว่านเหนียง แล้วจับซู่หว่านเหนียงถ่างขาออกดู คลำ ๆ หน้าท้องอยู่ซักพัก จากนั้นก็พูดขึ้นว่า “ตำแหน่งหัวท้ายปกติดี แต่ดูท่าตัวเด็กจะใหญ่ไปหน่อย ต้องรีบแล้วล่ะ ขอน้ำตาลแดงละลายน้ำอุ่นชามนึงให้แม่เด็กหน่อย” สั่งการจบนางก็หันมาพูดกับซู่หว่านเหนียงต่อ “เจ้าไม่ต้องร้องแล้ว ออมแรงไว้หน่อย เดี๋ยวข้าจะให้สัญญาณเจ้าเบ่ง เจ้าก็เบ่งตามที่ข้าสั่งนะ เจ้าเองก็คลอดลูกมาแล้วถึง 2 ครั้ง ครั้งนี้ก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไรสำหรับเจ้าแล้วล่ะ ทำตามที่ข้าสั่งก็จะดีเองนะ”

ความสงบนิ่งของหมอตำแย ทำให้ซู่หว่านเหนียงใจเย็นลง และเชื่อมั่นในสิ่งที่หมอตำแยกล่าว

แล้วหมอตำแยก็หันไปพูดกับย่าหลิวใหญ่ต่อว่า “ขอน้ำร้อนให้ข้าซักหม้อนึงด้วยนะ……”

จากนั้นซู่หว่านเหนียงก็เริ่มเจ็บท้องหนักขึ้นอีกครั้ง หมอตำแยจึงรีบหันมาจับแขนนางไว้ “หายใจเข้าลึก ๆ อั้นไว้ก่อน ใช่ อย่างนั้นหละ แล้วทีนี้ก็เบ่งงง เอ้า เบ่งเข้าอีก เร็วเข้า!”

ซู่หว่านเหนียงทำตามคำสั่งของหมอตำแย นางกัดปากล่างแน่น พร้อมกับบีบมือมู่หยางหลิงที่อยู่ข้าง ๆ ไม่ปล่อย แล้วเสียงของหมอตำแยก็ดังอยู่เป็นระยะ “ดีมาก เริ่มเห็นหัวเด็กแล้ว เอ้า สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ใช่ ลึก ๆ อย่างนั้นแหละ แล้วอั้นไว้ก่อนนะ แล้วก็เบ่งงงง ผ่อนลมออก เบ่งงงงง…… ไหล่ของเด็กออกมาแล้ว เบ่งอีกทีนะ……”

ซู่หว่านเหนียงสัมผัสได้ว่าลูกหลุดออกจากตัวของนาง จากนั้นก็ตามมาด้วยเสียงดีใจของหมอตำแย “ยินดีด้วย ยินดีด้วย เจ้าได้ลูกชาย”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

อดีตกาลทหารแกร่ง สตรีกล้าแห่งสกุลมู่ 74 ฝาแฝด

Now you are reading อดีตกาลทหารแกร่ง สตรีกล้าแห่งสกุลมู่ Chapter 74 ฝาแฝด at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

กลางดึกคืนนั้น ซู่หว่านเหนียงรู้สึกปวดเกร็งที่หน้าท้อง นางปวดมากเสียจนลืมตาไม่ขึ้น และมีความรู้สึกปวดหน่วง ๆ ช่วงท้องน้อย ด้วยความที่นางเองก็เคยมีประสบการณ์การมีลูกมีแล้วถึง 2 ครั้ง นางจึงรู้ว่าลูกน้อยคนที่ 3 คงอยากจะออกมาลืมตาดูโลกแล้วแน่ ๆ

มู่ฉือสะดุ้งตื่นตั้งแต่ตอนที่ซู่หว่านเหนียงเริ่มขยับตัว “เป็นอะไรรึ?” เขาลุกขึ้นนั่งทันทีที่เห็นถึงความผิดปกติของภรรยา

“ข้าปวดท้องเหมือนจะคลอด” ซู่หว่านเหนียงหายใจเข้าลึก ๆ เพื่อรวบรวมสติ “เจ้าไปตามหมอตำแยมาที”

“ทำไมเร็วอย่างนี้ล่ะ? ไม่ใช่อีกครึ่งเดือนรึ?” มู่ฉือรีบลุกขึ้นใส่เสื้อผ้าทันที จากนั้นก็เดินมาลูบท้องภรรยา “เจ็บมากไหม? ข้าไปเรียกท่านป้าให้มาอยู่เป็นเพื่อนเจ้านะ”

ซู่หว่านเหนียงเห็นสามีใส่เสื้อบางแล้ววิ่งออกไป จึงพยายามตะโกนบอก “ใส่เสื้อให้มันหนา ๆ หน่อย……” แต่ไม่ทันจะพูดจบมู่ฉือก็วิ่งออกไปเสียแล้ว

“ท่านป้า หว่านเหนียงจะคลอดแล้ว”

หม่าหลิวซื่อได้ยินดังนั้นก็ตาสว่างขึ้นทันที ส่วนหลานสาวอีก 2 คนก็พลอยตื่นขึ้นมาด้วย “พวกเจ้านอนต่อเถอะ เด็ก ๆ เข้าไปก็ช่วยอะไรไม่ได้ ซิ่วหง ดูน้องด้วยนะ”

จากนั้นหม่าหลิวซื่อก็รีบสวมเสื้อกันหนาวแล้วออกไปกับมู่ฉือ

มู่หยางหลิงที่ยืนอยู่ในห้อง เมื่อเห็นพ่อกับย่าใหญ่มา นางก็รีบลุกขึ้นให้ผู้ใหญ่นั่งกันทันที

หม่าหลิวซื่อลูบหน้าท้องซู่หว่านเหนียงเบา ๆ “ใกล้จะคลอดแล้วล่ะ มู่ฉือ เจ้ารีบไปตามหมอตำแยมาเร็วเข้า ข้าจะไปต้มน้ำร้อนรอไว้ก่อน” พูดจบนางก็มองไปนอกหน้าต่างด้วยสายตาที่เป็นกังวลอยู่หน่อย ๆ เพราะสภาพอากาศตอนนี้เหมือนว่าจะมีพายุหิมะอ่อน ๆ นางจึงพามู่ฉือเดินออกไปคุยหน้าบ้าน “หิมะตกหนักอย่างนี้ เจ้าต้องระวังให้มากหน่อยนะ เดี๋ยวข้าให้อาหลิงไปตามน้าสะไภ้ของเจ้ามาช่วยดูแลทางนี้ด้วย เจ้าไม่ต้องกังวล ค่อย ๆ เดินไปนะ”

เนื่องจากมีผู้เสียชีวิตจากเหตุหิมะถล่มอยู่บ่อยครั้ง และมู่ฉือเองก็เป็นเสาหลักของครอบครัว หม่าหลิวซื่อจึงรู้สึกกังวลในจุดนี้มากที่สุด

แต่มู่ฉือกลับพยักหน้าตอบรับไปแบบไม่ได้คิดอะไร แล้วเดินกลับเข้าบ้านไปสวมเสื้อกันหนาวตัวใหญ่ จากนั้นเขาก็เดินเข้าไปจับมือภรรยา “ไม่ต้องห่วงนะ อีกประเดี๋ยวข้าก็กลับมา” แล้วเขาก็หันไปหามู่หยางหลิง “ดูแลแม่ดี ๆ นะ” เขาหยุดนิ่งไปครู่นึง แล้วพูดต่อให้ได้ยินกันแค่สองคนว่า “ถ้าหากว่า……ให้ปกป้องชีวิตของแม่ไว้ก่อนเลย”

มู่หยางหลิงพยักหน้าตอบรับ “ท่านพ่อโปรดวางใจ ข้ารู้ว่าต้องทำอย่างไร”

จากนั้นมู่ฉือจึงเดินทางเข้าเมืองไปได้อย่างไร้กังวล

จากบ้านของมู่ฉือจนถึงตัวเมืองก็ไม่ได้ไกลอะไรมาก ถ้าหากว่าเป็นวันที่อากาศดีกว่านี้ มู่ฉือจะใช้เวลาแค่ครึ่งชั่วโมงเท่านั้น ในการเดินไปกลับ แต่วันนี้เป็นวันที่มีหิมะตกหนักมาก จนทำให้พื้นดินถูกปกคลุมไปด้วยหิมมะหนา ถ้าหากว่าจะวิ่งไป ก็วิ่งได้แค่บริเวณที่หิมะปกคลุมไม่ถึงเท่านั้น แต่พอต้องเดินบนทางที่ถูกปกคลุมไปด้วยหิมมะหนา เขาจะทำได้เพียงแค่เดินก้าวเท้ายาว ๆ ไปเท่านั้น

พอหม่าหลิวซื่อเห็นมู่ฉือออกเดินทางไปแล้ว นางก็กลับเข้ามาดูซู่หว่านเหนียงต่อ จากนั้นก็ให้มู่หยางหลิงไปตามน้องสะไภ้อีก 2 คนมา พอนางเห็นว่าซิ่วหงก็ตื่นขึ้นมาแล้วเหมือนกัน นางจึงไหว้วานซิ่วหงว่า “ซิ่วหง เจ้าเข้าไปต้มน้ำในครัวไว้หน่อยนะ ต้มหม้อใหญ่ ๆ เลย เผื่อไว้เยอะ ๆ”  นางก็กลับมานั่งข้าง ๆ ซู่หว่านเหนียง แล้วพูดคุยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ตอนนี้เจ้ายังปวดมากไหม?”

ซู่หว่านเหนียงส่ายหน้าช้า ๆ “หายปวดแล้วล่ะจ้ะ ท่านป้าไม่ต้องเป็นห่วงนะจ้ะ น่าจะไม่เร็วขนาดนั้น”

แต่หม่าหลิวซื่อก็ยังร้อนใจอยู่ดี แม้ว่านางเองจะเคยคลอดลูกแค่คนเดียวในชีวิตนี้ แต่นางก็เคยไปช่วยทำคลอดให้หญิงในหมู่บ้านมาแล้วหลายคน นางจึงมีประสบการณ์กับเรื่องนี้มากพอสมควร แล้วนี่ก็เป็นท้องที่ 3 ของซู่หว่านเหนียงด้วย ปากมดลูกจะเปิดเร็วกว่าท้องแรก ๆ เป็นธรรมดา และหม่าหลิวซื่อก็เกรงว่าหมอตำแยจะมาไม่ทันการนี่แหละ

นางก็คิดว่าการทำคลอดในวันนี้จะต้องยากอยู่พอสมควร หม่าหลิวซื่อสัมผัสได้ และไม่อยากจะเห็นซู่หว่านเหนียงอยู่ในสภาพนั้นเลย

การคลอดลูกนั้น ถือเป็นเรื่องที่ยากเย็นและเจ็บปวดที่สุดของผู้หญิงแล้ว ยิ่งถ้าเป็นท้องที่คลอดยากกว่าปกติด้วยแล้วเนี่ย ก็จะทำให้มีความเสี่ยงสูงทั้งแม่และเด็ก ทางเดียวก็คือต้องพึ่งดวงชะตาเอาว่าจะสามารถปลอดภัยได้ทั้งแม่และเด็กหรือไม่

ในขณะที่หม่าหลิวซื่อนั่งคิดเป็นตุเป็นตะอยู่นั้น ย่าหลิวใหญ่กับย่าหลิวคนรองก็รีบวิ่งมาที่บ้านตระกูลมู่พร้อมกับลูกสะไภ้ของพวกเขา

เมื่อย่าหลิวใหญ่เข้ามาเห็นมู่หยางหลิงนั่งอยู่ด้วย จึงตกใจทำท่าจะพานางออกจากห้องนั้นทันที “ทำไมเจ้ายังอยู่ในนี้อีกล่ะ? ออกไปรอข้างนอกก่อนไป”

มู่หยางหลิงจับหัวเตียงไว้แน่นแล้วตอบกลับไปว่า “ท่านพ่อบอกให้ข้าอยู่ดูแลท่านแม่ตรงนี้ ข้าไม่ไปไหนแน่ ย่าใหญ่ให้ข่าอยู่ตรงนี้เถอะนะจ้ะ” มู่หยางหลิงหันไปอ้อนวอนย่าใหญ่ เพราะนางรู้ดีว่า ณ เวลานี้นอกจากหมอตำแยแล้ว ย่าใหญ่จะเป็นผู้ควบคุมการทำคลอดด้วยอีกคน

หม่าหลิวซื่อเองก็กังวลว่าถ้ามู่หยางหลิงออกไปแล้ว จะทำให้ซู่หว่านเหนียงจิตใจไม่สงบได้ นางจึงพูดกับย่าหลิวใหญ่ว่า “ให้นางอยู่ด้วยเถิด แล้วนี่แม่ของนางก็กำลังจะคลอดน้องชายแท้ ๆ ของนางเอง ไม่เป็นไรหรอก”

ย่าหลิวใหญ่จึงไม่อาจคัดค้านอะไรได้ เพราะหม่าหลิวซื่อเป็นผู้อาวุโสที่นางนับถือ

จากนั้นหม่าหลิวซื่อก็เริ่มแบ่งงานให้หลิวจางซื่อ “เจ้าไปคอยอยู่ในครัวนะ ต้มน้ำเพิ่มอีกเยอะ ๆ เลย” พูดจบนางก็หันมาแบ่งงานให้หลิวจ้าวซื่อต่อ “ของทุกอย่างข้าเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว ลองดูว่ายังมีอะไรที่ยังไม่ลวกน้ำทีบ้าง เอามาลวกน้ำแล้วล้างให้สะอาดเลยนะ”

แล้วนางก็หันมาพูดกับย่าหลิวใหญ่และย่าหลิวรองว่า “พวกเจ้าเคยคลอดลูกมาแล้วหลายคน ล้วนมีประสบการณ์กันหมด มาอยู่ในห้องคอยดูแลซู่หว่านเหนียงด้วยกันกับข้าเลยนะ”

ทั้งสองพยักหน้าตอบรับ จากนั้นก็เดินเข้าไปหาซู่หว่านเหนียงพร้อมกับลูบท้องนางเบา ๆ แต่พวกนางก็อดรู้สึกแปลกใจขึ้นมาไม่ได้ เพราะปกติแล้วซู่หว่านเหนียงไม่ได้มีรูปร่างอ้วนหนาอะไร และท้องแรก ๆ ของนางก็มีขนาดที่พอเหมาะกับรูปร่าง แต่ทำไมท้องนี้ของนางดูใหญ่เทอะทะ จนทำให้ตัวนางดูผอมเล็กพิกล?

และนี่ก็เป็นสิ่งที่หม่าหลิวซื่อกังวลอยู่ เพราะขนาดท้องที่ใหญ่ผิดปกติของซู่หว่านเหนียงนี้ อาจจะบ่งชี้ถึงตำแหน่งหัวท้ายที่ผิดปกติของทารกในครรภ์ได้

ปกติแล้ว ซู่หว่านเหนียงจะเป็นคนขี้หนาว แค่ฤดูใบไม้ร่วงนางก็ใส่เสื้อผ้าหนากว่าคนอื่น ๆ แล้ว พอเริ่มต้นฤดูหนาว นางก็ใส่หนาขึ้นไปอีก จนทำให้ใคร ๆ ดูไม่ออกว่ารูปร่างของนางอ้วนหรือผอมกันแน่ แม้แต่ท้องที่กำลังแก่ใกล้คลอด ก็ยังดูไม่ออกว่าใหญ่ขนาดไหน เพราะเสื้อผ้าที่นางสวมใส่อยู่นั้น มันหนาจนบดบังพลางตาไปหมด พอหม่าหลิวซื่อถูกรับเข้ามาอยู่ที่นี่ ก็เป็นช่วงที่มีหิมะตกพอดี ด้วยความหนาวที่แสนสุดจะทนไหว ซู่หว่านเหนียงก็เอาผ้าห่มมาบุทำเสื้อใส่เพิ่ม จึงทำให้หม่าหลิวซื่อไม่รู้เลยว่าท้องของนางใหญ่ขนาดไหน

จนกระทั้งไม่กี่วันก่อนหน้านี้ ที่หมอตำแยมาเยี่ยมซู่หว่านเหนียงที่บ้าน นางถึงได้เห็นท้องของซู่หว่านเหนียงเต็มตา และรู้สึกว่าท้องของนางครั้งนี้ใหญ่ผิดปกติ พอได้ปรึกษากับหมอตำแยแล้ว หมอตำแยก็บอกเป็นเสียงเดียวกับนางว่าท้องของซุ่หว่านเหนียงใหญ่มากจริง ๆ จะต้องระมัดระวังให้มากเป็นพิเศษเลย

มู่ฉือเองก็คิดไว้แล้วว่าพอใกล้ถึงกำหนดคลอดของภรรยา เขาจะรีบไปรับหมอตำแยมาอยู่ที่บ้านตระกูลมู่เพื่อรอดูอาการไปด้วยกัน แต่ใครจะไปรู้ล่ะ ว่าลูกของพวกเขาจะอยากออกมาเร็วกว่ากำหนดอย่างนี้

ตอนนี้เหล่าย่าทั้งสามก็ได้แต่นั่งร้อนใจกันอยู่ในห้องของซู่หว่านเหนียง โดยไม่มีใครกล้าพูดเรื่องนี้กับซู่หว่านเหนียงหรือมู่หยางหลิงเลย

ครึ่งชั่วโมงต่อมาหลังจากที่มู่ฉือออกจากบ้านไป ปากมดลูกของซู่หว่านเหนียงก็เริ่มเปิดออก แล้วความเจ็บปวดก็แล่นเข้าสู่โสตประสาททั้งหมดของซู่หว่านเหนียง มู่หยางหลิงจับมือแม่ไว้แน่นแล้วกระซิบข้างหูแม่ของนางว่า “ท่านแม่ ไม่เป็นไรนะจ้ะ ค่อย ๆ หายใจเข้าออกไปพร้อม ๆ กับย่าใหญ่นะ……”

พอมู่ฉือแบกหมอตำแยกลับมาถึงบ้าน ซู่หว่านเหนียงก็ร้องโอดครวญไปแล้วเกือบ 15 นาที

“เจ้าฉือมาแล้วรึ เร็วเข้า รีบพาหมอตำแยเข้ามาดูนางที เหมือนหัวเด็กจะอยู่ผิดตำแหน่งนะ”

มู่ฉือแบกหมอตำแยขึ้นหลังมาตลอดทาง ดังนั้นพอถึงหน้าบ้าน หมอตำแยก็ไม่ลังเลที่จะรีบวิ่งเข้าไปดูอาการของซู่หว่านเหนียงในทันที นางตรงเข้าไปยังห้องของซู่หว่านเหนียง แล้วจับซู่หว่านเหนียงถ่างขาออกดู คลำ ๆ หน้าท้องอยู่ซักพัก จากนั้นก็พูดขึ้นว่า “ตำแหน่งหัวท้ายปกติดี แต่ดูท่าตัวเด็กจะใหญ่ไปหน่อย ต้องรีบแล้วล่ะ ขอน้ำตาลแดงละลายน้ำอุ่นชามนึงให้แม่เด็กหน่อย” สั่งการจบนางก็หันมาพูดกับซู่หว่านเหนียงต่อ “เจ้าไม่ต้องร้องแล้ว ออมแรงไว้หน่อย เดี๋ยวข้าจะให้สัญญาณเจ้าเบ่ง เจ้าก็เบ่งตามที่ข้าสั่งนะ เจ้าเองก็คลอดลูกมาแล้วถึง 2 ครั้ง ครั้งนี้ก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไรสำหรับเจ้าแล้วล่ะ ทำตามที่ข้าสั่งก็จะดีเองนะ”

ความสงบนิ่งของหมอตำแย ทำให้ซู่หว่านเหนียงใจเย็นลง และเชื่อมั่นในสิ่งที่หมอตำแยกล่าว

แล้วหมอตำแยก็หันไปพูดกับย่าหลิวใหญ่ต่อว่า “ขอน้ำร้อนให้ข้าซักหม้อนึงด้วยนะ……”

จากนั้นซู่หว่านเหนียงก็เริ่มเจ็บท้องหนักขึ้นอีกครั้ง หมอตำแยจึงรีบหันมาจับแขนนางไว้ “หายใจเข้าลึก ๆ อั้นไว้ก่อน ใช่ อย่างนั้นหละ แล้วทีนี้ก็เบ่งงง เอ้า เบ่งเข้าอีก เร็วเข้า!”

ซู่หว่านเหนียงทำตามคำสั่งของหมอตำแย นางกัดปากล่างแน่น พร้อมกับบีบมือมู่หยางหลิงที่อยู่ข้าง ๆ ไม่ปล่อย แล้วเสียงของหมอตำแยก็ดังอยู่เป็นระยะ “ดีมาก เริ่มเห็นหัวเด็กแล้ว เอ้า สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ใช่ ลึก ๆ อย่างนั้นแหละ แล้วอั้นไว้ก่อนนะ แล้วก็เบ่งงงง ผ่อนลมออก เบ่งงงงง…… ไหล่ของเด็กออกมาแล้ว เบ่งอีกทีนะ……”

ซู่หว่านเหนียงสัมผัสได้ว่าลูกหลุดออกจากตัวของนาง จากนั้นก็ตามมาด้วยเสียงดีใจของหมอตำแย “ยินดีด้วย ยินดีด้วย เจ้าได้ลูกชาย”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+