อดีตกาลทหารแกร่ง สตรีกล้าแห่งสกุลมู่ 40 แลกเปลี่ยน ( 2 )

Now you are reading อดีตกาลทหารแกร่ง สตรีกล้าแห่งสกุลมู่ Chapter 40 แลกเปลี่ยน ( 2 ) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

มู่หยางหลิงให้พวกเขาดูกระต่ายของเธอและพูดว่า: "กระต่ายพวกนี้พ่อข้าไปล่ามาจากบนเขาเมื่อเช้า กระต่ายหนึ่งตัวแลกฝ้ายใหม่สองกิโล"

"แค่ตอนเช้า วันเดียวก็ได้มาเยอะขนาดนี้เลยเหรอ?"

มู่หยางใจกระตุกเล็กน้อย ก้มหน้าพูดเสียงเบา: "เราวางกับดักไว้ล่วงหน้าค่ะ บวกกับคนในครอบครัวมีกันเยอะ ก็เลยจับมาได้เยอะ ตอนนี้พวกเขายังอยู่บนเขาอยู่เลย มีข้าคนเดียวที่นำกระต่ายมาขายได้ เพื่อจะได้แลกเงินมาซื้อฝ้ายและของใช้อื่นเล็กน้อย แต่ถ้าไปตั้งแผงขายนอกจากต้องใช้เวลาแล้ว ยังต้องเสียภาษีอีก ดังนั้น … "

เถ้าแก่หลายคนเข้าใจเรื่องนี้ดี ก่อนจะพากันถอนหายใจ: "ภาษีการค้านี้ก็หนักขึ้นทุกวัน ไม่รู้ว่าหลังฤดูใบไม้ผลิปีหน้าข้าจะยังเปิดร้านไหวอยู่หรือไม่"

มู่หยางหลิงคิ้วกระตุกเล็กน้อย ภาษีการค้าขึ้นอีกแล้ว?

"ไม่มีเงินก็นำฝ้ายมาแลกแบบนี้ก็ไม่เลวนะ ไหนข้าขอดูกระต่ายของเจ้าหน่อยว่าจะเอาสักตัวกลับไปให้เด็กๆชิมเนื้อกระต่ายกันหน่อย"

นี่เป็นครั้งแรกที่มู่หยางหลิงทำแบบนี้ แต่คนเหล่านี้คงคุ้นเคยดีอยู่แล้ว เพราะปกติก็น่าจะมีคนจากชนบทเอาอาหารหรือสิ่งของอื่นๆมาแลกเปลี่ยนกับพวกเขาอยู่แล้ว ขอแค่หลีกเลี่ยงพวกเจ้าหน้าที่เก็บภาษีได้ ทุกคนก็ดูจะยินดีที่จะนำมาแลกเปลี่ยนกัน

ไม่นานมู่หยางหลิงก็เปลี่ยนกระต่ายกับฝ้ายไปสี่ตัว เธอนำฝ้ายใหม่ที่พวกเขานำมาแลก ยัดลงในกระสอบที่เธอเตรียมมา ก่อนจะสะพายไว้บนหลัง

เถ้าแก่เห็นว่ามู่หยางหลิงกำลังกลับแล้ว จึงถามขึ้นว่า "เจ้าอยากแลกเปลี่ยนของอะไรอีกมั้ย ในตะกร้าเจ้ายังกระต่ายอีกเจ็ดหรือแปดตัวนะ"

"ท่านแม่ของข้ากำลังตั้งครรภ์ข้าอยากแลกเปลี่ยนพวกน้ำตาลทรายแดง อินทผาลัม ลำไย ฯลฯ ไว้ให้ท่านแม่บำรุงร่างกายหน่อยค่ะ " ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงเสียดาย: "น่าเสียดายที่พวกร้านขายยาส่วนใหญ่เจ้าของร้านจะไม่มาเฝ้าร้านเอง มิฉะนั้นข้าก็อยากไปขอแลกเปลี่ยนพวกยาด้วย”

เถ้าแก่หัวเราะเล็กน้อยก่อนพูดขึ้น: "พวกยาคงแลกเปลี่ยนไม่ได้หรอก แต่พวกของเล็กๆน้อยๆเหล่านั้นไม่ใช่เรื่องยาก ข้าจะบอกให้นะ เจ้าเดินไปสุดถนนสายนี้จะมีร้านขายของชำอยู่ที่มุมซ้ายมือ เจ้าของร้านนั้นเป็นญาติคนหนึ่งของข้า ครอบครัวของเขามีกันอยู่หลายคน ฐานะครอบครัวก็พอใช้ได้ เจ้าลองไปขอแลกเปลี่ยนที่นั้นดู คิดว่าน่าจะมีให้เจ้าแลกแน่นนอน"

มู่หยางหลิงกล่าวขอบคุณเขาเสร็จ ก็เดินไปตามทางที่เขาแนะนำ ที่บ้านอาจจะไม่ได้ขาดอะไรมากนัก แต่พวกของใช้จำเป็นเล็กๆน้อยๆก็ยังขาดอยู่ไม่น้อย

เมื่อมู่หยางหลิงไปถึงที่ร้านขายของชำ เธอก็อธิบายความตั้งใจของเธอให้พวกเขาฟังตามตรง และบอกว่าเถ้าแก่ที่อยู่ใกล้ๆแนะนำมา เธอจึงสามารถแลกกระต่ายสองตัวกับอินทผลัมและน้ำตาลทรายแดงได้อย่างราบรื่น เธอยังได้ขนมเด็กมาด้วยอีกหนึ่งห่อ ของโปรดของเด็กๆ ก่อนจะเดินทางกลับบ้านอย่างพอใจ

มู่หยางหลิงไปหาพ่อของเธอ

เมื่อมู่ฉือออกมาจากร้านอาหาร กวางก็หายไปแล้ว ส่วนกระต่ายก็หายไปกว่าครึ่งเหลืออีกแค่ 7 ตัว พอเห็นว่ากระต่ายในตะกร้าของลูกสาวเหลืออยู่แค่หกตัว เขาก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก "ไปกันเถอะ ไปตลาดแผงลอยกัน"

"ท่านพ่อ ข้าได้ยินมาว่าภาษีการค้าขึ้นอีกแล้ว"

มู่ฉือขมวดคิ้วเล็กน้อย "เดี๋ยวเราลองไปถามดูเถอะ"

ภาษีการค้าเพิ่มขึ้นจริง แต่สำหรับขนาดแผงลอยของตระกูลมู่แล้วก็ดูไม่มากนัก แค่ต้องจ่ายเพิ่มขึ้นวันละห้าตำลึง แต่สะสมเรื่อยๆก็ไม่น้อย โดยเฉพาะสำหรับชาวบ้านอย่างพวกเขา ห้าตำลึงสามารถทำอะไรได้มากมาย

แต่จะไม่จ่ายก็ไม่ได้ ถ้าไปตั้งแผงขายด้านนอกแล้วถูกจับได้ สินค้าก็จะถูกยึดและต้องถูกปรับอีกด้วย

มู่ฉือเหลือบมองสิ่งของที่ลูกสาวแลกเปลี่ยนมาได้ ก่อนจะลูบหัวเธอเบาๆแล้วพูดว่า "พรุ่งนี้พ่อเข้าไปในเมืองดีกว่า ไปวันเว้นวัน เจ้าก็อยู่บ้านดูแลแม่และน้องชายแทน แลกเปลี่ยนเป็นของแบบนี้ก็คงไม่ใช่ทางออก บ้านเราเล็กของที่แลกมาเราก็ใช้ได้ไม่หมด แลกลับมาได้ก็จะทำประโยชน์อะไรได้? สู้เปลี่ยนเป็นเงินดีกว่า "

มู่หยางหลิงฟังมู่ฉือพูดแล้วก็หงอยไป ก่อนจะพูดขึ้น: "ข้าลืมข้อนี้ไป"

มู่ฉือยิ้มและพูดว่า "เจ้ายังเด็กอยู่ เจ้าคิดได้ขนาดนี้ก็ถือว่าเก่งมากแล้ว"

มู่หยางหลิงรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย จริงๆเธออายุไม่น้อยแล้วนะ

สองพ่อลูกขายกระต่ายจนหมด ก่อนจะซื้อข้าวสารเล็กน้อย แล้วพากันกลับบ้าน

มู่ฉือบอกภรรยาเกี่ยวกับเรื่องที่เขาจะเข้าไปในเมือง: "ขายแค่ในตำบลแบบนี้คงไม่ได้แล้วเนื่องจากกระต่ายได้มามาก ต่อไปข้ากับอาหลิงจะเข้าไปบนเขาช่วงเช้าด้วยกัน จากนั้นข้าจะเข้าไปในตัวเมืออำเภอ ส่วนอาหลิงจะส่งของให้ร้านอาหารในตัวเมืองตำบล ไปส่งของที่ร้านอาหารในตัวเมืองตำบล ใช้เวลาประมาณครึ่งชั่วโมงก็กลับมาแล้ว เจ้าก็ไม่ต้องให้อาหลิงขึ้นไปบนเขาอีกแล้วนะ ให้เธอพาน้องชายไปเล่นในหมู่บ้านเอา”

ซู่หว่านเหนียงพยักหน้ารับ: “ให้เธอเรียนรู้งานเย็บปักถักร้อยกับข้าดีกว่า อีกหน่อยแต่งงานออกเรือนไป เรื่อแบบนี้จะไม่รู้เลยไม่ได้ “

"ก็ดี ช่วงบ่ายก็ให้เธอเล่นหนึ่งชั่วโมงและเรียนเย็บปักถักร้อยหนึ่งชั่วแล้วกัน"

ทั้งสองกำหนดเวลาเรียนของมู่หยางหลิงไว้เรียบร้อย

มู่หยางหลิงเองก็มีการวางแผนให้ตัวเองไว้เช่นกัน เธอจะเข้าไปบนเขาในช่วงเช้า และจะออกจากเขาในเวลาประมาณสิบโมงเช้าเพื่อไปส่งของ พอส่งของเสร็จก็จะเดินทางกลับบ้าน ระยะทางไปกลับน่าจะไม่เกินหนึ่งชั่วโมง

สามารถกลับมาเล่นกับน้องชายได้หนึ่งชั่วโมง จากนั้นก็กลับบ้านไปกินข้าว ในช่วงบ่ายก็ยังสามารถพาพวกเด็กๆไปจับปลาและย่างกระต่ายกินกันได้ นอกจากนั้นยังสามารถไปเล่นเกมส์กันที่หุบเขาได้ด้วย ที่เธอเคยสัญญากับหลิวถิงไว้ว่าจะสอนหนังสือให้เขาสงสัยต้องเริ่มซะที …

ทันใดนั้นมู่หยางหลิงก็นึกถึงย่าใหญ่ขึ้นมา เธอลุกขึ้นมาทันที ดวงตาเป็นประกายแวววาบ ก่อนหน้านี้เธอยังกังวลอยู่เลยว่าจะหาเวลาที่ไหนหาแม่หมออะไรนั้นได้ไง ตอนนี้เห็นจะมีเวลาไปละ

มู่หยางหลิงยิ้มร้ายขึ้นมา แม้ว่าเธอจะไม่สามารถช่วยย่าใหญ่เอาทุ่งนาเหล่านั้นคืนกลับมาได้ แต่อย่างน้อยก็ยังพอมีวิธีให้ย่าใหญ่อยู่ในหมู่บ้านซีซานได้อย่างสบายใจมากขึ้น

มู่หยางหลิงกำหนดเป้าหมายหลังจากนี้ไว้ชัดเจน เช้าวันรุ่งขึ้นเธอก็ลุกขึ้นมาแต่เช้า หลังคลุมผ้านวมให้น้องชายเสร็จ เธอก็ลุกขึ้นไปล้างหน้าแปรงฟันแล้วเดินตามพ่อขึ้นไปบนเขา

เนื่องจากต้องเร่งเดินทางเข้าไปตัวเมืองในอำเภอ สองพ่อลูกจึงไม่ได้ออมแรงอีกต่อไป ทั้งสองพยายามจับกระต่ายให้ได้มากที่สุด

กระต่ายบนเขามีอยู่มาก แค่เดินลึกเข้าไปในป่าเล็กน้อยก็เจอเข้ากับโพรงกระต่ายสองโพรง มู่หยางหลิงใช้วิธีปิดปากโพรงแล้วรมควันใหกระต่ายออกมา วิธีนี้เร็วกว่าการยิงด้วยธนู พอกระต่ายออกมาเธอก็จะเลือกจับกระต่ายที่ตัวโตโยนลงในกระสอบ ส่วนตัวเล็กเธอก็จะปล่อยมันไป

“ท่านพ่อจะเอากระต่ายตัวเล็กไปด้วยสักตัวสองตัวไหมคะ ข้าได้ยินมาว่าเด็กๆ ในเมืองส่วนมากชอบเลี้ยงกระต่ายกัน ท่านพ่อเข้าไปในอำเภอก็เพราะต้องการไปหาพวกโรงแรมร้านอาหารที่รับซื้อกระต่ายอยู่แล้ว ถ้าท่านพ่อเอากระต่ายตัวเล็กไปด้วย ถึงเวลาก็ให้คนที่ดูแลโรงแรมหรือร้านอาหารนำไปฝากเด็กๆที่บ้าน หรือให้คุณชายคุณหนูเลี้ยงเล่นกันก็ดีนะคะ"

"กระต่ายสกปรกใครอยากเลี้ยงกัน? ข้าเคยได้ยินแค่ว่ากินกระต่ายและเลี้ยงม้าเลี้ยงแมว ไม่เคยได้ยินว่าเลี้ยงกระต่าย"

มู่หยางหลิงไม่ยอม "กระต่ายน่ารักกว่าแมวอีก"

มู่ชิหยิบกระต่ายขึ้นมา "กระต่ายตัวอ้วนแบบนี้ พวกคุณหนูๆจะอุ้มไหวไหม ท่านแม่ของเจ้าก็ไม่ชอบเลี้ยงกระต่ายเหมือนกัน แต่เธอเคยคิดที่จะะเลี้ยงแมว"

สำหรับมู่ฉือแล้วเรื่องความความสวยงานน่ารัก ภรรยาดูจะน่าเชื่อถือกว่าลูกสาวอยู่มาก อย่างน้อยภรรยาก็เคยเป็นลูกคุณหนูมาก่อน แต่ลูกสาว?

เอาเถอะ ไม่ใช่ว่าคนเป็นพ่อจะถ่อมตน แต่เด็กคนนี้เป็นเด็กในป่าเขาที่เอาแต่วิ่งเล่นไปทั่วป่าเขา เป็นเหมือนเด็กผู้ชายที่ยิ่งกว่าเด็กผู้ชายจริงๆอีก

มู่หยางหลิงทำอะไรไม่ได้เมื่อเห็นว่าพ่อน่าจะไม่เชื่อที่เธอพูด เธอจึงวิ่งไปหากระต่ายอีกทางและเจอเข้ากับรังกระต่ายอีกครั้ง คราวนี้เธอไม่ปล่อยกระต่ายตัวเล็กอีกแล้ว เธอจับมันใส่กระสอบพร้อมพูดว่า: "ถ้าถึงในเมืองแล้วยังมีชีวิตอยู่ ก็เอามันให้คนไปเลี้ยงแล้วกัน ท่านพ่อเชื่อข้าเถอะ เด็กๆทั้งหลายชอบเลี้ยงกระต่ายกระต่ายน่ารักนะ ดูลูกชายท่านพ่อซิมีความสุขกับการเลี้ยงกระต่ายแค่ไหน”

"นั่นเป็นเพราะน้องชายเจ้าไม่มีอะไรจะเลี้ยง เจ้าลองซื้อม้าให้เขาตัวหนึ่งซิ แล้วลองดูว่าเขาจะชอบเลี้ยงกระต่ายอยู่ไหม"

มู่หยางหลิงกระทืบเท้างอแง: “ มันจะเทียบกันได้ยังไงคะ? ม้าตัวหนึ่งเป็นเงินเท่าไหร่ กระต่ายตัวหนึ่งเป็นเงินเท่าไหร่ ถ้าเป็นข้าข้าก็ต้องชอบเลี้ยงม้าเหมือนกัน”

พอเห็นว่าลูกสาวเริ่มโกรธ มู่ฉือก็ไม่กล้าแกล้งเธออีก จึงตอบตกลง: "ก็ได้ ข้าจะจำไว้ พอเข้าไปในเมืองข้าก็จะให้กระต่ายน้อยกับเจ้าของร้านหรือคนดูแลร้านเอาไปเลี้ยง"

มู่หยางหลิงได้ยินแบบนั้นก็รู้สึกพอใจ

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด