อดีตกาลทหารแกร่ง สตรีกล้าแห่งสกุลมู่ 39 แลกเปลี่ยน ( 1 )

Now you are reading อดีตกาลทหารแกร่ง สตรีกล้าแห่งสกุลมู่ Chapter 39 แลกเปลี่ยน ( 1 ) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ท่านลุงช่วยเราทำกรงเลี้ยงกระต่ายหน่อยค่ะ เอาทั้งกรงเล็กกรงใหญ่ แล้วก็ขอสวยๆด้วยนะคะ"

"โอ้ ขอมากขนาดนั้นเลย?" หลิวต้าเฉียนหัวเราะเล็กน้อยก่อนจะเหลือบตามองกระต่ายในอ้อมแขนของบั๋วเหวินน้อย แล้วพยักหน้าพร้อมพูดว่า: "ไม่มีปัญหา เดี๋ยวข้าจะให้อาเจ้าไปตัดไม้ไผ่ ช่วยบ่ายข้าจะสานกรงอันเล็กให้เจ้าก่อน "

บั๋วเหวินน้อยมีสีหน้าดีใจขึ้นมาทันที: “งั้นข้าจะไปถอนหญ้าให้กระต่ายกินก่อน”

หลิวหยุ่นมองเขาอย่างอิจฉา แต่ไม่กล้าขอกระต่ายกับมู่หยางหลิงอีก ทำได้เพียงแค่จ้องมองเธออย่างน่าสงสาร

มู่หยางหลิงปฏิเสธสายตาอันน่าสงสารของเธอไม่ลง จึงพูดขึ้นยิ้มๆ: "ท่านลุงข้าไม่กล้ารับของท่านลุงอย่างเดียวหรอกค่ะ พอดีข้าจับกระต่ายที่ยังมีชีวิตอยู่ได้หลายตัว เอาไว้ให้น้องๆเลี้ยงกันดีไหมคะ กระต่ายอายุได้หนึ่งเดือน ก็ออกลูกได้แล้วค่ะ”

หลิวต้าเฉียนปรายตามองเด็กๆทั้งห้าเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้า: "ให้ตัวเมียหนึ่งตัว ตัวผู้หนึ่งตัวก็พอ"

มู่หยางหลิงยิ้มกว้าง ก่อนจะรีบคว้ากระต่ายในกระสอบออกมาอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นกระต่ายตัวเมีย 2 ตัว เธอนำตัวหนึ่งมอบให้หลิวหยุ่นและอีกตัวหนึ่งมอบให้หลิวหลุน ก่อนจะพูดต่อว่า: "ถ้ามันโตพอที่จะผสมพันธุ์ ก็พามาหาบั๋วเหวินนะ กระต่ายของเขาเป็นตัวผู้ "

หลิวหลุนและหลิวหยุ่นดีใจยิ้มกว้างจนเห็นแต่ฟันขาวๆ

หลิวหยุ่นอุ้มกระต่ายน้อยไปหาพี่ชายหลิวหยาง ในขณะที่หลิวหยุ่นก็วิ่งไปหา พี่ชายของเธอหลิวถิงกับพี่สาวหลิวหลง เด็กๆรวมตัวกันวางแผนว่าใครจะไปตัดหญ้าและใครจะเป็นคนรับผิดชอบทำความสะอาดกระต่าย …

มู่หยางหลิงคิดคำนึงไปถึงที่บ้าน เธอฝากบั๋วเหวินน้อยไว้ให้กับหลิวถิงที่ดูนิ่งขรึมกว่าคนอื่นๆ ก่อนจะพูดขึ้นว่า: "เจ้าช่วยข้าดูแลน้องชายครู่หนึ่งนะ ข้าจะเข้าไปในตัวเมืองหน่อย" ก่อนจะลดเสียงลงแล้วพูดอย่างจริงจัง : "อย่าให้เด็กในหมู่บ้านรังแกน้องชายข้านะ"

หลิวถิงพยักหน้าก่อนตบหน้าอกตัวเอง พร้อมพูดว่า: "ไม่ต้องกังวลมีฉันอยู่ ไม่มีใครกล้ารังแกน้องชายเจ้าแน่" แต่ในใจเขากลับคิดว่า มีพี่สาวเช่นเจ้า ต่อให้เก่งมาจากไหนเด็กๆในหมู่บ้านก็ไม่มีใครกล้ารังแกน้องชายเจ้าหรอก

จากนั้นมู่หยางหลิงก็แบกกระสอบกลับไป มู่ฉือเองก็ลงจากภูเขามาแล้ว เขาแบกกวางและกระต่ายจำนวนหนึ่งมาด้วย ขณะที่กำลังกังวลใจว่าจะขายเนื้อสัตว์ที่ล่ามาได้มากแบบนี้ยังไง

"ท่านพ่อให้ข้าเข้าไปกับท่านด้วยเถอะ"

มู่ชิถอนหายใจ: "ถ้ามันไม่ได้จริงๆ ก็ขายให้คนขายเนื้อในราคาถูกๆแล้วกัน"

"ไม่ได้นะคะ" มู่หยางหลิงพูดขึ้น "ทำแบบนั้นเราไม่ขาดทุนแย่เลยเหรอ?"

“ ถ้าอย่างนั้นเจ้าเห็นว่าอย่างไร กระต่ายขายไม่หมดเก็บไว้ก็จะเริ่มเหม็น พวกร้านอาหารก็ไม่ได้ใช้มากมายขนาดนี้ ขายที่ตลาดเต็มที่ก็น่าจะได้ไม่เกินสิบตัว ” มู่ฉือรู้สึกเสียดาย : "ในเมืองอาจมีคนกินเนื้อเยอะก็จริง แต่ก็น่าเสียดายที่มันไกลเกินไป … "

ถ้าหลังจากล่าสัตว์ได้ช่วงเช้าแล้วเดินทางเข้าไปในเมืองเลย ก็ต้องพักอยู่ที่นั้นคืนหนึ่ง มู่ฉือเป็นห่วงที่บ้าน แต่ถ้าเก็บกระต่ายไว้ข้ามคืนก็จะไม่สดอีก นี่ถ้าเป็นช่วงฤดูหนาวก็จะไม่น่ากังวลเช่นนี้

มู่หยางหลิงไม่รู้ว่าพ่อของเธอกังวลเรื่องอะไร จึงพูดว่า: "ถ้าไม่ได้จริงๆ เราก็เอามันแลกของ พอดีเลย ใกล้ฤดูหนาวแล้ว ฝ้ายต่างๆก็เก็บเกี่ยวเสร็จแล้ว บางทีเราอาจจะแลกผ้าห่ม ฝ้ายหรือของกินอะไรได้บ้าง ต้องลองดูก่อน ถ้ายังไม่ได้อีก ก็คงต้องเข้าไปในเมืองกัน บนภูเขามีกระต่ายค่อนข้างมาก ถ้าไม่ล่าก็น่าเสียดาย"

มู่ฉือจึงต้องพาลูกสาวไปด้วย และเพื่อทำเวลา มู่ฉือจึงอุ้มกวางและกระต่ายครึ่งหนึงไปที่ร้านอาหาร ขณะที่ให้มู่หยางหลิงแบกตะกร้าที่ใส่กระต่ายไว้เต็ม เดินขายไปตามซอกซอย

เธอมองหาร้านที่ขายผ้าฝ้ายก่อนเป็นอันดับแรก แล้วถามเจ้าของร้านว่า "เถ้าแก่นี่เป็นของท่านเหรอ?"

เถ้าแก่พยักหน้า: "ร้านของข้าเอง ทำไมเหรอ แม่นางกำลังหาซื้อผ้าฝ้ายหรือเปล่า?"

มู่หยางหลิงพยักหน้าและถามขึ้น "นี่เป็นผ้าฝ้ายใหม่หรือเปล่า"

"มีสินค้าใหม่เพิ่งมาเหมือนกัน แต่มีของที่เหลือจากปีที่แล้วซะมาก ถ้าแม่นางต้องการซื้อฝ้ายใหม่จำนวนไม่มากก็ยังพอมี แต่ถ้าจะซื้อเยอะก็ต้องรอของเข้ามาก่อน"

มู่หยางหลิงยิ้มและรีบตอบว่า: "ไม่เยอะ ไม่เยอะ ข้าต้องการไม่มาก" มู่หยางหลิงถามอีก: "เถ้าแก่ต้องการกระต่ายมั้ย?"

"กระต่าย?" เถ้าแก่ไม่เข้าใจว่าฝ้ายนี้เกี่ยวข้องกับกระต่ายยังไง?

มู่หยางหลิงหยิบกระต่ายสองตัวออกมาจากตะกร้าบนหลังแล้วพูดว่า "ครอบครัวของข้าเป็นคนล่าสัตว์ขาย และเราไม่ได้ปลูกฝ้าย ท่านแม่ของข้าจึงให้ข้านำกระต่ายมาขาย เพื่อซื้อฝ้าย แต่ที่ตลาดต้องจ่ายภาษีมาก และข้าก็ไม่ค่อยมีเวลา ข้าจึงอยากถามเถ้าแก่ว่าสามารถแลกเปลี่ยนกับท่านได้ไหม”

หลังจากได้ยินแบบนั้น เถ้าแก่ก็หันซ้ายและหันขวาพอเห็นว่าไม่มีใครสอดส่องอยู่ เขาก็กระแอมเล็กน้อย ก่อนจะรีบพูดขึ้น: "เข้ามาคุยในบ้านเถอะ"

มู่หยางหลิงรู้ว่ามีโอกาศแล้ว จึงรีบตามเข้าไป

เถ้าแก่มองไปในตะกร้าบนหลังเธอแล้วขมวดคิ้วเล็กน้อย "ทำไมมีกระต่ายเยอะจัง คงไม่ใช่กระต่ายค้างคืนหรอกนะ?"

"ไม่ค้างคืน ไม่ค้างคืน เมื่อเช้านี้พวกข้าเพิ่งไปล่ามา ถ้าไม่เชื่อเถ้าแก่ก็ลองจับดูตัวยังนิ่มอยู่เลย"

เถ้าแก่ลองจับดูแล้วมันก็ยังดูนิ่มๆอยู่ เลือดก็ยังอุ่นๆด้วย อาจเพราะได้รับบาดเจ็บหนักเพิ่งตายได้ไม่นาน เขาจึงวางใจ เห็นแบบนั้นแล้วก็ถามขึ้นว่า "แล้วเจ้าอยากจะแลกเปลี่ยนยังไง ?”

มู่หยางหลิงไม่เคยทำการแลกเปลี่ยนแบบนี้มาก่อน จึงได้แต่มองไปที่เถ้าแก่อย่างไม่แน่ใจ

เถ้าแก่จึงพูดขึ้นเมื่อสังเกตได้ว่ามู่หยางหลิงไม่เคยทำการแลกเปลี่ยนแบบนี้มาก่อน : "กระต่ายของเจ้าราคาน่าจะ 60 หรือ 70 ตำลึงเท่านั้น ส่วนผ้าฝ้ายใหม่ของข้า80กว่าตำลึง ถ้าจะเอามาแลกเปลี่ยนกับฝ้าย ข้าคงให้เจ้าได้แค่กระต่างหนึ่งตัวแลกกับฝ้ายหนึ่งโลครึ่ง เป็นไง?”

มู่หยางหลิงขมวดคิ้ว หนังกระต่ายบวกกระต่ายยังไงก็ขายได้แปดสิบกว่าตำลึง: “เถ้าแต่ให้ราคาต่ำไปหน่อยนะ”

เถ้าแก่พูดขึ้นอีก: "แม้ว่าราคามันจะต่ำไปหน่อย แต่เจ้าไม่ต้องไปเสียภาษีนี่นา ถ้าเจ้าไปตั้งแผงขายในตลาด ก็ต้องมีเจ้าหน้าที่มาเก็บภาษี ถ้าพวกเจ้าหน้าที่หักเยอะหน่อย ที่เหนื่อยมาทั้งวันก็ไม่ได้อะไรแล้ว" สีหน้ามู่หยางหลิงยังคงนิ่ง อย่างไม่เต็มใจนัก เขาจึงพูดขึ้นอีก: "เนื้อกระต่ายนี้ดี แต่ในตอนนี้จะมีสักกี่คนที่ยอมซื้อกระต่ายกิน นี่เห็นว่าเจ้าต้องการแลกเปลี่ยนกับสิ่งของ ข้าจึงยอมแลกด้วย แต่ถ้าเจ้าให้ข้าซื้อด้วยเงินข้าก็คงไม่ซื้อ "

เถ้าแก่ไม่ได้โกหก ขนาดเอามาแลกเปลี่ยนกับสิ่งของ เขาเองยังต้องคิดอยู่ครู่ใหญ่เลย ถ้าจะให้เขาเอาเงินมาซื้อ เขาก็อาจจะเลือกที่จะนำเงิน 20 ตำลึงไปซื้อเนื้อหมูครึ่งกิโลมากินดีกว่า

"ถ้าเจ้ายินดีจะแลกเปลี่ยน ข้าก็จะช่วยแนะนำบ้านอื่นที่อยากแลกเปลี่ยนแบบนี้ให้เจ้าได้อีกนะ ครอบครัวที่อยู่ในบริเวณใกล้เคียงนี้ฐานนะค่อนข้างดี ถ้าจะให้นำฝ้ายสักหนึ่งหรือสองกิโลมาแลกกับตระต่ายหนึ่งตัว ดูแล้วก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร"

ถ้ามีเถ้าแก่แนะนำแบบนี้ก็น่าจะไว้ใจได้ มู่หยางหลิงลังเลอยู่ครู่หนึ่งก็ตอบตกลง เพราะยังไงก็ตามกระต่ายพวกนี้เก็บไว้ก็ขายไม่ได้อยู่แล้ว

พอมู่หยางหลิงตอบตกลง เถ้าแก่ก็ยิ้มอย่างมีความสุข หลังจากนั้นก็เริ่มเลือกกระต่ายก่อนจะได้กระต่ายที่สดและตัวใหญ่อ้วนมาหนึ่งตัว มู่หยางหลิงยกมุมปากขึ้นอย่างอดไม่ได้ ก่อนพูดเสียงเบา: "กระต่ายตัวนี้ อย่างน้อยก็น่าจะสามโลกว่าเป็นแน่ "

เถ้าแก่ได้ยินมู่หยางหลิงพูดแบบนั้นแล้วก็ยิ้มกว้างอย่างดีใจ เนื้อกระต่ายสามโลกว่าเพียงพอสำหรับครอบครัวของเขากินกันถึงสี่ห้าวันแล้ว แต่เขาให้ฝ้ายไปไม่ถึงหนึ่งกิโล เขารู้สึกว่าการแลกเปลี่ยนครั้งนี้เขาเป็นคนได้เปรียบเห็นๆ ดังนั้นเขาจึงตั้งใจว่าจะแนะนำลูกค้าให้เธอเพิ่ม หลังจากเขาไปช่างฝ้ายให้เธอเกือบหนึ่งกิโลเสร็จ ก็พูดขึ้น: “เก็บไว้ให้ดีนะ ฉันจะบอกพวกเขาว่าฝ้ายสองกิโลกรัมแลกกระต่ายหนึ่งตัว แบบนี้ดีมั้ย เห็นมั้ยลุงก็มีคุณธรรมอยู่มากนะ?”

ทันใดนั้นมู่หยางหลิงก็ยิ้มเต็มหน้า ก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงดีใจ: "ขอบคุณท่านมาก" ก่อนจะหยุดคิดเล็กน้อย แล้วก็หยิบกระต่ายตัวเล็กในตะกร้าออกมายื่นให้เขา: "ท่านน้า พวกเจ้าหน้าที่เห็นว่าข้าเป็นเด็กน้อยรังแกง่าย บางทีข้าอาจจะไม่ไปขายที่แผงขายเพื่อแลกเงินอีก แต่ข้าคงต้องแลกกับของแทน ยังไงก็รบกวนท่านน้าช่วยดูข้าด้วยนะ เพราะท่านน้าคุ้นเคยสนิทสนมกับผู้คนถนนเส้นนี้อยู่แล้ว รบกวนท่านช่วยข้าด้วยนะ "

"ได้ๆ" เถ้าแก่รับกระต่ายไว้ด้วยความดีใจ ก่อนจะพูดว่า "เจ้ารอข้าก่อน ข้าจะออกไปคุยกับพวกเขา รับรองว่าได้ฝ้ายใหม่ๆมาแน่”

คนทำค้าชายถึงจะไม่พูดจริงไปสักทุกอย่าง แต่อย่างน้อยพวกเขาก็พูดเก่ง เถ้าแก่เพิ่งออกไปได้ไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ด้านหลังก็มีคนตามเข้ามาถึงสามสี่คน ในมือทุกคนต่างมีถุงมาด้วย

“ ฉันได้ยินว่ามีคนอยากแลกเปลี่ยนฝ้ายกับกระต่าย?”

มู่หยางหลิงได้ยินแบบนั้นก็รีบลุกขึ้นยืนอย่างประหม่า "สวัสดีค่ะเถ้าแก่ทุกท่าน ข้าเองที่ต้องการแลกเปลี่ยนของกับกระต่าย"

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด