อดีตกาลทหารแกร่ง สตรีกล้าแห่งสกุลมู่ 6 ย่าใหญ่

Now you are reading อดีตกาลทหารแกร่ง สตรีกล้าแห่งสกุลมู่ Chapter 6 ย่าใหญ่ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

มู่ฉือใช้มือลูบหัวของลูกสาวแล้วพูดว่า " คำว่าการเอาเปรียบไม่ใช่จะเอาเปรียบกันแบบนี้ พ่อกับหอเพียวเซียงรู้จักและร่วมงานกันมานานเกือบสิบปีแล้ว พ่อย่อมเข้าใจพวกเขามากกว่าลูก ร้านของพวกเขามีผู้จัดหามากมายหลายเจ้า หลายสิบปีที่ผ่านมานี้ไม่รู้ว่าเปลี่ยนไปกี่เจ้าแล้ว มีแต่พ่อของลูกคนนี้ที่ยังได้ร่วมมือกับเขาอยู่ทั้งหมดนี้ไม่เพียงแต่เพราะพ่อสามารถส่งของให้พวกเขาอย่างสม่ำเสมอ แต่เป็นเพราะพ่อเป็นคนซื่อสัตย์ราคาก็ยุติธรรมด้วย "

“ แต่หอเพียวเซียงทั้งร่ำรวยและมั่งคั่งยังจะสนใจรางวัลแค่นี้อยู่อีกหรือ” มู่หยางหลิงคิดเสมอว่าเงินส่วนที่เหลือที่ว่าเป็นรางวัลตอบแทนจะต้องไม่รวมอยู่ในราคาสินค้าด้วย คนสมัยใหม่นี้ชอบให้รางวัลเป็นการตอบแทน แต่จริงๆแล้วคนรวยในสมัยโบราณยิ่งชอบ ถ้าอารมณ์ดีก็จะให้เงินใบไม้เป็นการตอบแทน ถ้าชอบใจหรือพอใจมากก็จะให้ทองใบไม้เป็นการตอบแทนอีกด้วย มู่หยางหลิงชอบไปเห็นพวกนายท่านหรือนายหญิงให้ในตลาดพวกเขาจะตอบแทนกันแบบนั้น

ยังมีพวกคุณชายชอบเอาจี้หยกที่ห้อยอยู่ในตัวหรือพัดลมไม้ในมือให้เป็นการตอบแทน สำหรับพวกเขาแล้วของเหล่านั้นอาจจะไม่ใช่ของมีค่าอะไร แต่สำหรับมู่หยางหลิงและคนอื่นๆนั้นมีค่ามากกว่าพวกเงินใบไม้ทองใบไม้เยอะเลย

เพราะใบไม้เงินที่เอาออกมาจ่ายหรือเป็นรางวัลนั้นส่วนใหญ่จะมีค่าเพียง6-8เฟินเท่านั้น แต่จี้หยกอันหนึ่งหรือพัดลมไม้อันหนึ่งมีค่าหลายตำลึงเงิน

" ถึงแม้ว่าหอเพียวเซียงจะร่ำรวยและมีความมั่งคั่งก็จริงแต่ก็ไม่มีเหตุผลอะไรในการต้องมาตอบแทนคน ถ้าครั้งนี้คนที่ให้รางวัลเป็นเถ้าแก่ร้านหอเพียวเซียงเอง พวกเราแค่กล่าวขอบคุณก็พอแล้วแต่ครั้งนี้คนที่ตัดสินใจเป็นผู้จัดการจาง เขาเป็นแค่คนที่ช่วยบริหารที่เขาช่วยเราส่วนใหญ่น่าจะเกิดจากความยากลำบากของครอบครัวเรามากกว่า ก็เลยหาโอกาสหนึ่งเพื่อช่วยเหลือเรา ถึงแม้ว่าจะเป็นเช่นนี้ก็จริง เราก็ไม่อาจให้เขาต้องทำงานลำบาก ไม่ต้องพูดถึงว่าเราควรจะเสริมเงินส่วนที่เกินออกมาให้เต็มอย่างไร เราควรจะแถมสัตว์เหล่านั้นให้กับหอเพียวเซียงบ้าง เพื่อปิดปากของผู้อื่นไม่ให้พูดมั่วซั่ว " มู่ฉืออยู่เพียงคนเดียวหลังจากที่พ่อแม่ของเขาจากไป ดังนั้นเขาย่อมฉลาดกว่าลูกสาวของเขามาก ในแง่ของความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์เขาสามารถทำได้ดีกว่าและสามารถปฏิเสธต้านทานการล่อลวงทุกรูปแบบ

มู่หยางหลิงก้มหัวลงเพื่อไตร่ตรองจากนั้นก็กล่าวอย่างจริงจังว่า " ท่านพ่อ ข้าอยากประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็วจนรีบร้อนเกินไป ข้าเทียบท่านไม่ได้จริงๆ"

มู่ฉือหัวเราะเสียงดังขยี้ผมลูกสาวอย่างขบขันแล้วพูดว่า " อาหลิงเอย เจ้าเพิ่งจะอายุเท่าไหร่เองแล้วพ่ออายุเท่าไหร่ ตอนนี้ก็อยากเก่งกว่าพ่อ เจ้ายังต้องเรียนรู้อีกเยอะ"

มู่หยางหลิงโค้งริมฝีปากแล้วพูดอย่างเงียบๆว่า ถ้าเอาอายุในอดีตชาติของตนมาบวกกับอายุเก้าปีของชาตินี้ ตนแก่กว่าท่านพ่ออีก แต่น่าเสียดายที่ต้องใช้เวลาอยู่ในมหาวิทยาลัยกว่าจะได้เรียนจบออกมาเข้าสู่กองทัพ ถึงแม้ว่าจะไม่มีช่วงการต่อสู้หรือต้องเผชิญหน้ากับชาวบ้านและญาติหรือพวกโจร แต่ด้านประสบการณ์ของเธอนั้นสามารถเขียนเป็นนิทานได้แล้ว

มู่หยางหลิงรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อย

มู่ฉือเห็นแล้วรู้สึกตลกมาก ลูกสาวเพิ่งจะอายุเก้าขวบ ซึ่งปกติเขามักจะคิดว่าเธอนิ่งจนเกินไปจนไม่มีความเป็นเด็กเอาซะเลย แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าเด็กคนนึ้กำลังเลียนแบบการเป็นผู้ใหญ่อยู่ทำให้เธอปกปิดความเป็นเด็กของตัวเองเอาไว้

พอมู่ฉือคิดถึงเรื่องนี้กลับรู้สึกกังวลเล็กน้อย ไม่รู้ว่าทำไมเด็กคนนี้ถึงไม่ชอบเล่นกับเด็กๆในหมู่บ้าน ถ้าเธอสามารถเล่นกับเด็กๆในหมู่บ้านบางทีเธออาจจะมีชีวิตชีวามากกว่าตอนนี้ก็ได้

ขณะที่มู่ฉือกำลังคิดว่าจะทำยังไงให้ลูกสาวได้สนิทกับเด็กๆในหมู่บ้านให้มากขึ้นก็โดนมู่หยางหลิงดึงแขนเสื้อ

มู่ฉือหันหน้าลงไปมองเธอ

มู่หยางหลิงชี้ไปทางซ้ายแล้วพูดว่า "ท่านพ่อ มีคนกำลังเรียกท่านน่ะ " คนๆนั้นกำลังเรียกมาทางเขาว่า "มู่ฉือ" ดูแล้วน่าจะกำลังเรียกพ่ออยู่หรือเปล่า มู่หยางหลิงเคยได้ยินท่านลุงเรียกพ่อแบบนี้

มู่ฉือหันหน้าไปมองตามมือที่มู่หยางหลิงชี้ เห็นว่าเป็นหญิงชราร่างหลังค่อมในมือถือตะกร้ากำลังมองมาทางเขาอย่างไม่แน่ใจ เมื่อเห็นเขามองไปก็ตะโกนเรียกอย่างไม่แน่ใจว่า “ มู่ฉือ”

มู่ฉืออ้าปากด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย จากนั้นก็สังเกตมองรูปร่างหน้าตาของหญิงชราอย่างละเอียด “ ท่านป้าใหญ่”

หญิงชรายิ้มออกมาด้วยความโล่งใจทันที แล้วเดินมาพร้อมกับมือในตะกร้าอีกมือหนึ่งก็จูงมือเด็กผู้หญิงคนหนึ่งไว้อย่างยิ้มๆ " เป็นมู่ฉือจริงๆด้วย ทีแรกป้าใหญ่คิดว่าจำผิดคนเสียอีก"

มู่ฉือรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย “ ท่านป้าใหญ่มาจ่ายตลาดด้วยหรือ นี่หลานชายรู้สึกว่าไม่ได้เจอท่านป้าใหญ่มาประมาณสามสี่ปีแล้ว”

หญิงชราพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม " ใช่สิ สามหรือสี่ปีแล้วที่ไม่ได้เจอหน้ากัน" นางเห็นมู่หยางหลิงที่ยืนอยู่ข้างๆมู่ฉือแล้วถามว่า " นี่คงจะเป็นอาหลิงลูกสาวคนโตของหลานใช่ไหม "

"ใช่ขอรับ" ขณะที่มู่ฉือกำลังพูดก็ดึงลูกสาวเข้ามา " นี่เป็นท่านย่าใหญ่ของลูก รีบทักทายหน่อยเร็ว"

มู่หยางหลิงตกตะลึงไปชั่วขณะ หลังจากนั้นไม่นานก็คำนึกได้ว่านี่น่าจะเป็นย่าคนโต เธอเกร็งตัวยิ้มกว้างแล้วตะโกนออกไปว่า "ท่านย่าใหญ่สวัสดีเจ้าค่ะ"

"ดี ดี" เห็นได้ชัดว่าท่านย่าใหญ่ค่อนข้างที่จะดีใจยืนมือเข้ามาลูบหัวของมู่หยางหลิงไปมาอย่างเอ็นดู จากนั้นก็หยิบเหรียญยัดไปในมือมู่หยางหลิงห้าอีแปะ " นี่คือน้ำใจจากย่าใหญ่ รีบรับไว้สิ "

มู่หยางหลิงลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วมองไปยังมู่ฉือ เมื่อเห็นว่ามู่ฉือพยักหน้าก็รีบรับเงินห้าอีแปะนั้นไว้แล้วกล่าวคำขอบคุณว่า " ขอบคุณค่ะท่านย่าใหญ่"

ย่าใหญ่ดีใจใหญ่เลย " อาหลิงโตขึ้นเยอะมากเลยแถมยังเป็นเด็กดียังมาช่วยพ่อขายของด้วย น้องชายที่อยู่บ้านก็น่าจะอายุห้าขวบแล้วสินะ "

" ใช่ ถึงฤดูหนาวของปีนี้ก็ห้าขวบแล้ว "

ย่าใหญ่พูดด้วยความเศร้าสร้อย" ก็นั่นน่ะสิ ในตอนนั้นที่พี่ฟู่กุ้ยเกิดเรื่องภรรยาของหลานกำลังจะคลอดลูกพอดี แค่ชั่วพริบตาก็ห้าปีผ่านไปแล้ว "

ใบหน้าของมู่ฉือเศร้าขึ้นมาเล็กน้อย ถึงแม้จะเห็นว่าเสื้อผ้าของนางดูเรียบร้อยแต่ก็เต็มไปด้วยรอยปะเต็มไปหมด มู่ฉือจึงถามขึ้นมาอย่างห่วงใยว่า " ท่านป้าใหญ่ หลายปีที่ผ่านมาเป็นนี้เป็นอย่างไรบ้าง "

" ก็ยังพอไปได้ ป้าใหญ่ยังไปไหนมาไหนได้อยู่ ตอนนี้ยังทำนาอยู่สองสามไร่เพื่อเลี้ยงดูหลานสาวสองคน "

แต่มู่ฉือกับมู่หยางหลิงรู้ดีว่าท่านย่าใหญ่น่าจะไม่ได้สบายอย่างที่พูดอย่างแน่นอน เสื้อผ้าที่นางสวมใส่นั้นเต็มไปด้วยรอยปะมือของนางเต็มไปด้วยรอยแตกลึกๆ สามารถเห็นได้อย่างชัดเจนว่านี่คือร่องรอยการทำงานหนักจนเกินไป แต่ใบหน้ากลับเต็มไปด้วยรอยยิ้ม แต่เด็กผู้หญิงที่ยืนอยู่ข้างๆนางก็สวมเสื้อผ้าที่ขาดรุ่งริ่ง มือของนางเต็มไปรอยแตกลึกๆอย่างกับทำงานหนักเหมือนกัน นิ้วมือของเธอเต็มไปด้วยโคลนสีดำตัวผอมเล็ก ดวงตาของนางเอาแต่จ้องมองเนื้อสัตว์ที่อยู่บนตัวของพวกเธอตั้งแต่ที่เจอกัน ถ้าจะพูดให้ถูกก็คือสายตาของอีกฝ่ายเฝ้ามองแต่เนื้อสัตว์อย่างไม่กระพริบตาเลย

ตอนที่ท่านย่าใหญ่ให้เงินมู่หยางหลิงห้าอีแปะยังเงยหน้าขึ้นมามองเธออยู่ครู่หนึ่ง สายตาของท่านย่าใหญ่เต็มไปด้วยความเศร้าและกังวล ยิ่งไปกว่านั้นยังมีความเสียดายเล็กน้อย

มู่หยางหลิงดูจากสถานการณ์ของอีกฝ่ายทั้งๆที่ยากลำบากมาก ทำให้รู้สึกว่าเงินห้าอีแปะที่อยู่ในกระเป๋าเสื้อร้อนผิวหนังตัวเองยังไงไม่รู้

ในขณะที่มู่หยางหลิงกำลังครุ่นคิดอยู่นั้น ท่านย่าใหญ่กับท่านพ่อก็ได้ถามถึงทุกข์สุขดิบกันเสร็จเรียบร้อยแล้ว ท่านพูดอย่างยิ้มๆว่า " งั้นพวกเจ้ารีบไปตั้งแผงขายของกันเถอะ ตอนนี้ก็เที่ยงแล้ว เดียวจะหาที่ดีๆไม่ได้ ป้ากับหลานสาวก็กำลังจะกลับละ " ที่จริงท่านย่าใหญ่เอาไข่ไก่ที่บ้านมาขาย ตอนนี้ขายหมดแล้วก็ต้องกลับเป็นเรื่องธรรมดา เพราะสถานที่ที่พวกเธออยู่นั้นไกลจากตัวตำบลมาก

มู่ฉือก็เลยหยิบไก่ป่ากับกระต่ายจากรถเข็นอย่างละตัวยัดไปให้พวกเธอ “ ท่านป้าใหญ่ นี่สำหรับให้หลานสาวทั้งสองคนนี้บำรุงร่างกายหน่อย ”

“ ไม่ต้องหรอก” ท่านย่าใหญ่ทำการปฏิเสธ “ นี่มันเป็นสิ่งที่พวกเจ้าใช้ชีวิตไปแลกมา พวกเจ้าไม่เหมือนกับเรา พวกเรายังสามารถทำนาปลูกข้าวแต่พวกเจ้าต้องใช้สิ่งเหล่านี้เพื่อแลกเปลี่ยนอาหารเพื่อเลี้ยงชีพ จะให้มารับเอาไว้ได้อย่างไรกันรีบเอากลับไปเถอะ”

มู่หยางหลิงรีบพูดขึ้นว่า "ท่านย่าใหญ่รีบรับไว้เถอะ ท่านพ่อล่าสัตว์เก่งมาก พรุ่งนี้ค่อยเข้าป่าไปล่าใหม่ก็ได้"

" ใช่ขอรับ ท่านป้าใหญ่ ท่านรีบรับเอาไว้เถอะ หลานสาวคนเล็กก็อายุเจ็ดขวบแล้ว อาหารบำรุงพวกนี้ขาดไม่ได้ บ้านของเราอาจจะไม่มีอย่างอื่นแต่เรื่องเนื้อสัตว์พวกนี้ไม่เคยขาดเลย " มู่ฉือยัดลงไปยังตะกร้าของท่านย่าใหญ่.

ใบหน้าของท่านย่าใหญ่แดงขึ้นอย่างละอาย เมื่อหันไปเห็นหลานสาวตัวน้อยของตัวเองที่ยืนอยู่ข้างๆก็ไม่อาจพูดปฏิเสธได้อีก

ย่าใหญ่พึมพำ“ งั้น ต้องขอบคุณหลานชายมาก” ย่าใหญ่ดึงหลานสาวตัวน้อยเข้ามาแล้วพูดว่า “ ซิ่วหลาน รีบกล่าวขอบคุณท่านลุงเขาเร็ว”

"ขอบคุณท่านลุงมาก"

"อืม ดี" จากนั้นมู่ฉือยังล้วงเอาเงินในกระเป๋าออกมาให้ห้าอีแปะยัดไปให้ซิ่วหลานในมือ แล้วลูบหัวของเธอด้วยมือใหญ่ของตัวเองแล้วยิ้ม " ต้องกินข้าวดีๆนะ จะได้เติบโตไวๆ"

ซิ่วหลานยิ้มอย่างเขินอาย

ท่านย่าใหญ่อ้าปากค้าง ตาแดงก่ำ ไม่ได้พูดปฏิเสธอะไร

###银叶子 ใบไม้เงิน ลักษณะเหรียญเงินที่เป็นรูปใบไม้ เป็นเครื่องประดับที่มีราคา

###เงินจีนมีทั้งแบบที่เป็นธนบัตร (钞票 Chāo piào เชาเพี่ยว) และเงินเหรียญ (硬币 Yìng Bì อิ้งปี้)

ธนบัตรของจีนแบ่งออกเป็น 100 หยวน, 50 หยวน, 20 หยวน, 10 หยวน, 5 หยวน และ 1 หยวน

นอกจากนี้ยังมีธนบัตรและเงินเหรียญที่มูลค่าน้อยกว่านี้ ได้แก่ 1 และ 5 เจี๋ยว (角) ซึ่งภาษาพูดเรียกว่า เหมา (毛)

และยังมี 1, 2 และ 5 เฟิน (分) โดยเงินเฟินจะมีมูลค่าน้อยที่สุด

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด