สุดยอดชาวประมง (极品小渔民)บทที่ 130 ช่วยชีวิตผู้คน

Now you are reading สุดยอดชาวประมง (极品小渔民) Chapter บทที่ 130 ช่วยชีวิตผู้คน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 129 เกิดอุบัติเหตุกับเว่ยตงจื่อ[รีไรท์]

บทที่ 129 เกิดอุบัติเหตุกับเว่ยตงจื่อ[รีไรท์]
จากนั้นฉู่เหินก็ได้ยินเสียงดังลั่นมาจากในโทรศัพท์ แม้ว่าชายชราจะพูดมากและไม่ค่อยรู้เรื่อง แต่ฉู่เหินก็จับใจความได้ว่าเว่ยตงจื่อนั่นไม่ได้อยู่บ้านและไม่ได้โทรหาที่บ้านกว่า 10 วันแล้ว
แม้ว่าเขาจะไม่ค่อยได้ติดต่อกับเว่ยตงจื่อมากนัก แต่เขาก็รู้ว่าเว่ยตงจื่อไม่ใช่คนแบบนั้น เพื่อนของเขาเป็นลูกกตัญญูแน่นอน! ต่อให้เว่ยตงจื่อยุ่งมากจนหาเวลาไม่ได้ อย่างน้อยเพื่อนเขาก็จะติดต่อแม่ทุก ๆ คืนเสมอ เพื่อให้คนที่บ้านสบายใจ เพื่อนของเขาคนนี้เวลาที่เจออาหารที่ไหนอร่อย ๆ เขาก็มักจะนำกลับมาให้แม่เขาด้วยเสมอ
มีหรือที่ลูกกตัญญูแบบนี้จะไม่ติดต่อหาแม่ของตนเลยกว่า 10 วันแล้ว? ดังนั้นไม่ต้องคิดอะไรให้มากความ ฉู่เหินรู้แน่ชัดแล้วว่าต้องมีอะไรเกิดขึ้นแน่ ๆ เพียงว่าตอนนี้เขาไม่คุ้นเคยกับเมืองจิงเหมิน ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถออกไปตามหาเว่ยตงจื่อได้ ถ้าชายหนุ่มต้องการที่จะตามหา อ่า…แค่คิดถึงมัน ฉู่เหินก็ขมวดคิ้วเป็นปมแล้ว!
ในขณะเดียวกันนั้นเอง หวงเจิน เขาก็กำลังมองดูของที่ลูกสาวตัวเองนำมาให้ ในความเป็นจริงมันไม่มีอะไรนอกจากปลาเกล็ดขาวย่างกับจดหมายถึงครอบครัวฉบับเดียว ใจความในจดหมายของหวงม่านอิ่งนั้น เธอได้เขียนอธิบายกับพ่อของเธอไว้ถึงสาเหตุที่ฉู่เหินมายังเมืองจิงเหมิน ซึ่งนั่นก็เป็นเพราะว่าเขาเจอเข้ากับปัญหา และเธอก็เขียนย้ำไว้ด้วยอีกว่าให้พ่อของเธอ หรือหวงเจินนั้น ช่วยเพื่อนคนนี้ของเธอหน่อย
จริง ๆ แล้วต่อให้ไม่มีจดหมายฉบับนี้ ตาลุงคนนี้ก็พร้อมที่จะช่วยฉู่เหินอยู่แล้วโดยไม่มีเงื่อนไข ถ้าเขาไม่ช่วย เขาเองก็ไม่รู้ว่าจะอธิบายม่านอิ่งยังไง
“ฉู่เหิน มีเรื่องอะไรหรือเปล่า? ทำไมไม่มาคุยกันหน่อยล่ะ?” หวงเจินถามด้วยรอยยิ้ม
“ไม่หรอกครับลุง เรื่องเล็กน้อยน่ะ ผมไม่รบกวนลุงดีกว่า” ฉู่เหินรู้ดีว่าครอบครัวนี้มีเส้นสายมากมาย แต่ชายหนุ่มก็ไม่อยากจะยุ่งอะไรมากซักเท่าไหร่ ไม่งั้นมันจะเป็นเรื่องที่งามหน้าเกินไป ยิ่งไปกว่านั้น เขาก็ไม่อยากไปสร้างความเดือดร้อนให้กับตระกูลหวง
“ถึงจะไม่บอก แต่ฉันก็รู้อยู่แล้วละนะ ม่านอิ่งอธิบายให้ฉันฟังในจดหมายแล้ว ดูเหมือนว่าเธอยังไม่ได้บอกซินะว่าฉันทำงานอะไรที่จิงเหมิน?” หวงเจินจิบชาแล้วยิ้มให้กับเขา
ฉู่เหินเกาหัวอย่างอาย ๆ เขาไม่รู้จริง ๆ ว่าหวงเจินทำงานอะไร เมื่อเห็นท่าทางที่เขินอายของฉู่เหิน หวงเจินก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา
“เด็กโง่เอ๊ย มีเรื่องอะไรก็บอกมาเถอะ แต่ต้องเป็นเรื่องที่ไม่ผิดกฎหมายนะ!” หวงเจินมองหน้าฉู่เหินก่อนแล้วจึงพูดต่อ “ฉันเป็นเลขานุการของคณะกรรมการพรรคเทศบาลเมืองจิงเหมิน บอกมาเถอะ ฉันสามารถช่วยได้!”
เมื่อได้ยินแบบนี้ฉู่เหินก็ตะลึง ถึงเขาจะคิดว่าหวงเจินนั้นมีอำนาจมากก็จริง แต่ชายหนุ่มก็ไม่คิดเลยว่าชายตรงหน้าเขานั้นจะเป็นถึงเจ้าหน้าที่รัฐระดับสูงของเมืองนี้ได้ ใคร ๆ ก็รู้ว่าเมืองจิงเหมินนั้นไม่ใช่เมืองเล็ก ๆ เลย ดังนั้นอำนาจของเขาจะต้องยิ่งใหญ่มากแน่ ๆ
หลังจากที่ฉู่เหินคิดเกี่ยวกับมัน เขาก็พร้อมที่จะบอกเล่าเรื่องราวของตัวเองแล้ว ท้ายที่สุดถ้าหวงเจินช่วยเขา มันน่าจะสะดวกกว่า
“ผมมาแค่จับตามองบริษัทการค้าจิงเหมินน่ะครับ เพราะเจ้าของที่นั่นเขาส่งคนมาระรานแฟนของผมเมื่อไม่นานมานี้เอง แถมพวกเขายังทำท่าจะมาลักพาตัวเธอไปอีก ถ้าเธอได้รับการคุ้มครองมันจะเป็นเรื่องดีมากเลยครับ”
“แต่ตอนนี้มันมีเรื่องอื่นอีก คือเพื่อนของผม เว่ยตงจื่อ เขาได้หายตัวไปกว่า 10 วันแล้ว ถ้าเป็นไปได้ก็รบกวนคุณลุงช่วยตรวจสอบหน่อยครับ”
หลังจากได้ยินแบบนั้น ดวงตาของหวงเจินก็เปลี่ยนไปทันที เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นในเมืองจิงเหมินที่เขารับผิดชอบดูแลอยู่ได้ยังไง แถมบริษัทการค้าจิงเหมินเองก็ดูเหมือนจะเกี่ยวข้องกับองค์กรอะไรสักอย่างด้วย
เขาไม่คิดเลยว่าบริษัทที่เพิ่งประสบความสำเร็จจะทำเรื่องอะไรแบบนี้ เรื่องผิดกฎหมายพวกนี้หวงเจินไม่มีทางยอมแน่นอน ! อย่างไรก็ตาม เมื่อเขาจะพูดอะไรบางอย่าง ภรรยาของหวงเจินก็เดินออกมาพร้อมรอยยิ้ม
“พอแล้ว ๆ ทั้งสองคนเลิกคุยกันได้แล้ว มา ๆ มากินข้าวกันก่อนเถอะ!”
เมื่อเห็นแม่ของหวงม่านอิ่งออกมาจากครัว ฉู่เหินก็รีบลุกขึ้นและทักทายทันที หญิงชราตรงหน้าเขามีอายุราว ๆ 50 ปี เธอมีหน้าตาที่คล้ายกับหวงม่านอิ่งเป็นอย่างมาก
“ไม่เป็นไรหรอกครับคุณป้า ผมแค่คุยงานนิดหน่อยอีกเดี๋ยวก็กลับแล้ว ไว้คราวหน้าน่ะครับ” ฉู่เหินไม่อยากจะอยู่ที่นี่นานนักโดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลาอาหารเย็น
“พูดอะไรน่ะ ฉันไม่ปล่อยให้เธอท้องว่างกลับไปแน่ ๆ ยังไงก็ต้องกินข้าวกับพวกเราก่อนนะ”
คุณแม่คนนี้จ้องไปยังฉู่เหินด้วยสายตาเหนือกว่าที่ทำเอาเขาปฏิเสธไม่ได้ แม่ของหวงม่านอิ่งเป็นคนที่ทำงานในสภาพแวดล้อมกดดันและในองค์กรใหญ่มานาน มันจึงทำให้เธอมีอารมณ์ที่ไม่เหมือนใครและมีความสามารถในการพูดเรื่องที่ใครก็ยากจะปฏิเสธ ดังนั้นเขาจึงตกลงที่จะทานอาหารเย็นที่นี่ด้วย
เมื่อได้ยินแบบนั้นเธอก็กลับเข้าไปที่ห้องครัวด้วยรอยยิ้ม
หลังจากทานข้าวเย็นแล้ว หวงเจินก็โทรไปหาเครือข่ายของเขาเพื่อที่จะตามหาเว่ยตงจื่อก่อน เพราะตอนนี้ในใจของเขาเริ่มรู้สึกแปลก หวงเจินรู้สึกว่ามีบางสิ่งที่ยิ่งใหญ่กำลังจะเกิดขึ้นในเมืองแห่งนี้!
จนถึงตอนนี้ พ่อแม่ของหวงม่านอิ่งและฉู่เหินได้มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน เขากินไป 5 จานแล้ว และอาหารก็อร่อยมาก หลังจากคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ ฉู่เหินก็พร้อมที่จะจบมื้อเย็น อย่างไรก็ตามในเวลานั้นเอง โทรศัพท์ของหวงเจินก็ดังขึ้น
“อะไรนะ นายหมายความว่ายังไง ? ไอ้พวกคนโง่อวดดีพวกนั้น…ทุกอย่างในบ้านจะต้องถูกคงสภาพเดิมไว้อย่างเคร่งครัด เดี๋ยวเราไปเจอกันที่นั่น” หวงเจินวางสายอย่างฉุนเฉียว
“มีอะไรหรือเปล่าครับคุณลุง?” ฉู่เหินถามพร้อมจ้องไปยังตาของคุณลุง
“เพื่อนของเธอดูเหมือนว่าจะถูกลักพาตัวไป”
ได้ยินแบบนั้น ดวงตาของฉู่เหินก็เต็มไปด้วยความสงสัย เขาคิดว่าเว่ยตงจื่อน่าจะไปพัวพันกับแก๊งใหญ่และน่าจะมีปัญหาเรื่องเงิน หรือไม่ก็อาจจะมีเหตุผลอื่นอยู่
“กลุ่มคนที่ลักพาตัวเพื่อนของเธอไปไม่ธรรมดา สิ่งที่สำคัญที่สุดทักษะของพวกเขา คนพวกดูเหมือนว่าจะเป็นผู้เชี่ยวชาญในตำนาน! ฉันสงสัยว่าพวกเขาเป็นคนในตระกูลจอมยุทธ์”
ด้วยสถานะของหวงเจิน ในตอนนี้เขาจึงไม่ใช่คนอื่นคนไกลของตระกูลจอมยุทธ์ซักเท่าไหร่ แม้ว่ากฎหมายจะทำอะไรคนเหล่านี้ไม่ได้ แต่พวกเขาก็ไม่กล้าที่จะเข้ามายุ่งวุ่นวายอะไรเช่นกันเพราะ ‘กลุ่มมังกร’ ที่อยู่เบื้องหลังประเทศ ไม่ว่าจะเป็นตระกูลจอมยุทธ์หรือผู้ที่มีความสามารถ เมื่อกล่าวถึง ‘กลุ่มมังกร’ ก็ต้องมีการยำเกรงกันบ้าง!
ดังนั้นหลายปีที่ผ่านมา จึงไม่มีผู้คนจากตระกูลจอมยุทธ์คนไหนที่กล้าปรากฏตัวและกล้าทำเรื่องผิดกฎหมายแบบนี้ หวงเจินไม่คิดเลยว่าจะมีคนกล้าออกมาทำแบบนี้ ดังนั้นเขาจึงยังไม่ได้ติดต่อกับกลุ่มมังกร
“คุณลุง เพื่อนของผมไม่มีทางรู้จักตระกูลจอมยุทธ์แน่ ๆ” ฉู่เหินประหลาดใจมากที่เม่ยซานเหนียงต้องการจับตัวเว่ยตงจื่อ เพราะยังไงเสียความสัมพันธ์ของเขากับเว่ยตงจื่อนั้นย่อมไม่มีใครรู้จักกันแน่ ๆ
“เท่าที่ฉันรู้ เป้าหมายของพวกนั้นก็คือต้องการลักพาตัวหลิวเสี่ยวชิงตั้งแต่แรก แต่จู่ ๆ ก็มีชายวัยกลางคนมาช่วยหลิวเสี่ยวชิงเอาไว้ ซึ่งในเวลาเดียวกัน เว่ยตงจื่อเอง เขาก็ได้เข้าไปช่วยเช่นด้วยกัน และเพราะแบบนั้นหลิวเสี่ยวชิงจึงหนีออกมาได้”
ท้ายที่สุดแล้วหวงเจินก็เล่าเรื่องราวทั้งหมดไป กลายเป็นว่าตอนนั้นหลิวเสี่ยวชิงและโจวหู่กำลังตกอยู่ในที่นั่งลำบาก ก่อนที่จู่ ๆ เว่ยตงจื่อจะปรากฏตัว และเมื่อโจรพวกนั้นกำลังตกใจ โจวหู่ก็มองเห็นโอกาสที่จะพาเสี่ยวชิงหนีไปทันที
Next

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

สุดยอดชาวประมง (极品小渔民)บทที่ 130 ช่วยชีวิตผู้คน

Now you are reading สุดยอดชาวประมง (极品小渔民) Chapter บทที่ 130 ช่วยชีวิตผู้คน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 129 เกิดอุบัติเหตุกับเว่ยตงจื่อ[รีไรท์]

บทที่ 129 เกิดอุบัติเหตุกับเว่ยตงจื่อ[รีไรท์]
จากนั้นฉู่เหินก็ได้ยินเสียงดังลั่นมาจากในโทรศัพท์ แม้ว่าชายชราจะพูดมากและไม่ค่อยรู้เรื่อง แต่ฉู่เหินก็จับใจความได้ว่าเว่ยตงจื่อนั่นไม่ได้อยู่บ้านและไม่ได้โทรหาที่บ้านกว่า 10 วันแล้ว
แม้ว่าเขาจะไม่ค่อยได้ติดต่อกับเว่ยตงจื่อมากนัก แต่เขาก็รู้ว่าเว่ยตงจื่อไม่ใช่คนแบบนั้น เพื่อนของเขาเป็นลูกกตัญญูแน่นอน! ต่อให้เว่ยตงจื่อยุ่งมากจนหาเวลาไม่ได้ อย่างน้อยเพื่อนเขาก็จะติดต่อแม่ทุก ๆ คืนเสมอ เพื่อให้คนที่บ้านสบายใจ เพื่อนของเขาคนนี้เวลาที่เจออาหารที่ไหนอร่อย ๆ เขาก็มักจะนำกลับมาให้แม่เขาด้วยเสมอ
มีหรือที่ลูกกตัญญูแบบนี้จะไม่ติดต่อหาแม่ของตนเลยกว่า 10 วันแล้ว? ดังนั้นไม่ต้องคิดอะไรให้มากความ ฉู่เหินรู้แน่ชัดแล้วว่าต้องมีอะไรเกิดขึ้นแน่ ๆ เพียงว่าตอนนี้เขาไม่คุ้นเคยกับเมืองจิงเหมิน ดังนั้นเขาจึงไม่สามารถออกไปตามหาเว่ยตงจื่อได้ ถ้าชายหนุ่มต้องการที่จะตามหา อ่า…แค่คิดถึงมัน ฉู่เหินก็ขมวดคิ้วเป็นปมแล้ว!
ในขณะเดียวกันนั้นเอง หวงเจิน เขาก็กำลังมองดูของที่ลูกสาวตัวเองนำมาให้ ในความเป็นจริงมันไม่มีอะไรนอกจากปลาเกล็ดขาวย่างกับจดหมายถึงครอบครัวฉบับเดียว ใจความในจดหมายของหวงม่านอิ่งนั้น เธอได้เขียนอธิบายกับพ่อของเธอไว้ถึงสาเหตุที่ฉู่เหินมายังเมืองจิงเหมิน ซึ่งนั่นก็เป็นเพราะว่าเขาเจอเข้ากับปัญหา และเธอก็เขียนย้ำไว้ด้วยอีกว่าให้พ่อของเธอ หรือหวงเจินนั้น ช่วยเพื่อนคนนี้ของเธอหน่อย
จริง ๆ แล้วต่อให้ไม่มีจดหมายฉบับนี้ ตาลุงคนนี้ก็พร้อมที่จะช่วยฉู่เหินอยู่แล้วโดยไม่มีเงื่อนไข ถ้าเขาไม่ช่วย เขาเองก็ไม่รู้ว่าจะอธิบายม่านอิ่งยังไง
“ฉู่เหิน มีเรื่องอะไรหรือเปล่า? ทำไมไม่มาคุยกันหน่อยล่ะ?” หวงเจินถามด้วยรอยยิ้ม
“ไม่หรอกครับลุง เรื่องเล็กน้อยน่ะ ผมไม่รบกวนลุงดีกว่า” ฉู่เหินรู้ดีว่าครอบครัวนี้มีเส้นสายมากมาย แต่ชายหนุ่มก็ไม่อยากจะยุ่งอะไรมากซักเท่าไหร่ ไม่งั้นมันจะเป็นเรื่องที่งามหน้าเกินไป ยิ่งไปกว่านั้น เขาก็ไม่อยากไปสร้างความเดือดร้อนให้กับตระกูลหวง
“ถึงจะไม่บอก แต่ฉันก็รู้อยู่แล้วละนะ ม่านอิ่งอธิบายให้ฉันฟังในจดหมายแล้ว ดูเหมือนว่าเธอยังไม่ได้บอกซินะว่าฉันทำงานอะไรที่จิงเหมิน?” หวงเจินจิบชาแล้วยิ้มให้กับเขา
ฉู่เหินเกาหัวอย่างอาย ๆ เขาไม่รู้จริง ๆ ว่าหวงเจินทำงานอะไร เมื่อเห็นท่าทางที่เขินอายของฉู่เหิน หวงเจินก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา
“เด็กโง่เอ๊ย มีเรื่องอะไรก็บอกมาเถอะ แต่ต้องเป็นเรื่องที่ไม่ผิดกฎหมายนะ!” หวงเจินมองหน้าฉู่เหินก่อนแล้วจึงพูดต่อ “ฉันเป็นเลขานุการของคณะกรรมการพรรคเทศบาลเมืองจิงเหมิน บอกมาเถอะ ฉันสามารถช่วยได้!”
เมื่อได้ยินแบบนี้ฉู่เหินก็ตะลึง ถึงเขาจะคิดว่าหวงเจินนั้นมีอำนาจมากก็จริง แต่ชายหนุ่มก็ไม่คิดเลยว่าชายตรงหน้าเขานั้นจะเป็นถึงเจ้าหน้าที่รัฐระดับสูงของเมืองนี้ได้ ใคร ๆ ก็รู้ว่าเมืองจิงเหมินนั้นไม่ใช่เมืองเล็ก ๆ เลย ดังนั้นอำนาจของเขาจะต้องยิ่งใหญ่มากแน่ ๆ
หลังจากที่ฉู่เหินคิดเกี่ยวกับมัน เขาก็พร้อมที่จะบอกเล่าเรื่องราวของตัวเองแล้ว ท้ายที่สุดถ้าหวงเจินช่วยเขา มันน่าจะสะดวกกว่า
“ผมมาแค่จับตามองบริษัทการค้าจิงเหมินน่ะครับ เพราะเจ้าของที่นั่นเขาส่งคนมาระรานแฟนของผมเมื่อไม่นานมานี้เอง แถมพวกเขายังทำท่าจะมาลักพาตัวเธอไปอีก ถ้าเธอได้รับการคุ้มครองมันจะเป็นเรื่องดีมากเลยครับ”
“แต่ตอนนี้มันมีเรื่องอื่นอีก คือเพื่อนของผม เว่ยตงจื่อ เขาได้หายตัวไปกว่า 10 วันแล้ว ถ้าเป็นไปได้ก็รบกวนคุณลุงช่วยตรวจสอบหน่อยครับ”
หลังจากได้ยินแบบนั้น ดวงตาของหวงเจินก็เปลี่ยนไปทันที เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นในเมืองจิงเหมินที่เขารับผิดชอบดูแลอยู่ได้ยังไง แถมบริษัทการค้าจิงเหมินเองก็ดูเหมือนจะเกี่ยวข้องกับองค์กรอะไรสักอย่างด้วย
เขาไม่คิดเลยว่าบริษัทที่เพิ่งประสบความสำเร็จจะทำเรื่องอะไรแบบนี้ เรื่องผิดกฎหมายพวกนี้หวงเจินไม่มีทางยอมแน่นอน ! อย่างไรก็ตาม เมื่อเขาจะพูดอะไรบางอย่าง ภรรยาของหวงเจินก็เดินออกมาพร้อมรอยยิ้ม
“พอแล้ว ๆ ทั้งสองคนเลิกคุยกันได้แล้ว มา ๆ มากินข้าวกันก่อนเถอะ!”
เมื่อเห็นแม่ของหวงม่านอิ่งออกมาจากครัว ฉู่เหินก็รีบลุกขึ้นและทักทายทันที หญิงชราตรงหน้าเขามีอายุราว ๆ 50 ปี เธอมีหน้าตาที่คล้ายกับหวงม่านอิ่งเป็นอย่างมาก
“ไม่เป็นไรหรอกครับคุณป้า ผมแค่คุยงานนิดหน่อยอีกเดี๋ยวก็กลับแล้ว ไว้คราวหน้าน่ะครับ” ฉู่เหินไม่อยากจะอยู่ที่นี่นานนักโดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลาอาหารเย็น
“พูดอะไรน่ะ ฉันไม่ปล่อยให้เธอท้องว่างกลับไปแน่ ๆ ยังไงก็ต้องกินข้าวกับพวกเราก่อนนะ”
คุณแม่คนนี้จ้องไปยังฉู่เหินด้วยสายตาเหนือกว่าที่ทำเอาเขาปฏิเสธไม่ได้ แม่ของหวงม่านอิ่งเป็นคนที่ทำงานในสภาพแวดล้อมกดดันและในองค์กรใหญ่มานาน มันจึงทำให้เธอมีอารมณ์ที่ไม่เหมือนใครและมีความสามารถในการพูดเรื่องที่ใครก็ยากจะปฏิเสธ ดังนั้นเขาจึงตกลงที่จะทานอาหารเย็นที่นี่ด้วย
เมื่อได้ยินแบบนั้นเธอก็กลับเข้าไปที่ห้องครัวด้วยรอยยิ้ม
หลังจากทานข้าวเย็นแล้ว หวงเจินก็โทรไปหาเครือข่ายของเขาเพื่อที่จะตามหาเว่ยตงจื่อก่อน เพราะตอนนี้ในใจของเขาเริ่มรู้สึกแปลก หวงเจินรู้สึกว่ามีบางสิ่งที่ยิ่งใหญ่กำลังจะเกิดขึ้นในเมืองแห่งนี้!
จนถึงตอนนี้ พ่อแม่ของหวงม่านอิ่งและฉู่เหินได้มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน เขากินไป 5 จานแล้ว และอาหารก็อร่อยมาก หลังจากคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ ฉู่เหินก็พร้อมที่จะจบมื้อเย็น อย่างไรก็ตามในเวลานั้นเอง โทรศัพท์ของหวงเจินก็ดังขึ้น
“อะไรนะ นายหมายความว่ายังไง ? ไอ้พวกคนโง่อวดดีพวกนั้น…ทุกอย่างในบ้านจะต้องถูกคงสภาพเดิมไว้อย่างเคร่งครัด เดี๋ยวเราไปเจอกันที่นั่น” หวงเจินวางสายอย่างฉุนเฉียว
“มีอะไรหรือเปล่าครับคุณลุง?” ฉู่เหินถามพร้อมจ้องไปยังตาของคุณลุง
“เพื่อนของเธอดูเหมือนว่าจะถูกลักพาตัวไป”
ได้ยินแบบนั้น ดวงตาของฉู่เหินก็เต็มไปด้วยความสงสัย เขาคิดว่าเว่ยตงจื่อน่าจะไปพัวพันกับแก๊งใหญ่และน่าจะมีปัญหาเรื่องเงิน หรือไม่ก็อาจจะมีเหตุผลอื่นอยู่
“กลุ่มคนที่ลักพาตัวเพื่อนของเธอไปไม่ธรรมดา สิ่งที่สำคัญที่สุดทักษะของพวกเขา คนพวกดูเหมือนว่าจะเป็นผู้เชี่ยวชาญในตำนาน! ฉันสงสัยว่าพวกเขาเป็นคนในตระกูลจอมยุทธ์”
ด้วยสถานะของหวงเจิน ในตอนนี้เขาจึงไม่ใช่คนอื่นคนไกลของตระกูลจอมยุทธ์ซักเท่าไหร่ แม้ว่ากฎหมายจะทำอะไรคนเหล่านี้ไม่ได้ แต่พวกเขาก็ไม่กล้าที่จะเข้ามายุ่งวุ่นวายอะไรเช่นกันเพราะ ‘กลุ่มมังกร’ ที่อยู่เบื้องหลังประเทศ ไม่ว่าจะเป็นตระกูลจอมยุทธ์หรือผู้ที่มีความสามารถ เมื่อกล่าวถึง ‘กลุ่มมังกร’ ก็ต้องมีการยำเกรงกันบ้าง!
ดังนั้นหลายปีที่ผ่านมา จึงไม่มีผู้คนจากตระกูลจอมยุทธ์คนไหนที่กล้าปรากฏตัวและกล้าทำเรื่องผิดกฎหมายแบบนี้ หวงเจินไม่คิดเลยว่าจะมีคนกล้าออกมาทำแบบนี้ ดังนั้นเขาจึงยังไม่ได้ติดต่อกับกลุ่มมังกร
“คุณลุง เพื่อนของผมไม่มีทางรู้จักตระกูลจอมยุทธ์แน่ ๆ” ฉู่เหินประหลาดใจมากที่เม่ยซานเหนียงต้องการจับตัวเว่ยตงจื่อ เพราะยังไงเสียความสัมพันธ์ของเขากับเว่ยตงจื่อนั้นย่อมไม่มีใครรู้จักกันแน่ ๆ
“เท่าที่ฉันรู้ เป้าหมายของพวกนั้นก็คือต้องการลักพาตัวหลิวเสี่ยวชิงตั้งแต่แรก แต่จู่ ๆ ก็มีชายวัยกลางคนมาช่วยหลิวเสี่ยวชิงเอาไว้ ซึ่งในเวลาเดียวกัน เว่ยตงจื่อเอง เขาก็ได้เข้าไปช่วยเช่นด้วยกัน และเพราะแบบนั้นหลิวเสี่ยวชิงจึงหนีออกมาได้”
ท้ายที่สุดแล้วหวงเจินก็เล่าเรื่องราวทั้งหมดไป กลายเป็นว่าตอนนั้นหลิวเสี่ยวชิงและโจวหู่กำลังตกอยู่ในที่นั่งลำบาก ก่อนที่จู่ ๆ เว่ยตงจื่อจะปรากฏตัว และเมื่อโจรพวกนั้นกำลังตกใจ โจวหู่ก็มองเห็นโอกาสที่จะพาเสี่ยวชิงหนีไปทันที
Next

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+