สุดยอดชาวประมง (极品小渔民)บทที่ 420 หลอกให้ตายใจ

Now you are reading สุดยอดชาวประมง (极品小渔民) Chapter บทที่ 420 หลอกให้ตายใจ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 420 หลอกให้ตายใจ

บทที่ 420 หลอกให้ตายใจ

“คนนิกายกระบี่ พวกแกฟังฉันให้ดี เดิมทีวันนี้พวกเรากะจะมาพังนิกายของพวกแก! แต่เผื่อเห็นแก่คุณธรรม อีกทั้งพวกแกก็ไม่ใช่ทั้งสองนิกายดั้งเดิมแบบที่เคยเป็นแล้ว ดังนั้นแม้ว่าพวกเราจะมีบุญคุณความแค้นต่อกัน แต่ก็ไม่ถึงขนาดต้องฆ่าแกงกัน!”

“ที่พวกเราสองคนมาในวันนี้ เพียงเพื่อให้พวกแกเห็นวิธีของพวกเราตระกูลฉู่! ยังมีคำพูดที่พวกเราอยากจะย้ำเตือนพวกแกไว้! พวกเราตระกูลฉู่ ถ้าโดนใครกระทำแล้ว คนพวกนั้นก็ต้องเตรียมใจที่จะโดนพวกข้ากัดไม่ปล่อยเหมือนกัน! สงครามครั้งนี้ พวกเราตระกูลฉู่เองก็ได้รับความเสียหายไม่น้อย ดังนั้นในจุดนี้พวกแกต้องชดใช้!”

“สำหรับค่าเสียหายทั้งหมด ก็ต้องดูความจริงใจของพวกแกแล้ว ถ้าค่าชดใช้ที่พวกแกให้ไม่น่าพอใจ พวกแกก็ต้องเตรียมรับมือการเอาคืนจากพวกเราอย่างสาสม!!” หลังพูดจบ ผู้เฒ่าสามก็คำรามขึ้นไปบนท้องฟ้าว่า “เก็บ”

ทว่าในตอนนี้ที่ผู้เฒ่าสามตะโกนก็ไม่มีใครสักคนเห็นเลยว่า ผู้เฒ่าห้าได้ใช้เครื่องมือสื่อสารส่งข้อความออกไป

เรื่องของตระกูลฉู่และนิกายกระบี่คล้ายจะอยู่ในความสนใจของทุก ๆ คน! ดังนั้นตอนนี้ในทุกนิกายต่างก็ได้ติดต่อกับสายลับของตัวเองเพื่อติดตามข่าว! พวกเขาเห็นเพียงหลังจากผู้เฒ่าสามตะโกนจบ กระจกแปดเหลี่ยมบนท้องฟ้าค่อย ๆ ลดขนาดลงมา ก่อนจะกลายเป็นลำแสงกลับมาที่มือของผู้เฒ่าสาม!

แต่ที่ทุกคนไม่ทันสังเกตก็คือ ตอนที่กระจกมาอยู่ในมือของผู้เฒ่าสาม ใบหน้าของเขาก็เต็มไปด้วยหยดเหงื่อ อีกทั้งมือที่ถือกระจกแปดเหลี่ยมก็สั่นไม่หยุด! หลังจากนั้นก็เห็นร่างของผู้เฒ่าสามและห้ากลายเป็นลำแสงกลับเกาะตระกูลฉู่ไปอย่างรวดเร็ว! มองแผ่นหลังที่จากไปของผู้เฒ่าสามและห้าในใจของใครหลายคนยังไม่เข้าใจ ทว่าในที่ลับก็มีบางคนที่เข้าใจเรื่องราวทั้งหมดดี

พวกเขาเขาเห็นว่าตอนที่ผู้เฒ่าสามและห้าจากไปนั้น มีใบหน้าที่ขาวซีด ร่างกายก็โซซัดโซเซแค่ไหน ทำให้คนที่แอบอยู่คาดเดาว่าการกระตุ้นพลังค่ายกลเมื่อครู่ได้สร้างความบาดเจ็บให้พวกเขาอย่างแน่นอน ตอนนี้เกรงว่าคงต้องใช้ไม้ประคองไว้แล้วแหละ คงมีก็แค่ผู้เฒ่าห้าคนเดียวเท่านั้นที่ยังพอมีแรงอยู่บ้าง!

เมื่อคิดถึงตรงนี้ พวกคนที่แอบซ่อนตัวอยู่เหล่านั้นก็ไม่สามารถอยู่เฉยได้อีกแล้ว ถ้าสามารถฉวยโอกาสตอนนี้กำจัดผู้เฒ่าทั้งสองของตระกูลฉู่ได้ก็จะส่งผลดีต่อพวกเขามากแน่นอน พอคิดแบบนั้นคนที่ซ่อนตัวอยู่ก็รีบติดต่อให้คนของตนเตรียมพร้อมให้ดี เพื่อเตรียมดักฆ่าระหว่างทาง

อาการบาดเจ็บของผู้เฒ่าสามนั้นสาหัสจริง ๆ ทำให้ความเร็วตอนขากลับบ้านของชายชราทั้งสองค่อนข้างช้า อีกทั้งตลอดทางราวกับว่าเป็นผู้เฒ่าห้าที่เป็นคนพาผู้เฒ่าสามกลับดูออกเลยว่าการเดินทางครั้งนี้ของทั้งสองค่อนข้างลำบากมากทีเดียว เดินทางไม่ถึงกี่ร้อยเมตรพวกเขาก็เหงื่อไหลเต็มหัวแล้ว!

นิกายกระบี่ราวกับได้รับการอภัยโทษ จนถึงตอนนี้พวกเขาถึงได้รู้ซึ้งถึงพลังของตระกูลฉู่! แม้ว่าจะเป็นช่วงเวลาสั้น ๆ แต่นิกายกระบี่ของพวกเขาก็ได้รับความสูญเสียไม่น้อยเลย พวกเขาสูญเสียลูกศิษย์ธรรมดาไปกว่าหมื่นคน ส่วนที่อยู่ศูนย์กลางและภายในนิกายก็เสียไปมากกว่าพันคน

แม้แต่ยอดฝีมือที่เป็นถึงผู้อาวุโสในนิกายเองก็ยังได้รับบาดเจ็บสาหัสเช่นกัน พวกเขาไม่กล้าจินตนาการเลยว่าถ้าหยุดช้ากว่านี้อีกสักหน่อย น่ากลัวว่าพวกเขาคงได้หายไปตลอดกาลแล้ว! ฉับพลันความหวาดกลัวก็ปกคลุมในใจของพวกเขา

ต่อมาคนในนิกายกระบี่ก็ช่วยเหลือกันเอง พวกระดับสูงทั้งหมดรวมตัวประชุมกันอย่างเร่งรีบ อีกฝ่ายเป็นตระกูลฉู่ที่แข็งแกร่งขนาดนี้ พวกเขาก็จนปัญญาต่อกรแล้ว แม้กระทั่งความหวาดกลัวยังอยู่ในใจพวกเขาอยู่เลย!

ที่เกาะตระกูลฉู่ ทั้งฉู่เหินและผู้เฒ่าคนอื่น ๆ ต่างก็เหงื่อไหลอาบตัวไปตาม ๆ กัน มันเป็นผลจากการกระตุ้นค่ายกลก่อนหน้านี้ โดยมีพลังของฉู่เหินเป็นตัวหลัก และมีเหล่าผู้เฒ่าคอยให้ความช่วยเหลือเพื่อไม่ให้พลังของฉู่เหินแตกซ่าน

การลงมือครั้งนี้ทำเอาพลังวรยุทธ์ของฉู่เหินลดลงไปมากทีเดียว แต่ถ้ามีเวลาพักระยะหนึ่งก็น่าจะหายดี ในที่สุดตอนนี้พวกเขาก็โล่งใจได้แล้ว อีกทั้งในกระจกแปดเหลี่ยมก็ยังบรรจุพลังเอาไว้เต็มเปี่ยมเผื่อเหตุฉุกเฉิน ดังนั้นคงไม่มีอะไรต้องให้กังวล!

ผู้เฒ่าสามและห้าเดินทางมาไม่ทันถึงร้อยเมตร ตรงหน้าของพวกเขาก็ปรากฏร่างเงาที่ค่อย ๆ ออกมาทีละคน! คนพวกนี้ต่างมีของวิเศษล้ำค่ากั้นด้านหน้าตัวเองไว้ ต่อให้ความสามารถสูงกว่านี้ก็ไม่สามารถใช้จิตวิญญาณตรวจดูว่าพวกเขามีรูปร่างหน้าตาเป็นยังไง และเป็นคนของกลุ่มไหน

พอผู้เฒ่าสามและห้าเห็นแบบนี้ก็มองตาสื่อสารกันด้วยใบหน้าตกตะลึง มันเป็นความตกตะลึงที่ทำให้พวกเขาไม่เข้าใจ ที่พวกเขาสองคนตกใจก็เพราะเหตุการณ์ตรงหน้าเป็นหนึ่งในสิ่งที่ฉู่เหินคาดการณ์ไว้! คิดไม่ถึงเลยว่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นจะถูกฉู่เหินเดาออกได้หมด!

ทั้งสองไม่ได้พูดอะไรมาก หลังจากเห็นคนที่ขวางพวกตน ชายชราก็มองรอบด้านด้วยความระมัดระวัง! เพียงชั่วพริบตาเดียว สี่ทิศรอบกายของพวกเขาก็มีคนปรากฏตัวขึ้นเกินว่าร้อยคน อีกทั้งพลังวรยุทธ์ของทั้งร้อยกว่าคนก็ไม่ใช่ต่ำต้อย ดูอย่างไรก็ต้องเป็นผู้เก่งกาจในยุทธภพอย่างแน่นอน!

แต่หลังจากคนเหล่านี้ปรากฏตัว พวกเขาก็พากันแยกออกเป็นสองกลุ่ม ในหนึ่งกลุ่มมีจุดประสงค์ที่ชัดเจนมาก คนพวกนี้แสดงท่าทีที่อยากจะฆ่าผู้เฒ่าสามและผู้เฒ่าห้าเต็มแก่ ต่อให้พลังวรยุทธ์จะไม่ค่อยแข็งแกร่งมากนัก แต่จำนวนคนของพวกเขาก็ช่างมากเสียเหลือเกิน!

ส่วนอีกกลุ่มใหญ่ ๆ ที่รวมตัวกันอยู่ด้านนอก พวกเขาไม่ได้จะเข้ามาขวาง แต่ก็ไม่เข้ามาช่วยด้วยเช่นกัน ราวกับมาที่นี่เพื่อดูจุดจบของเรื่องราวทั้งหมดเฉย ๆ

“สิ่งที่พวกแกจะทำมันไม่มีความเป็นสุภาพบุรุษเอาเสียเลย ถ้าอ่านสถานการณ์ออกก็หลีกทางไปซะ วันนี้พวกแกยังมีโอกาสรอด ไม่งั้นก็เตรียมใจถูกพวกฉันฆ่าได้เลย” ร่างกายของผู้เฒ่าสามแม้จะเหนื่อยอ่อน แต่คำพูดของชายชรากลับเต็มไปด้วยความหนักแน่น!

“นี้ พวกคุณจะตายอยู่แล้วยังกล้าพูดแบบนี้อีกเหรอ คราวนี้ฉันจะทำให้พวกตระกูลฉู่รู้ว่าอะไรที่เรียกว่าความเจ็บปวด!” เสียงที่เปล่งออกมานั้นค่อนข้างฟังแปลกหู เห็นได้ชัดว่าตั้งใจเปลี่ยนเสียงตัวเอง แต่ช่างมันเถอะ ยังไงผู้เฒ่าสามและห้าก็ไม่มีความจำเป็นต้องรู้ว่าคน ๆ นี้เป็นใครอยู่แล้ว

เห็นเพียงใบหน้าขาวซีดของผู้เฒ่าสามและริมฝีปากที่กระตุกยิ้ม! แม้กระทั่งร่างกายของเขายังแผ่ไอสังหารออกมาแล้วด้วย อย่างไรก็ตามการแสดงออกนี้ของผู้เฒ่าสามในสายตาของคนเหล่านี้มองราวกับเป็นการกระทำของสัตว์ที่จนมุมแต่ยังฝืนสู้เท่านั้น!

ต่อมาก็เห็นเพียงผู้เฒ่าสามหยิบกระจกแปดเหลี่ยมออกมาไว้ในมือ ก่อนที่ชายแก่จะโยนมันไปทางคนเหล่านั้นโดยไม่ลังเล! และในเวลาเดียวกันผู้เฒ่าห้าก็หยิบเครื่องมือสื่อสารออกมาเช่นกัน ก่อนจะพูดอะไรบางอย่างออกไป!

ต่อมาทุกคนก็เห็นเพียงกระจกแปดเหลี่ยมส่องแสงขนาดใหญ่ออกมาอย่างฉับพลัน โดยไม่มีท่าทางจะหยุดเลยสักนิด! จังหวะถัดมาก็พลันเกิดแสงสว่างที่จ้าเต็มท้องฟ้า ก่อนที่มันจะเข้าปกคลุมคนทั้ง 10 คนเอาไว้ เรื่องทั้งหมดที่ว่ามาเกิดขึ้นเพียงชั่วลมหายใจเดียวเท่านั้น

เหล่าผู้เฒ่าที่เกาะตระกูลฉู่ จู่ ๆ พวกเขาก็สัมผัสได้ถึงพลังของตัวเองที่ถูกถ่ายทอดไปในวงเวทย์ค่ายกลจูเซียนเจิน เดิมทีวงเวทย์ของค่ายกลจูเซียนเจินก็สว่างอยู่แล้ว แต่ครั้งนี้มันกลับส่องแสงใหญ่ขึ้นกว่าเดิมมาก เช่นเดียวกับกระจกแปดเหลี่ยมที่ผู้เฒ่าสามโยนออกไป จู่ ๆ พลังของมันก็เพิ่มขึ้นนับสิบเท่า

ทันทีที่กระจกแปดเหลี่ยมปกคลุมคนทั้งสิบนั้น มันก็ได้มีมนุษย์ทรายโผล่ขึ้นมามากมาย พวกมันไม่ลังเลที่จะพุ่งไปยังทั้งสิบคนนั้นทันที อีกทั้งในอากาศยังปรากฏสายฟ้าขึ้นรอบแขนของพวกมันอีกด้วย!

จู่ ๆ สถานการณ์ก็พลิกผัน ตอนนี้ทั้งสิบคนกำลังตกอยู่ในอัตราย นี่เป็นสิ่งที่พวกเขาไม่เคยจินตนาการไว้ ก่อนหน้านี้กว่าจะสร้างค่ายกลได้ก็ต้องใช้เวลาพอสมควร ทำไมตอนนี้จู่ ๆ ก็ก่อร่างสร้างตัวได้รวดเร็วแบบนี้กัน

อีกทั้งที่ทำให้พวกเขาไม่เข้าใจก็คือพลังที่พวกเขาสัมผัสได้ ดูเหมือนว่าครั้งนี้จะทรงพลังมากกว่าครั้งก่อนหลายเท่า และแม้ว่าครั้งก่อนพวกเขาจะไม่ได้เข้าไปอยู่ในค่ายกล แต่แค่สัมผัสข้างนอกก็ทำให้พวกเขาพอจะประมาณได้แล้ว ถ้ามีพลังขนาดนี้โจมตีนิกายกระบี่ก่อนหน้า น่ากลัวว่านิกายกระบี่จะเสียหายมากว่าตอนนี้สิบเท่า

เพียงแต่ตอนนี้ไม่มีเวลาให้พวกเขาได้คิดอีกแล้ว ในมือของมนุษย์ทรายถือดาบใหญ่แล้วพุ่งเข้ามาโจมตีด้วยความเหี้ยมโหด

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด