สุดยอดชาวประมง (极品小渔民)บทที่ 142 ชีวิตที่เติบโต

Now you are reading สุดยอดชาวประมง (极品小渔民) Chapter บทที่ 142 ชีวิตที่เติบโต at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 142 ชีวิตที่เติบโต[รีไรท์]

บทที่ 142 ชีวิตที่เติบโต[รีไรท์]
“ถ้าพวกเราไม่ได้เป็นศัตรูกัน ฉันก็คงไม่รังเกียจที่เป็นเพื่อนหรอก แต่น่าเสียดายที่พวกเราเป็นศัตรูคู่อาฆาตกันซะงั้น ฉันละเสียดายจริง ๆ!” ฉู่เหินส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้
“ต่างกันยังไงล่ะ? ตราบใดที่นายต้องการ ฉันก็จะยอมรับนายได้ในฐานะลูกศิษย์ ความมั่งคั่งในโลกคือหมอกควัน มีเพียงชีวิตที่ยืนยาวเท่านั้นคือของจริงแท้ หากนายมีโอกาสที่จะมีชีวิตอยู่ 300 ถึง 500 ปี นายยังอยากจะเป็นแค่เจ้าหน้าที่กระจอก ๆ นี่นะเหรอ!?”
ได้ยินแบบนั้นหัวใจของฉู่เหินก็เต้นระรัว เขาเคยรู้มาก่อนเลยว่ามีวิชาไหนที่สามารถเพิ่มอายุขัยได้ มันก็เหมือนกับการที่เขารู้วิธีผลิตรถ หากแต่ไม่รู้วิธีผลิตประตูนั่นแหละ เขายังขาดความรู้อีกมาก!
“เพิ่มอายุขัยงั้นเหรอ? เป็นไปได้ยังไง? ถึงฉันจะพอรู้มาว่ามีคนในโลกนี้ที่ทำได้ก็เถอะ และฉันก็รู้ตัวเองดีว่าอยู่ระดับไหน แต่ฉันไม่รู้จริง ๆ ว่ามันสามารถเพิ่มอายุขัยได้!” ฉู่เหินพูดพึมพำออกมา
“เก้าบรรจบ และเก้าพลังพรสวรรค์เป็นรูปแบบที่มนุษย์พยายามที่จะใช้ เมื่อทะลวงพลังดวงดาว คนผู้นั้นจะกลายเป็นผู้พิชิตดาราที่แท้จริง ทุกคนก็สามารถถือกำเนิดและเปลี่ยนกระดูกได้ ขณะเดียวกันพลังยังเพิ่มขึ้น อายุขัยเพิ่มขึ้น 100 ปี หลังจากสำเร็จเต๋า เมื่อทะลวงขั้นต่อไปก็คือผู้พิชิตดารา แต่ทุกการทะลวงครั้งใหญ่ แต่ละครั้งอายุขัยจะเพิ่มขึ้น 200 ปี แต่ถึงแม้อายุขัยจะเพิ่มขึ้นถึง 1 เท่า นายคิดว่าตัวเองจะมีชีวิตอยู่ถึง 300 หรือ 500 ปี ได้จริงงั้นเรอะ? ถ้ามากับฉัน มันก็ไม่ใช่เรื่องยาก!!”
ฉู่เหินตะลึงกับคำพูดของชายชรา เขาไม่เคยคิดถึงเรื่องนั้นมาก่อนเลยว่าเพียงแค่นี้มันจะสามารถเพิ่มอายุขัยได้ ตอนแรกเขาให้หวงลี่ลี่และเสี่ยวชิงฝึกด้วยตัวเอง แต่กลายเป็นว่ามันก็ได้แค่ให้พวกเธอป้องกันตัวเองเสียมากกว่า แต่ดูเหมือนว่าตอนนี้มันจะมีประโยชน์มากกว่านั้นแล้วสิ
ชายชรามองฉู่เหินด้วยใบหน้ายิ้มแย้มพร้อมหัวเราะออกมา ในหัวของเขายอมรับในตัวชายคนนี้ หากได้คนที่ฉลาดและกล้าหาญแบบนี้มาเป็นศิษย์ก็ถือว่าคุ้มค่า แม้ว่าเขาจะบาดเจ็บสาหัสอยู่แต่ก็หัวเราะออกมาอย่างช่วยไม่ได้
“ว่าแต่คุณมาจากสำนักไหนกัน? ที่นั่นมีภูเขาลูกใหญ่รึเปล่า? แล้วอยู่ที่ไหนล่ะ? ถ้าภูเขานั้นไม่ได้มีชื่อเสียง ฉันก็กลัวมันจะเป็นแค่สถานที่เล็ก ๆ เอาได้” ฉู่เหินกลอกตาไปมา และถามอีกครั้ง
ชายหนุ่มถามอย่างระมัดระวัง เขากลัวที่จะทำให้อีกฝ่ายขุ่นเคือง ดังนั้นเขาจึงแสดงออกว่าอยากรู้อยากเห็นมาก ยิ่งเขาเป็นแบบนั้น มันก็ยิ่งทำให้อีกฝ่ายคิดว่าเขาต้องการเคารพตนในฐานะอาจารย์
ตาแก่นี่แม้ว่าจะบาดเจ็บหนัก แต่ก็ยังเย่อหยิ่งในศักดิ์ศรีของตัวเอง! จากความภาคภูมิใจของเขา ฉู่เหินบอกได้เลยว่าพลังของชายคนนี้น่ากลัวมากแน่นอน ชายชราต้องการให้ฉู่เหินเป็นศิษย์ และคำพูดต่อไปของเขาก็ทำให้ดวงตาของฉู่เหินหดลงเล็กน้อย
“มีหลายอย่างที่นายไม่รู้ แต่ฉันบอกได้เลยว่าวิชาของฉันในเทือกเขาเทียนชานคือที่หนึ่งในโลกนี้ หากนายฝึกวิชายุทธ์ของฉัน ฉันจะทำให้นายยิ่งใหญ่ได้แน่นอน” ชายชราพูดด้วยความภูมิใจที่สุดในชีวิตของเขา
ฉู่เหินรู้สึกอยากจะขอบคุณตาแก่คนนี้จริง ๆ ที่บอกข้อมูลให้ ตอนนี้เขาก็รู้แล้วว่ารังของฝ่ายตรงข้ามอยู่ที่ไหน ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับการตามหาตัวหรือสะกดรอยตามอีกต่อไป แม้ว่าเทือกเขาเทียนชานจะไม่เล็ก แต่มันก็ไม่น่าจะมีปัญหาในการค้นหานิกายที่ซ่อนอยู่หรอก
ทว่าชายหนุ่มก็ต้องลังเลที่จะเลือกมันอยู่ ถ้าปล่อยให้ตาแก่นี่ตายเขาก็คงรับไม่ได้ ครั้นจะปล่อยไปก็กระไรอยู่ มันแทบจะไม่มีทางออกอื่นเลยในตอนนี้
“ถ้าพวกคุณเลือกที่จะทิ้งวิชาของนายไว้ตอนนี้ ฉันจะปล่อยนายไป ไม่งั้นวันนี้ในปีหน้าจะเป็นวันครบรอบวันตายของนาย!” ความระมัดระวังในแววตาของฉู่เหินหายไป และมีเพียงเจตนาฆ่าเท่านั้น
การเปลี่ยนท่าทางของฉู่เหินทำเอาปรมาจารย์ทั้งสองตะลึง เพราะชายตรงหน้าพวกเขาดูแตกต่างจากคนเมื่อกี้อย่างสิ้นเชิง ครั้งนี้ชายหนุ่มให้ความรู้สึกน่ากลัวแพร่กระจายออกมา
“แกเป็นใครกันแน่?” สองปรมาจารย์ถามออกมา พวกไม่คิดว่าฉู่เหินจะเป็นคนธรรมดาอีกต่อไป โดยเฉพาะคำพูดที่ทำให้พวกเขาตะลึงนั่น
“ไม่สำคัญหรอกว่าฉันเป็นใคร แต่พวกแกต้องสละวิชาออกมาถ้าอยากจะรอด” เป็นคำพูดที่ทรงพลังมาก พวกปรมาจารย์ต่างก็รู้ดีว่าในอีกไม่นาน พวกเขาต้องเลือกระหว่างความตายและการมีชีวิตอยู่
“ตลกน่า วิชานี้ฉันมีตั้งแต่ยุคโบราณแล้วจะให้สละมันไปง่าย ๆ ได้ยังไงกัน แต่ให้แกมาฆ่าฉันก็ยากเหมือนกันแหละน่า!” ปรมาจารย์ทั้งสองสูดลมหายใจพร้อมที่จะสู้อีกครั้ง
“ถ้าเป็นแบบนั้นฉันจะฝังศพพวกแกให้อย่างงดงามเอง!” ฉู่เหินพูดออกมาพร้อมด้วยออร่าแห่งความน่ากลัวที่แผ่ออกมา มันเป็นออร่าที่ให้ความรู้สึกแปลก ๆ กับปรมาจารย์ทั้งสอง
ชายหนุ่มโบกมือเรียกฉู่เฟิงออกมา ส่วนโจวหู่ที่อยู่ด้านนอกถูกหยุดเอาไว้
แม้ว่าโจวหู่จะเป็นปรมาจารย์เหมือนกัน แต่เขาก็ไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าต่อสู้ด้วย ถ้าโจวหู่เข้าร่วมด้วยละก็จะยิ่งทำให้เขาเป็นกังวล
“แกเป็นใครกัน?” ปรมาจารย์ทั้งสองถามเมื่อเห็นฉู่เฟิง พวกเขามั่นใจเลยว่าชายหนุ่มคนนี้จะต้องไม่ใช่คนที่มีระดับต่ำกว่าพวกเขาแน่ ๆ
ถ้ายังเป็นปกติพวกเขาก็ไม่ได้ห่วงอะไรหรอก แต่ตอนนี้พวกเขาบาดเจ็บหนักมาก ดังนั้นอัตราการชนะจึงถือได้ว่าน้อยมาก
“ฉันเคารพคุณสองคนน่ะ และฉันไม่ต้องการฆ่าพวกคุณด้วย ถ้าคุณเต็มใจที่จะออกจากนิกาย ฉันก็อยากจะปฏิบัติกับพวกคุณในฐานะแขก” ทั้งสองเป็นปรมาจารย์โดยกำเนิด หากเขาลักพาตัวทั้งสองไปได้…แค่คิดฉู่เหินก็ตื่นเต้นแล้ว แม้ว่าเขาจะรู้ความเป็นไปได้นี้หายากมากก็เถอะ!
“ชีวิตน่ะไม่ว่าจะยังไงก็ต้องตาย มันเป็นไปไม่ได้ที่จะให้เราทรยศ พวกเราสนับสนุนนิกายของเรา ฉันละสงสัยจริง ๆ ว่าแกเป็นใคร? เมื่อถึงเวลาที่แกจะตาย ฉันก็หวังว่าแกจะบอกให้ฉันได้รู้น่ะ!” ชายชราถาม
“นายไม่ได้มาที่นี่เพื่อฉันหรอกเหรอ? เออ แต่ช่างมันเถอะ ฉันไม่สนใจหรอก!” ฉู่เหินเรียกดาบและพัดของเขาออกมา เมื่ออาวุธทั้งสองอยู่ในมือของเขาแล้วชายหนุ่มก็รู้สึกปลอดภัยขึ้น
พัดที่พับเก็บเอาไว้ส่องแสงสีเงินออกมาทำให้คนที่อยู่รอบ ๆ รู้ได้ทันทีเลยว่านี่ต้องเป็นสมบัติระดับสูงแน่ ๆ แถมดาบวงพระจันทร์นั่นก็สะท้อนแสงดวงอาทิตย์ไม่แพ้กัน
ในตอนนี้ฉู่เหินจิ้มไปที่แหวนของเขาเพื่อให้เสี่ยวหงออกมา เจ้ากระต่ายปีศาจกระโดดออกมา มันจ้องทั้งสองคนอย่างไม่วางตา
สองปรมาจารย์ตัวสั่นเทาด้วยความกลัว พวกเขาไม่รู้ว่าพลังของกระต่ายตัวนี้เป็นยังไงกันแน่ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่กล้าที่จะลงมือก่อน
วินาทีเดียวกันนั้นฉู่เฟิงก็ชักดาบออกมา ซึ่งนั่นก็ทำให้พวกปรมาจารย์รู้ตัวกันทันที เมื่อเห็นแบบนั้นฉู่เหินจึงถอนหายใจออกมา
“แก… แกคือฉู่เหิน!”
ชายชรามองฉู่เหินอย่างไม่เชื่อ เขาไม่เคยคิดเลยว่าเด็กที่มองโลกในแง่ดีคนนี้จะเป็นเป้าหมายที่เขาจะต้องฆ่าในครั้งนี้ หากเป็นคนอื่น หลังจากที่เขาจับคู่ต่อสู้ได้ เขาก็พร้อมที่จะนำมันกลับไปที่นิกายเพื่อฝึกฝนอย่างช้า ๆ แต่อีกฝ่ายกลับกลายเป็นศัตรู เพราะอย่างนั้นมันก็ไม่มีความเป็นไปได้แล้วที่จะให้โอกาสกับเด็กคนนี้!
Next

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

สุดยอดชาวประมง (极品小渔民)บทที่ 142 ชีวิตที่เติบโต

Now you are reading สุดยอดชาวประมง (极品小渔民) Chapter บทที่ 142 ชีวิตที่เติบโต at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 142 ชีวิตที่เติบโต[รีไรท์]

บทที่ 142 ชีวิตที่เติบโต[รีไรท์]
“ถ้าพวกเราไม่ได้เป็นศัตรูกัน ฉันก็คงไม่รังเกียจที่เป็นเพื่อนหรอก แต่น่าเสียดายที่พวกเราเป็นศัตรูคู่อาฆาตกันซะงั้น ฉันละเสียดายจริง ๆ!” ฉู่เหินส่ายหัวอย่างช่วยไม่ได้
“ต่างกันยังไงล่ะ? ตราบใดที่นายต้องการ ฉันก็จะยอมรับนายได้ในฐานะลูกศิษย์ ความมั่งคั่งในโลกคือหมอกควัน มีเพียงชีวิตที่ยืนยาวเท่านั้นคือของจริงแท้ หากนายมีโอกาสที่จะมีชีวิตอยู่ 300 ถึง 500 ปี นายยังอยากจะเป็นแค่เจ้าหน้าที่กระจอก ๆ นี่นะเหรอ!?”
ได้ยินแบบนั้นหัวใจของฉู่เหินก็เต้นระรัว เขาเคยรู้มาก่อนเลยว่ามีวิชาไหนที่สามารถเพิ่มอายุขัยได้ มันก็เหมือนกับการที่เขารู้วิธีผลิตรถ หากแต่ไม่รู้วิธีผลิตประตูนั่นแหละ เขายังขาดความรู้อีกมาก!
“เพิ่มอายุขัยงั้นเหรอ? เป็นไปได้ยังไง? ถึงฉันจะพอรู้มาว่ามีคนในโลกนี้ที่ทำได้ก็เถอะ และฉันก็รู้ตัวเองดีว่าอยู่ระดับไหน แต่ฉันไม่รู้จริง ๆ ว่ามันสามารถเพิ่มอายุขัยได้!” ฉู่เหินพูดพึมพำออกมา
“เก้าบรรจบ และเก้าพลังพรสวรรค์เป็นรูปแบบที่มนุษย์พยายามที่จะใช้ เมื่อทะลวงพลังดวงดาว คนผู้นั้นจะกลายเป็นผู้พิชิตดาราที่แท้จริง ทุกคนก็สามารถถือกำเนิดและเปลี่ยนกระดูกได้ ขณะเดียวกันพลังยังเพิ่มขึ้น อายุขัยเพิ่มขึ้น 100 ปี หลังจากสำเร็จเต๋า เมื่อทะลวงขั้นต่อไปก็คือผู้พิชิตดารา แต่ทุกการทะลวงครั้งใหญ่ แต่ละครั้งอายุขัยจะเพิ่มขึ้น 200 ปี แต่ถึงแม้อายุขัยจะเพิ่มขึ้นถึง 1 เท่า นายคิดว่าตัวเองจะมีชีวิตอยู่ถึง 300 หรือ 500 ปี ได้จริงงั้นเรอะ? ถ้ามากับฉัน มันก็ไม่ใช่เรื่องยาก!!”
ฉู่เหินตะลึงกับคำพูดของชายชรา เขาไม่เคยคิดถึงเรื่องนั้นมาก่อนเลยว่าเพียงแค่นี้มันจะสามารถเพิ่มอายุขัยได้ ตอนแรกเขาให้หวงลี่ลี่และเสี่ยวชิงฝึกด้วยตัวเอง แต่กลายเป็นว่ามันก็ได้แค่ให้พวกเธอป้องกันตัวเองเสียมากกว่า แต่ดูเหมือนว่าตอนนี้มันจะมีประโยชน์มากกว่านั้นแล้วสิ
ชายชรามองฉู่เหินด้วยใบหน้ายิ้มแย้มพร้อมหัวเราะออกมา ในหัวของเขายอมรับในตัวชายคนนี้ หากได้คนที่ฉลาดและกล้าหาญแบบนี้มาเป็นศิษย์ก็ถือว่าคุ้มค่า แม้ว่าเขาจะบาดเจ็บสาหัสอยู่แต่ก็หัวเราะออกมาอย่างช่วยไม่ได้
“ว่าแต่คุณมาจากสำนักไหนกัน? ที่นั่นมีภูเขาลูกใหญ่รึเปล่า? แล้วอยู่ที่ไหนล่ะ? ถ้าภูเขานั้นไม่ได้มีชื่อเสียง ฉันก็กลัวมันจะเป็นแค่สถานที่เล็ก ๆ เอาได้” ฉู่เหินกลอกตาไปมา และถามอีกครั้ง
ชายหนุ่มถามอย่างระมัดระวัง เขากลัวที่จะทำให้อีกฝ่ายขุ่นเคือง ดังนั้นเขาจึงแสดงออกว่าอยากรู้อยากเห็นมาก ยิ่งเขาเป็นแบบนั้น มันก็ยิ่งทำให้อีกฝ่ายคิดว่าเขาต้องการเคารพตนในฐานะอาจารย์
ตาแก่นี่แม้ว่าจะบาดเจ็บหนัก แต่ก็ยังเย่อหยิ่งในศักดิ์ศรีของตัวเอง! จากความภาคภูมิใจของเขา ฉู่เหินบอกได้เลยว่าพลังของชายคนนี้น่ากลัวมากแน่นอน ชายชราต้องการให้ฉู่เหินเป็นศิษย์ และคำพูดต่อไปของเขาก็ทำให้ดวงตาของฉู่เหินหดลงเล็กน้อย
“มีหลายอย่างที่นายไม่รู้ แต่ฉันบอกได้เลยว่าวิชาของฉันในเทือกเขาเทียนชานคือที่หนึ่งในโลกนี้ หากนายฝึกวิชายุทธ์ของฉัน ฉันจะทำให้นายยิ่งใหญ่ได้แน่นอน” ชายชราพูดด้วยความภูมิใจที่สุดในชีวิตของเขา
ฉู่เหินรู้สึกอยากจะขอบคุณตาแก่คนนี้จริง ๆ ที่บอกข้อมูลให้ ตอนนี้เขาก็รู้แล้วว่ารังของฝ่ายตรงข้ามอยู่ที่ไหน ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องกังวลเกี่ยวกับการตามหาตัวหรือสะกดรอยตามอีกต่อไป แม้ว่าเทือกเขาเทียนชานจะไม่เล็ก แต่มันก็ไม่น่าจะมีปัญหาในการค้นหานิกายที่ซ่อนอยู่หรอก
ทว่าชายหนุ่มก็ต้องลังเลที่จะเลือกมันอยู่ ถ้าปล่อยให้ตาแก่นี่ตายเขาก็คงรับไม่ได้ ครั้นจะปล่อยไปก็กระไรอยู่ มันแทบจะไม่มีทางออกอื่นเลยในตอนนี้
“ถ้าพวกคุณเลือกที่จะทิ้งวิชาของนายไว้ตอนนี้ ฉันจะปล่อยนายไป ไม่งั้นวันนี้ในปีหน้าจะเป็นวันครบรอบวันตายของนาย!” ความระมัดระวังในแววตาของฉู่เหินหายไป และมีเพียงเจตนาฆ่าเท่านั้น
การเปลี่ยนท่าทางของฉู่เหินทำเอาปรมาจารย์ทั้งสองตะลึง เพราะชายตรงหน้าพวกเขาดูแตกต่างจากคนเมื่อกี้อย่างสิ้นเชิง ครั้งนี้ชายหนุ่มให้ความรู้สึกน่ากลัวแพร่กระจายออกมา
“แกเป็นใครกันแน่?” สองปรมาจารย์ถามออกมา พวกไม่คิดว่าฉู่เหินจะเป็นคนธรรมดาอีกต่อไป โดยเฉพาะคำพูดที่ทำให้พวกเขาตะลึงนั่น
“ไม่สำคัญหรอกว่าฉันเป็นใคร แต่พวกแกต้องสละวิชาออกมาถ้าอยากจะรอด” เป็นคำพูดที่ทรงพลังมาก พวกปรมาจารย์ต่างก็รู้ดีว่าในอีกไม่นาน พวกเขาต้องเลือกระหว่างความตายและการมีชีวิตอยู่
“ตลกน่า วิชานี้ฉันมีตั้งแต่ยุคโบราณแล้วจะให้สละมันไปง่าย ๆ ได้ยังไงกัน แต่ให้แกมาฆ่าฉันก็ยากเหมือนกันแหละน่า!” ปรมาจารย์ทั้งสองสูดลมหายใจพร้อมที่จะสู้อีกครั้ง
“ถ้าเป็นแบบนั้นฉันจะฝังศพพวกแกให้อย่างงดงามเอง!” ฉู่เหินพูดออกมาพร้อมด้วยออร่าแห่งความน่ากลัวที่แผ่ออกมา มันเป็นออร่าที่ให้ความรู้สึกแปลก ๆ กับปรมาจารย์ทั้งสอง
ชายหนุ่มโบกมือเรียกฉู่เฟิงออกมา ส่วนโจวหู่ที่อยู่ด้านนอกถูกหยุดเอาไว้
แม้ว่าโจวหู่จะเป็นปรมาจารย์เหมือนกัน แต่เขาก็ไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าต่อสู้ด้วย ถ้าโจวหู่เข้าร่วมด้วยละก็จะยิ่งทำให้เขาเป็นกังวล
“แกเป็นใครกัน?” ปรมาจารย์ทั้งสองถามเมื่อเห็นฉู่เฟิง พวกเขามั่นใจเลยว่าชายหนุ่มคนนี้จะต้องไม่ใช่คนที่มีระดับต่ำกว่าพวกเขาแน่ ๆ
ถ้ายังเป็นปกติพวกเขาก็ไม่ได้ห่วงอะไรหรอก แต่ตอนนี้พวกเขาบาดเจ็บหนักมาก ดังนั้นอัตราการชนะจึงถือได้ว่าน้อยมาก
“ฉันเคารพคุณสองคนน่ะ และฉันไม่ต้องการฆ่าพวกคุณด้วย ถ้าคุณเต็มใจที่จะออกจากนิกาย ฉันก็อยากจะปฏิบัติกับพวกคุณในฐานะแขก” ทั้งสองเป็นปรมาจารย์โดยกำเนิด หากเขาลักพาตัวทั้งสองไปได้…แค่คิดฉู่เหินก็ตื่นเต้นแล้ว แม้ว่าเขาจะรู้ความเป็นไปได้นี้หายากมากก็เถอะ!
“ชีวิตน่ะไม่ว่าจะยังไงก็ต้องตาย มันเป็นไปไม่ได้ที่จะให้เราทรยศ พวกเราสนับสนุนนิกายของเรา ฉันละสงสัยจริง ๆ ว่าแกเป็นใคร? เมื่อถึงเวลาที่แกจะตาย ฉันก็หวังว่าแกจะบอกให้ฉันได้รู้น่ะ!” ชายชราถาม
“นายไม่ได้มาที่นี่เพื่อฉันหรอกเหรอ? เออ แต่ช่างมันเถอะ ฉันไม่สนใจหรอก!” ฉู่เหินเรียกดาบและพัดของเขาออกมา เมื่ออาวุธทั้งสองอยู่ในมือของเขาแล้วชายหนุ่มก็รู้สึกปลอดภัยขึ้น
พัดที่พับเก็บเอาไว้ส่องแสงสีเงินออกมาทำให้คนที่อยู่รอบ ๆ รู้ได้ทันทีเลยว่านี่ต้องเป็นสมบัติระดับสูงแน่ ๆ แถมดาบวงพระจันทร์นั่นก็สะท้อนแสงดวงอาทิตย์ไม่แพ้กัน
ในตอนนี้ฉู่เหินจิ้มไปที่แหวนของเขาเพื่อให้เสี่ยวหงออกมา เจ้ากระต่ายปีศาจกระโดดออกมา มันจ้องทั้งสองคนอย่างไม่วางตา
สองปรมาจารย์ตัวสั่นเทาด้วยความกลัว พวกเขาไม่รู้ว่าพลังของกระต่ายตัวนี้เป็นยังไงกันแน่ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่กล้าที่จะลงมือก่อน
วินาทีเดียวกันนั้นฉู่เฟิงก็ชักดาบออกมา ซึ่งนั่นก็ทำให้พวกปรมาจารย์รู้ตัวกันทันที เมื่อเห็นแบบนั้นฉู่เหินจึงถอนหายใจออกมา
“แก… แกคือฉู่เหิน!”
ชายชรามองฉู่เหินอย่างไม่เชื่อ เขาไม่เคยคิดเลยว่าเด็กที่มองโลกในแง่ดีคนนี้จะเป็นเป้าหมายที่เขาจะต้องฆ่าในครั้งนี้ หากเป็นคนอื่น หลังจากที่เขาจับคู่ต่อสู้ได้ เขาก็พร้อมที่จะนำมันกลับไปที่นิกายเพื่อฝึกฝนอย่างช้า ๆ แต่อีกฝ่ายกลับกลายเป็นศัตรู เพราะอย่างนั้นมันก็ไม่มีความเป็นไปได้แล้วที่จะให้โอกาสกับเด็กคนนี้!
Next

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด

×

Pengaturan Membaca

Background :

Size :

A-16A+