สุดยอดชาวประมง (极品小渔民)บทที่ 470 ยืนหยัดมั่นคง

Now you are reading สุดยอดชาวประมง (极品小渔民) Chapter บทที่ 470 ยืนหยัดมั่นคง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 470 ยืนหยัดมั่นคง

บทที่ 470 ยืนหยัดมั่นคง

ครั้งนี้ฉู่เหินสร้างความตกใจแก่คนอื่นไม่น้อยเลย ทำให้คนที่คิดจะประลองด้วยถึงกับถอยกลับไม่ทัน! พวกเขารู้ว่ายังไงตัวเองก็ไม่ใช่คู่มือของ 70 กว่าคนนั้น ขนาดพวกเขายังทำไม่ได้ แล้วแบบนี้จะเข้าไปให้ขายหน้าทำไม? ดังนั้นคนพวกนี้เลยไม่มีใครกล้าขึ้นไปประลอง!

เพราะแบบนี้เลยทำให้เวทีของฉู่เหินเงียบไปถนัดตา ทว่าเวทีประลองอื่นยิ่งนานก็ยิ่งคึกคัก! ซึ่งเมื่อไม่มีคนมาประลองกับฉู่เหิน เขาก็ได้แต่ยืนเงียบ ๆ คนเดียว ทั้งนี้ก็เป็นเพราะเกราะป้องกัน 3 ธาตุที่พึ่งสำเร็จไป ชายหนุ่มอาจต้องใช้เวลาในการศึกษาอีกสักพัก! และยิ่งศึกษาลึกเท่าไร เขาก็ยิ่งพบว่าเกราะป้องกันจากพลังธาตุนั้นมีพลังมากมายขนาดไหน

ถ้าตอนที่กำลังต่อสู้ และให้ร่างกายด้านนอกห่อหุ้มด้วยเกราะป้องกันแบบนี้เอาไว้ ถึงจะไม่กล้ารับประกันว่าจะยอดเยี่ยมไร้เทียมทาน แต่รับประกันได้เลยว่าคุณจะได้รับความเสียหายน้อยมาก! อีกทั้งเขาพบว่าเกราะป้องกันสามพลังธาตุนี้มีจุดรวมที่แตกต่างกันออกไป แล้วแต่พลังที่ใช้ ว่าแล้วฉู่เหินก็ทำการศึกษาอย่างเงียบ ๆ ต่อไป

ที่เวทีประลองอีก 29 แห่ง บรรยากาศการต่อสู้เป็นไปอย่างออกรสออกชาติ โดยเฉพาะกับพวกราชันดาราทั้งหลาย พวกเขาคือคนที่โดนท้าประลองด้วยมากสุด! แต่ถึงจะเป็นอย่างงั้นพวกเขาส่วนใหญ่ก็ยังคงรักษาเวทีได้อย่างเหนียวแน่น! หนึ่งในนั้นก็มีนิกายกิเลนฮาวโยวและกวนเชิง! ความสามารถของทั้งสองแข็งแกร่งมากอยู่แล้ว มีหลายครั้งหลายคราที่เจอกับขั้นจักรพรรดิดารา แต่ถึงอย่างงั้นพวกเขาก็สามารถทำให้ผู้ท้าชิงเหล่านั้นพ่ายแพ้ลงไปได้!

ทางด้าน 6 ตัวแทนของตระกูลฉู่ มีทั้งฉู่ตง ฉู่หนาน ฉู่ซี ฉู่เป่ย และฉู่อี้ ความสามารถของพวกเขาทั้งหกนั้นไม่ธรรมดาเลย! ตอนนี้เวทีของแต่ละคนมีคนเข้าคนออกเป็นว่าเล่น! เดิมทีฉู่จือว่าจะลงแข่งด้วย! แต่ผู้เฒ่าสามไม่ยอม เหตุผลก็ง่ายมาก เพราะบาดแผลของฉู่จือยังไม่หายดี ผู้เฒ่าสามไม่อยากให้เขาไปซ้ำแผลเก่า!

แน่นอนว่าจะมีเหตุผลสำคัญอีกข้อหนึ่ง เพราะว่าตอนนี้ตระกูลฉู่ ถ้าพวกเขานับรวมฉู่เหินไปด้วยก็มีถึง 7 คนเข้าไปแล้ว! ถ้าฉู่จือไปด้วยอีกคนก็ต้องกลายเป็น 8 คน ถึงตอนนั้นจะมีกลุ่มอำนาจไหนยินยอมบ้าง ? ขนาดตอนนี้กลุ่มอำนาจอื่นยังมองตระกูลด้วยสายตามุ่งร้ายแล้วเลย!

แม้ว่าพวกเขาจะไม่กลัว แต่ก็ไม่อยากให้เรื่องมันยุ่งยาก! ทางด้านวัดหยูฟ่อซือเอง ตอนนี้พวกเขาก็เหลือกันอยู่ 5 คน ทั้งห้ายืนประจำเวทีของตัวเองไม่มีใครสามารถโค่นพวกเขาลงได้เช่นกัน! นิกายหว่านเต้ามีทั้งสิ้น 4 คน แส้หางม้าในมือนั้นไม่ใช่ของสามัญทั่วไป เมื่อมันมาอยู่ในมือของพวกเขาทั้งสี่ก็คล้ายจะไม่มีใครกล้าเหยียบขึ้นไปประลองด้วยแล้ว!

ส่วนหอเมฆาเองก็มี 3 ผู้ที่แข็งแกร่ง ซึ่ง 1 ในนั้นก็คือ หลิงหยุนจือที่ได้รับบาดเจ็บเมื่อครั้งก่อน อาจเพราะด้วยเหตุผลดังกล่าว จึงทำให้เวทีของเขาเป็นที่จับจ้องทันทีที่เริ่มประลอง! ทางด้านพรรคกระบี่นั้น มีคนเข้ามาได้เพียงคนเดียว เขาถือดาบข้างซ้ายถือกระบี่ข้างขวา ราวกับนักสู้ผู้กล้าหาญ! ที่น่าสงสารคือนิกายห่านเซียงกู้ พวกเขากลับไม่มีลูกศิษย์คนไหนได้เข้าเป็น 30 คนแรกเลยสักคนเดียว! กลับเป็นหอประจิมที่ได้เข้ามา 1 คน!

ผู้ฝึกยุทธไร้สังกัดเข้ามาได้ 3 คน ทาปาหยิงหนานคือ 1 ในนั้น! ส่วนพวกนิกายอันดับ 1 นิกายอันดับ 2 และ 3 นั้นยิ่งกว่า! พวกเขาไม่มีทางเลือกนอกจากท้าประลองมันทุกเวที!

มิยาโมโตะ อิจิโร่ก็เป็นหนึ่งใน 30 คนเช่นกัน อย่ามองว่าคน ๆ นี้เป็นแค่ขั้นราชันดาราระดับสูงสุดเท่านั้น เพราะพลังโจมตีของเขาไม่ได้ต่ำเลย อย่างเช่นตอนนี้ที่เขากำลังประลองกับขั้นจักรพรรดิดาราคนหนึ่งกันมากกว่า 10 กระบวนท่าแล้ว! จนพวกเขาเดาได้แล้วว่าชายคนนี้ซ่อนพลังของตัวเองเอาไว้!

และแล้วการแข่งขันรอบนี้ก็ได้สิ้นสุดลง! ในที่สุดก็มาถึงช่วงเวลาคัดเลือกผู้นำทีมไปต่างโลก! เดิมทีผู้ที่ได้ที่หนึ่งในการแข่งขันนี้ควรจะได้เป็นคนนำทีม แต่ตอนนี้สถานการณ์ไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว เหล่ายอดยุทธกลัวว่าการเดินทางครั้งนี้จะทำให้คนของพวกเขาตาย!

แม้ว่าจะไม่ถึงกับตาย แต่ถ้าได้รับบาดเจ็บสาหัสก็ได้ไม่คุ้มเสียอยู่ดี ต้องเข้าใจว่าการเดินทางต่างมิตินั้นตอนนี้เป็นเรื่องเร่งด่วนไปแล้ว ไม่มีเวลาให้พวกเขาได้พักฟื้นหรอกนะ! เพราะเหตุนี้พวกเขาเลยตัดสินใจเลือกผู้นำกันเอง!

ชื่อที่เข้ามาในหัวคนแรกก็คือตระกูลฉู่อย่างไม่อาจปฏิเสธได้! ราวกับการเลือกผู้นำทีมนั้นพวกเขาจะเลือกใครก็ได้ เดิมทีทุกคนนึกว่าผู้เฒ่าสามจะต้องเลือกฉู่เหินนำทีมอย่างแน่นอน! อย่างไรก็ตาม เหมือนว่ามันจะไม่ได้เป็นอย่างงั้น มันทำให้พวกเขาไม่เข้าใจว่าทำไม หรือว่าพวกตระกูลฉู่จะกินยาผิดมา!

ที่จริงผู้เฒ่าสามมีแผนในใจ ตระกูลฉู่ 7 คนนิกายกิเลน 2 คน รวมเป็น 9 คน ซึ่งถ้านับทาปาหยิงหนานเข้าไปด้วยก็เป็น 10 คน แบบนี้สัดส่วนของทีมก็ถือว่าเป็น 1 ใน 3 ของทีมแล้ว! ต่อให้มีคนไม่พอใจทางตระกูลฉู่ก็ไม่กลัว พอไปต่างมิติแล้วเจอสมบัติใครจะยังฟังคำสั่งผู้นำอยู่อีกกัน ?

อีกทั้งตอนนี้เห็นได้ว่านิกายหว่านเต้านั้นอยู่ข้างตระกูลฉู่ แม้จะไม่มีคนอื่นแล้ว พวกเขา 30 คนก็สามารถไปไหนมาไหนได้เองที่ต่างมิติ! เพราะทั้ง 30 คนที่ว่าต่างก็เป็นยอดฝีมือด้วยกันทั้งนั้น

ตอนนี้เหล่ายอดยุทธกำลังเถียงกันอยู่ เพราะว่าในใจของพวกเขามีอยู่ 3 คนที่เหมาะสมสำหรับการเป็นผู้นำทีม คนแรกก็คือพระจากวัดหยูฟ่อซือ! เขาเป็นคนมีเมตตากับคนอื่นมาก ถ้าได้เป็นผู้นำทีมจะเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด!

นอกนั้นก็ไม่ค่อยจะดีเท่าไร มีชายหนุ่มที่ถือดาบข้างกระบี่ข้างคนนั้นซึ่งมีทั้งความสามารถในการต่อสู้ และความฉลาดเจ้าแผนการ ทำให้เขาก็กลายเป็นหนึ่งในตัวเลือกผู้นำที่เหมาะที่สุด! นอกจากสองคนนี้แล้วก็มีหลิงหยุนจือ อย่ามองว่าหลินหยุนจือยังบาดเจ็บอยู่! เพราะความสามารถของเขานั้นมีน้อยคนนักที่จะเทียบกับเขาได้!

ที่ไม่มีฉู่เหินเพราะว่ายอดยุทธพวกนั้นไม่อยากให้ตระกูลฉู่มีสิทธิ์มีเสียงมากนัก! เพราะคนตระกูลฉู่เยอะมากพอแล้ว ถ้าให้สิทธิพิเศษพวกเขาอีกแล้วคนอื่นจะไม่กลายเป็นกระดูกให้พวกเขาแทะเล่นหรือไง

หลังการเถียงกันผ่าน ทุกคนก็เลือกพระรูปนั้นอย่างช่วยไม่ได้! อีกทั้งที่สำคัญก็คือพลังวรยุทธ์ของพระรูปนั้น แม้ว่าจะเป็นเพียงขั้นจักรพรรดิดาราระดับต้น แต่แท้จริงแล้วเขาอยู่ในขั้นจักรพรรดิดาราระดับกลาง! เพียงแต่จนถึงตอนนี้ยังไม่เคยพบใครที่เขาจะต้องแสดงฝีมือออกมาเท่านั้น!

หลังจากเลือกผู้นำทีมได้แล้ว พวกเขาก็ทำการประกาศรวมตัวทันที! เดิมทีมีเหล่าผู้เข้าแข่งขันหลายคนที่อยากจะประลองจนถึงขั้นเตรียมตัวพร้อมสู้ต่อแล้วด้วย แต่คิดไม่ถึงว่าการแข่งขันจะจบลงแล้ว แม้ว่าจะรู้สึกตกใจ แต่ก็ไม่ได้แสดงอะไรออกมา ก็ในเมื่อเบื้องบนตัดสินแล้วพวกเขาจะเปลี่ยนอะไรได้!

กลับเป็นฉู่เหินที่เมื่อได้ยินดังนั้นก็ถอนหายใจ เกรงว่าการจะฆ่ามิยาโมโตะ อิจิโร่ดูจะยากซะแล้ว! หากฆ่าเขาที่ต่างมิติก็ดูเหมือนว่าจะไม่ง่ายนัก คิดไม่ถึงว่าความแค้นของพวกเขาจะไม่ได้รับการสะสาง!

เมื่อประกาศผลจากเป็นทางการว่าการแข่งขันสิ้นสุดแล้ว ต่อมาทุกคนก็ไปเตรียมตัว! ฉู่เหินรู้ดีว่าพวกยอดยุทธเหล่านั้นอดทนรอกันไม่ไหวแล้ว คงจะอยากให้พวกเขาไปต่างมิติซะเต็มแก่ จะได้หาสมบัติกลับมาให้พวกเขา!

หลังจากพวกเขารู้ว่าตัวเองถูกอำนาจนอกโลกคุกคามก็เริ่มกระวนกระวาย อีกทั้งจะส่งผู้เชี่ยวชาญค่ายกลไปสักคนก็ยังไม่ได้! ในตอนที่ฉู่เหินกำลังครุ่นคิดอยู่นั้น อยู่ ๆ ก็มีเสียงโวยวายไปทั่วสนามประลอง!

“โอ้โห ไม่คิดว่าจะเห็นการรวมตัวของหมาแมวแบบนี้ นี้พวกนายประลองอะไรกันเหรอ ฉันไม่เห็นรู้เรื่องเลย ว่าการแข่งขันที่ไม่มีพวกเราปราสาทตติยเทพเข้าร่วมด้วยจะเป็นการประลองครั้งใหญ่! พวกแกตั้งตัวเป็นใหญ่ขึ้นมาเองทั้งนั้นนี้หว่า!”

พอได้ยินแบบนั้นฉู่เหินก็ขมวดคิ้วแน่น เขาไม่รู้จริง ๆ ว่าจะมีกลุ่มอำนาจไหนที่กล้าไร้มารยาทกับกลุ่มอำนาจอื่นแบบนี้!

เหล่ายอดยุทธที่ได้ยินแบบนั้นก็โมโหไปตาม ๆ กัน! ต้องเข้าใจว่าในพรรคหรือนิกายของตัวเองนั้นพวกเขาเป็นผู้อาวุโสที่สุด วันนี้กลับมาถูกดูถูกแบบนี้ ยังไงพวกเขาก็รับไม่ได้!

“พวกแกเป็นใคร เสนอหน้าเหม็น ๆ ออกมาให้พวกข้าดูสิ!”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด