นางสนมแพทย์อัจฉริยะบทที่ 200 เหยื่อเพียงคนเดียว ใช้คนเสียคุ้มเลย

Now you are reading นางสนมแพทย์อัจฉริยะ Chapter บทที่ 200 เหยื่อเพียงคนเดียว ใช้คนเสียคุ้มเลย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 200 เหยื่อเพียงคนเดียว ใช้คนเสียคุ้มเลย
“เพื่อเฟิ่งชิงเฉินแล้ว แม้แต่สุขภาพตัวเองก็ยังไม่สนใจ ข้าไม่เข้าใจเลยจริงๆ ทำไมข้าถึงได้มีลูกที่โง่อย่างนี้นะ ครั้งก่อนก็เข้าไปขวางลูกดอกให้เสด็จอาเก้า มาครั้งนี้ออกไปหาเฟิ่งชิงเฉินที่นอกเมือง นี่เขาไม่รู้หรืออย่างไรว่าหากสองคนนี้ตายไปแล้วจะเป็นผลดีต่อเขามาก?” ฮองเฮาอดไม่ได้ที่จะดุด่าตงหลิงจื่อลั่ว
มามารีบยื่นน้ำชาให้ฮองเฮา จังหวะที่ฮองเฮาได้พักหายใจนั้น นางก็เป็นฝ่ายพูดบ้าง “ฮองเฮาเพคะ ท่านทรงมองลั่วอ๋องผิดไปแล้ว ลั่วอ๋องจะออกไปนอกเมืองเพียงเพราะผู้หญิงคนเดียวได้อย่างไร เขาเป็นคนคิดการรอบคอบ และในสมองก็มีแต่เรื่องการดูแลบ้านเมือง”
“ฮองเฮาคงจะทรงลืมไปแล้วว่า ถึงแม้ว่าแม่ทัพอวี่เหวินจะปราบปรามพวกจูเซียงไปบ้างแล้ว แต่ก็ยังมีพวกจูเซียงบางส่วนที่ยังไม่ถูกจับ ที่กบดานของพวกมัน ได้ยินว่าอยู่นอกเมืองนะเพคะ”
“เพราะก่อนหน้านี้ท่านอ๋องบาดเจ็บอยู่ ตอนนี้เขาดีขึ้นมากแล้ว ก็คงต้องไปหาของกำนัลชิ้นใหญ่มาถวายให้ฮ่องเต้ เป็นการแบ่งเบาราชกิจของฮ่องเต้ ขอเพียงลั่วอ๋องปราบปรามพวกจูเซียงที่ยังหลงเหลืออยู่ได้สำเร็จ เมื่อถึงตอนนั้นแล้ว ฮ่องเต้และขุนนางใหญ่ในราชสำนักจะมองลั่วอ๋องอย่างไรล่ะเพคะ”
“ฮองเฮาเพคะ ท่านอ๋องทรงรักท่านมาก จะไปหลงหญิงอื่นได้อย่างไร เขาไปนอกเมืองด้วยเรื่องพวกจูเซียงต่างหาก แต่ก่อนที่ภารกิจจะสำเร็จ ก็ทรงแวะทำธุระอื่นไปด้วย เพื่อไม่ให้ผู้คนมองว่าเขาบุ่มบ่ามเพราะหวังสูง”
มามาเฒ่าพูดอย่างจริงจังเป็นพิเศษ ราวกับว่านางได้ยินได้ฟังสิ่งที่ตงหลิงจื่อลั่วพูดด้วยหูของตัวเอง
“นี่ท่านพูดจริงๆหรือ?” ฮองเฮาทรงครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งแล้วจึงพยักหน้า ยิ่งคิดก็ยิ่งเห็นว่ามีโอกาสเป็นไปตามที่มามากล่าวไว้
“เอาล่ะๆ ไม่เสียแรงที่เป็นลูกชายข้า ข้าคงรีบตัดสินเกินไป ต่อให้ลั่วอ๋องจะหมายปองหญิงสาวอยู่หลายคน แต่ก็คงไม่หลงใหลเฟิ่งชิงเฉิน ไม่ต้องพูดเรื่องการแต่งงานของเฟิ่งชิงเฉินที่ล้มเหลวไม่เป็นท่า ลำพังเรื่องราวอื่นๆในอดีต ก็ทำให้ลั่วอ๋องชังน้ำหน้าเฟิ่งชิงเฉินยิ่งนัก ข้าคงจะคิดมากไปเอง”
ฮองเฮาทรงปรับเปลี่ยนสีพระพักตร์ จากกลัดกลุ้มมาเป็นปกติ
“ฮองเฮาเข้าพระทัยในความมุ่งมั่นของลั่วอ๋องก็ดีแล้วเพคะ” มามากล่าวพลางก้มหน้า
นางเป็นผู้ติดตามของฮองเฮา แต่นางจะดูแลฮองเฮาได้ดีแค่ไหนนั้น คงมีแต่สวรรค์ที่รับรู้
……
ท้องฟ้าค่อยๆมืดลงแล้ว องค์ชายชุนหยูที่ทราบข่าวก็รีบควบม้าตามมาในทันที
“ตี๋ตงหมิง เจ้าคนชั่ว เจ้าทิ้งเฟิ่งชิงเฉินไว้ตรงนี้ไม่ใช่หรือ? แล้วไหนล่ะ? นางอยู่ที่ไหน? เจ้าบอกข้ามาสิ” ตงหลิงจื่อชุนไม่ทำตัวสุขุมอย่างตงหลิงจื่อลั่ว และไม่ต้องหวั่นเกรงต่อสถานะของฝ่ายตรงข้ามอย่างเช่นหวังชีด้วย
เขาก็เหมือนตี๋ตงหมิงที่ไม่เกรงกลัวใครหน้าไหน อีกคนมีฮ่องเต้คอยหนุนหลัง ส่วนอีกคนก็มีซู่ชินอ๋อง แต่เรื่องนี้ตี๋ตงหมิงดูจะเสียเปรียบกว่า เนื่องจากซู่ชินอ๋องไม่ได้ให้ท้ายเขาไปทุกๆเรื่อง
“ก็ตอนนั้นข้าปล่อยนางไว้ที่นี่จริงๆนะ ข้ายืนยันได้” ตี๋ตงหมิงรู้สึกผิดอีกครั้ง เขาไม่ได้เกลียดชังเฟิ่งชิงเฉินขนาดนั้น เพียงแต่ไม่ค่อยชอบที่นางคอยทำนู่นทำนี่
นางเป็นเพียงผู้หญิงตัวเล็กๆ แต่กลับทำทุกอย่างได้แน่วแน่และกล้าหาญกว่าผู้ชาย นางเป็นเพียงคุณหนูที่ตกอับ แต่รอบๆตัวนางกลับมีสิ่งแวดล้อมที่เทียบชั้นกับองค์หญิงได้เลย
เออ ไม่สิ เผลอๆเฟิ่งชิงเฉินจะดูเหนือกว่าองค์หญิงอันผิงเสียด้วยซ้ำ การวางตัวที่น่าเคารพนับถือของเฟิ่งชิงเฉินดูดีพอๆกับเสด็จอาเก้า ต่อให้แต่งตัวซอมซ่อ ก็ไม่อาจกลบรัศมีความน่ายกย่องได้
ดูจากราชวงศ์ตงหลิงทั้งสามรุ่นที่ผ่านมา ผู้ที่เป็นองค์หญิงผู้สูงศักดิ์ หากดูดีๆแล้วก็เหมือนมีบางอย่างที่ขาดหาย แต่แคว้นไหนๆก็เป็นแบบนี้กันทั้งนั้น สายเลือดของราชวงศ์รุ่นก่อนหน้าได้จางหายไปนานแล้ว
“เจ้ายืนยันได้ เจ้ายืนยันได้แล้วมันมีประโยชน์อะไรล่ะ ตี๋ตงหมิง ข้าจะบอกให้นะ ถ้าวันนี้เจ้าตามหาเฟิ่งชิงเฉินไม่พบก็อย่าหวังว่าจะกลับไปได้” ตงหลิงจื่อชุนโกรธจนตัวสั่น
เขาเคยวาดฝันว่าจะได้จูงมือหญิงสาวที่เขาชอบ แต่เจ้าตี๋ตงหมิงกลับพานางมาทิ้งไว้นอกเมือง ทำเกินไปจริงๆ
สายตาที่ตงหลิงจื่อชุนมองตี๋ตงหมิง บ่งบอกว่าเขาแทบอยากฉีกฝ่ายตรงข้ามเป็นชิ้นๆ
ตี๋ตงหมิงยิ่งกดดันขึ้นไปอีก
นี่มันอะไรกันนี่ การปรากฏตัวของลั่วอ๋องก็ทำให้เขาแปลกใจจะแย่แล้ว แล้วนี่ดันมีองค์ชายชุนหยูเพิ่มเข้ามาอีกคน เฟิ่งชิงเฉินเนื้อหอมตั้งแต่เมื่อใดกัน
เป็นอย่างที่ท่านปู่พูดไว้จริงๆด้วย เขาไปแหย่รังแตนเข้าเสียแล้ว คนอย่างเฟิ่งชิงเฉินหากหยอกล้อเล็กน้อยก็ไม่มีปัญหา แต่ถ้าทำเรื่องที่มากเกินไป นั่นหมายความว่า…
เป็นการหาเหามาใส่หัว
แต่สิ่งที่ทำให้ตี๋ตงหมิงแปลกใจยิ่งกว่านั้นก็คือ ท่านปู่บอกว่าการปฏิบัติตัวของเสด็จอาเก้าที่มีต่อเฟิ่งชิงเฉินนั้นไม่เหมือนใคร แต่เมื่อรู้ว่าเฟิ่งชิงเฉินเดือดร้อน ทำไมเสด็จอาเก้าจึงเหมือนไม่รู้สึกอะไรบ้างเลยล่ะ?
เมื่อนึกถึงเสด็จอาเก้าขึ้นมา ตี๋ตงหมิงก็เย็นสันหลังวาบ ก่อนจะรีบขจัดความคิดนี้ออกไปจากสมอง
ตอนนี้เขาปวดหัวจะตายอยู่แล้วแต่กลับไม่มีใครช่วยเขาเลย สายตาที่ลั่วอ๋องมองเขาก็มีแต่จะตำหนิ ยิ่งหวังชียิ่งไม่ต้องพูดถึง สายตาของหวังชีดูจะชังน้ำหน้าเขาเหลือเกิน
เฮ่อ……
หากมีเสด็จอาเก้าเพิ่มเข้ามาอีกคน เขาขอไม่อยู่บนโลกนี้เลยแล้วกัน
“องค์ชายชุนหยู เรารอดูกันไปก่อนนะ ไม่แน่ว่าเฟิ่งชิงเฉินอาจจะกลับเมืองหลวงเองก็ได้ ทุกคนก็รู้นี่ว่านางเก่งกาจจะตายไป” ก่อนหน้านี้สองครั้งนางยังกลับเมืองหลวงเองได้เลย
“เอาอย่างนี้ก็แล้วกัน หากเฟิ่งชิงเฉินได้รับอันตราย ข้าจะคิดบัญชีกับเจ้า” ตงหลิงจื่อชุนกล่าวเตือนตี๋ตงหมิง ก่อนจะเมินหน้าหนีเพื่อนำคนของตัวเองออกตามหาเฟิ่งชิงเฉินต่อไป……
ทุกๆ 1 ชั่วยาม ผู้ที่คอยอยู่เฝ้าทางเมืองหลวงก็จะส่งข่าวมาเป็นระยะๆ นี่ก็ผ่านไปได้ 3 ชั่วยามแล้ว เฟิ่งชิงเฉินก็ยังไม่กลับมา ทุกคนต่างเร่งตามหานาง
“เฟิ่งชิงเฉิน เฟิ่งชิงเฉิน เจ้าอยู่ไหน ได้ยินแล้วขานด้วย” หวังจิ่นหลิงตะโกนดังกึกก้องไปทั่วผืนฟ้าที่กำลังมืดครึ้ม
หวังชีนึกถึงตอนที่เขากับเฟิ่งชิงเฉินเผชิญอันตรายด้วยกันเมื่อครั้งก่อน
หากไม่ได้เฟิ่งชิงเฉิน เขาคงจะตายไปนานแล้ว แม้เฟิ่งชิงเฉินจะบอกว่าอย่างน้อยเราก็รอดตายมาได้ แต่เหตุการณ์ที่โหดร้ายในตอนนั้น……
ที่เฟิ่งชิงเฉินเอาตัวรอดมาได้ในครั้งนั้นก็เป็นเพราะนางได้เจอคนรู้จัก หากครั้งนี้นางได้รับอันตราย จะโชคดีได้เจอใครสักคนที่ช่วยเหลือนางได้หรือเปล่านะ?
เมื่อคิดเช่นนั้นแล้ว หวังชีก็ยิ่งรู้สึกกลัว เขาร้องตะโกนอย่างบ้าคลั่ง จนเสียงแหบแห้งแต่ก็ยังไม่ยอมหยุด
“เฟิ่งชิงเฉิน เจ้าอยู่ที่ไหนกันแน่ อย่าทำให้ข้าตกใจแบบนี้”
……
เฟิ่งชิงเฉินอยู่ไหน?
เป็นไปตามที่ฮ่องเต้ตรัสไว้ เฟิ่งชิงเฉินถูกพวกจูเซียงหรือหน่วยสอดแนมจากหนานหลิงมาพบและจับตัวนางไว้
การจับตัวเฟิ่งชิงเฉินในครั้งนี้ต้องใช้แรงคนมากถึง 18 คน เห็นภาพเช่นนี้แล้วเฟิ่งชิงเฉินก็อยากจะหัวเราะ นี่พวกเขาลงทุนกับนางมากไปไหม
ยอดฝีมือตั้ง 18 คนเชียว? นี่นางดูแข็งแกร่งขนาดนั้นเชียวหรือ
เดิมทียอดฝีมือทั้ง 18 คนนี้ต่างก็คิดว่าจะต้องเกิดการประลองเล็กๆขึ้น ไม่นึกเลยว่าเฟิ่งชิงเฉินจะยอมให้ความร่วมมืออย่างง่ายดาย นางยืนนิ่งอยู่กับที่ รอให้พวกเขามามัดนาง
นางดูนิ่งเฉยราวกับไปนั่งเป็นแขกที่จวนอื่น หาได้มีความหวาดกลัวแม้แต่น้อย
“เฟิ่งชิงเฉิน เจ้ารู้หรือเปล่าว่าพวกเราเป็นใคร? พวกเราคือจูเซียงตั๋งอวี่ วันนี้พวกเราจะมาเอาชีวิตเจ้า” ผู้ที่เป็นหัวหน้าเห็นท่าทางของเฟิ่งชิงเฉินแล้วก็เปิดเผยตัวตนด้วยน้ำเสียงที่น่ากลัว
ในฐานะของโจรลักพาตัว ช่วงเวลาที่สนุกที่สุดก็คือตอนเห็นเหยื่อกรีดร้องด้วยความหวาดกลัวแล้วอ้อนวอนขอชีวิตจากพวกเขา
แต่ว่าเฟิ่งชิงเฉิน?
ต้องบอกก่อนเลยว่า นี่เป็นงานที่พวกเขาเตรียมการมาอย่างดี และเป็นงานที่สบายเหลือเกิน
เฟิ่งชิงเฉินพยักหน้า “ก็รู้น่ะสิ แค่พวกเจ้าปรากฏตัวข้าก็รู้แล้วล่ะ แต่ก่อนที่จะกำจัดข้า ข้าว่าพวกเจ้าใช้คนเสียคุ้มเลย พวกเจ้าคงรู้ว่าข้าน่ะเป็นหมอ ข้าเชี่ยวชาญเรื่องบาดแผลมากๆเลยล่ะ พวกเจ้าน่าจะให้ข้าช่วยดูบาดแผลของคนที่บาดเจ็บพวกนั้นก่อนนะ แล้วเดี๋ยวค่อยมากำจัดข้า”

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *