นางสนมแพทย์อัจฉริยะบทที่ 958 ผลที่ตามมา,ข้าไม่เห็นค่าของผู้ชายเห็นแก่ตัว

Now you are reading นางสนมแพทย์อัจฉริยะ Chapter บทที่ 958 ผลที่ตามมาข้าไม่เห็นค่าของผู้ชายเห็นแก่ตัว at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

นางสนมแพทย์อัจฉริยะ บทที่ 958 ผลที่ตามมา,ข้าไม่เห็นค่าของผู้ชายเห็นแก่ตัว

ค่ำคืนนองเลือดของเมืองจักรพรรดิ คำพูดนี้ไม่ใช่เรื่องโกหก เสนาบดีสี่สิบกว่านายถูกฆ่าปิดปากในชั่วค่ำคืน มีอีกหลายร้อยคนที่เสียชีวิต และบนท้องถนนก็เต็มไปด้วยเลือด

ในตอนที่ราชองครักษ์แห่งเมืองจักรพรรดิมาถึง พวกเขาก็มีหน้าที่แค่เก็บศพคนตาย ส่วนผู้ลงมืออย่างโหดเหี้ยมเช่นนี้เป็นใคร? พวกเขาก็เห็นแค่เงาเท่านั้น

ตี๋ตงหมิงถูกปลุกขึ้นมาจากเตียงกลางดึก หลังจากทราบเรื่องราวทั้งหมด ตี๋ซื่อจื่อที่ไม่เคยใส่ใจกับเรื่องอันใด เวลานี้เขามีใบหน้าอันแสนมืดมน สั่งให้สาวใช้ไปนำชุดแต่งเข้าราชสำนักมาให้เขา เขาต้องการเข้าไปรายงานต่อจักรพรรดิในพระราชวัง

ส่วนเรื่องว่าเวลานี้เหมาะสมหรือไม่ มันไม่ได้อยู่ในการไตร่ตรองของตี๋ตงหมิง เรื่องราวเลวร้ายและรุนแรงถึงเพียงนี้ การกระทำอันเลวร้ายดังกล่าวมันเหมือนกับการตบหน้านายพลที่มีหน้าที่ปกป้องดูแลเมืองจักรพรรดิอย่างเขา

แต่ก่อนที่จะเข้าไปในพระราชวัง ตี๋ตงหมิงก็ต้องเตรียมตัวให้พร้อม แต่ในตอนที่เขาเตรียมทุกอย่างพร้อม ท้องฟ้าก็เริ่มสางแล้ว ตี๋ตงหมิงรู้ว่าเขารอไม่ได้อีกต่อไป ลงจากรถม้า เดินเข้าไปในพระราชวัง หากไม่ใช่ว่าเขาตะโกนขึ้นมาตอนที่เขาอยู่ด้านนอกของพระราชวัง องครักษ์ที่ทำหน้าที่ปกป้องและดูแลความปลอดภัยของพระราชวังคงสังหารเขาไปแล้ว

จักรพรรดิผู้หลับใหลไปพร้อมกับความงามในอ้อมแขนของเขา ถูกขันทีรับใช้ปลุกให้ตื่นขึ้น แต่หลังจากอาบน้ำและสวมเสื้อแห่งราชามังกรแล้ว ราชสำนักก็อยู่อีกไม่ไกล

มุมปากของตี๋ตงหมิงพองโต เมื่อเห็นใบหน้าอันมืดมนของจักรพรรดิที่เดินเข้ามา ตี๋ตงหมิงละทิ้งความกลัวและรายงานเรื่องทั้งหมดต่อหน้าจักรพรรดิอย่างละเอียด

“ไร้ประโยชน์!” จักรพรรดิตบโต๊ะ ลุกขึ้นมาจากบัลลังก์มังกร “มีอาชญากรอันเลวร้ายแอบเข้ามาในเมืองจักรพรรดิ สังหารเหล่าเสนาบดีภายใต้จมูกของข้า แต่เข้าที่เป็นนายพลผู้เฝ้าดูความปลอดภัยของเมืองจักรพรรดิกลับไม่รู้เรื่องราว วันนี้เจ้าโจรชั่วพวกนั้นกล้าบุกเข้ามาสังหารเหล่าขุนนาง พรุ่งนี้พวกเขาก็คงบุกเข้ามาสังหารข้าถึงในพระราชวัง”

“ข้าไร้ซึ่งความสามารถ ฝ่าบาทได้โปรดลงโทษ” ตี๋ตงหมิงเองก็รู้ว่าเรื่องนี้นั้นรุนแรงมากเพียงใด เขาไม่กล้าที่จะร้องขอความเมตตา

“ลงโทษ แน่นอนว่าข้าต้องลงโทษเจ้า ข้าให้เวลาเจ้าสิบวันในการจับฆาตกรพวกนั้นมาลงโทษ หากเจ้าไม่สามารถจับฆาตกรพวกนั้นมาลงโทษได้ เช่นนั้นเจ้าออกจงไปที่สุสานจักรพรรดิเพื่อบูรณะมันขึ้นมาใหม่เสีย” ครั้งนี้จักรพรรดิโกรธจนถึงขีดสุด คนร้ายที่ทำลายเผาทำลายสุสานจักรพรรดิยังตามตัวไม่พบ เวลานี้กลับมีคนกล้าเข้ามาทำเรื่องเลวร้ายในเมืองจักรพรรดิ เช่นนั้นจักรพรรดิจะไม่โกรธได้อย่างไร

ตี๋ตงหมิงไม่มีอะไรจะพูด รีบน้อมรับคำบัญชา ภายใต้ความโกรธของจักรพรรดิ เขารีบออกจากพระราชวังโดยเร็ว

“โชคร้ายเป็นบ้า” ตี๋ตงหมิงออกมาด้านนอกพระราชวัง เขาเตะแท่นที่ตั้งอยู่ด้านข้าง ในตอนที่เขาเงยหน้าขึ้น เขาเห็นเสด็จอาเก้ากำลังจ้องมองเขาอยู่ไม่ไกลจากตรงนั้น ตี๋ตงหมิงรีบระงับความโกรธ และทำความเคารพต่อเสด็จอาเก้า

“ไม่ต้องมากพิธี” เสด็จอาเก้าตอบกลับไปอย่างเฉยเมย จากนั้นก็เดินเข้าไปในพระราชวัง

การประชุมในราชสำนักในเช้าวันนี้ไม่มีอะไรน่าแปลกใจ เรื่องทุกอย่างเกี่ยวข้องกับคดีฆาตกรรมเมื่อคืน เหล่าเสนาบดีถูกสังหารอย่างน่าอนาถ จะปล่อยให้คนร้ายเหล่านั้นลอยนวลไปไม่ได้ และต้องเพิ่มการป้องกันของเมืองจักรพรรดิ จะให้เรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นไม่ได้อีกเป็นอันขาด

ช่วยไม่ได้ เป้าหมายของฆาตกรเมื่อคืนคือเหล่าเสนาบดี ขุนนางเหล่านี้ล้วนตกอยู่ในอันตราย เพราะกลัวจะเป็นผีเคราะห์ร้ายรายต่อไป

จักรพรรดิไม่สนใจคำพูดที่ไร้สาระและไม่สร้างสรรค์เหล่านี้ สำหรับการร้องขอขอเหล่าเสนาบดีที่ต้องการให้ลงโทษตี๋ตงหมิง จักรพรรดิเองก็แสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน

มีซู่ชินอ๋องอยู่ ไม่มีทางเกิดเรื่องขึ้นกับตี๋ตงหมิงเป็นแน่ เต็มที่ก็แค่ถูกปลดออกจากตำแหน่ง แต่จักรพรรดิยังอยากใช้อำนาจในมือของซู่ชินอ๋องเพื่อสืบหาเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเมืองจักรพรรดิ ดังนั้นเขาจึงยังไม่แตะต้องตี๋ตงหมิงอยู่ชั่วขณะ

หลังจากจบการประชุมในราชสำนักในช่วงเช้า จักรพรรดิก็ได้เรียกรวมตัวเหล่าเสนาบดีคนสนิท รวมถึงฝู่หลินเข้ามาพูดคุยในห้องทรงพระอักษร เหล่าเสนาบดีทุกคนมีมติเป็นเอกฉันท์ว่าบุคคลที่ก่ออาชญากรรมเมื่อวานนี้น่าจะเป็นกลุ่มเดียวกันกับที่เข้าไปทำลายสุสานจักรพรรดิ และที่พวกเขาทำไปทั้งหมดก็เพราะต้องการท้าทายอำนาจของตงหลิง

เพียงยามค่ำคืน สังหารเสนาบดีสี่สิบคน นี่เป็นการท้าทายตงหลิงอย่างเห็นได้ชัด

จากนั้นเหล่าเสนาบดีก็เสนอวิธีจับฆาตกรออกมาหลายวิธี จักรพรรดิก็เพียงแค่รับฟัง แต่ไม่ได้มีความเห็นแต่อย่างใด หลังจากการประชุมเสร็จสิ้นลง จักรพรรดิก็มองมาที่ฝู่หลินที่เงียบมาโดยตลอด เขาจึงสั่งให้ฝู่หลินอยู่ที่นี่กับเขาเพียงลำพัง

“ใต้เท้าฝู่ เจ้าไม่เห็นด้วยกับคำพูดของเสนาบดีเหล่านั้นงั้นหรือ?”

“ฝ่าบาท ข้าเห็นด้วยกับคำพูดของเหล่าเสนาบดี แต่ข้ากลับมีความกังวลซ่อนอยู่ในใจ” ใบหน้าของฝู่หลินเต็มไปด้วยความจริงจัง คิ้วอันงดงามของเขามีความอดทนและไร้ความรู้สึกแฝงอยู่

“กังวลอะไรงั้นหรือ?”

“ฝ่าบาท ข้าได้ทำการตรวจสอบเป็นที่เรียบร้อย ช่วงเวลาหนึ่งเดือนที่ผ่านมา ไม่มีบุคคลน่าสงสัยเข้าออกเมืองจักรพรรดิ ผู้ซึ่งก่ออาชญากรรมเมื่อวานนี้จะต้องฝังตัวอยู่ในเมืองจักรพรรดิหรือพื้นที่ใกล้เคียงมาแรมปี ข้าไม่กล้าฟันธงว่าผู้ซึ่งก่ออาชญากรรมเมื่อคืนกับผู้ที่ทำลายสุสานจักรพรรดิเป็นกลุ่มเดียวกันหรือไม่ ข้ารู้เพียงแค่ในเมืองจักรพรรดิมีขุมพลังอันยิ่งใหญ่เช่นนี้ซ่อนอยู่ แต่พวกเรากลับไม่รับรู้ถึงมันเลย ความแข็งแกร่งนี้มันเป็นอันตรายอย่างแท้จริง” ฝู่หลินกล่าวออกมาด้วยความกังวล ใบหน้าของเขาเหมือนกับคนที่กำลังคิดและไตร่ตรองแทนจักรพรรดิ

ความกังวลนี้ต่อให้ฝู่หลินไม่พูดจักรพรรดิก็เข้าใจ เหล่าเสนาบดีเองก็เข้าใจเช่นกัน แต่พวกเขาแค่ไม่พูดออกมา เนื่องจากหากพูดออกมา หน้าที่ตรวจสอบและสืบหาผู้ก่ออาชญากรรมอาจตกเป็นของคนผู้นั้น

อีกฝ่ายสามารถซ่อนตัวได้นานถึงเพียงนี้ จะต้องไม่ใช่คนธรรมดาเป็นแน่ เหล่าเสนาบดีต่างมีตำแหน่งสูงกันอยู่แล้ว แม้พวกเขาจะไม่ได้สร้างผลงานแต่ก็ไม่มีทางทำเรื่องเช่นนี้เป็นอันขาด

หลังจากครุ่นคิด จักรพรรดิกล่าวออกมาอย่างเคร่งขรึม “ใต้เท้าฝู่ ข้ามอบตำแหน่งผู้บัญชาการทหารราบเก้าประตูในการตรวจสอบให้กับเจ้า เจ้าจะต้องค้นหาและลากตัวกองกำลังที่ซ่อนอยู่ออกมาให้ได้”

“ข้าน้อมรับคำบัญชา” ฝู่หลินรีบก้มหน้า แววตาอันบริสุทธิ์ของเขาเป็นประกาย

ผู้บัญชาการทหารราบเก้าประตู นายพลผู้เฝ้าดูแลความปลอดภัยของเมืองจักรพรรดิ ราชองครักษ์แห่งเมืองจักรพรรดิ นี่คือสามกองกำลังที่ยิ่งใหญ่แห่งเมืองจักรพรรดิ จักรพรรดิมอบอำนาจหนึ่งในสามของเมืองจักรพรรดิให้แก่ฝู่หลิน เห็นได้ชัดว่าเขาเชื่อมั่นในตัวของฝู่หลินมากเพียงใด

มีกองทัพทหารอยู่ในมือ แน่นอนไม่ว่าจะทำเรื่องอะไรก็ง่ายไปหมด ฝู่หลินรับคำสั่งและจากไป วางแผนอยู่ในใจ เริ่มลงมือจากเสนาบดีทั้งสี่สิบคนที่ตายไปแล้ว ลอกรังไหมออก และค้นหากองกำลังที่ซ่อนอยู่เบื้องหลัง

ในชั่วข้ามคืน ถนนและตรอกซอกซอยของเมืองจักรพรรดิเต็มไปด้วยทหาร ประชาชนหวาดกลัว เผชิญหน้ากับการสอบสวนของทหาร พวกเขาแต่ละคนท่องชื่อบรรพบุรุษแปดชั่วอายุคนของพวกเขา

ขุนนางที่ทุกคนกำลังตกอยู่ในอันตราย ตราบใดที่พวกเขาตกเป็นผู้ต้องสงสัย พวกเขาจะถูกจับตัวเข้าไปในคุกหลวง ในชั่วขณะหนึ่ง คุกหลวงเต็มไปด้วยผู้คน ไม่สามารถให้ใครเข้ามาอยู่ได้มากไปกว่านี้แล้ว

ทั่วทั้งเมืองจักรพรรดิถูกปกคลุมไปด้วยความกังวลและความหวาดกลัว ในเวลาเพียงหนึ่งวัน เหมือนว่าเมืองจักรพรรดิจะสูญความเป็นระเบียบ เหล่าขุนนางไม่สนใจสิ่งอื่นใดนอกจากตามหาตัวผู้กระทำความผิด ส่วนประชาชนเองก็ไม่มีกะจิตกะใจทำงาน เนื่องจากกลัวว่าหากทำสิ่งใดผิดพลาด มันอาจจะส่งผลถึงครอบครัวของพวกเขา

เฟิ่งชิงเฉินเห็นความวุ่นวายที่เกิดขึ้นในเมืองหลวง จึงสั่งห้ามให้คนในจวนเฟิ่งออกไปด้านนอก เนื่องจากหากมีเรื่องอันใดดูน่าสงสัยขึ้นมา นางเองก็คงทำอะไรไม่ได้

จวนเฟิ่งถูกปิดตาย จริงอยู่ที่เฟิ่งชิงเฉินสามารถขัดขวางผู้อื่นไว้ได้ แต่นางไม่สามารถขัดขวางเสด็จอาเก้าได้ เสด็จอาเก้าและเฟิ่งชิงเฉินเดินไปรอบ ๆ จวนเฟิ่ง และสุดท้ายก็ไปหยุดที่ศาลาสูงแห่งหนึ่ง

เสด็จอาเก้าชี้ไปด้านนอกเมืองพร้อมถามออกมาว่า “เจ้าพอใจกับสิ่งที่เห็นหรือไม่?”

เฟิ่งชิงเฉินมองตามที่เสด็จอาเก้าชี้ออกไป ที่ตรงนั้นเป็นสถานที่ฝังศพทั้งสี่สิบร่างของเสนาบดี “เจ้าเป็นคนทำงั้นหรือ?”

การสังหารเสนาบดีสี่สิบคนภายในค่ำคืน เป็นเรื่องยิ่งใหญ่อย่างไม่ต้องสงสัย

“นอกจากข้า จะมีใครทำเช่นนี้ได้” เสด็จอาเก้าไม่ได้โอ้อวด เขาแค่พูดออกไปตามความเป็นจริง

เฟิ่งชิงเฉินถามออกมาด้วยความเหลือเชื่อ “เพราะเหตุใด?”

“เพราะเหตุไฟไหม้ที่โรงเลี้ยงสัตว์หลวง”

“เพราะเหตุผลนี้งั้นหรือ?” เฟิ่งชิงเฉินมองไปที่เสด็จอาเก้าด้วยความสงสัย

นางไม่อยากจะเชื่อว่าเสด็จอาเก้าจะสังหารผู้คนมากมายเพียงเพราะเรื่องไฟไหม้โรงเลี้ยงสัตว์หลวง

“เพียงแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น อีกส่วนหนึ่งคือการยืมมือของจักรพรรดิเพื่อค้นหาหนูที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืด” ยืมมีดคนอื่นฆ่าคน การใส่ร้ายผู้อื่น ขอแค่เจ้านึกออก เจ้าก็สามารถพูดออกมาได้

เฟิ่งชิงเฉินพยักหน้าด้วยความเข้าใจ “ข้าว่าแล้ว เจ้าไม่เหมือนคนที่ทำให้บ้านเมืองเสียหายเพียงเพราะผู้หญิงผู้ซึ่งงดงามเพียงคนเดียว” พูดจบเฟิ่งชิงเฉินก็ไม่ลืมที่จะมองเสด็จอาเก้าขึ้นลง

เห็นการแสดงออกของเฟิ่งชิงเฉินที่เหมือนว่าข้าคิดอยู่แล้วว่าเจ้าต้องเป็นเช่นนี้ เสด็จอาเก้าก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา “ต่อให้ข้ายอมทำทุกอย่างเพื่อหญิงที่ข้ารัก เจ้าก็ดูถูกข้าอยู่ดี”

ผู้ชาย เป็นไปไม่ได้ที่ผู้ชายจะดื่มด่ำกับความอ่อนโยนตลอดไป และผู้หญิงก็ไม่ใช่สิ่งหนึ่งสิ่งเดียวของผู้ชาย

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *