นางสนมแพทย์อัจฉริยะบทที่ 523 ในเมื่อชิงเฉินต้องการ ข้าจะสนองให้

Now you are reading นางสนมแพทย์อัจฉริยะ Chapter บทที่ 523 ในเมื่อชิงเฉินต้องการ ข้าจะสนองให้ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

นางสนมแพทย์อัจฉริยะ บทที่ 523 ในเมื่อชิงเฉินต้องการ ข้าจะสนองให้
เฟิ่งชิงเฉินกลืนน้ำลายลงคอแล้วพยายามทำใจให้สงบสุข หัวใจของนางอันตุ้มๆ ต่อมๆ ดวงตาคู่นั้นมองออกไปท่ามกลางความมืดมิด นางหวังเป็นอย่างยิ่งว่าสายลับของหลานจิ่วชิงเหล่านั้นจะมองเห็นนางแล้วออกมาช่วยนางเอาไว้ แต่รออยู่เนิ่นนานก็ไม่เห็นทีท่าสายลับจะปรากฏกายขึ้น

ให้ตายสิ หลานจิ่วชิงเป็นคนเช่นไรไว้กัน วินาทีที่ต้องการพวกเขากลับไม่ปรากฏให้เห็นแม้แต่คนเดียว นั้นสิน่ะไม่ว่าจะเป็นองครักษ์หรืออะไรก็ตามล้วนไม่อาจไว้ใจได้เท่ากับคนของตนเอง

“เสด็จอาเก้า ท่านให้หม่อมฉันเดินทางมาก็เพื่อจะให้ดื่มสุราเป็นเพื่อนหรือ” เฟิ่งชิงเฉินจับไปที่คานและเสาบนหลังคาอย่างระมัดระวัง นางกลัวว่าตนเองไม่ระวังแล้วจะกลิ้งตกลงไปได้ เพราะว่าหลังคานั้นเป็นทรงลาดเอียง

เสด็จอาเก้าส่ายหน้าปฏิเสธอย่างจริงจัง “ไม่ใช่” ในขณะที่เฟิ่งชิงเฉินคิดว่ามีเรื่องใดร้ายแรง เสด็จอาเก้าจึงได้กล่าวเสริมขึ้นว่า “ข้าให้เจ้าออกมาชมจันทร์เป็นเพื่อนข้า ชิงเฉินดูนี่สิ ดวงจันทร์ในคืนนี้ช่างกลมยิ่งนัก”

ชมจันทร์? เสด็จอาเก้าคือผู้ที่มีความรู้สึกชื่นชมดวงจันทร์เป็นหรือ เหตุใดเฟิ่งชิงเฉินจึงรู้สึกว่าไม่เหมือนเลย

ตุ๊บ……เฟิ่งชิงเฉินรู้สึกตื่นเต้น นางทำอิฐตกลงไป เสด็จอาเก้ายิ้มแล้วมองไปทางเฟิ่งชิงเฉิน ดวงตานั้นดูจะมองเห็นถึงความคิดของเฟิ่งชิงเฉินได้

เฟิ่งชิงเฉินก้มศีรษะลงมองพื้นด้วยท่าทางละอายใจ นางจะไม่ยอมรับเด็ดขาดว่านางตั้งใจทำเช่นนั้น หึๆๆ การเคลื่อนไหวโดยเจตนาเช่นนี้เหตุใดจึงไม่มีใครมาพบนางเข้าเลย

ซือสิง……อาจารย์ของเจ้ากำลังจะเป็นแกะที่เข้าปากเสือแล้ว หากเจ้ายังไม่มาอีกล่ะก็ ข้าคงรักษาความบริสุทธิ์ไว้ไม่ได้อีกเป็นแน่ ชายหนุ่มหญิงสาวที่เคยเกลือกกลิ้งอยู่บนเตียงเดียวกันมานั่งชมจันทร์เช่นนี้ และสนทนาถึงเรื่องราวในชีวิต หึๆ ท้ายที่สุดแล้วคุยไปคุยมาก็คงจะไปคุยกันอยู่บนเตียง……สีหน้าของเฟิ่งชิงเฉินแดงเรื่อแววตาของเสด็จอาเก้ามองไปด้วยความอ่อนโยน “เรานั่งชมจันทร์ และหวนถึงเหตุการณ์ในอดีตกันเถิด ในคืนนี้ไม่มีใครมารบกวนพวกเรา”

เสด็จอาเก้าหยิบไหสุราขึ้นแล้วเทมันลงไปในปากอย่างกล้าหาญ เฟิ่งชิงเฉินไม่เคยเห็นเสด็จอาเก้าเป็นเช่นนี้มาก่อนเพราะเสด็จอาเก้าในความรู้สึกของนางช่างสง่างามมีเกียรติน่านับถือยิ่งนัก

เมื่อสุราครึ่งไหถูกกรอกลงไปในท้อง เสด็จอาเก้าก็ชี้ไปยังดวงจันทร์บนฟากฟ้ากล่าวว่า “ชิงเฉินเจ้ารู้หรือไม่ เมืองหลวงของตงหลิง ข้าหมายถึงเมืองหลวงเมื่อราชวงศ์ก่อน ทุกคราที่ดวงจันทร์เต็มดวงคนในเมืองหลวงก็จะออกมาเดินเล่นกันมากมาย”

“แม้จะเป็นบุตรสาวในตระกูลมั่งคั่ง แต่ออกมาเที่ยวเล่นในวันนั้นก็มีไม่มีใครตำหนินาง สุภาพสตรีและสุภาพบุรุษมากมาย มักจะเลือกวันนั้นในการพบกันกับคู่หมั้นหรือสามีในอนาคต”

“ที่บนท้องถนนเต็มไปด้วยแสงไฟและผู้คน พ่อค้าหาบเร่ตะโกนดังลั่น ไม่ว่าจะเป็นคนชราหรือหนุ่มสาวล้วนออกมาพลุกพล่านเพื่อซื้อของบนถนน”

เสด็จอาเก้ายืนอยู่บนหลังคา เขาชี้ไปยังถนนที่เคยรุ่งเรืองที่สุดในอดีตจากนั้นอธิบายให้แก่เฟิ่งชิงเฉินฟังถึงเรื่องผู้คนและสิ่งของบนท้องถนนอย่างละเอียดถี่ถ้วน ดูเหมือนว่าเขาเคยเห็นมันกับตา แต่ดูจากอายุของเสด็จอาเก้าแล้วเขาคงไม่เคยเห็นเรื่องเหล่านั้นหรอก

“ข้าไม่รู้ ข้าไม่เคยอยู่ในช่วงราชวงศ์ก่อน และไม่อาจจินตนาการถึงความรุ่งเรืองในเวลานั้นได้” หากฟังจากประโยคน้ำเสียงของเสด็จอาเก้าแล้ว เฟิ่งชิงเฉินดูเหมือนจะเข้าใจว่าเสด็จอาเก้าหวนถึงเรื่องราวในราชวงศ์ก่อน ทำให้ในหัวใจของเสด็จอาเก้ารู้สึกขุ่นเคือง เฟิ่งชิงเฉินคงรู้สึกราวกับว่าตนเหยียบระเบิดเข้าให้แล้ว

เสด็จอาเก้าหลับตาลง เขาไม่อาจซ่อนความโศกเศร้าในดวงตาได้ “นั่นสิ พวกเราล้วนไม่เคยประสบพบเจอกับความเจริญรุ่งเรืองในราชวงศ์ก่อน เรื่องราวในราชวงศ์ก่อนนั้นทำได้เพียงฟังจากปากของผู้อื่น และมันห่างไกลจากพวกเรามากขึ้นเรื่อยๆ เฟิ่งชิงเฉินเจ้ารู้หรือไม่ว่าในราชวงศ์ก่อนหน้านี้ตระกูลใดที่ได้รับความเคารพมากที่สุด”

เสด็จอาเก้ากล่าวด้วยน้ำเสียงอันสงบ แต่เฟิ่งชิงเฉินได้ยินแล้วกลับรู้สึกชาอยู่ในใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อถูกจับจ้องด้วยดวงตาอันดำขลับของเสด็จอาเก้า ทำให้เฟิ่งชิงเฉินรู้สึกกระสับกระส่าย

ดวงตาคู่นั้นของเสด็จอาเก้าดูเหมือนจะมีความลับอยู่มากมาย และบัดนี้ต้องการที่จะบอกนาง ความลับเหล่านี้เขายินดีที่จะแบ่งปันมันกับนาง แต่นางไม่ได้อยากรู้และไม่กล้าจะรู้……เฟิ่งชิงเฉินเอื้อมมือไปคว้าไหสุราที่อยู่ข้างกาย แล้วดื่มมันเพื่อหลีกเลี่ยงหัวข้อสนทนาถึงราชวงศ์ก่อนเมื่อสักครู่

บางคนและสิ่งของในราชวงศ์ก่อนเป็นสิ่งต้องห้าม หากไม่ระวังก็จะกลายเป็นผู้ที่ต่อต้านราชวงศ์ เฟิ่งชิงเฉินจำได้ดีว่ามีไม่กี่คนที่เพิ่งถูกตัดหัวเมื่อไม่กี่วันก่อน ได้ยินมาว่าพวกเขาเป็นพวกกบฏมาจากราชวงศ์ก่อน หลักฐานนั่นก็คือค้นพบบทกวีและคำพูดของคนในราชวงศ์ก่อนอยู่ในจวน

“อึกๆๆ……” เมื่อสุราครึ่งไหตกลงสู่กระเพาะ ในที่สุดก็สามารถหลีกเลี่ยงหัวข้อสนทนาในราชวงศ์ก่อนได้สักที

“ฮ่าๆ……มองไม่ออกเลยว่าชิงเฉินจะคอแข็งเช่นนี้” เสด็จอาเก้าเป็นไปดังที่เฟิ่งชิงเฉินปรารถนา เขาไม่เอ่ยถึงเรื่องราชวงศ์ก่อนแต่กลับให้ความสนใจที่เฟิ่งชิงเฉินยกไหสุราขึ้นดื่ม

เดิมทีในวันนี้เขาก็เดินทางมาเพื่อชวนเฟิ่งชิงเฉินดื่มสุรา เนื่องจากเฟิ่งชิงเฉินที่มีสติสัมปชัญญะครบถ้วน หากต้องการที่จะล้มนางคงยากมากทีเดียว

เฟิ่งชิงเฉินคอแข็งไม่เบา แต่ว่า……สุราที่พวกเขาดื่มในวันนี้เป็นสุราหายาก เมื่อดื่มเข้าไปเฟิ่งชิงเฉินก็รู้สึกว่าสติสัมปชัญญะ ไม่ค่อยชัดเจนนัก เฟิ่งชิงเฉินจึงรู้ตัวว่านางใกล้จะเมาแล้วและจะดื่มต่อไปอีกไม่ได้……

เฟิ่งชิงเฉินสีหน้าแดงเรื่อ ดวงตาของนางเหม่อลอยแล้วนั่งอยู่บนหลังคาท่าทางโอนเอน นางพยายามรวบรวมสติสัมปชัญญะสุดท้ายที่เหลืออยู่แล้วกล่าวกับเสด็จอาเก้าว่า “เสด็จอาเก้าดูเหมือนข้าจะเมาแล้วข้า……ไม่อาจนั่งได้ให้มั่นคง”

เมื่อกล่าวจบเฟิ่งชิงเฉินก็ทรุดตัวลง “ตุ๊บ……” นางฟุบลงไปในอ้อมแขนของเสด็จอาเก้าพอดิบพอดี แต่นางยังรู้ว่าตนเองอยู่บนหลังคา ด้วยเหตุนี้จึงรีบลุกขึ้นอย่างรวดเร็วเพราะกลัวจะล้ม “เสด็จอาเก้ากอดข้าหน่อย ข้าไม่อยากตกลงไป มันจะเจ็บ”……

“เฟิ่งชิงเฉิน เจ้ากำลังมอบตนเองมาสู่อ้อมกอดข้า” ตามที่เฟิ่งชิงเฉินปรารถนาเสด็จอาเก้าอุ้มนางลงมา ด้วยมือซ้ายเพียงข้างเดียว

“เหอะๆ……” เฟิ่งชิงเฉินสะอึก นางต้องการจะผลักเสด็จอาเก้าออกไปแต่ร่างกายของนางก็อ่อนแรงจนไม่อาจผลักเขาไปได้ “ข้าเปล่า เสด็จอาเก้าส่งข้ากลับห้องเถิด ข้าอยากกลับแล้วข้าจะไปนอน”

แม้จะเมามายแต่ดูยังมีสติเล็กน้อย เนื่องด้วยเหตุนี้เองเฟิ่งชิงเฉินจึงรู้สึกหงุดหงิด เนื่องจากนางปล่อยให้เขาโอบกอดจริงๆ แม้ว่านางอยากจะผลักเขาออกไปเพียงใดแต่มือทั้งคู่กลับไม่ฟังตามคำสั่งของตน

“อืม ข้าจะพาเจ้ากลับไป” เมื่อบรรลุเป้าหมายแล้วเสด็จอาเก้าก็ไม่อยากจะอยู่เนื่องให้ลมพัดบนหลังคาอีกต่อไป เขากอดเฟิ่งชิงเฉินแล้วกระโดดจากหลังคาลงไปสู่พื้นอย่างมั่นคง

“เอาล่ะ ล่ะข้าเดินเองได้ ข้าเดินเองได้แล้ว ท่านไปเถิด” เฟิ่งชิงเฉินผลักเสด็จอาเก้าออกไปท่าทางโซเซ ฤทธิ์ของสุรานั้นเมื่อถูกลมพัดขึ้นจึงทำให้ออกฤทธิ์มากกว่าเดิม เฟิ่งชิงเฉินเดินไปเพียงแค่สองก้าวก็ล้มลง……

ดูเหมือนเสด็จอาเก้าจะรู้ล่วงหน้าอยู่แล้ว ตอนที่เฟิ่งชิงเฉินกำลังจะล้มลงเขาจึงได้รีบเข้าไปกอดเอาไว้ ในครั้งนี้เฟิ่งชิงเฉินไม่ได้ปฏิเสธ แต่นางเพียงเข้าไปในอ้อมกอดของเขาด้วยท่าทางอันอ่อนนุ่มไม่มีเรี่ยวแรงที่จะปฏิเสธเลย

“ตรงหลิงจิ่ว เจ้าช่างเจ้าเล่ห์ยิ่งนัก ฉวยโอกาสรังแกผู้อื่น” เฟิ่งชิงเฉินพึมพำออกมาด้วยความไม่พอใจน้ำเสียงของนางดูหงุดหงิด แม้จะอยู่ในอาการเมามายแต่ก็รู้ว่านี่เป็นแผนของเสด็จอาเก้าในวันนี้

ช่างเป็นผู้ที่เจ้าเล่ห์นัก

เสด็จอาเก้าวางร่างของเฟิ่งชิงเฉินไว้บนเตียงหลังจากนั้นเขาก็กดนางลงไป เขาใช้ข้อศอกข้างขวาประคองร่างของตนเอาไว้แล้วปัดผมที่อยู่บนหน้าของเฟิ่งชิงเฉิน

“เจ้าตัวร้าย คนเจ้าเล่ห์ อ้างฤทธิ์สุราในการกระทำบุ่มบ่าม!” มือทั้งสองข้างของเฟิ่งชิงเฉินปัดออกไป เสด็จอาเก้าจับมือของนางเอาไว้ แล้วจูบที่หน้าผากของนางเบาๆ “ชิงเฉิน ในเมื่อเจ้ากล่าวว่าข้าเป็นพวกฉวยโอกาส ลวนลามเจ้าหลังดื่มสุรา ถ้าเช่นนั้นข้าจะทำให้ข้อกล่าวหาของเจ้าเป็นจริง ชิงเฉิน……นี่คือสิ่งที่เจ้าต้องการเอง ในเมื่อเจ้าต้องการดังนั้น ข้าก็จะยอมให้แม้นไม่เต็มใจ”

เสด็จอาเก้าก้มศีรษะลงไปแล้วกลืนคำพูดปฏิเสธของเฟิ่งชิงเฉินจนสิ้น เขายกขาขึ้นข้างหนึ่ง มุ้งถูกกางออก เตียงนั้นกลายเป็นโลกเล็กๆ ของทั้งสอง

ค่ำคืนช่างแสนยาวนาน……

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *