นางสนมแพทย์อัจฉริยะบทที่ 948 ผู้บงการ เผยตัวแพะรับบาป

Now you are reading นางสนมแพทย์อัจฉริยะ Chapter บทที่ 948 ผู้บงการ เผยตัวแพะรับบาป at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

นางสนมแพทย์อัจฉริยะ 948 ผู้บงการ เผยตัวแพะรับบาป

เดิมทีแล้วชายชุดเทาไม่เคยเปิดเผยเบื้องหลังของตน เมื่อเห็นว่าหลานจิ่วชิงกำลังยืนเป็นเป้าอยู่นั้น เขาจึงไม่ยอมปล่อยโอกาสนี้ให้หลุดมือไปอย่างแน่นอน

ชายชุดเทายังคงซ่อนตัวอยู่ในเงามืด หลังจากที่รอมานาน ในที่สุดเขาก็มีโอกาส ฉวยโอกาสโจมตีหลานจิ่วชิงจากทางด้านหลัง จากนั้นชายชุดเทาจึงปรากฏกายออกมาจากความมืด

“ไปตายซะ!” เอ่ยขึ้นท่ามกลางแสงสีฟ้าที่สว่างออกมา ก่อนจะใช้กริชอาบยาพิษแทงเข้าไปด้านหลังหัวของหลานจิ่วชิง

ราวกับว่าหลานจิ่วชิงมีดวงตาอยู่ด้านหลัง พอมองเห็นกริชที่จะแทงเข้ามา หลานจิ่วชิงจึงหันหลบไปทางด้านซ้ายทันที และมันก็เพียงพอที่จะหลับการโจมตีของชายชุดเทาได้

ในเมื่อโจมตีครั้งนี้ไม่สำเร็จ ชายชุดเทาจึงดึงกริชกลับมาอีกครั้ง และเป้าหมายของเขาคือคอของหลานจิ่วชิง

“ในเมื่อ……” หลานจิ่วชิงชักดาบออกมาจากข้างเอว เพื่อสกัดกั้นการโจมตีจากชายชุดเทาทางด้านหน้า

ใบหน้าของชายชุดเทาเรียบเฉยปกติ แต่แววตากลับเต็มไปด้วยความโหดร้าย พอดู ๆ แล้วเขาเองก็ไม่ใช่คนดี เห็นว่าหลานจิ่วชิงหลบ ๆ ซ่อน ๆ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า จึงตัดสินใจลงมือเร็วขึ้น ใบมีดอันแหลมคมแทงเข้าไปทางจุดสำคัญต่อชีวิต

หลานจิ่วชิงปรากฏให้เห็นถึงร่องรอยของเขาแล้ว ดังนั้นเขาจึงต้องกำจัดหลานจิ่วชิงออกไปถึงจะสบายใจ

หลานจิ่วชิงเองก็ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา และเผชิญหน้ากับการฆ่าของชายชุดเทา เขาจึงตอบโต้กลับทีละขั้นทีละขั้น คลี่คลาย ไม่นานหลานจิ่วชิงก็เป็นฝ่ายได้เปรียบ จากที่เป็นฝ่ายถูกรุกรานก็กลับกลายมาเป็นฝ่ายโจมตี

ชายชุดเทาที่เพิ่งจะเริ่มต้นในสายตายังมองไม่เห็นหลานจิ่วชิง แต่เมื่อได้เห็นเขาปรากฏกายกลับพบว่าตนเองได้ถูกหลานจิ่วชิงยับยั้งไว้แล้ว ในใจตอนนั้นเกิดอาการหวาดกลัวขึ้นมา

“เจ้าเป็นใครกันแน่” ชายชุดเทาที่ถูกหลานจิ่วชิงไล่ตามมาทุกก้าว เอยถามขึ้นด้วยความกลัว

“แม้แต่ตัวข้าเองยังไม่รู้จัก ดูท่าทางแล้วเจ้าคงไม่ใช่คนในยุทธจักรอะไร” หลานจิ่วชิงพูดเหน็บแนม ในช่วงเวลนี้ที่หน้ากากสีเงินเผยออกมาอย่างสะดุดตาเป็นพิเศษ

ทั้งสองเผชิญหน้ากัน ห่างกันเพียงแค่ช่วงแขนเดียวเท่านั้น ไม่มีทางที่ชายชุดเทาจะมองไม่เห็น แต่ถึงมองเห็นก็ไม่รู้ถึงฐานะของหลานจิ่วชิง จึงทำให้หลานจิ่วชิงวิเคราะห์ได้ว่า ชายชุดเทาคนนี้ต้องเป็นกลุ่มคนพวกนั้นที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืดอย่างแน่นอน

ชายชุดเทาระมัดระวังตัวเป็นอย่างมาก ถ้าหากดูหลานจิ่วชิงในตอนนี้ก็อยู่ในสถานะที่สามารถสอบสวนเขาได้ เขาปิดปากแน่นไม่พูดอะไรออกม่สสักประโยค หลานจิ่วชิงเองก็ไม่ปริปากถาม ดาบยาวถูกสะบัดออกมาจากกริชในมือของชายชุดเทา

ถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้กลัวพิษ แต่ถ้าหากเจอพิษที่ร้ายแรงเข้าอย่างบังเอิญ ร่างกายของเขาก็ไม่สามารถรับไหวได้เช่นกัน จึงควรรีบกำจัดกริชอาบยาพิษนี้ออกไปให้เร็วที่สุด เพราะเขาเองก็ไม่อยากจะเกิดเรื่องเหมือนครั้งที่แล้ว

ในมือของชายชุดเทาปราศจากอาวุธใด ๆ แล้ว ทั้งยังมองเห็นถึงความกล้าหาญเช่นนี้ของหลานจิ่วชิงแล้ว ภายในใจที่คิดอยากจะฆ่าแต่คงทำไม่ได้แล้ว ชายชุดเทามองไปเห็นต้นไม้ด้านหลังตน จึงรีบกระโดดกลับหลังไปทันที

ห่างจากต้นไม่ใหญ่ออกไปก็ยังมีอยู่อีกหนึ่งคน ชานชุดเทาจึงพุ่งไปด้านหน้าทันที ร่างกายรักษาสมดุลอยู่บนพื้นผิว ทั้งสองเท้าถีบยันอยู่บนต้นไม้ แล้วเดินไปตามลำต้นอย่างเชื่องช้า

“เหอะ อยากเดิน…….” หลานจิ่วชิงถอนหายใจออกมาอย่างเยือกเย็น รัดดาบไว้รอบเอว จากนั้นเขาต่อสู้กับชายชุดเทาด้วยกำปั้นทั้งสอง ทั้งยังต่อสู้กันตั้งแต่โคนต้นไม้จนถึงกิ่งไม้ นั่นเห็นได้ชัดว่าเขาจะไม่ปล่อยให้ชายชุดเทาหลุดมือไป

ฝ่ายตรงข้ามที่เห็นโอกาสหลบหนีดี ๆ เช่นนี้ แต่ชายชุดเทาก็โกรธจนอ้วกเป็นเลือดออกมา ไม่เมื่อไม่สามารถหนีออกไปได้ ชายชุดเทาทำได้เพียงแค่ต่อสู้กับหลานจิ่วชิงต่อไป

ยิ่งต่อสู้กับชายชุดเทาก็ยิ่งกังวลใจ ถ้าหากนึกถึงคำที่หลานจิ่วชิงเพิ่งจะพูดออกมาเมื่อครู่นี้ ชายชุดเทาจึงเอ่ยออกมาอย่างชั่วร้ายว่า “เจ้าเป็นเพียงคนในยุทธจักรคนหนึ่งจะมามีธุระกงการอันใดเยอะแยะ ข้าเองก็ไม่ใช่คนในยุทธจักร ข้ามั่นใจว่าไม่ได้มีเรื่องเกี่ยวข้องกับเจ้า เหตุใดจึงต้องมายุ่งเกี่ยวกันด้วย ตอนนี้ปล่อยข้าไปเถิด แล้วจึงพบกันใหม่ในภายหน้า”

ชายชุดเทาเข้าใจช่วงเวลานี้ดี ชายที่ใส่หน้ากากสีเงินอยู่ตรงหน้านี้ถึงแม้ว่าจะมีวิชาตัวเบา*ก็เทียบกับเขาไม่ได้ แต่ด้านกังฟูนั้นเหนือกว่าเขาอย่างสิ้นเชิง เขาอยากจะฆ่าคู่ต่อสู้ แต่ก็ไม่สามารถทำได้ทั้งหมด อยากจะหลุดออกมาจากเงื้อมมือของอีกฝ่ายแต่ก็ไม่ง่ายเลย

“แท้จริแล้วเจ้ากับข้าไม่ได้มีความแค้นต่อกัน เพียงแต่กับเพื่อนของข้ากลับมีความแค้นอยู่นิดหน่อย” ในมือของหลานจิ่วชิงถือกิ่งไม้ไว้หนึ่งชิ้น แล้วใช้กำลังของเขาหมุนตัวกลับมาเพื่อเตะชายชุดเทาลงไป

ฟี้วว….ใบไม้ร่วงลงมาทีละใบ และชายชุดเทาก็ตกลงมากระแทกพื้น หลานจิ่วชิงเองก็ตามลงมาติด ๆ เท้าเหยียบกระแทกไปที่ขั้วหัวใจของฝ่ายตรงข้าม ชายชุดเทาอ้วกออกมาเป็นเลือดทะลักออกทางปาก เขากลิ้งอยู่บนพื้นสองครั้งจากนั้นจึงลุกยืนขึ้นมา

“เพื่อนของเจ้าคนนั้นคือใคร ข้าเองไม่คิดว่าจะเป็นศัตรูกับคนในยุทธจักร” ชายชุดเทาพ่นลมหายใจเย็นออกมาด้วยความเจ็บปวด เขาเองก็ไม่ได้คุกความความสงบรวมถึงความไม่มั่นใจในตนเองของนางสนมฉุนเลย

“ชวิ้ง……” หลานจิ่วชิงชักดาบออกมา ทิ้งรอยเลือดไว้ที่แขนของชายชุดเทา “เฟิ่งชิงเฉิน!”

“อะไร เจ้าเป็นเพื่อนกับเฟิ่งชิงเฉินงั้นหรือ?” ตาดำของชายชุดเทาเบิกโพลงโต แสดงท่าทีว่าคำตอบนั้นทำให้เขาตกใจ

“ดูท่าแล้ว พวกเจ้าคงจะรู้ไม่มากสินะ” หลานจิ่วชิงยิ้มเยาะ แต่ดาบในมือก็ไม่ได้ผ่อนลง พลางก้าวเข้าไปหาทีละก้าวทีละก้าว ชายชุดเทาถูกบังคับให้หลบอย่างเลี่ยงไม่ได้

ใบหน้าของชายชุดเทาดูเหมือนกับเถ้าที่ดับมอด และกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ดาบของหลานจิ่วชิงก็ถูกชักออกมาจ่ออยู่ที่หัวของเขาแล้ว ชายชุดเทาลดตัวย่อต่ำลง ดาบถูกกวาดไปทั่วมวยผมของเขา ก่อนจะตัดมวยผมนั้นจนหลุดออกมา หลานจิ่วชิงพุ่งไปด้านหน้าทันทีก่อนจะเตะสกัดชายชุดเทาจนล้มลงบนพื้น คราวนี้ชายชุดเทาขยับตัวไม่ได้แล้ว

ชายชุดเทารู้ดีว่าตนเองหนีไม่พ้น ความโหดร้ายส่องประกายในดวงตาของเขา ดวงตาทั้งคู่หลับลง แล้วออกแรงกัดฟันแน่น……

แต่ก็ไม่อยาก แก้มเต็มไปด้วยความเจ็บปวด ถึงจะไม่ได้กัดไปโดนพิษข้างในปาก แต่กลับอ้วกออกมาเป็นเลือด ทันใดนั้นก็ถูกหลานจิ่วชิงยกขึ้นมา ใบหน้าจึงเจ็บปวดขึ้นมาอีกครั้ง เหมือนสายฟ้าฟาด เขาอ้วกออกมาเป็นฟันทั้งปาก……

ใบหน้าของชายชุดเทาบิดเบี้ยวไปด้วยความเจ็บปวด หลานจิ่วชิงไม่ได้แสดงความเห็นอกเห็นใจออกมา ก่อนจะจับเขายกขึ้นแล้วโยนไปกระแทกกับต้นไม้ใหญ่ ทำให้ในสายตาของชายชุดเทารู้สึกเพียงแค่ว่าดวงตาของเขามืดลง จากนั้นก็ค่อย ๆ หมดสติไป

สายตาเห็นว่าท้องฟ้ากำลังจะรุ่งสาง หลานจิ่วชิงไม่ได้อยู่นอกเมืองมานาน และเดินเข้าไปในเมือง จนกระทั่งมีคำถามออกจาปากชายชุดเทา แต่กลับไม่ใช่สิ่งที่หลานจิ่วชิงจะต้องพิจารณา

เรื่องที่ไฟไหม้โรงเลี้ยงสัตว์หลวง ผู้คนที่มีความเกี่ยวข้องจำนวนนับไม่ถ้วนถูกจับ แต่ไม่เคยพบผู้บงการที่แท้จริงเบื้องหลัง ที่เสด็จอาเก้าและหวังจิ่งหลิงสืบหามาตลอดครึ่งเดือน และไม่มีวี่แววว่าจะหยุดพัก แต่ด้วยเหตุผลบางอย่างทำให่สเด็จอาเก้าและหวังจิ่งหลิงวางมือ

การสืบสวนเป็นไปอย่างเข้มข้นและไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลง แม้ว่าจักรพรรดิจะโกรธหนักเสด็จอาเก้าและหวังจิ่งหลิงที่ไม่ได้มีเขาอยู่ในสายตา แต่เขาก็ต้องบอกว่าเขาได้กำไรมากมายจากการดำเนินการนี้ และ พระราชวังทั้งหมดถูกทำความสะอาดแล้วหนึ่งรอบ ปัจจัยที่ไม่แน่นอนทั้งหมดที่อาจคุกคามชีวิตของเขาได้รับการชำระล้าง

เสด็จอาเก้าและหวังจิ่งหลิงก็ยังคงกัดไม่ปล่อย เรื่องนี้สามารถจัดการได้ในไม่ช้า ส่วนเรื่องที่ไฟไหม้โรงเลี้ยงสัตว์หลวง หลังจากที่จักรพรรดิผลักไสให้ผู้ดูแลโรงเลี้ยงสัตว์ทั้งเล็กและใหญ่ให้มารับโทษ ต่างก็ได้รับการแก้ไขแล้ว

คนของหนานหลิงจิ่งฝานและหนานหลิงตระกูลซูต่างก็เป็นคนปากมาก แต่ไม่รู้เลยว่าจักรพรรดิและตระกูลซูคุยกันเบื้องหลังอย่างไร ตระกูลซูไม่ได้สงสัยอะไรเกี่ยวกับแพะรับบาปเรื่องนี้ คดีไฟไหม้โรงเลี้ยงสัตว์หลวงถูกปิดลงและทุกคนก็นั่งอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขอีกครั้ง และจักรพรรดิก็ยังคงเป็นแขกสุดพิเศษของคนตระกูลซู

เสด็จอาเก้าและหวังจิ่งหลิงเข้าร่วมเพื่อเห็นแก่หน้า แต่สีหน้าของสองคนนี้ไม่ได้สนใจ แม้ว่าตระกูลซูจะพูดคุยเกี่ยวกับการแข่งขันกับเฟิ่งชิงเฉิน แต่พวกเขาก็พูดพาดพิงในคำพูดของพวกเขาว่าเฟิ่งชิงเฉินจงใจสร้างเรื่องปลอม ในการแข่งขันหมากรุกทำให้ตระกูลซู หากว่าความเจ็บปวดและการทำให้อับอายที่เสด็จอาเก้าและหวังจิ่งหลิงไม่ได้รับ เช่นกันทำให้ชัดเจนว่าตระกูลซูไม่ได้พูดอะไรอย่างชัดเจนดังนั้นพวกเขาจึงไม่ยอมรับการเคลื่อนไหว

ทุกคนคิดว่าเสด็จอาเก้าและหวังจิ่งหลิงสะดุดไฟในโรงเลี้ยงสัตว์หลวงและรู้สึกรำคาญที่ไม่พบผู้กระทำความผิดที่แท้จริง แต่พวกเขาไม่รู้ว่าคนสองคนนี้มองดูด้วยสายตาเย็นชาและมีของอยู่ในตัว อย่างที่เสด็จอาเก้าพูด เรื่องนี้ไม่สามารถปล่อยไว้ได้อย่างนั้น…

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *