นางสนมแพทย์อัจฉริยะบทที่ 787 มือมืด จั่วอั้นทำให้แม่นางตัวน้อยตกใจ

Now you are reading นางสนมแพทย์อัจฉริยะ Chapter บทที่ 787 มือมืด จั่วอั้นทำให้แม่นางตัวน้อยตกใจ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

นางสนมแพทย์อัจฉริยะ บทที่ 787 มือมืด จั่วอั้นทำให้แม่นางตัวน้อยตกใจ

จั่วอั้นไม่ยอมแพ้ เฟิ่งชิงเฉินไม่พูด เขาก็ไม่มีทางยอมจากไป เฟิ่งชิงเฉินรู้สึกหดหู่ใจเป็นอย่างมาก นางกำลังมองหาผู้คุ้มกันหรือว่ากำลังมองหาเจ้าหาย ผู้ซึ่งนางจำเป็นต้องปรนนิบัติรับใช้?

เมื่อเผชิญหน้ากับใบหน้าที่เย็นชาและไม่สามารถปฏิเสธได้ของจั่วอั้น เฟิ่งชิงเฉินถอนหายใจ กล่าวอธิบายออกมาด้วยใบหน้าจริงจัง “ข้าทำไม่เป็นจริง ๆ ข้าแค่เคยเห็นวิธีการระเบิดของระเบิดเทียนเหล่ยเท่านั้น สิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้ก็เป็นเพียงแค่การโกหกจากภายนอก หากคนขององครักษ์เสื้อโลหิตได้เห็นมันก็จะรู้ทันทีว่ามันผิดปกติ”

ต่อให้ฆ่านางให้ตาย นางก็ไม่มีทางพูดถึงวิธีการสร้างระเบิดเทียนเหล่ยออกมาในพระราชวังตงหลิง เว้นแต่เสด็จอาเก้าได้เตรียมการก่อกบฏเป็นอันเรียบร้อย ไม่นางนั้นนางไม่มีทางยอมเปิดเผยเรื่องที่ตนเองสามารถสร้างระเบิดเทียนเหล่ยขึ้นมาได้เป็นอันขาด

แต่ถึงต่อให้เสด็จอาเก้าก่อกบฏ นางก็ไม่สามารถบอกว่าตนเองสามารถสร้างระเบิดเทียนเหล่ยขึ้นมาได้ ชื่อของนางเป็นที่รู้จักและเป็นเป้าหมายในโลกของมือสังหารเป็นอันเรียบร้อยแล้ว หากยังตกเป็นเป้าหมายของคนในใต้หล้าอีก แบบนั้นนางคงปล่อยให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นไม่ได้ เว้นแต่หากมีวันใดที่นางแข็งแกร่งกว่าคนนับหมื่น นางถึงกล้าเปิดเผยว่าตนเองเป็นผู้สร้างระเบิดเทียนเหล่ย

เฟิ่งชิงเฉินจ้องมองจั่วอั้นอย่างใจเย็น ใบหน้าของจั่วอั้นซีดขาว เกิดรอยย่นเล็กน้อย พูดออกมาด้วยใบหน้าแห่งความสงสัย “เจ้ามั่นใจหรือว่าเจ้าทำไม่เป็น? เจ้าสร้างระเบิดเทียนเหล่ยไม่เป็นงั้นหรือ? งั้นเจ้าจะรู้วิธีนำดินระเบิดออกมาได้อย่างไร เนื่องจากมีเพียงขึ้นตอนนี้เท่านั้นที่สามารถทำให้ระเบิดเทียนเหล่ยทำงานได้? เฟิ่งชิงเฉิน ทางที่ดีเจ้าควรพูดให้ชัดเจนและตรงไปตรงมามากกว่านี้”

จั่วอั้นไม่เชื่อเฟิ่งชิงเฉิน ดังนั้นเขาจึงต้องการให้เฟิ่งชิงเฉินอธิบายออกมาอย่างชัดเจน

ตรงไปตรงมาบ้าอะไรของเจ้า เฟิ่งชิงเฉินกัดฟัน นางเคยได้รับบทเรียนมาแล้ว หากตกไปอยู่ในมือของศัตรู ห้ามพูดความจริงเป็นอันขาด การปกปิดสิ่งสำคัญของตนนั้นเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด ยิ่งมีความสามารถและสถานะสูงส่งเท่าไหร่ก็ยิ่งทำให้ตายเร็วมากเท่านั้น หากถูกให้ความสำคัญ การหลุดพ้นออกจากมันถือเป็นเรื่องยาก

“จั่วอั้น ข้าจะพูดอีกครั้ง ข้าทำไม่เป็นจริง ๆ หากข้าทำเป็นจริง ข้าคงใช้ของจริงไปแล้ว ทำไมจะต้องมาใช้ของปลอมเช่นนี้ ข้าระเบิดเรือนจำองครักษ์เสื้อโลหิตไปเลยไม่ง่ายกว่าหรือไง ไม่เห็นจำเป็นต้องลำบากเจ้า ข้าก็สามารถช่วยคนของข้าออกมาได้” ใบหน้าของเฟิ่งชิงเฉินจริงจัง แม้จั่วอั้นจะจ้องมองนางด้วยจิตสังหารอันแรงกล้า นางก็ยังกลับคำ ไม่เป็นก็คือไม่เป็น ต่อให้ต้องตายก็ยังพูดว่าไม่เป็นอยู่ดี

“ฮึ” ไม่ได้คำตอบที่ตนเองต้องการ จั่วอั้นโกรธจนเมินหน้าหนี ไม่สนใจเฟิ่งชิงเฉิน แต่ไม่ยอมให้เฟิ่งชิงเฉินขึ้นรถม้า

รังแกเขาในฐานะผู้มาใหม่ คิดว่าเขาไม่รู้อะไรเลยหรือไง หากเฟิ่งชิงเฉินใช้ระเบิดเทียนเหล่ยมาระเบิดเรือนจำองครักษ์เสื้อโลหิตจริง แบบนั้นคุณชายซุนอะไรนั่นก็คงไม่รอด คุณชายซุนผู้ซึ่งเป็นสมบัติล้ำค่าของเฟิ่งชิงเฉิน นางไม่มีทางใช้ระเบิดเทียนเหล่ยมาทำลายเรือนจำองครักษ์เสื้อโลหิตเป็นอันขาด

เฮ้อ……เฟิ่งชิงเฉินรู้สึกหดหู่ใจเป็นอย่างมาก เห็นกันอยู่ว่านางไม่ได้ใช้ให้จั่วอั้นมาช่วย จั่วอั้นมาด้วยตัวเองก็ไม่ได้ว่าอะไร แต่ทำไมถึงมาเซ้าซี้แบบนี้

หลังจากเห็นเหล่าองครักษ์เสื้อโลหิตกลับมาอยู่ในสภาวะปกติ เฟิ่งชิงเฉินหมดหนทาง ทำได้เพียงเสนอข้อตกลงออกไปมากมาย และทำสัญญากับจั่วอั้น นี่ถึงทำให้ความคับข้องใจของจั่วอั้นลดลง และเชื่อว่าเฟิ่งชิงเฉินสร้างระเบิดไม่เป็น

และหลังจากทำข้อตกลงกันมากมาย ในที่สุดจั่วอั้นก็พยักหน้าอย่างภาคภูมิใจ บ่งบอกว่าตนเองยอมเชื่อใจเฟิ่งชิงเฉิน และหลังจากนี้อย่าให้เขาจับได้ว่าเฟิ่งชิงเฉินโกหกเขา

เฟิ่งชิงเฉินเช็ดเหงื่อบนหน้าผาก รับปากว่าจะไม่เกิดเรื่องเช่นนั้นเป็นอันขาด ตอนที่อยู่ต่อหน้าองครักษ์เสื้อโลหิตนางไม่รู้สึกกลัวหรือเหงื่อออกแต่อย่างใด แต่ตอนเผชิญหน้ากับจั่วอั้น เหงื่อบนร่างกายของนางกลับไหลออกมา ช่างน่าอับอายเหลือเกิน

จั่วอั้นยอมหลีกทางให้เฟิ่งชิงเฉิน ในที่สุดเฟิ่งชิงเฉินก็สามารถหลบหนีจากองครักษ์เสื้อโลหิตและขึ้นรถม้าไปได้ ทงจือและทงเหยาก้าวออกมาด้านหน้าเพื่อทำความเคารพ “คุณหนู”

“ไม่ต้องมากพิธี” เฟิ่งชิงเฉินโบกมือเพื่อบอกทั้งสองคนว่าไม่ต้องอะไรมากมาย เมื่อเห็นซุนซือสิงซึ่งนอนอยู่บนรถม้า เฟิ่งชิงเฉินคุกเข่าลงด้านข้าง จับชีพจรของซุนซือสิงพร้อมกับถามออกมาว่า “ซือสิงเป็นอย่างไรบ้าง?”

“คุณหนู คุณชายไม่ได้รับบาดเจ็บอะไรมากมาย มีแค่บาดแผลภายนอกเพียงเล็กน้อยเท่านั้น” ผิวหนังของซุนซือสิงยังคงอยู่ในสภาพดี รอยแส้บนร่างกาย ภายใต้การตรวจสอบของทงจือและทงเหยา มันเป็นเพียงบาดแผลภายนอก แส้พวกนั้นไม่ได้ทำให้ซุนซือสิงได้รับบาดเจ็บจนถึงกระดูก

“งั้นหรือ?” เห็นได้ชัดว่าเฟิ่งชิงเฉินไม่เชื่อ หากได้รับบาดเจ็บเพียงแค่ผิวหนังด้านนอก เหตุการณ์วุ่นวายขนาดนี้เกิดขึ้น ซือสิงน่าจะฟื้นขึ้นมาตั้งนานแล้ว

หน่วยงานสอบสวนใช้วิธีการมากมายในการทรมานนักโทษ นางเคยเห็นมันมาด้วยตาของตนเอง บาดแผลที่สาหัสที่สุดไม่ใช่บาดแผลภายนอก แต่เป็นบาดแผลภายในซึ่งไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตา

“คุณหนู หลังจากคุณชายซุนถูกองครักษ์เสื้อโลหิตพาตัวไป องค์ชายใหญ่มาหาองครักษ์เสื้อโลหิตด้วยตัวเอง ให้องครักษ์เสื้อโลหิตดูแลคุณชายซุนเป็นอย่างดี ห้ามทำร้ายคุณชายซุนเป็นอันขาด คุณชายชุยเองก็ส่งคนในตระกูลมาหาองครักษ์เสื้อโลหิต มีความช่วยเหลือจากตระกูลชุยและตระกูลหวัง องครักษ์เสื้อโลหิตคงไม่กล้าทำอะไรวู่วาม” ทงจือและทงเหยากล่าวออกมา พร้อมกับนำผ้าชุบน้ำอุ่นมาเช็ดหน้าซุนซือสิง

ได้ยินว่าตระกูลชุยและตระกูลหวังมากดดันองครักษ์เสื้อโลหิต เฟิ่งชิงเฉินรู้สึกโล่งใจ แต่ในตอนที่เฟิ่งชิงเฉินรู้สึกความผิดปกติในชีพจรของซุนซือสิง สีหน้าของนางเปลี่ยนไปทันที

“เป็นแบบนี้ได้อย่างไร?”

“คุณหนู เกิดอะไรขึ้นงั้นหรือ?” ทงจือและทงเหยาตกใจมาก รีบหยุดการเคลื่อนไหวของพวกนางทันที

“ออกไป” เฟิ่งชิงเฉินไม่สนใจทั้งสองคน ไล่พวกนางออกไปทันที

“ระ……รับทราบ” ทงจือและทงเหยาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เมื่อเห็นใบหน้าของเฟิ่งชิงเฉินซึ่งดูน่าตกใจนั้น ก็รีบออกมาทันที ไม่กล้าอยู่นานกว่านั้นแม้แต่วินาทีเดียว

ในรถม้าเหลือแค่เฟิ่งชิงเฉินและซุนซือสิงเพียงสองคน เฟิ่งชิงเฉินนำผ้าซึ่งห่มอยู่บนร่างกายของเขาออก จากนั้นก็ถอดเสื้อคลุมของเขาโดยไม่สนใจอะไร

บนผิวมีรอยบาดแผลอยู่เต็มไปหมด มองบาดแผลที่เหมือนจะขาดออกจากกัน บาดแผลไม่ได้ลึกมาก มองดูก็ไม่ได้น่าตกใจอะไร แต่เมื่อลองดูให้ดีก็จะพบว่าบาดแผลมีสีขาว และเลือดซึ่งไหลออกมานั้นดูจางมาก นั่นทำให้เห็นอย่างชัดเจนว่าบาดแผลมันใกล้จะหายดีแล้ว

เฟิ่งชิงเฉินตรวจดูบนหน้าผากของซุนซือสิง เขาไม่มีไข้ แต่ลมหายใจกลับไม่มั่นคง จ้องมองดูซุนซือสิงก็พบว่าเขากำลังขมวดคิ้ว ท่าทางดูไม่สบายตัว ไม่รู้ว่าองครักษ์เสื้อโลหิตทรมานอะไรเขามาบ้าง

เฟิ่งชิงเฉินลูบหน้าผากของซุนซือสิงเบา ๆ เมื่อสัมผัสตรงหน้าผากของเขาก็พบว่า ศีรษะของซุนซือสิงยังมีเลือดอยู่ หนังศีรษะเต็มไปด้วยบาดแผล เมื่อสัมผัสโดนเส้นผมก็ร่วงหล่นลงมาทันที

“เลวที่สุด ถึงขั้นใช้มือมืดกับซือสิง” แววตาของเฟิ่งชิงเฉินเบิกกว้าง นัยน์ตาเต็มไปด้วยความโกรธ

องครักษ์เสื้อโลหิตถูกกดดันโดยตระกูลหวังและตระกูลชุย เขาจึงไม่กล้าทำอะไรซุนซือสิงอย่างเปิดเผย แต่กลับใช้มือมืดเพื่อลงมือ บนร่างกายของซุนซือสิงอาจจะไม่รอยบาดแผลอะไรมากมาย แต่มันก็เป็นอันตรายถึงชีวิต

เฟิ่งชิงเฉินกัดริมฝีปาก บอกตนเองว่าให้สงบเอาไว้ บาดแผลบนร่างกายของซุนซือสิง รอตนเองกลับไปตรวจอาการ จากนั้นค่อยทำการรักษา

บาดแผลภายนอกของซุนซือสิงนั้นไม่ชัดเจน มันถูกซ่อนอยู่ภายในตำแหน่งที่ดวงตาไม่สามารถมองเห็นได้ เฟิ่งชิงเฉินเริ่มใช้กระเป๋าเครื่องมือแพทย์อัจฉริยะในการตรวจร่างกายของซุนซือสิง

ปกติแล้วระยะเวลาที่กระเป๋าเครื่องมือแพทย์อัจฉริยะใช้ในการตรวจสอบนั้นประมาณสามสิบวินาที แต่นี่ก็ผ่านไปแล้วหนึ่งชั่วโมง กระเป๋าเครื่องมือแพทย์อัจฉริยะกลับไม่มีการตอบสนอง

ข้างต้นแสดงให้เห็นว่าซุนซือสิงมีอาการฟกช้ำของเนื้อเยื่ออ่อนหลายแห่ง สมองได้รับการกระทบกระเทือน นอกจากนี้ยังได้รับบาดเจ็บตรงกะโหลกศีรษะ ทำให้มีเลือดคลั่ง

ภายนอกศีรษะของซุนซือสิงอาจดูดี แต่ในความเป็นจริงเขาได้รับบาดเจ็บสาหัสจากภายใน เฟิ่งชิงเฉินยื่นมือออกไป ตรวจสอบศีรษะของซุนซือสิงอย่างระมัดระวัง พบรูเลือดที่ด้านหลังศีรษะของเขา

เฟิ่งชิงเฉินไม่กล้าทำอะไรกับซุนซือสิงโดยพลการ วางซุนซือสิงลงอย่างระมัดระวัง นางไม่รู้ว่าร่างกายของซุนซือสิงได้รับบาดเจ็บมากแค่ไหน หากทำอะไรมากเกินไปอาจทำให้อีกฝ่ายได้รับบาดเจ็บ

เฟิ่งชิงเฉินใช้กระเป๋าเครื่องมือแพทย์อัจฉริยะต่อไป เมื่อดูผลการวินิจฉัยอื่น ๆ ผลการตรวจของกระเป๋าเครื่องมือแพทย์อัจฉริยะหลังจากนั้นดูทั่วไปมาก มันบอกแค่ว่าปอดของซุนซือสิงได้รับบาดเจ็บและมีรอยฟกช้ำหลายแห่งบนร่างกาย แนะนำให้ไปโรงพยาบาลเพื่อการวินิจฉัยที่ครอบคลุม

“เจ้าศิษย์โง่ ทำไมถึงไม่รู้จักป้องกันตัวเอง” เฟิ่งชิงเฉินพยุงซุนซือสิงขึ้นมาอย่างระมัดระวัง ให้เขานอนลงบนร่างของตนเอง ประคองศีรษะของซุนซือสิงให้มั่นคง เพื่อไม่ให้การกระแทกของรถม้าทำให้ศีรษะของซุนซือสิงได้รับบาดเจ็บไปมากกว่านี้

เฟิ่งชิงเฉินลูบศีรษะของซุนซือสิงอย่างอ่อนโยน การเคลื่อนไหวของเฟิ่งชิงเฉินนั้นเบาราวกับขนนก แต่ถึงอย่างนั้น ผมของซุนซือสิงก็ยังร่วงหล่นลงมาตามการเคลื่อนไหวของเฟิ่งชิงเฉิน และนี่คืออาการบาดเจ็บซึ่งเฟิ่งชิงเฉินสามารถมองเห็นได้ แต่ก็ไม่รู้ว่ามีอาการบาดเจ็บตรงไหนอีกที่เฟิ่งชิงเฉินมองไม่เห็น?

เฟิ่งชิงเฉินกัดริมฝีปาก เลือดไหลออกมาจากริมฝีปากของนาง แต่เฟิ่งชิงเฉินกลับไม่รู้สึกเจ็บ นางรู้แค่ว่าการได้เห็นซุนซือสิงในสภาพแบบนี้ ทำให้นางเจ็บปวดหัวใจเหลือเกิน

ในสายตาของนาง ซุนซือสิงเป็นศิษย์ของนางคนหนึ่ง และถือว่าเป็นน้องชายของนางด้วยเช่นกัน นางรับปากกับหมอหลวงซุนว่าจะดูแลซือสิงเป็นอย่างดี แต่ผลที่ออกมาคือ?

ลูกศิษย์ผู้น่ารักและมีจิตใจอันงดงามของนาง กลับมีคนคิดทำร้ายเขา จวนซุ่นหนิงโหว พวกเจ้ารอก่อน หากไม่สามารถทำให้พวกเจ้าประสบกับความล้มเหลวได้ งั้นก็อย่ามาเรียกข้าว่าเฟิ่งชิงเฉิน

เฟิ่งชิงเฉินร้องไห้โดยไม่ส่งเสียง ทงจือและทงเหยาซึ่งอยู่นอกรถม้าก็รู้สึกไม่สบายใจเช่นกัน

“ทงเหยา เจ้าว่าคุณหนูเป็นอะไร? คงไม่ได้เกิดเรื่องขึ้นกับคุณชายซุนใช่ไหม?” ทงจือไม่สบายใจ ต้องรู้ก่อนว่านางเป็นคนพาคุณชายซุนไปยังจวนซุ่นหนิงโหว สุดท้ายคุณชายซุนถูกทรมานจนได้รับบาดเจ็บ และยังถูกขังในเรือนจำองครักษ์เสื้อโลหิต

“คุณหนูน่าจะกำลังโกรธ คุณชายซุนเป็นคนดีขนาดนั้น คนพวกนี้กลับลงมือทำร้ายอย่างเหี้ยมโหด ช่างน่ารังเกียจเสียจริง” ทงเหยาเองก็ไม่รู้ว่ามันเกิดเรื่องอะไรขึ้น

นางเองก็เห็นว่าบาดแผลของซุนซือสิงนั้นไม่ได้สาหัสอะไร

“อาการบาดเจ็บของคุณชายซุนคนไม่มีอะไรมาก มีแต่แผลถลอกตามผิวหนัง ข้าเห็นมือและเท้าของคุณชายซุนก็ยังดีอยู่ ไม่ได้รับบาดเจ็บแต่อย่างไร” ทงจือเองก็ไม่ได้พูดอะไรมาก

สุดท้ายทงเหยายังไม่ทันตอบรับคำพูดของนาง จั่วอั้นก็กล่าวออกมาว่า “ไร้เดียงสาเหลือเกิน อาการบาดเจ็บที่พวกเจ้ามองเห็นนั้นเป็นแค่ภายนอก แต่อาการบาดเจ็บที่แท้จริงถึงขั้นทำให้เสียชีวิตนั้น มันไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า”

“นี่……จะเป็นแบบนั้นไปได้อย่างไร?” คำพูดของจั่วอั้นทำให้สีหน้าของทงจือและทงเหยาเปลี่ยนไปอย่างมาก ทั้งสองมองไปยังจั่วอั้นด้วยความไม่สบายใจ หวังว่าจั่วอั้นจะพูดอะไรที่ดีออกมาสักสองสามคำ

จั่วอั้นยอมรับว่าเขาไม่ค่อยได้พูดคุยหรือสนิทสนมกับคนอื่นมากนัก แต่นั่นเป็นเพราะอาชีพของเขาคือมือสังหาร มันไม่ได้เป็นเพราะเขาเกลียดที่จะยุ่งเกี่ยวกับคนอื่น ทงจือและทงเหยา แม่นางทั้งสองตกใจจนหน้าซีด จั่วอั้นข่มขู่ออกว่า “ทำไมจะเป็นไปไม่ได้ พวกเจ้าน่าจะเข้าใจถึงสิ่งที่อยู่ในเรือนจำดี สิ่งที่เห็นนั้นอาจจะไม่รุนแรง แต่สิ่งซึ่งรุนแรงที่สุดนั้นมันคือมือมืด”

“ใช้มือมืด?” ทงจือและทงเหยาไม่รู้ว่าควรตอบสนองออกไปอย่างไร ท่าทางของแม่นางทั้งสองดูจริงจังเหมือนกับกำลังตั้งใจเรียน มองไปที่จั่วอั้น หวังว่าคุณชายจั่วที่พวกนางเพิ่งจะรู้จักจะอธิบายออกมาเพื่อคลายความสงสัยของพวกนาง

จั่วอั้นไม่ปล่อยให้แม่นางทั้งสองต้องผิดหวัง พูดทักษะซึ่งใช้กันเป็นปกติโลกมืดออกไป เช่น การแทงเข็มเงินยาวครึ่งเมตรเข้าไปในร่างกาย การพันศีรษะด้วยผ้าหนา ๆ แล้วกระแทกกับผนัง การลิขิตเส้นชีวิตของคน การทำให้ผู้ชายกลายเป็นโสเภณี……

ทุกอย่างที่จั่วอั้นพูดออกมา ใบหน้าของทงจือและทงเหยาขาวซีด ดวงตาของพวกนางเต็มไปด้วยความหวาดกลัว ส่ายหัวอย่างต่อเนื่อง เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้……

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *