นางสนมแพทย์อัจฉริยะบทที่ 359 เสด็จอาเก้า ท่านเลวร้ายมากกว่านี้ได้หรือไม่

Now you are reading นางสนมแพทย์อัจฉริยะ Chapter บทที่ 359 เสด็จอาเก้า ท่านเลวร้ายมากกว่านี้ได้หรือไม่ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ไป?

ที่แท้ เฟิ่งชิงเฉินก็มีความคิดที่จะออกไปจากเมืองหลวงนั่นเอง ภายในใจของเสด็จอาเก้าราวกับหยุดเต้น พร้อมกับนัยน์ตาที่เบิกโพลง ทั่วร่างพลันแผ่กลิ่นอายอันตรายออกมา “เจ้าต้องการให้ทั้งสี่แคว้นไล่ล่าเจ้างั้นรึ?”

เขากลับลืมเรื่องที่สำคัญไปเสียได้ ถ้าหากเฟิ่งชิงเฉินจากไปละก็ ใต้ฟ้าทั่วหล้าเช่นนี้ เขาจะไปตามหานางได้จากที่ใดกัน เพื่อที่จะปัดเป่าความคิดที่จะออกจากเมืองหลวงของนางนั้น เสด็จอาเก้าพลันเอ่ยออกมาทีละคำว่า “เฟิ่งชิงเฉิน หากเจ้าหนีออกไปเช่นนี้ ข้อสงสัยทั้งหมด จะตกอยู่บนตัวเจ้าในทันที อีกทั้งการตายของหลี่เซี่ยงไม่จำเป็นต้องสืบหาหลักฐานอันใดเลย ผู้คนย่อมต้องสงสัยในตัวเจ้าอย่างแน่นอน สิ่งที่เจ้านำมาใช้สังหารหลี่เซี่ยงนั้น อานุภาพของมันรุนแรงถึงเพียงนี้ เจ้าคิดว่าจักรพรรดิทั้งสี่แคว้นจะปล่อยเจ้าไปหรือไม่?”

อย่าได้เอ่ยถึงจักรพรรดิทั้งสี่แคว้นเลย แม้แต่เขาเองก็ยังไม่อยากจะปล่อยนางไป คำพูดนี้เสด็จอาเก้ามิได้เอ่ยออกมา เขาเพียงพูดต่อไปอีกว่า “เฟิ่งชิงเฉิน ไม่ว่าเจ้าจะมีกำลังมากเพียงใด เจ้าก็มีเพียงแค่ตัวคนเดียวเท่านั้น เมื่อถึงยามนั้น หากทั้งสี่แคว้นร่วมมือกันไล่ล่าตัวเจ้าละก็ ไม่ว่าเจ้าจะหลบหนีไปไกลสุดหล้าฟ้าเขียวก็ไม่อาจหลบพ้นได้ หากเจ้ามิตาย เจ้าก็จะกลายเป็นหุ่นเชิดของแคว้นใดแคว้นหนึ่งแทน เป็นหลี่เซี่ยงคนต่อไป

และยังมี การที่เจ้าหนีไปคนเดียวเช่นนี้ เจ้าเคยคิดถึงตระกูลซุนบ้างหรือไม่? ยังมีตระกูลหวังอีก เพียงแค่ฝ่าบาทโกรธเกรี้ยวขึ้นมา ย่อมต้องมีภัยถึงพวกเขา แม้ว่าฝ่าบาทจะไม่อาจทำอันใดตระกูลหวังและตระกูลเซี่ยได้ แต่นั่นมิได้หมายความว่า ตระกูลเซี่ยสายรองจะมิได้รับผลกระทบจากเจ้า

แม้ว่าตระกูลหวังจะมีกองกำลังส่วนตัว ถึงอย่างไรพวกเขาย่อมมีจำนวนคนจำกัด หากทั้งสี่แคว้นรวมหัวกันโจมตีไปที่ตระกูลหวังเล่า พวกเขาย่อมต้องได้รับความสูญเสียมากแน่ หากดีหน่อย ก็อาจจะลดขั้น จากตระกูลขุนนางขั้นหนึ่งเหลือเพียงตระกูลขุนนางขั้นสาม หากโทษที่หนักกว่านี้ ตระกูลหวังย่อมต้องกลายเป็นตระกูลหลานและตระกูลหลีเฟิ่งที่ถูกกำจัดทิ้งเป็นตระกูลต่อไป! หากต้องมามีอีกหลายหมื่นชีวิตจากไปเพียงเพราะเจ้าเพียงผู้เดียว เฟิ่งชิงเฉินเจ้าจะสบายใจงั้นหรือ”

จุดอ่อนที่ใหญ่ที่สุดของเฟิ่งชิงเฉินก็คือ นางมีความเห็นอกเห็นใจมากเกินไป!

เสด็จอาเก้ามั่นใจเป็นอย่างมากกว่า คำพูดของเขานั้น จะสามารถทำลายความตั้งใจ ที่จะหนีออกจากเมืองของเฟิ่งชิงเฉินไปได้

แท้จริงแล้ว เป็นเสด็จอาเก้าที่คิดมากไปเอง สิ่งใดที่เสด็จอาเก้าคิดได้ เฟิ่งชิงเฉินจะคิดไม่ได้เชียวหรือ ที่นางบอกว่าไปนั้น เป็นการบอกให้เสด็จอาเก้าคุ้มครองพานางกลับไปที่เมืองหลวงแต่โดยดี

นางในยามนี้ หาใช่สตรีที่กำพร้าบิดามารดาคนก่อนไม่ ผู้คนในราชวงศ์ตงหลิงนางหาได้สนใจพวกเขาไม่ แต่คนที่นางให้ความเคารพรักและต้องการปกป้องกลับอยู่ในแคว้นตงหลิงทั้งหมด

ถึงอย่างไร นางก็ต้องกลับไปเมืองหลวงอยู่แล้ว แต่เฟิ่งชิงเฉินมิอยากใช้เหตุผลเพราะต้องการกลับเข้าเมือง เพื่อเอ่ยปากขอร้องเสด็จอาเก้า ในยามนี้ดูเหมือนว่านางจะไม่ต้องเอ่ยปากร้องขอแล้วกระมัง ถึงอย่างไร เสด็จอาเก้าก็คงจัดการให้นางกลับไปที่เมืองหลวงแต่โดยดี

แต่สิ่งที่ต้องคิดหลังจากนี้ก็คือ จะเข้าเมืองไปอย่างไร?

แต่เดิมนั้น แผนการของนางหาได้มีเสด็จอาเก้าอยู่ในนั้นไม่ ทั้งยังมิได้มีแผนที่จะออกจากเมืองหลวงด้วย การออกจากเมืองหลวง เป็นความคิดที่นางเพิ่งจะคิดได้หลังจากได้มาเจอกับเสด็จอาเก้าแล้วต่างหาก เพียงเพื่อปรนเปรอความสุขทางใจของนาง ให้มีความทรงจำที่ดี ๆ ทิ้งเอาไว้ให้กับตนเอง

หากทำตามคำพูดของเสด็จอาเก้าแล้วนั้น เฟิ่งชิงเฉินจึงได้แต่พยักหน้าลงด้วยความ “ยากลำบาก” พร้อมกับหลับตากล่าวว่า “เสด็จอาเก้าเพคะ พวกเรากลับเข้าเมืองกันเถอะ”

ทว่า นางหาได้เห็นแววตาที่ฉายแววโล่งใจของเสด็จอาเก้าไม่ ทั้งกับรอยยิ้มที่ค่อย ๆ เปล่งประกายในดวงตาของเขาอีก

มิปล่อยให้เฟิ่งชิงเฉินคิดอันใดอยู่นาน เสด็จอาเก้าก็รีบร้อนพาเฟิ่งชิงเฉินลงจากเขาในทันที

ภายในใจพลันแอบครุ่นคิดว่า: เฟิ่งชิงเฉินสตรีนางนี้ มีแต่จะสร้างความวุ่นวายให้กับเขาแล้ว! สตรี ไม่อาจทำให้นางปนเปื้อนได้เลยจริง ๆ

คืนวานนั้น เสด็จอาเก้าลอบพานางออกจากวัง เฟิ่งชิงเฉินจึงคิดว่าเสด็จอาเก้าจะมีวิธีลอบเข้าไปด้วยเช่นกัน เพื่อมิให้ผู้คนสังเกตเห็น แต่ทว่า

นางประเมินความอำมหิตของเสด็จอาเก้าต่ำไป!

“เสด็จอาเก้าเพคะ ทำเช่นนี้ไม่ดีกระมัง เมื่อวาน พวกเราหาได้ลงทะเบียนออกจากเมืองไม่ หากพวกเรากลับเข้าเมืองไปอย่างเอิกเกริกเช่นนี้ ย่อมต้องดึงดูดความสนใจของฝ่าบาทเป็นแน่” เฟิ่งชิงเฉินที่นั่งอยู่บนหลังม้า พร้อมกับมองประตูเมืองที่ใกล้เข้ามาทุกที ในใจพลันรู้สึกกระวนกระวายยิ่งนัก

นี่มิใช่เป็นหลอกลวงผู้คนหรือ เสด็จอาเก้าที่พาตัวนางกลับเข้ามาในเมืองอย่างโจ่งแจ้งเช่นนี้ มิใช่เป็นการบอกว่านางมีความสัมพันธ์กับเสด็จอาเก้างั้นหรือ เช่นนี้ นางจะหาทางถอยจากเสด็จอาเก้าได้อย่างไร นางอุตส่าห์พยายามที่จะทำตัวห่างเหินกลับเสด็จอาเก้าแล้ว

เจ้าอยากทำตัวห่างเหินกับเปิ่นหวางงั้นหรือ? ฝันไปเถอะ!

ความคิดเล็ก ๆ ของเฟิ่งชิงเฉิน คิดหรือว่าเสด็จอาเก้าจะไม่รู้ แต่เดิมเขาต้องการที่จะค่อย ๆ ลอบเข้าเมือง ทว่า เมื่อได้ยินความคิดของเฟิ่งชิงเฉินที่ต้องการจากไปไกลสุดหล้าฟ้าเขียวนั้น เสด็จอาเก้าก็รู้สึกตื่นตระหนกยิ่งนัก ไม่ว่าในอนาคตข้างหน้าจะเป็นเช่นไร ต้องให้นางมาอยู่ข้างกายของเขาก่อน เรื่องอื่นค่อยว่ากันอีกที

“วางใจเถิด บันทึกการเข้าออกอย่างไรก็ต้องทำ เปิ่นหวางจะช่วยเป็นพยานให้เจ้าเอง รวมถึงเรื่องเมื่อคืนด้วย ว่าเจ้าอยู่กับเปิ่นหวางตลอด เช่นนี้เจ้าก็จะไม่ถูกสงสัยแล้ว เฟิ่งชิงเฉิน เปิ่นหวางทำเพื่อเจ้าเช่นนี้ แม้แต่ชื่อเสียงของตนเอง เปิ่นหวางก็ไม่สนใจ เจ้าอย่าได้ทำลายความหวังดีของเปิ่นหวางเชียว” เสด็จอาเก้ารับบทเป็นผู้ถูกกระทำได้แนบเนียนยิ่งนัก พลันค่อย ๆ ปลดสายบังเหี่ยนม้าและชะลอความเร็วลง เพื่อซึมซับความอ่อนหวานของสตรีที่อยู่ในอ้อมกอด

“ขอบพระทัยเสด็จอาเก้าเพคะ หม่อมฉันทำผิดต่อเสด็จอาเก้าแล้ว” เฟิ่งชิงเฉินพลันกัดฟันตอบ

เสด็จอาเก้าหาได้สนใจสายตาของเฟิ่งชิงเฉินที่คล้ายว่าจะมีลูกไฟอยู่ในดวงตาไม่ “หากเจ้ารู้ว่าทำผิดต่อเปิ่นหวาง เช่นนั้นก็นั่งดี ๆ อย่าได้คิดสร้างปัญหาให้กับเปิ่นหวางอีก เมื่อกลับไปถึงในเมืองแล้ว ก็ไปนอนหลับพักผ่อนเสีย เรื่องราวที่ใหญ่โตเช่นนี้ เจ้ายังมีเปิ่นหวางอยู่”

“เพคะ ชิงเฉินขอบพระคุณความเมตตาของเสด็จอาเก้า” นั่งดี ๆ ? นางกล้าที่จะนั่งไม่ดีด้วยหรือ?

เฟิ่งชิงเฉินได้แต่ถลึงตากลับ พร้อมกับมองไปยังแขนเรียวเหล็กที่โอบเอวของนาง หากมิใช่เพราะเสด็จอาเก้าบังคับให้นางนั่งบนหลังม้าแล้วละก็ นางคงแยกทางใครทางมันกับเสด็จอาเก้าตั้งแต่แรกแล้ว นางจะไปมีโอกาสปล่อยให้เขาหาทางใส่ร้ายนางได้อย่างไร

แม้ว่าจะไม่ถึงเป็นการใส่ร้าย ถึงอย่างไร เมื่อคืนนางก็อยู่กับเสด็จอาเก้าจริง ๆ ทว่า หากเรื่องพวกนี้ถูกแพร่กระจายออกไปเล่า ชั่วชีวิตของนางนั้น นอกจากเสด็จอาเก้าแล้ว นางก็ไม่อาจแต่งให้ผู้ใดได้อีก
“มิต้องไปคิดเรื่องที่มันยังไม่เกิดขึ้นได้แล้ว ในยามนี้ เจ้าควรคิดแค่ว่า เจ้าจะผ่านปัญหาตรงหน้าไปได้อย่างไรก็พอ ในใต้หล้านี้มีผู้ที่ฉลาดเฉลียวมากมายนัก แม้ว่าเจ้าจะทระนงตนว่าตนเองฉลาดมากที่สุด ทั้งยังก่อเรื่องใหญ่ถึงเพียงนี้ เจ้ามิคิดว่า ตนเองควรจะเก็บหูเก็บหางตนเองลงหน่อยหรือ ในเมื่อเจ้าสามารถขบคิดว่าจะตบแต่งให้กับผู้ใดแล้ว สมองของสตรี ช่างคิดแต่เรื่องไร้สาระเสียจริง”

เสด็จอาเก้าพลันเอามือเขกลงไปที่หัวของเฟิ่งชิงเฉินในทันที สตรีนางนี้ แม้ว่าจะนั่งอยู่ในอ้อมกอดของเขา ก็ยังมีใจคิดจะไปแต่งให้กับบุรุษผู้อื่นอีกหรือ ในใต้หล้านี้ ยังมีสตรีคนใด ที่น่ารังเกียจมากกว่านี้อีกหรือไม่?

ที่แท้ เฟิ่งชิงเฉินเผลอพูดความคิดของตนเองออกมาหมดนั่นเอง แต่หูของเสด็จอาเก้าช่างดียิ่งนัก แม้แต่เสียงเล็ก ๆ ที่พึมพำเบา ๆ เขาก็สามารถดักฟังได้ครบทุกตัวอักษร

โอ๊ย นางรู้สึกเจ็บจากการถูกเขกหัวเมื่อครู่ หากแต่เฟิ่งชิงเฉินก็ไม่กล้ายกมือของตนเองขึ้นมานวด เกรงว่า มันจะทำให้เสด็จอาเก้ากรุ่นโกรธมากกว่าเดิม จนอยากจะฆ่าผู้ใดสักคนแทน

เฟิ่งชิงเฉินรู้สึกหงุดหงิดยิ่งนัก บุรุษผู้นี้ ในเมื่อเขาไม่อาจแต่งกับนางได้ แล้วเหตุใดต้องมาบังคับให้นางไม่ควรไปแต่งกับผู้อื่นด้วยเล่า แน่นอนว่าคำพูดพวกนี้ เฟิ่งชิงเฉินเพียงแค่คิดเอาเท่านั้น มิกล้าเอ่ยออกมาตามตรง จึงได้แต่พูดพึมพำออกมาว่า “เสด็จอาเก้าวางใจเถิดเพคะ ชิงเฉินหาได้ทิ้งหลักฐานอันใด ให้มาตามตัวได้ไม่ ถึงแม้ว่าฝ่าบาทจะรู้สึกสงสัยก็ไม่อาจมีหลักฐานมาสงสัยชิงเฉินได้ หากมิใช่ว่าเสด็จอาเก้าเข้าร่วมแผนการของชิงเฉินเมื่อคืน เสด็จอาเก้าก็ไม่ต้องมาพบเจอเรื่องเช่นนี้”

การระเบิดของพระราชวังและเมฆมงคลที่เกิดขึ้นที่จวนเฟิ่งนั้น หาใช่เรื่องปกติไม่ ฉะนั้นแล้ว ผู้คนย่อมมิใช้วิธีธรรมดาในการคิดวิเคราะห์ปัญหา อีกทั้งพวกเขาย่อมไม่คิดว่า สตรีที่อ่อนแอเช่นนางจะสามารถทำเรื่องใหญ่โตเช่นนี้ได้เหมือนกัน

ผูัที่มีอำนาจของซีหลิง เป่ยหลิง หนานหลิง และทั่วแคว้นเก้าแดนล้วนแต่อยู่ในแคว้นตงหลิงทั้งหมด หากดูจากการแสดงของหลี่เซี่ยงในวันงานพระราชสมภพของฝ่าบาทแล้วนั้น หลี่เซี่ยงย่อมต้องกลายเป็นศัตรูต่อพวกเขาทุกคน หากฝ่าบาทจะทำการสงสัย ก็ย่อมต้องสงสัยที่พวกเขาก่อนเป็นอันดับแรก เนื่องจากพวกเขามีความหวังว่าอยากให้หลี่เซี่ยงตายไวๆ มากที่สุด

เสด็จอาเก้าพลันหยักหน้าลงเล็กน้อย เขาลืมไปว่าสตรีผู้นี้กลัวตายยิ่งนัก เรื่องที่เกี่ยวพันถึงความปลอดภัยและชีวิตของนางนั้น นางจะจัดการมันเป็นอย่างดี แต่ทว่า จุดอ่อนของเฟิ่งชิงเฉินนั่นก็คือ นางมักจะใจอ่อนมากเกินไป

แม้ว่าเฟิ่งชิงเฉินจะไร้เมตตาต่อผู้ที่คิดทำร้ายนาง แต่ในขณะเดียวกัน นางก็ไม่อาจทำร้ายผู้ที่บริสุทธิ์ลงได้เช่นกัน

“เรื่องเมื่อคืน ที่เซี่ยกุ้ยเฟยจัดการให้เจ้าเข้าวังนั้น ด้านในมีผู้ใดล่วงรู้บ้าง? เรื่องเมฆมงคลที่จวนเฟิ่ง มีผู้ใดล่วงรู้อีก? ” คนพวกนี้ล้วนแต่เป็นอันตราย ต้องกำจัดออกไป แม้ว่าเฟิ่งชิงมิยินยอม เช่นนั้นเขาจะเป็นคนทำเอง

เรื่องที่เฟิ่งชิงเฉินทำระเบิดเทียนเหล่ยเป็นนั้น จะต้องเก็บเป็นความลับมิให้ถูกเพร่งพรายออกไปเป็นอันขาด!

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *