นางสนมแพทย์อัจฉริยะบทที่ 512 เสียโฉม ยามเฟิ่งชิงเฉินกลายเป็นหมากที่เสด็จอาเก้าทอดทิ้ง

Now you are reading นางสนมแพทย์อัจฉริยะ Chapter บทที่ 512 เสียโฉม ยามเฟิ่งชิงเฉินกลายเป็นหมากที่เสด็จอาเก้าทอดทิ้ง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

นางสนมแพทย์อัจฉริยะ บทที่ 512 เสียโฉม ยามเฟิ่งชิงเฉินกลายเป็นหมากที่เสด็จอาเก้าทอดทิ้ง
เฟิ่งชิงเฉินสวมชุดกระโปรงยาวสวยสดงดงาม ท่าทางสง่างาม ยามลมพัดกระโปรงสะบัดไปด้านหลัง ผ้าบังหน้าของนางก็พลิ้วไหวเช่นกัน

ใช่แล้ว สิ่งที่ทำให้ตงหลิงจื่อลั่วตกใจก็คือเฟิ่งชิงเฉินใส่ผ้าคลุมหน้าออกมา ผ้าคลุมหน้าของนางทำมาจากผ้าโปร่งสีดำยาวกรอมเท้าตัดกับชุดกระโปรงสีสดของนางอย่างชัดเจน

“ถวายพระพรองค์ชายทุกพระองค์เพคะ ขอจงทรงพระเจริญ” เฟิ่งชิงเฉินเดินเข้าไปในห้องโถงและย่อกายคำนับ เสียงของนางแหบแห้งราวกับฆ้องที่แตกฟังดูไม่น่าฟัง แต่ดูราวกับนางจะไม่ได้สังเกต นางยืนเงียบๆ อยู่กลางห้องโถงโดยไม่สนใจสายตาพินิจพิเคราะห์ของเหล่าองค์ชายและไม่มีท่าทีที่จะปลดผ้าคลุมหน้าออก

“อะแฮ่ม ลุกขึ้นเถอะ” องค์ชายรองตงหลิงจื่อหย่งทำตัวเป็นคนดี

“ขอบคุณเพคะ” เฟิ่งชิงเฉินคำนับ ในขณะที่กำลังจะเดินไปนั่งลงก็กลับถูกตงหลิงจื่อลั่วขวางทางไว้ “เฟิ่งชิงเฉิน เจ้าสบายดีหรือ?”

“ขอบคุณที่ท่านอ๋องใส่ใจ ชิงเฉินสบายดีเพคะ” เฟิ่งชิงเฉินก้าวถอยหลังเพื่อเว้นระยะห่างระหว่างทั้งสอง ใบหน้าของตงหลิงจื่อลั่วแย่ลงเล็กน้อย เขาชี้ไปที่ผ้าคลุมหน้าของนาง “ในเมื่อสบายดีแล้วเจ้าจะสวมผ้าคลุมหน้าทำไม? ทำไมหรือ ตอนนี้คุณหนูใหญ่เฟิ่งเพิ่งจะนึกออกว่าหญิงชายไม่ควรใกล้ชิดกันหรือ”

ผ้าคลุมหน้ามี่หลีเป็นผ้าคลุมที่สตรีสูงศักดิ์ในราชวงศ์ก่อนนิยมใช้คลุมหน้า แต่ตอนนี้มีสตรีไม่มากนักที่จะใช้ผ้าคลุมหน้าเช่นนี้

“ท่านอ๋องคงล้อเล่นเป็นแน่ ชิงเฉินกำลังใช้ผ้าคลุมหน้าเพื่อปกปิดความอัปลักษณ์” แม้ว่าเสียงจะไม่น่าฟัง แต่จังหวะการพูดที่เชื่องช้าของเฟิ่งชิงเฉินกลับทำให้นางดูสง่างาม ปราศจากความอัปยศอดสูใดๆ

“ปกปิดความอัปลักษณ์? ต่อให้เจ้าน่าเกลียดแค่ไหนข้าก็เคยเห็น ตอนนี้จะมาปิดบังอะไรกัน?” ตงหลิงจื่อลั่วยืนกรานให้เฟิ่งชิงเฉินถอดผ้าคลุมหน้าออก เขาต้องการเห็นว่าแผลของเฟิ่งชิงเฉินเป็นอย่างไรกันแน่

เฮ้อ… เฟิ่งชิงเฉินถอนหายใจอย่างแผ่วเบา “ท่านอ๋องควรรู้ว่าชิงเฉินถูกมือสังหารแทงและถูกทำลายโฉมหน้าจึงไม่กล้าถอดผ้าคลุมหน้าออกมาจริงๆ จะได้ไม่ทำให้ดวงตาของเหล่าองค์ชายต้องแปดเปื้อน”

“แม่นางเฟิ่งอย่าใส่ใจเลย พวกข้าเพียงมาเยี่ยมไข้เท่านั้น แม่นางเฟิ่งถอดออกมาเถอะ” ตงหลิงจื่อโจวเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ในดวงตาของเขามีแววเยาะหยัน

บางทีเฟิ่งชิงเฉินอาจไม่มีค่าอีกต่อไป หญิงสาวที่มีใบหน้าเสียโฉมยังจะรักษาเสด็จอาเก้าเอาไว้ได้อีกหรือ?

เฟิ่งชิงเฉินก้มศีรษะลงด้วยท่าทางเขินอาย แต่จริงๆ แล้วนางยิ้มเยาะอย่างประชดประชัน

การมาเยี่ยมเยียนอย่างกะทันหันของเหล่าองค์ชายเหล่านี้ย่อมไม่ธรรมดาเพียงมาเยี่ยมไข้แน่ หากจะเยี่ยมไข้ก็ควรจะทำเช่นองค์รัชทายาท วันนั้นก็ควรจะส่งยาและอาหารบำรุงกำลังมาให้ในวันนั้นเลย มาตอนนี้จะมีประโยชน์อะไร มาดูนางเหมือนตัวตลกหรือ?

ฝันไปเถอะ!

“ทำไมหรือ? แม่นางเฟิ่งจะไม่ไว้หน้าข้าหรือ?” ตงหลิงจื่อโจวกล่าวอย่างไม่พอใจ

“ชิงเฉินไม่กล้าเพคะ” เฟิ่งชิงเฉินรีบเงยหน้าขึ้นอย่างรวดเร็ว มีผ้าคลุมสีดำกั้นอยู่ พวกเขาไม่สามารถมองเห็นสีหน้าของเฟิ่งชิงเฉินได้ มองเห็นเพียงใบหน้าเลือนรางเท่านั้น

“ในเมื่อเจ้าไม่กล้า ก็ถอดมันออกเสียเถอะ” องค์ชายสามก็เห็นด้วย มีองค์ชายหกตงหลิงจื่อชิงเท่านั้นที่ไม่พูดอะไรเลย เขาได้รับข่าวจากองค์รัชทายาทว่าเสด็จอาเก้าไม่ได้ทอดทิ้งเฟิ่งชิงเฉิน แน่นอนว่านี่เป็นเพราะข่าวที่ว่าใบหน้าของเฟิ่งชิงเฉินถูกทำให้เสียโฉมไม่ได้แพร่กระจายออกไป

“เพคะ” เฟิ่งชิงเฉินปลดผ้าคลุมหน้าออก นางก้มหน้าลงด้วยท่าทางไม่สบายใจนัก

นอกจากตงหลิงจื่อลั่วและตงหลิงจื่อชิงแล้ว องค์ชายคนอื่นๆ ล้วนยิ้มอย่างยินดีปรีดาในความโชคร้ายของนาง “เงยหน้าขึ้นสิ”

เมื่อเสด็จอาเก้าไม่ได้ประกาศอย่างชัดเจนว่าเฟิ่งชิงเฉินเป็นคนของเขา ความซวยนี้ก็จะตกเป็นของเฟิ่งชิงเฉิน

เฟิ่งชิงเฉินลังเลและเงยหน้าขึ้นอย่างช้าๆ ใบหน้าสดใสของนางปรากฏขึ้นต่อหน้าพวกเขา นอกจากจะดูซูบซีดไปบ้างก็ไม่ได้มีความผิดปกติอะไร ริ้วโทสะปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเหล่าองค์ชาย ในใจของพวกเขาแอบพูดว่า เฟิ่งชิงเฉินตัวดี อาศัยอำนาจของเสด็จอาเก้าหลอกพวกเขาเล่นงั้นหรือ

แต่เมื่อเฟิ่งชิงเฉินเงยหน้าขึ้นยืนตัวตรงก็เผยให้เห็นคอของนาง ดวงตาขององค์ชายทั้งหกก็แข็งค้าง

“เฟิ่งชิงเฉิน คอของเจ้า?” ที่คอของเฟิ่งชิงเฉินมีบาดแผลรอบวงคล้ายตะขาบ มองแวบแรกก็นึกว่ามีตะขาบขนาดใหญ่พันอยู่รอบคอของนาง แผลนี้น่ากลัวมาก

เฟิ่งชิงเฉินเผยรอยยิ้มซึ่งแสร้งทำเป็นว่าเข้มแข็งในสายตาของเหล่าองค์ชาย “ทูลหย่งอ๋อง ส่วนที่ชิงเฉินได้รับบาดเจ็บก็คือที่คอ สามารถรอดมาได้นับว่าโชคดียิ่งนัก”

เมื่อเฟิ่งชิงเฉินรู้ว่าเหล่าองค์ชายจะมาเยี่ยมนาง นางก็แกะผ้าพันแผลออกและจงใจเผยบาดแผลที่ดูรุนแรงให้พวกเขาเห็น เพิ่งผ่านมาเพียงแค่สิบวันเท่านั้น บาดแผลทั้งบวมและแดงบวกกับเพิ่งทายาไปจึงยิ่งทำให้ดูน่าขยะแขยงยิ่งขึ้นไปอีก

นางไม่รู้ว่าพวกเขามาที่นี่เพื่ออะไร แต่นางรู้ดีว่าเพียงแค่นางไม่ค่อยดีนัก พวกเขาจึงจะสบายใจได้ อย่างไรก็เป็นเพราะนางจึงทำให้ทั้งเมืองหลวงตกอยู่ในสภาพอึดอัดและทำให้พวกเขาซวยไปด้วย

“ทำไมจึงบาดเจ็บหนักเช่นนี้ เสด็จอาเก้ารู้หรือไม่” องค์ชายสาม องค์ชายสี่และองค์ชายห้าระงับความปีติยินดีในหัวใจและถามอย่างแสร้งทำเป็นกังวล

เฟิ่งชิงเฉิน ที่นางมีวันนี้ได้ พวกเขาไม่เชื่อว่าด้วยรูปลักษณ์อันอัปลักษณ์ที่น่ากลัวเช่นนี้ของนางจะยังสามารถทำให้เสด็จหลงใหลได้อีก

เฟิ่งชิงเฉินส่ายหัว “ชิงเฉินไม่กล้าบอกเสด็จอาเก้าเพคะ”

ให้ตายเถอะ คนเหล่านี้มีชีวิตดีเกินไป ไม่ใช่เพียงเพราะพวกเขาเองที่ทำให้องค์จักรพรรดิทรงระแวงหรอกหรือ จะคิดแค้นมาถึงตอนนี้เชียวหรือ

ไม่พูดก็ดีแล้ว ตงหลิงจื่อโจวมีสีหน้ายินดี วันนี้พวกเขามาเยี่ยมเฟิ่งชิงเฉินเพื่อฝากข้อความถึงเสด็จอาเก้าโดยเฉพาะ ให้เสด็จอาเก้าเห็นว่าพวกเขาให้ความสำคัญกับเฟิ่งชิงเฉิน ตอนนี้ดูเหมือนว่าจะได้ผลลัพธ์แบบใหม่

รอยยิ้มบนปากของตงหลิงจื่อโจวกว้างขึ้นเรื่อยๆ บาดแผลที่น่ากลัวของเฟิ่งชิงเฉินก็กลับกลายเป็นความงามในสายตาของเขา

ตงหลิงจื่อลั่วขมวดคิ้วด้วยความไม่พอใจ เขาจ้องไปที่ตงหลิงจื่อโจวและมองเฟิ่งชิงเฉินด้วยความกังวล “ชิงเฉิน เจ้าเป็นหมอ รอยแผลเป็นที่คอของเจ้าสามารถทำให้หายไปได้หรือไม่”

นี่ต่างหากที่เป็นประเด็นหลัก หากรอยแผลเป็นของเฟิ่งชิงเฉินคงอยู่เสมอก็จะเป็นปัญหาว่าต่อไปนางจะออกไปพบปะผู้คนได้อย่างไร ไม่มีทางที่จะปกปิดบาดแผลที่คอของนางไปตลอดได้

“ท่านอ๋อง รอยแผลเป็นที่เท้าของท่านเลือนหายไปหรือไม่?” เฟิ่งชิงเฉินถามกลับโดยไม่ตอบคำถาม เท้าของตงหลิงจื่อลั่วที่เคยได้รับบาดเจ็บนั้นนางเป็นคนเย็บแผลด้วยตัวเอง

“ไม่ เพียงจางลงเล็กน้อยเท่านั้น” ตงหลิงจื่อลั่วตอบตามความจริง เขาเข้าใจความหมายของเฟิ่งชิงเฉินและยิ่งรู้สึกปวดใจแทนนาง

“นั่นสินะ ขนาดยาในวังไม่มีทางทำให้ผิวกลับมาเป็นเหมือนเดิม แล้วชิงเฉินจะทำได้อย่างไร” นี่ไม่ใช่การดูถูกตัวเอง แต่นางไม่มีความสามารถนั้นจริงๆ

ในยุคปัจจุบัน รอยแผลเป็นเหล่านี้ก็กำจัดได้ยาก ด้วยอุปกรณ์ความงามระดับไฮเอนด์ รอยเหล่านี้อาจจางลงได้ภายในสามถึงห้าปี แต่การกำจัดออกไปจนหมดนั้นไม่ง่ายเลย ในสมัยโบราณยิ่งไม่ต้องพูดถึง

อุปกรณ์ในกระเป๋าเครื่องมือแพทย์อัจฉริยะส่วนใหญ่เป็นอุปกรณ์ทางการแพทย์ ไม่มีอุปกรณ์ความงามสำหรับลบรอยแผลเป็นเลย

รอยตะขาบรอบคอของนางจะอยู่กับนางไปจนกว่ามันจะจางหายไปเอง

ตงหลิงจื่อลั่วพูดไม่ออก สายตาของเขาดูเห็นใจนางยิ่งกว่าเดิม เขาเปิดปากจะบอกให้นางไม่ต้องกังวล เขาจะไม่รังเกียจนาง แต่… เมื่อเหลือบมองพวกหย่งอ๋องและคนอื่นๆ แล้ว ตงหลิงจื่อลั่วก็กลืนคำพูดของเขากลับไป

เรื่องบางเรื่องไม่จำเป็นต้องพูดออกมาเป็นคำพูด เพียงแค่ทำไปอย่างเงียบๆ ก็พอแล้ว หลังจากที่เขากลับวังไปแล้ว เขาจะขอเสด็จพ่อของเขาแต่งงานกับนาง เขาจะแต่งนางเป็นชายารอง ครั้งนี้นางคงจะไม่ปฏิเสธ…

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *