นางสนมแพทย์อัจฉริยะบทที่ 407 หาสามี ใครจะกล้าแต่งกับเจ้า

Now you are reading นางสนมแพทย์อัจฉริยะ Chapter บทที่ 407 หาสามี ใครจะกล้าแต่งกับเจ้า at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

บทที่ 407 หาสามี ใครจะกล้าแต่งกับเจ้า
เป็นไปตามที่เฟิ่งชิงเฉินต้องการ เพียงแค่ซูเหวินชิงออกจากจวนของนางไป เสด็จอาเก้าก็ได้รับข่าวว่านางกำลังจะหาสามี เรื่องใหญ่ขนาดนี้ไม่มีกล้าปิดบัง

“สามี? เฟิ่งชิงเฉินช่างกล้าคิด มิเสียทีที่เป็นถึงบุตรีแห่งแม่ทัพเฟิ่ง เพียงช่วงเวลาสั้นๆ นางก็คิดวิธียิงธนูนัดเดียวได้นกสองตัวได้”

เสด็จอาเก้านั่งอยู่ในห้องโดยหันหลังให้แสงสว่าง คนที่รายงานด้านล่างไม่เห็นสีหน้าของเขา แต่จากน้ำเสียงของเสด็จอาเก้า ชายชุดดำสามารถได้ยินถึงความไม่พอใจจึงรีบคุกเข่าลงด้วยเสียงอันดังก้อง

“แม่นางเฟิ่งบอกว่าภายในสามวัน ถ้านางไม่ได้รับโฉนดที่ดินของจวนเฟิ่งคืน นางจะหาสามีสืบทอดบรรดาศักดิ์โหวพ่ะย่ะค่ะ”

“บรรดาศักดิ์จงอี้โหวหรือ? ข้าลืมเรื่องนี้ไปเสียแล้ว” เสด็จอาเก้ากล่าวอย่างเชื่องช้า ในความสง่างามนั้นมีแววเฉื่อยชา ดูไม่กังวลและไม่แยแส ผู้ที่รู้จักเขาดีจะเข้าใจดีว่านี่เป็นสัญญาณความโกรธของเสด็จอาเก้า

ในโลกนี้มีผู้คนไม่มากนักที่สามารถทำให้เขาโกรธได้ เฟิ่งชิงเฉินนับเป็นอีกหนึ่งคน

ชายชุดดำคุกเข่าอยู่กับพื้นนิ่ง เขารู้ว่าเสด็จอาเก้าไม่เคยระบายโทสะกับผู้ใด แต่สิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นได้เสมอ ห้องหนังสือเงียบสงัดทำให้ผู้คนรู้สึกอึดอัดและอยากจะหนีออกไป

แปะ แปะ… เสียงหยาดเหงื่อตกลงกระทบพื้นดังขึ้นในห้องหนังสือ ชายชุดดำคุกเข่าลงกับพื้น เขาพยายามจะยื่นมือออกไปปาดเหงื่อหลายครั้งแต่ก็ไม่กล้า ได้แต่คุกเข่าเหมือนรูปปั้นอยู่ที่นั่นรอให้เสด็จอาเก้าเอ่ยปาก

“ใครเป็นคนปล่อยข่าว?” จู่ๆ เสด็จอาเก้าก็ถามขึ้นมาหนึ่งประโยค ชายชุดดำนิ่งอึ้งไปครู่หนึ่ง จากนั้นจึงค่อยเข้าใจสิ่งที่เสด็จอาเก้าเอ่ยถาม เขานึกย้อนไปถึงการกระทำของเฟิ่งชิงเฉินในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาและกล่าวประเด็นที่น่าสงสัยขึ้นมา “แม่นางเฟิ่งไปที่จวนลู่และพบท่านชายตี๋ระหว่างทาง ส่วนพวกเขาพูดคุยอะไรกันนั้น ข้าน้อยไม่ทราบพ่ะย่ะค่ะ”

“ลู่เส้าหลินหรือ? เขายังไม่มีความกล้าเช่นนั้น ตี๋ตงหมิง ดูเหมือนว่าท่านชายซื่อจื่อจะว่างงานเกินไป” เสด็จอาเก้าตัดสินใจเลือกผู้ต้องสงสัยอย่างง่ายดาย อันที่จริงการหาตัวผู้ปล่อยข่าวในเวลานี้ไม่สำคัญ ที่สำคัญคือเขาต้องการหาคนมาระบายความโกรธ ตี๋ตงหมิงเป็นทางเลือกที่ไม่เลวเลย

เสด็จอาเก้ายืนขึ้น แรงกดดันมหาศาลก็ตามมา เหงื่อที่หน้าผากของชายชุดดำหยดเร็วขึ้นและเร็วขึ้น เขาแอบบ่นในใจว่าข่าวต่อไปที่เกี่ยวข้องกับเฟิ่งชิงเฉิน ต่อให้ตายอย่างไรเขาก็จะไม่มารายงานด้วยตนเองอีก

“หาเรื่องให้ท่านชายตี๋ทำหน่อย” เสด็จอาเก้าเดินออกไปจากห้องหนังสือและสั่งยามเดินผ่านชายชุดดำ

“พ่ะย่ะค่ะ” ชายชุดดำยืนขึ้นและจากไปด้วยความเคารพ

“เตรียมเกี้ยว ข้าจะออกจากจวน”

เขาอยากจะเห็นว่าเฟิ่งชิงเฉินรู้มากแค่ไหนถึงได้กล้าใช้เรื่องการหาสามีมาขู่เข็ญเขา เห็นทีนางจะมีชีวิตอยู่จนเบื่อแล้ว

ท่านแม่พูดถูก หากไม่เลี้ยงผู้หญิงให้สุขสบายพวกนางก็จะกำเริบเสิบสาน เฟิ่งชิงเฉินช่างบังอาจนักถึงขั้นกล้าต่อรองกับเขา ต่อรองก็ไม่เป็นไร เขาไม่รังเกียจที่จะตามใจนาง แต่นางกลับเสนอเรื่องหาสามีเช่นนี้

เฮอะ… นางคิดออกเรือนก็ต้องดูด้วยว่ามีใครกล้าแต่งกับนางหรือไม่

ยามปกติเสด็จอาเก้าก็เย็นชาอยู่แล้วด้วยท่าทางถือตัวและผลักผู้คนออกไปเป็นพันลี้ วันนี้เขาเป็นเพียงก้อนน้ำแข็งเคลื่อนที่ได้ เขาไปที่ใด ไอเย็นก็แผ่กระจายไปที่นั่น

ขันทีคนสนิทก็กลัวเกินกว่าจะก้าวไปข้างหน้า กลัวว่าตัวเองจะถูกแช่แข็ง ดังนั้นเขาจึงวิ่งเหยาะๆ ไปเพื่อเตรียมเกี้ยวเฉพาะของชินอ๋อง เมื่อรอจนเสด็จอาเก้ามาถึงประตู คนแบกเกี้ยวและองครักษ์ก็แทบจะเกือบพันคน

นี่เป็นความเอิกเกริกยามที่ชินอ๋องออกไปข้างนอก ยามปกติเสด็จอาเก้าไม่ค่อยได้ใช้ วันนี้เขาเอามันมาใช้เป็นพิเศษเพื่อให้เฟิ่งชิงเฉินเข้าใจว่าในตงหลิงนี้ หากนางจะแต่งงานก็ต้องดูก่อนว่าเขาเห็นด้วยหรือไม่

ยายผู้หญิงโง่ เพียงแค่มาที่จวนอ๋องเก้าเพื่อขอร้องเขาสักครั้งมันยากนักหรือ?

เขาแค่ต้องการให้เฟิ่งชิงเฉินมาหาเขาที่จวนอ๋องเก้าก่อนเท่านั้นเอง คิดว่าเขาจะกินหัวนางหรืออย่างไร ระหว่างที่นั่งอยู่บนเกี้ยว เขายิ่งคิดก็ยิ่งโมโห

นางขอร้องคนอื่นได้ แต่กลับไม่ยอมขอร้องเขา มีเรื่องอะไรก็เอาแต่ไปหาวจล แต่ไม่เคยคิดถึงเขาเลย ไม่มาขอร้องเขาก็ช่างเถอะ แต่นี่นางกลับจะกล่าวประกาศหาสามีอย่างง่ายดาย เรื่องเช่นนี้พูดเล่นได้หรือ?

จากเขตตะวันออกจนถึงเขตตะวันตกของเมืองหลวง ถนนสายนี้ไม่ถือว่าสั้นนัก เสด็จอาเก้าเสด็จออกมาอย่างเอิกเกริกดึงดูดความสนใจจากผู้คนมากมาย หลายคนส่งคนไปคอยติดตามไปเพื่อดูว่าเสด็จอาเก้าจะไปที่ใด

เฟิ่งชิงเฉินได้ข่าวว่าเสด็จอาเก้ากำลังจะเสด็จมาก่อนหนึ่งก้าวจึงได้นำคนทั้งจวนเฟิ่งออกไปคุกเข่ารอต้อนรับ ช่วยไม่ได้ เขาเป็นถึงชินอ๋อง ที่นางออกไปคุกเข่ารอต้อนรับเป็นเพียงกฎพื้นฐาน หากไม่ใช่เพราะเสด็จอาเก้าเสด็จมาอย่างกะทันหัน นางจะต้องจุดเครื่องหอม ชำระล้างร่างกายและจัดจวนใหม่เพื่อรอต้อนรับเสียด้วยซ้ำ

“มาเร็วจริงๆ นี่คือแสดงความน่าเกรงขามออกมาให้ข้ากลัวหรือ” เฟิ่งชิงเฉินรู้ว่าไม่ควรไปยั่วโมโหเสด็จอาเก้า เมื่อเช้านางจึงได้บอกว่าภายในสามวัน ถ้านางไม่ได้รับโฉนดที่ดินของจวนเฟิ่งมา นางจะประกาศหาสามี ในตอนบ่ายเสด็จอาเก้าก็มา

ตอนแรกนางเพียงคาดเดาว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับเสด็จอาเก้า แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าโฉนดที่ดินของจวนเฟิ่งจะเป็นฝีมือของเสด็จอาเก้าโดยสมบูรณ์

เฟิ่งชิงเฉินคุกเข่าอยู่นอกห้องและเห็นทหารม้าสูงใหญ่กำลังเปิดทาง ข้างหลังพวกเขามีกลุ่มทหารพกอาวุธ ตรงกลางมีชายฉกรรจ์แปดคนหามเกี้ยว ช่างสง่างามเหลือเกิน ไปที่แห่งหนใดเหล่าราษฎรก็คุกเข่าลงคำนับ

เฟิ่งชิงเฉินก้มศีรษะคำนับอย่างยอมรับในชะตาชีวิต เมื่อขันทีประกาศ เฟิ่งชิงเฉินก็นั่งอยู่บนพื้น “ขอให้ท่านอ๋องทรงพระเจริญพันปี พันปี พันพันปี”

เฟิ่งชิงเฉินไม่ได้ยินคำว่า “ลุกขึ้นเถอะ” เพียงแต่รู้สึกว่าเสื้อคลุมสีดำเข้มหยุดอยู่ด้านหน้าของนางครู่หนึ่ง จากนั้นก็ขยับไปตามด้วยเสียงฝีเท้าอันดังก้อง องครักษ์ของเสด็จอาเก้าทำให้จวนเล็กๆ ในเขตตะวันตกของนางแน่นขนัดไปในทันที

เมื่อรอจนคนและม้าของจวนอ๋องเก้าทั้งหมดเข้ามาแล้ว พวกเฟิ่งชิงเฉินก็ลุกขึ้นยืนได้ “การแสดงแสนยานุภาพนี้ยิ่งใหญ่นัก”

เฟิ่งชิงเฉินส่ายหัว เสด็จอาเก้าเคยเสด็จมาที่จวนเฟิ่งมาหลายครั้งแล้วและทุกครั้งเขาก็มักจะมาอย่างสมถะ วันนี้การมาเยี่ยมจวนหลังเล็กที่นางอาศัยอยู่ชั่วคราวนั้นกลับเอิกเกริกเสียเหลือเกิน ไม่ใช่เพราะอยากจะแสดงแสนยานุภาพให้นางดูหรือ หรือว่าเสด็จอาเก้ากลัวการทิ้งระเบิดของราชสำนักจึงได้ปรากฏตัวอย่างเปิดเผยและสมเกียรติเพื่อไม่ให้ฝ่ายตรวจการจับผิดเขาได้?

เฟิ่งชิงเฉินหัวเราะ ถ้านางจำไม่ผิด ถัดจากจวนหลังเล็กที่นางอยู่ไปอีกสามถนนก็จะเป็นที่ตั้งของฝ่ายตรวจการชื่อดัง ที่นั่นมีใต้เท้าฝ่ายตรวจการอาศัยอยู่ไม่น้อย ไม่รู้ว่าพวกเขากล้าเขียนหรือไม่ แต่เดาว่าพวกเขาคงไม่มีความกล้าถึงเพียงนั้น วิธีการของเสด็จอาเก้าโหดร้ายจริงๆ

อย่างไรก็ตาม เฟิ่งชิงเฉินรู้ว่าใต้เท้าฝ่ายตรวจการคนแรกที่ถวายฎีกาโจมตีเสด็จอาเก้าผู้นั้น ไม่ถึงสามวันก็ถูกฟ้องกลับว่าเขาข่มขืนลูกสะใภ้ อีกทั้งยังมีพยานและหลักฐานแน่นหนา

เหอะๆ ถูกคนฉีกหน้าเสียตรงนั้น คิดว่าเป็นเรื่องบังเอิญหรือไม่? บังเอิญจนเฟิ่งชิงเฉินรู้สึกเย็นเยียบ วิธีการตลบหลังของเสด็จอาเก้านั้นน่ากลัวอย่างยิ่ง

เฟิ่งชิงเฉินส่ายหัวและเดินไปยังห้องโถงอย่างเชื่องช้า ในเมื่อนางเปิดเรื่องไว้แล้วก็ไม่จำเป็นต้องถอยกลับ เสด็จอาเก้ามาหานางอย่างรวดเร็วเช่นนี้แสดงว่าเขาใส่ใจเรื่องการประกาศหาสามีของนาง นี่คือจุดที่นางจะใช้ต่อรอง นางต้องใช้มันให้คุ้มค่า เสด็จอาเก้าจะต้องพ่ายแพ้

ก่อนหน้านี้มีแต่เสด็จอาเก้าใช้ประโยชน์จากความรู้สึกของนาง ตอนนี้ลมก็แค่เปลี่ยนทิศ หากนางจะใช้ประโยชน์บ้างสักครั้งก็ไม่เห็นเป็นอะไร เฟิ่งชิงเฉินไม่รู้สึกผิดเลย สมน้ำหน้าเสด็จอาเก้าแล้ว!

“คารวะเสด็จอาเก้า ขอจงทรงพระเจริญพันปี พันปี พันพันปี” หลังจากที่เฟิ่งชิงเฉินเข้ามา นางก็คุกเข่าคารวะตามธรรมเนียม นางไม่ใช่คนเดิมในตอนแรกที่แสดงความไม่พอใจอยู่ในสีหน้าอย่างชัดเจนผู้นั้นอีกต่อไป การก้มศีรษะลงทำให้ไม่มีใครเห็นสีหน้าของนาง

ในความเป็นจริงนางไม่ได้ไม่พอใจ วันนี้นางอารมณ์ดีมาก เมื่อนางนึกถึงโฉนดที่ดินของจวนเฟิ่งที่กำลังจะหวนคืนสู่มือนางแล้วก็ยิ่งรู้สึกว่าการคำนับในตอนนี้คุ้มค่าอย่างยิ่ง

ยิ่งเสด็จอาเก้าโกรธจัด นางก็ยิ่งมีความสุขมากขึ้นเท่านั้น

เสด็จอาเก้าไม่ได้มองเฟิ่งชิงเฉินแต่กับโบกมือให้ผู้ที่อยู่ด้านข้าง “ออกไปก่อน”

“พ่ะย่ะค่ะ” ห้องโถงที่พลุกพล่านไปด้วยผู้คนว่างเปล่าในทันที มีเพียงเสด็จอาเก้า เฟิ่งชิงเฉินและสาวใช้สองคนที่อยู่ข้างหลังนางเท่านั้น

“พวกเจ้าก็ออกไปก่อน” เสด็จอาเก้าสั่งอย่างเย็นชาด้วยน้ำเสียงน่าเกรงขามอันไม่สามารถขัดขืนได้ ทงเหยาและทงจือนับว่าตนเองพอมีความรู้อยู่บ้าง แต่ยามนี้พวกนางก็ยังรู้สึกหวาดกลัว

“แม่นาง?” สาวใช้ทั้งสองถามความคิดเห็นของเฟิ่งชิงเฉินเบาๆ พวกเขาเป็นสาวใช้ของเฟิ่งชิงเฉิน ดังนั้นพวกเขาจึงเชื่อฟังเฉพาะคำสั่งของเฟิ่งชิงเฉินเท่านั้น ตราบใดที่เฟิ่งชิงเฉินไม่ได้เอ่ยปาก พวกเขาแม้ตายก็ไม่ออกไป

“ไปเถอะ” เฟิ่งชิงเฉินไม่กังวล นางแน่ใจว่าเสด็จอาเก้าจะไม่ทำอะไรนาง เขามาอย่างดุดันแล้วอย่างไร หากเสด็จอาเก้าจะทำอะไรนางจริงๆ ย่อมไม่เปิดเผยต่อผู้คนแน่

“เจ้าค่ะ” ทงจือและทงเหยาก้าวถอยหลังอย่างเชื่อฟัง เมื่อทุกคนออกไปแล้ว เสด็จอาเก้าจึงเอ่ยขึ้นอย่างไม่ช้าไม่เร็ว “ลุกขึ้นเถอะ”

“ขอบพระทัยเพคะ” เฟิ่งชิงเฉินลุกขึ้นและยืนอยู่ด้านหน้าเสด็จอาเก้าด้วยท่าทางเชื่อฟัง ดูอย่างไร… ก็ปลอมทั้งนั้น

แม้ว่าเสด็จอาเก้าจะไม่ได้แสดงสีหน้าอะไรออกมา แต่ในใจเขาก็โกรธ เดิมคำพูดที่จะบอกให้นางนั่งลงจึงเปลี่ยนเป็น “ข้าได้ยินมาว่าเจ้าจะประกาศหาสามีหรือ?”

“เพคะ”

“ถูกใจคุณชายตระกูลไหนเข้าล่ะ?” ข้าจะไปฆ่าเขา

“ข้ากำลังเตรียมจะดูตัว หากในเมืองหลวงไม่มีคนที่เหมาะสม ข้าก็จะออกไปหาที่นอกเมือง” เฟิ่งชิงเฉินตอบอย่างใจกว้างและไม่ได้มีความเขินอายเหมือนสตรีทั่วไปราวกับไม่ได้พูดถึงเรื่องแต่งงานของตนเอง

“เป็นความคิดที่ใหญ่นัก” คำพูดของเสด็จอาเก้าฟังดูเหมือนเป็นการชมเชย แต่แท้จริงแล้วเป็นการเสียดสี เฟิ่งชิงเฉินเพียงแสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน นางพูดกึ่งเย้ยหยันกึ่งทอดถอนใจ “ไม่มีบิดามารดาคอยจัดการให้ ข้าจึงต้องลำบากหน่อย เสด็จอาเก้าคงเข้าใจดี”

เฟิ่งชิงเฉินยิ่งอยากจะบอกว่านางเป็นเด็กกำพร้า จะหาเรื่องนางไปไย ถ้าไม่ใช่เพราะเขา นางก็คงจะไม่ต้องคิดเรื่องเช่นนี้

“เข้าใจหรือ? ข้าต้องเข้าใจอะไร? เฟิ่งชิงเฉิน เจ้ารีบเลิกคิดเรื่องเหลวไหลเหล่านี้เสีย หากไม่มีคำอนุญาตจากข้า เจ้าห้ามแต่งงาน!” เสด็จอาเก้ารู้ว่าเขาเริ่มเรื่องนี้ก่อน แต่จะให้เขายอมรับน่ะหรือ ไม่มีทาง!

วิธีแก้ปัญหาเรื่องนี้ง่ายนิดเดียว เพียงแค่เฟิ่งชิงเฉินไปที่จวนอ๋องเก้าและเอ่ยปากขอร้องเขา เขาจะยังสามารถปล่อยให้นางลำบากได้อีกหรือ แต่ผู้หญิงคนนี้ที่ขอร้องทุกคนแต่กลับไม่ขอร้องเขาหรือแม้กระทั่งไม่แม้แต่จะคิดเอ่ยถามเขา

จวนขุนนาง จวนขุนนาง ในแคว้นตงหลิงนี้นอกจากจักรพรรดิแล้ว ยังมีใครอีกที่สามารถเปลี่ยนเจ้าของจวนขุนนางได้? แน่นอนว่าย่อมเป็นเขา แต่เฟิ่งชิงเฉินกลับมองไม่เห็น เสด็จอาเก้าโกรธมาก

ผู้หญิงคนนี้ไม่เคยนึกถึงเขาเลย ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น นางก็ไม่เคยนึกถึงเขาเลย

เสด็จอาเก้าไม่รู้ว่านางสามารถก้มศีรษะขอร้องใครสักคนได้ก็ต่อเมื่อไม่มีหนทางอื่นแล้ว มิฉะนั้นนางไม่มีทางไปขอร้องชายในดวงใจของนางแน่ การคุกเข่าให้เพื่อผลประโยชน์ต่อหน้าคนที่นางชอบแล้ว ความอับอายเช่นนั้นจะทำให้นางไม่อาจเงยหน้าขึ้นได้อีก

“การแต่งงานเป็นเรื่องของข้า ประการแรกเสด็จอาเก้าไม่ใช่บิดามารดาของข้าและประการที่สองท่าน ไม่ใช่พี่ชายของข้า ข้าจะแต่งหรือไม่แต่ง เสด็จอาเก้าก็เข้ามายุ่งไม่ได้” เฟิ่งชิงเฉินไม่ยอมถอยแม้เพียงครึ่งก้าว ยามนี้หากใครยอมถอยก่อน ผู้นั้นก็จะเป็นฝ่ายแพ้…

บทที่ 406 อดทน ใครร้อนใจก่อนผู้นั้นเป็นฝ่ายแพ้

บทที่ 408 คิดคำนวณ เสด็จอาเก้าพ่ายแพ้ราบคาบ

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *