นางสนมแพทย์อัจฉริยะบทที่ 565 เสร็จสิ้น อย่าหาว่าข้ารักษาไม่ดี

Now you are reading นางสนมแพทย์อัจฉริยะ Chapter บทที่ 565 เสร็จสิ้น อย่าหาว่าข้ารักษาไม่ดี at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

นางสนมแพทย์อัจฉริยะ บทที่ 565 เสร็จสิ้น อย่าหาว่าข้ารักษาไม่ดี
ตงหลิงจื่อลั่วและองค์ชายคนอื่นๆ แม้จะไม่ลงรอยกันเท่าไรนักกับองค์รัชทายาท พวกเขาต่อสู้กันภายใน แต่เมื่อไหร่ที่มีศัตรูมาจากด้านนอก แน่นอนว่าองค์ชายทั้งหลายจะต้องรวมตัวกันและต่อสู้ จะไม่ให้ขายหน้าราชวงศ์ตงหลิงอย่างแน่นอน……

“ท่านเจ้าเมืองเย่ การที่คุณชายเย่นำงูตัวยักษ์ไปที่โรงเลี้ยงสัตว์หลวง ราชวงศ์ตงหลิงของเรายังไม่ได้คิดบัญชีกับท่านเลย แต่ท่านกลับมาคิดบัญชีกับพวกเราเสียก่อน ท่านเจ้าเมืองเย่ ท่านคงไม่ได้คิดว่าด้วยตัวตนของท่านซึ่งเป็นเพียงแค่เจ้าเมืองจะสามารถทำอะไรก็ได้ในราชวงศ์ตงหลิงเราใช่หรือไม่?”

จะสูญเสียอะไรก็ไม่อาจสูญเสียหน้าตาไปได้ ท่านเจ้าเมืองเย่ ได้ตะโกนว่าจะฆ่าฟันเฟิ่งชิงเฉินต่อหน้าต่อตาพวกเขาทั้งหลาย ไม่เห็นพวกเขาในสายตาเอาเสียเลย

จะตีหมาควรดูเจ้านายด้วย อีกอย่างนางเป็นคน ต่อให้นางเป็นเช่นไรนางก็เป็นบุตรสาวของผู้ที่จงรักภักดีต่อองค์จักรพรรดิ ไม่ใช่สตรีที่ท่านเจ้าเมืองเย่กล่าวว่าอยากจะฆ่าฟันเมื่อไหร่ก็ได้

“เอาเถิด เยี่ยมนัก! องค์รัชทายาทแห่งตงหลิงและองค์ชายท่านอื่นๆ พวกท่านช่างพูดเสียจริง บุตรชายของข้าเกิดอุบัติเหตุเช่นนี้ขึ้นในพระราชวังตงหลิงของพวกท่าน พวกท่านยังมากล่าวหาบุตรชายข้าอีก หว่านหว่านถูกสตรีในเมืองตงหลิงของท่านทำให้เสียโฉมเช่นนี้ พวกท่านไม่ไปตำหนิผู้ร้าย กลับมากล่าวหาว่าพวกเราไร้มารยาท!”

“ราชวงศ์ตงหลิงของท่านรังแกกันเกินไปแล้ว เรื่องราวที่เกิดขึ้นในโรงเลี้ยงสัตว์หลวงข้าไม่รู้เรื่องใดด้วย ดังนั้นจึงไม่มีสิทธิ์จะแสดงความคิดเห็น แต่เรื่องราวที่เกิดขึ้นในวันนี้ ที่จริงข้าก็พอจะรู้อยู่บ้างว่าราชวงศ์ตงหลิงของพวกท่านมีความถนัดนักที่จะเอ่ยโทษคนอื่น ผลักดันความรับผิดชอบ เฟิ่งชิงเฉินทำร้ายร่างกายผู้อื่นต่อหน้าทุกคน ไม่ว่าจะเป็นหลักฐานหรือพยานก็พร้อมครบ แต่พวกท่านยังเข้าข้างนาง ความสามารถขององค์รัชทายาทตงหลิงและองค์ชายอื่นๆ เป็นเช่นไร วันนี้ข้าพอจะมองออกแล้ว!” ท่านเจ้าเมืองเย่โมโหโกรธจัด เขาไม่คิดว่าตนจะกลายมาเป็นเป้าหมายการวิพากษ์วิจารณ์ในที่สาธารณะเช่นนี้ อีกทั้งยังถูกองค์รัชทายาทกับองค์ชายของราชวงศ์ตงหลิงโจมตี

ซูหว่านที่อยู่ด้านข้างกังวลจนแทบจะเป็นบ้า เมื่อพบว่าทั้งสองคนได้แต่ถกเถียงกันไปมาไม่รู้จบ นางก็ได้รีบเอื้อมมือไปดึงแขนเสื้อท่านเจ้าเมืองเย่ “ท่านลุงเจ้าคะ ใบหน้าของหว่านหว่านเจ็บยิ่งนัก ท่านลุงให้หว่านหว่านไปหาหมอก่อนดีหรือไม่เจ้าคะ หว่านหว่านไม่อยากจะกลายเป็นคนขี้เหร่”

“เร็วเข้ารีบพาคุณหนูไปหาหมอ” ท่านเจ้าเมืองเย่ตอบรับแล้วละสายตากลับมา มองดูนางด้วยความกังวลใจ

บ่าวรับใช้รีบเข้ามาพยุงเฟิ่งชิงเฉินแล้วพาออกไปข้างนอก ซูหว่านจึงได้ถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก

มองดูแล้วนางคงคิดมากไปเอง เฟิ่งชิงเฉินไม่รู้เรื่องอะไรเลยด้วยซ้ำ แต่เมื่อนางเพิ่งจะเดินไปได้สามเก้าก็ถูกคนรั้งเอาไว้

“ตี๋ตงหมิง จงรั้งซูหว่านเอาไว้ อย่าให้นางเดินทางออกไปและอย่าให้คนอื่นๆ ออกไปจากที่นี่ เฟิ่งชิงเฉินกล่าวออกมาโดยไม่ได้แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นในขณะที่ซูหว่านกำลังจะจากไป

นางสามารถทำหลายอย่างได้ในพริบตา เพียงแค่ตามปกตินางไม่ได้ทำก็เท่านั้น

ตี๋ตงหมิงไม่รู้ว่าเฟิ่งชิงเฉินกำลังจะทำสิ่งใดต่อไป แต่เขาก็ทำตามคำสั่งของเฟิ่งชิงเฉินโดยไร้เงื่อนไข

เสด็จอาเก้าได้กำชับเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว ตั้งแต่ตอนที่อยู่ในสวนจิ้งชิวว่าตี๋ตงหมิงจะต้องทำตามที่เฟิ่งชิงเฉินสั่งทุกประการ ต่อให้นางสั่งให้ฆ่าองค์รัชทายาท เขาก็จะเปลี่ยนไปฆ่าลั่วอ๋องไม่ได้

“คุณหนูซูหว่านโปรดหยุดก่อน!” ตี๋ตงหมิงตบไปที่ประตูดังปังเพื่อขวางเอาไว้

“ถอยไป!” ซูหว่านส่งสายตาไปทางบ่าวรับใช้ บ่าวรับชายก้าวมาข้างหน้า แต่น่าเสียดายที่ตี๋ตงหมิงไม่สนใจ เขากลับต่อยบ่าวรับใช้ผู้นั้นจนล้มลงเพียงหมัดเดียว เป็นการยืนยันว่าไม่ให้ซูหว่านเดินทางไป

บ่าวรับใช้ไม่สามารถจัดการได้ ซูหว่านจึงจำเป็นต้องลงมือเอง “เฟิ่งชิงเฉิน เจ้ารังแกกันเกินไปแล้ว เจ้าทำร้ายให้ข้าต้องเสียโฉมแล้วยังอยากจะทำสิ่งใดอีก ต้องการทำร้ายข้าอีกงั้นหรือ เจ้ายังทำร้ายข้าไม่พอหรือไร?”

น้ำตาและเลือดของนางแปดเปื้อนลงมาบนใบหน้า ท่าทางซูหว่านน่าสังเวชยิ่งนัก ประกอบกับข้อกล่าวหาของนางทำให้ผู้คนโดยมากล้วนเชื่อว่าเฟิ่งชิงเฉินกำลังกลั่นแกล้งผู้อื่น

“เฟิ่งชิงเฉิน เจ้าอย่าคิดว่าที่นี่คือราชวงศ์ตงหลิง มีองค์รัชทายาทและองค์ชายคอยสนับสนุนเจ้าแล้วข้าจะทำสิ่งใดเจ้าไม่ได้ เจ้าทำผิดก่อน เรื่องนี้ไม่ว่าจะเป็นเช่นไร ล้วนเป็นความผิดของเจ้า” ท่านเจ้าเมืองเย่ก็รู้สึกโมโหยิ่งนักและสั่งให้ตี๋ตงหมิงถอยไป แต่ถึงอย่างไรตี๋ตงหมิงก็ไม่ยอมแล้วต้องการจะลงไม้ลงมือ หยุนเซียวจงลุกขึ้นยืนรั้งเอาไว้ที่ตรงหน้าเขา “ท่านเจ้าเมืองเย่ หากข้าเป็นท่านข้าจะไม่ทำเช่นนี้”

นี่ถือว่าเป็นคำเตือน และเป็นคำเกลี้ยกล่อม

“หยุนเซียว เจ้าก็ช่วยนางด้วยงั้นหรือ!” ท่านเจ้าเมืองเย่ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าหยุนเซียวที่มักอยู่อย่างสันโดษมาตลอดไม่เคยใส่ใจเรื่องชีวิตของผู้อื่น บัดนี้กลับออกมาช่วยเหลือเฟิ่งชิงเฉิน

ตระกูลหยุนตกต่ำเช่นนี้เลยหรือไร เพียงเพื่อสตรีนางหนึ่งที่ไร้อำนาจไร้ชื่อเสียง นางเพียงแค่มีวิชาทักษะการรักษาผู้คนเล็กน้อย และทำให้เขาผู้นี้กล้าจะเป็นศัตรูกับตน

“ท่านเจ้าเมืองเย่ไม่ใช่ว่าข้ากำลังช่วยเฟิ่งชิงเฉิน ข้ากำลังช่วยท่านต่างหาก ที่นี่คือราชวงศ์ตงหลิง หรือกล่าวได้อีกนัยหนึ่งว่าต่อให้เขาตายอยู่ที่นี่ เมืองเย่ก็ไม่อาจทำอะไรราชวงศ์ตงหลิงได้ อย่างมากก็เพียงแค่ส่งทหารสองสามนายมาเพื่อระบายความโกรธ”

“แล้วจะทำอย่างไร เจ้าคิดว่าข้ากลัวหรือ?” จักรพรรดิแห่งราชวงศ์ตงหลิงไม่อาจเสียหน้าและศักดิ์ศรีไปได้ง่ายๆ แล้วเกียรติและศักดิ์ศรีของท่านเจ้าเมืองเย่ จะให้ใครมาเหยียบย่ำทำลายได้ง่ายๆ อย่างนั้นหรือ “ทหาร!”

“ฉับ……!” เมื่อเสียงดาบดังขึ้นภายในสวนจิ้งชิว ก็มีองครักษ์บุกเข้ามา ดาบจี้ไปที่องค์รัชทายาท ลั่วอ๋องและคนอื่นๆ รอเพียงแค่ท่านเจ้าเมืองเย่ออกคำสั่ง พวกเขาก็จะลงมือทันที และท่าทางเช่นนี้ดูเหมือนจะปล้นพระราชวังอย่างไรอย่างนั้น

องค์รัชทายาทและองค์ชายคนอื่นๆ กลับดูไม่ตื่นตระหนกแม้แต่น้อย ท่านเจ้าเมืองเย่คงไม่ได้โง่เสียจนคิดว่าพวกเขาทั้งหลายเดินทางมาที่สวนจิ้งชิวโดยไม่มีกองกำลังคุ้มกันอย่างนั้นสินะ?

ในมือท่านเจ้าเมืองเย่มีทหารอยู่ องครักษ์ของพวกเขาก็ไม่ใช่กินมังสวิรัติ เพียงแค่พวกเขารู้สึกรังเกียจที่จะลงมือจัดการกับคนเหล่านี้

ซูหว่านเห็นสถานการณ์เช่นนั้นก็รู้สึกเป็นกังวลใจมากยิ่งขึ้น นางคิดไม่ถึงว่าเรื่องราวจะเป็นมาเช่นนี้ที่ยิ่งหวานยิ่งเลวร้ายลงเรื่อยๆ นางต้องการใช้โอกาสนี้ในการหลบหนี แต่ตี๋ตงหมิงก็ทำตามคำสั่งของเฟิ่งชิงเฉินอย่างไม่ประนีประนอม แม้จะรายล้อมไปด้วยผู้คนแต่เขาก็ไม่ได้ผ่อนคลายที่จะปล่อยให้ซูหว่านออกไปข้างนอกเลย

“ท่านลุง เฟิ่งชิงเฉินต้องใจจะทำลายข้า” ซูหว่านไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากขอให้ท่านเจ้าเมืองเย่เป็นคนช่วย

บัดนี้ท่านเจ้าเมืองเย่อยู่บนหลังเสือก็ยากที่จะลง เขารู้สึกโมโหยิ่งนักจึงได้ตะโกนเรียกทหารให้เข้ามา แต่หากจะเผชิญหน้ากันจริงๆ แน่นอนว่าเขาต้องสูญเสียมากกว่า เมื่อพบว่าซูหว่านร้องไห้เข้ามาให้ตนช่วย เจ้าเมืองเย่จึงได้ใช้โอกาสนี้ในการถอยหลังออกไปหนึ่งก้าว

“องค์รัชทายาทและองค์ชายทั้งหลาย ขอโปรดอนุญาตให้หลานสาวของข้าไปรับการรักษาเถิด” ไม่ว่าจะเป็นการเชิญหมอมาที่นี่หรือให้นางไปหาหมอล้วนไม่สำคัญ ที่สำคัญก็คือศักดิ์ศรีของการต่อสู้ เพียงแค่ซูหว่านเดินทางออกจากที่นี่ไปอย่างราบรื่นนั่นก็หมายความว่าท่านเจ้าเมืองเย่ กำลังเป็นต่อ และองค์รัชทายาทพร้อมกับคนอื่นๆ ถอยหลังออกไปหนึ่งก้าว

องค์รัชทายาทก็ไม่อยากจะใช้กำลังต่อสู้กับท่านเจ้าเมืองเย่ ดังนั้นหลังจากที่พวกเขาทั้งหลายหันมามองหน้ากันก็เข้าใจได้ เสด็จพ่อกำลังพยายามที่จะเกลี้ยกล่อมทำดีกับเมืองเย่ ดังนั้นหากว่าปล่อยตัวซูหว่านไปก็นับว่าเป็นการบรรเทาความกังวลต่อกันและกัน ขณะที่องค์รัชทายาทตั้งใจจะพยักหน้าตอบรับ เฟิ่งชิงเฉินกลับกล่าวขึ้นมาว่า “องค์รัชทายาท จะปล่อยซูหว่านไปไม่ได้”

เฟิ่งชิงเฉินผูกปมผ่าตัดอย่างชำนาญ นางปล่อยให้ซุนซือสิงทำความสะอาดในตอนท้ายจากนั้นถอดถุงมือกับหน้ากากออกเดินตรงไปข้างกายของตี๋ตงหมิงที่รั้งอยู่ข้างหน้าซูหว่าน

“เฟิ่งชิงเฉิน บุตรชายของข้าเป็นเช่นไรบ้าง?” เมื่อเห็นเฟิ่งชิงเฉินปรากฏตัวขึ้น ท่านเจ้าเมืองเย่ก็เอ่ยถามด้วยความเป็นกังวล

เฟิ่งชิงเฉินเป็นคนที่มีหลักการและความรับผิดชอบ นางจะไม่ปล่อยเรื่องราวในมือไว้กลางทางอย่างแน่นอน ท่านเจ้าเมืองเย่คิดดังนั้นจึงรู้ว่าบุตรชายของตนไม่น่าจะเป็นอะไรแล้ว

“ท่านเจ้าเมืองเย่วางใจเถิด ชิงเฉินเป็นหมอที่มีจรรยาบรรณ ในเมื่อสัญญาแล้วว่าจะทำการรักษาคุณชายเย่ เฟิ่งชิงเฉินก็จะพยายามสุดความสามารถ บัดนี้คุณชายเย่จะไม่ตายอย่างแน่นอน แต่ในอนาคตเป็นอย่างไรชิงเฉินไม่อาจจะรับประกันได้” เฟิ่งชิงเฉินไม่ปิดซ่อนความดูหมิ่นที่มีต่อท่านเจ้าเมืองเย่ไว้เลยแม้แต่น้อย

ชายชราผู้น่าสมเพช เขารู้ว่านางมีความรับผิดชอบสูง และปฏิบัติต่อหน้าที่อย่างมีจรรยาบรรณจึงไม่ทำอันตรายเย่เย่เป็นแน่ จึงไม่รอให้เย่เย่ดีขึ้น เขาก็ได้เอ่ยว่าจะฆ่านาง หัวใจเขาทำด้วยอะไร ต่อจากนี้ถ้ามีคนตระกูลเย่มารับการรักษานางจะไม่รักษาให้อย่างเด็ดขาด

มีพ่อย่างไรก็มีลูกเช่นนั้น เย่เย่เป็นดังนี้ แต่แย่เชิงกลับยิ่งกว่า

ไม่ใช่ว่านางเอาแต่ใจตนเอง ละเลยหน้าที่ของหมอและไม่สนใจต่อความเจ็บปวดของคนไข้ แต่ว่าไปแล้วจิตใจช่างหนาวเหน็บ หมอก็เป็นคนเช่นกัน ขณะที่หมอต้องเผชิญหน้ากับศัตรูที่อยู่บนโต๊ะผ่าตัด ดังนั้นจึงจำเป็นต้องช่วยเหลือโดยไม่มีทางเลือก แต่หากมีทางเลือกล่ะก็นางคงจะไม่รับคนไข้คนนี้อย่างแน่นอน ……

“เฟิ่งชิงเฉินเจ้าหมายความว่าอย่างไร?” ท่านเจ้าเมืองเย่คิดว่าเฟิ่งชิงเฉินกำลังข่มขู่ ดังนั้นจึงรู้สึกไม่เกรงใจ

“ก็เพียงแค่ความหมายตรงไปตรงมากับที่พูด ท่านเจ้าเมืองเย่อย่าคิดมากไป สองคนพ่อลูกท่านเป็นเพียงแค่คนธรรมดา แต่เฟิ่งชิงเฉินไม่ใช่ ในเมื่อกล่าวแล้วว่าจะให้การรักษาต่อคุณชายเย่ก็จะไม่กลับคำ ส่วนสิ่งที่ข้าพูดนั้นท่านไม่เข้าใจก็สามารถลองถามคุณหนูซูหว่านดูได้ คาดว่านางคงจะเข้าใจดี” เฟิ่งชิงเฉินชี้ไปที่ปลายจมูกของซูหว่านด้วยแววตาอันเย็นชา ……

วันนี้นางจะไม่ปล่อยซูหว่านไปอย่างแน่นอน!

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *