นางสนมแพทย์อัจฉริยะบทที่ 707 มอบของขวัญคืน,อาวุธลับอาบยาพิษ

Now you are reading นางสนมแพทย์อัจฉริยะ Chapter บทที่ 707 มอบของขวัญคืนอาวุธลับอาบยาพิษ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

หนานหลิงจิ่นฝานเพิกเฉยต่อเจตจำนงของซีหลิงเทียนเหล่ย หลังจากกล่าวความคิดเห็นที่มีแก่จักรพรรดิตงหลิง เขาหันไปสังเกตท่าทางซึ่งเปลี่ยนไปของซีหลิงเทียนเหล่ย เมื่อเห็นใบหน้าอันมืดมน หนานหลิงจิ่นฝานขดริมฝีปากเป็นรอยยิ้ม

โอกาสอยู่ตรงหน้า ถ้าหากเขายังไม่คว้ามันไว้นั่นก็ดูจะโง่เขลาเกินไป หลานจิ่วชิง เจ้าอย่าโทษข้า ถ้าหากจะโทษก็ต้องโทษเจ้าที่เผยจุดอ่อนให้ข้าเห็นด้วยตัวเอง

ไม่สนใจใบหน้าอันเยือกเย็นของซีหลิงเทียนเหล่ย หนานหลิงจิ่นฝานยังคงใช้ทักษะอันโหดร้ายของเขาต่อไป แสร้งทำเป็นสงสัยแล้วกล่าวออกมาว่า “องค์รัชทายาทเหล่ย เจ้าคิดว่าเด็กในท้องของสนมเอกเซี่ยเป็นลูกของใคร? ตงหลิงไม่ได้กำเนิดองค์ชายมาหลายปีแล้ว แต่สนมเอกเซี่ยกลับตั้งท้องขึ้นมาอย่างกะทันหัน เด็กคนนั้นเป็นลูกของจักรพรรดิตงหลิงจริงอย่างนั้นหรือ?

อ้อ ใช่……ดูเหมือนว่าซีหลิงของพวกเจ้าเองก็มีนางสนมของจักรพรรดิผู้หนึ่งกล่าวว่ากำลังตั้งครรภ์ พระบิดาของเจ้าดีใจจนอภัยโทษให้เหล่าอาชญากร เจ้าคิดว่าน้องสาวหรือน้องชายที่ยังไม่ลืมตาดูโลกของเจ้าผู้นี้เกิดขึ้นมาเพราะฝีมือของหลานจิ่วชิงหรือเปล่า? ถ้าหากเป็นฝีมือของหลานจิ่วชิงจริง พระบิดาของเจ้าจะโกรธมากแค่ไหน……”

“หุบปาก!” ซีหลิงเทียนเหล่ยหันไปมองหนานหลิงจิ่นฝานด้วยแววตาอันดุร้าย เขาเกลียดจนอยากจบอุดปากของคนผู้นี้ด้วยตัวเอง

ตั้งแต่เกิดจนถึงตอนนี้ ซีหลิงเทียนเหล่ยไม่เคยเกลียดคำพูดคำจาของใครเท่ากับคำพูดของหนานหลิงจิ่นฝานมาก่อน เกลียดนิสัยที่กลัวว่าใต้หล้าจะไม่วุ่นวาย หนานหลิงจิ่นฝานยังคิดถึงเรื่องนี้ได้ มีหรือที่เขาจะคิดไม่ได้ แต่มันจำเป็นจะต้องพูดออกมาหรือเปล่า

“ฮ่าฮ่าฮ่า ดี ดี ดี ข้าไม่พูดแล้ว ข้าไม่พูด แต่ข้ายังรู้สึกนับถือหลานจิ่วจากใจจริง” หนานหลิงจิ่นฝานยิ้มอย่างชั่วร้าย ดวงตาของเขาเปล่งประกายราวกับเป็นสายตาของงูพิษ……

เขารู้ดีว่าคำพูดเมื่อสักครู่นี้ของเขาฝังเข้าไปในหัวใจส่วนลึกของซีหลิงเทียนเหล่ย สร้างความแบ่งแยกทางความคิดให้กับซีหลิงเทียนเหล่ย ในอนาคตหากซีหลิงเทียนเหล่ยได้พบกับหลานจิ่วชิงเขาจะนึกถึงเรื่องนี้ขึ้นมาโดยปริยาย และในชีวิตนี้ของซีหลิงเทียนเหล่ย เขาไม่มีทางเข้าไปเป็นพวกกับหลานจิ่วชิง แต่เป็นความเกลียดชังที่อยากจะกำจัดอีกฝ่ายให้หายไป

หนานหลิงจิ่นฝานอารมณ์ดีเป็นอย่างมาก แม้จะเดินตามหลังซีหลิงเทียนเหล่ยเขาก็ไม่ได้รู้สึกโกรธแต่อย่างใด ทั้งสองคนมุ่งไปด้านหน้าของตำหนักแต่สังเกตไม่เห็นว่าด้านหลังของพวกเขาไม่ไกลมีชายสวมหน้ากากสีเงินยืนอยู่ตรงนั้นเพื่อแอบฟังการสนทนาระหว่างพวกเขาอยู่

ชายสวมหน้ากากชุดนำเหลือบตามองไปยังห้องที่มีเสียงคลื่นของความหลงระเริง จากนั้นเหลือบมองไปยังทิศทางซึ่งหนานหลิงจิ่นฝานกับซีหลิงเทียนเหล่ยเดินจากไปพร้อมกับรอยยิ้มแห่งความเย้ยหยัน

“หนานหลิงจิ่นฝาน เจ้านี่มันเป็นงูพิษอย่างที่คิด ซุ่มซ่อนอยู่ในโพรงหญ้า พร้อมจะกระโดดออกมากัดตลอดเวลา ข้าควรจะดีใจที่คำพูดของเจ้าในวันนี้ คนที่ได้ยินเป็นซีหลิงเทียนเหล่ยเพียงคนเดียว หากจักรพรรดิของทั้งสองประเทศได้ยินเข้า เกรงว่าบนโลกใบนี้คงไม่เหลือทางให้ข้าได้มีชีวิตรอดต่อไป” จิตสังหารแผ่กระจายออกมาจากร่างของชายชุดดำที่สวมหน้ากากสีเงิน ราวกับว่ารอบตัวของเขามีแรงกดดันที่ทำให้ผู้คนไม่กล้าเข้าใกล้

ใช่ ชายชุดดำในหน้ากากสีเงินนี้ก็คือผู้ที่ถูกหนานหลิงจิ่นฝานใส่ร้ายหลานจิ่วชิง เขาสะกดรอยตามมาด้านหลังของหนานหลิงจิ่นฝานและซีหลิงเทียนเหล่ยมาโดยตลอด ในพระราชวังของตงหลิง หากหนานหลิงจิ่นฝานกับซีหลิงเทียนเหล่ยคิดจะสะกดรอยตามเขา นั่นเป็นเรื่องที่ยากเป็นอย่างมาก

หลังจากเห็นหนานหลิงจิ่นฝานและซีหลิงเทียนเหล่ยเดินออกไป หลานจิ่วชิงแอบคำนวณอยู่เงียบๆในใจ รู้สึกว่าได้เวลาแล้ว เขาเดินออกไปด้านหน้า เตรียมพร้อมไปรบชมความสนุก นั่นคือทิศทางที่หนานหลิงจิ่นฝานและซีหลิงเทียนเหล่ยเดินออกไป

เดินออกมาได้ประมาณ 100 ก้าว หลานจิ่วชิงเริ่มแอบนับในใจ “สิบ……”

“เก้า……”

……

“สาม……”

เมื่อหลานจิ่วชิงนับถึงสาม พระราชวังอันเงียบสงัดก็เกิดเสียงดังขึ้นมาทันที ด้านหน้าตำหนักกลายเป็นสีแดงพร้อมกับเปลวเพลิง เสียงเท้าฝีเท้าดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ราชองครักษ์ตะโกนออกมาเสียงดังลั่น “จับผู้บุกรุก จับผู้บุกรุก มีผู้บุกรุก บุกเข้ามา……ปกป้องจักรพรรดิ ปกป้องจักรพรรดิ!”

“ราชองครักษ์เข้าไปด้านในแล้ว จักรพรรดิน่าจะดูแลเฟิ่งชิงเฉินอย่างดี” หลานจิ่วชิงพูดออกมาด้วยน้ำเสียงขี้เล่น ยืนกอดอกอยู่ด้านหลังประตู รอความวุ่นวายผ่านไป

ไม่นานหลังจากนั้น หลานจิ่วชิงได้ยินเสียงการปะทะกันของอาวุธ ดูเหมือนว่าจะเกิดการต่อสู้อันดุเดือดขึ้น

“ดูจากสถานการณ์ หนานหลิงจิ่นฝานและซีหลิงเทียนเหล่ยน่าจะถูกพบตัวแล้ว หวังว่าเจ้าจะปกปิดชุดสีแดงนั่นได้ ไม่อย่างนั้นคงต้องขอโทษสำหรับของขวัญที่ข้ามอบให้” หลานจิ่วชิงยิ้มและกล่าวอย่างเยือกเย็น

ทำเหมือนพระราชวังตงหลิงเป็นเหมือนอุทยานหลวง จำเป็นต้องจ่ายค่าเสียหาย พระราชวังตงหลิงคืออาณาเขตของเขา หนานหลิงจิ่นฝานกับซีหลิงเทียนเหล่ยควรจะเรียนรู้เอาไว้บ้าง ไม่อย่างนั้น……

ครั้งหน้ามันคงไม่ง่ายแบบนี้แล้ว

“เร็ว ไล่ตามไป……ผู้บุกรุกมันหนีไปแล้ว” หลังจากผ่านไปหนึ่งก้านธูป หลานจิ่วชิงได้ยินเสียงตะโกนอันดังลั่นของราชองครักษ์ ในขณะเดียวกันก็รู้สึกชื่นชมในตัวหนานหลิงจิ่นฝานและซีหลิงเทียนเหล่ย เนื่องจากสามารถหนีออกไปได้ในระยะเวลาอันสั้น

หลานจิ่วชิงเดินออกมาจากด้านหลังของเสาประตู ไม่ได้แปลกใจแต่อย่างใด มองไปยังทิศทางซึ่งราชองครักษ์ไล่ตามไป นั่นคือตำหนักที่เขาเพิ่งจากมา

สิ่งนี้จะนำไปสู่ความโชคร้ายหรือไม่?

ไม่ต้องคิดหลานจิ่วชิงก็รู้ หนานหลิงจิ่นฝานและซีหลิงเทียนเหล่ยต้องการนำพาเหล่าราชองครักษ์ไปหา “หลานจิ่วชิง” วังหลัง เป็นสถานที่ซึ่งเขามีความสัมพันธ์กับหญิงสาว

นี่คือการร่วมมือกันระหว่างพวกเขา ภายใต้ผลประโยชน์พวกเขาจึงร่วมมือกัน แต่เมื่อใดก็ตามที่คิดจะหักหลังอีกฝ่ายก็พร้อมจะผลักฝ่ายตรงข้ามลงเหว

ต้องบอกเลยว่าวิธีการของหนานหลิงจิ่นฝานและซีหลิงเทียนเหล่ยนั้นงดงามมาก พวกเขาสามารถขาย “หลานจิ่วชิง” และบังคับให้หลานจิ่วชิงเข้าร่วมในการต่อต้านราชองครักษ์ แต่น่าเสียดาย……

แผนการของทั้งสองคนถึงคราวล้มเหลว

หลานจิ่วชิงซ่อนตัวอยู่ในความมืดอีกครั้ง เมื่อหนานหลิงจิ่นฝานและซีหลิงเทียนเหล่ยพาคนเข้ามาถึงตำหนัก ตำหนักได้ถูกทำความสะอาดอย่างหมดจด มีเพียงกลิ่นเหม็นจางๆ แน่นอน มันมองไม่ออกเลยว่าเคยมีร่องรอยของการ “แอบคบชู้”

“เจ้าเล่ห์!” หนานหลิงจิ่นฝานและซีหลิงเทียนเหล่ยกัดฟันด้วยความโกรธ หลังจากหยุดอยู่ตรงนี้ พวกเขาถูกเหล่าราชองครักษ์ล้อมไว้อีกครั้ง ทั้งสองคนเริ่มการต่อสู้อย่างหนักหน่วง……

“องค์รัชทายาทเหล่ย องค์ชายจิ่นฝาน ขอให้เพลิดเพลินกับของขวัญที่ข้าเตรียมไว้ให้พวกเจ้า” หลานจิ่วชิงแอบพยักหน้าอยู่ในเงามืด เสียงหัวเราะอันเยือกเย็น เดินออกไปโดยไม่หันกลับมามอง ตอนนี้ความสนใจทั้งหมดของราชองครักษ์ถูกหนานหลิงจิ่นฝานและซีหลิงเทียนเหล่ยดึงดูดไว้หมดแล้ว หลานจิ่วชิงเดินไปยังตำหนักด้านในได้ราบรื่นกว่าปกติ

จากสายลับที่แฝงตัวอยู่ หลานจิ่วชิงรู้ว่าวันนี้มีคนเข้ามาอยู่ในตำหนักเฉียนเหอ ในขณะเดียวกัน จักรพรรดิได้สั่งให้ปกป้องดูแลคนผู้นั้นอย่างเข้มงวด

ตำหนักเฉียนเหอ ได้ยินชื่อก็รู้อยู่แล้วว่ามันมีไว้เพื่อเหล่านักบวช ปกติแล้วจะมีแต่นักบวชขั้นสูงเท่านั้นที่มีคุณสมบัติได้เข้ามาอยู่ในตำหนักเฉียนเหอ ตั้งแต่จักรพรรดิได้ขึ้นครองบัลลังก์ ตำหนักเฉียนเหอแห่งนี้ก็ไม่เคยมีใครเข้ามาอยู่เลย

ที่มาอยู่วันนี้คือคนแรก ไม่ต้องคิดหลานจิ่วชิงก็รู้ว่าคนผู้นี้คือผู้ที่จักรพรรดิเลือกใช้ในพิธีบูชาฟ้าดินของวันพรุ่งนี้

ใครกันแน่ที่สามารถทำให้จักรพรรดิตัดสินใจอันยิ่งใหญ่เช่นนี้ หลานจิ่วชิงสงสัยเป็นอย่างมาก

ตำหนักเฉียนเหอแม้มีราชองครักษ์คอยอารักขาความปลอดภัยอย่างแน่นหนา แต่สิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่ทำให้เหล่าราชองครักษ์อดรู้สึกประหม่าไม่ได้ เพื่อปกป้องคนในตำหนัก ตำหนักเฉียนเหอได้เสริมการป้องกัน หลานจิ่วชิงใช้โอกาสนี้ในการหลบหลีกเหล่าราชองครักษ์ และเข้าไปในตำหนักเฉียนเหอ

ต่างจากด้านนอกอย่างสิ้นเชิง ด้านในไม่มีแม้แต่ผู้รับใช้แม้แต่คนเดียว เมื่อหลานจิ่วชิงก้าวเข้ามาสู่ด้านในก็รู้ได้ทันทีว่าตนเองติดกับแล้ว

“บัดซบ!”

หลานจิ่วชิงหันหลังพร้อมจะหลบหนี แต่กลับมีความเยือกเย็นพุ่งเข้ามาจากทางด้านหลัง หลานจิ่วชิงถอยมาด้านหลังเพื่อหลบการโจมตีของอีกฝ่าย ขณะเดียวกันก็ชักดาบออกไปสู้

เคร่ง……

ดาบยาวสองเล่มปะทะกันทำให้เกิดประกายไฟ เสียงดังแสบแก้วหู เนื่องจากเข้าปะทะกัน ระยะห่างของทั้งสองลดลง ทำให้พวกเขาเห็นรูปลักษณ์ของอีกฝ่าย

“ฝู่หลิน” ดวงตาของหลานจิ่วชิงเปล่งประกายด้วยความตกใจ

ที่แท้ก็เป็นเขา

คิดไม่ถึงเลยว่าในช่วงที่ไม่ได้จับตามองคนผู้นี้ก็ไต่เต้าขึ้นมาอยู่ด้านหน้าของจักรพรรดิ ฝีมือและความสามารถเก่งกาจอย่างที่คิด สมแล้วที่เป็นทายาทของสกุลฝู่แห่งอารามเทพ ไม่แปลกเลยว่าทำไมจักรพรรดิถึงตัดสินใจทำพิธีบูชาฟ้า ถ้าหากเป็นคำพูดของเขามันก็มีทางเป็นไปได้

“เจ้าเป็นใคร? เจ้ารู้จักข้าอย่างนั้นหรือ?” ฝู่หลินไล่ตามมา เข้าประชิดตัวหลานจิ่วชิง จ้องมองผู้ซึ่งอยู่ด้านหน้า มั่นใจว่าเขาไม่เคยพบเจอคนผู้นี้มาก่อน

ไม่รู้จักข้าก็ดีแล้ว

หลานจิ่วชิงปลดปล่อยจิตสังหารอันแรงกล้าออกจากร่างกาย กล่าวออกมาอย่างเยือกเย็น “ทายาทของสกุลฝู่แห่งอารามเทพ ข้าจะไม่รู้จักได้อย่างไร”

“ในเมื่อเจ้ารู้ว่าข้าเป็นใคร งั้นเจ้าจะต้องเป็นทายาทของสกุลหลานหรือไม่ก็สกุลเฟิ่งหลี?” ฝู่หลินตอบสนองอย่างรวดเร็ว ในโลกนี้คนที่รู้จักคนอย่างพวกเขา นอกจากจักรพรรดิของทั้งสี่ประเทศ เกรงว่าคงจะมีแค่คนของสองตระกูลนี้เท่านั้น

“ข้าแซ่หลาน” หลานจิ่วชิงไม่มีความคิดจะปิดบัง ฐานะตัวตนของเขาแค่ฝู่หลินตรวจสอบก็สามารถรับรู้ได้อย่างง่ายดาย

ชุดสีดำในหน้ากากสีเงินคือชุดที่เป็นเอกลักษณ์ของหลานจิ่วชิง ไม่ว่าเขาจะทำเรื่องอะไรก็จะแต่งชุดนี้ เขาไม่เคยคิดจะปิดบังตัวตนมาก่อน และตอนนี้การไม่ปิดบังตัวตนก็ถือเป็นการปกปิดที่ดีที่สุด

“หลาน? เจ้าคือทายาทของจักรพรรดิองค์ก่อน?” ดวงตาของฝู่หลินเผยให้เห็นถึงความสงสัย ทายาทของจักรพรรดิองค์ก่อนไม่ควรจะปรากฏตัว ณ ที่แห่งนี้ แค่เวลาหนีพวกเขายังไม่มี งั้นแล้วพวกเขาจะมาปรากฏตัวอยู่ในพระราชวังตงหลิงได้อย่างไร

“แซ่หลานจำเป็นจะต้องเป็นทายาทของจักรพรรดิองค์ก่อนหรือไม่?” หลานจิ่วชิงกล่าวออกไปอย่างเย้ยหยัน

เนื่องจากเขาเที่ยวไปป่าวประกาศว่าตนเองแซ่หลาน หลังจากพระจักรพรรดิของทั้งสี่ประเทศตรวจสอบความเป็นมาของเขาแล้ว พวกเขาก็ยิ่งไม่เชื่อว่าเขาคือทายาทของจักรพรรดิองค์ก่อน ทายาทของจักรพรรดิองค์ก่อนไม่มีทางเปิดเผยฐานะของตนเองอย่างชัดเจนเช่นนี้ เว้นแต่ว่ารนหาที่ตาย

“ก็จริง หากเป็นทายาทของจักรพรรดิองค์ก่อน เจ้าคงไม่กล้าบอกว่าตนเองแซ่หลาน เจ้าเป็นใครกันแน่? ทำไมเจ้าถึงรู้จักข้า?” ฝู่หลินเองก็คิดเช่นนั้น ภายใต้การร่วมมือกันไล่ล่าของสี่ประเทศ ถ้าหากสายเลือดของราชวงศ์หลานยังอยู่ จะต้องหลบหนีเหมือนกลับหนูที่ไม่กล้าออกมาพบเจอผู้คน หรือไม่ก็หลบซ่อนตัวและไม่มีทางยอมรับว่าตนเองแซ่หลาน เนื่องจากมีแค่วิธีนี้เท่านั้นที่สามารถเอาชีวิตรอดต่อไปได้

ฮึ……หลานจิ่วชิงพ่นลมหายใจอย่างเยือกเย็น ไม่ได้ตอบคำถามกลับไป เมื่อรู้ว่าคนที่ทำให้จักรพรรดิเคลื่อนไหวเป็นใคร เขาก็ไม่มีความจำเป็นจะต้องอยู่ที่นี่ต่อไป ดูจากฝีมือของฝู่หลินแล้ว ประกอบกับกองทหารด้านนอกที่คอยอารักขา คิดจะฆ่าฝู่หลิน ดูเหมือนจะเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้

หลานจิ่วชิงยกเท้าขึ้นถีบออกไป เตรียมตัวหนี

ฝู่หลินรับรู้ถึงความคิดของหลานจิ่วชิง แต่ก็จำเป็นต้องก้าวถอยกลับไป เนื่องจากจุดที่หลานจิ่วชิงถีบนั้นเป็นกล่องด้วยใจของเขา

“บัดซบ!” ฝู่หลินคิดไม่ถึงว่าชายร่างใหญ่ผู้นี้จะใช้วิธีสกปรก

“ขอบคุณที่กล่าวชม” หลานจิ่วชิงไม่ละอาย แต่กลับรู้สึกภูมิใจ

เขาเรียนรู้มันมาจากฟิ่งชิงเฉิน แม้บอกว่าการที่ผู้ชายอย่างเขาใช้มันจะเป็นวิธีสกปรก แต่ผลลัพธ์นั้นดีเกินคาด โดยเฉพาะใช้ต่อกรกับพระเจ้าจอมปลอมอย่างฝู่หลิน มันไม่จำเป็นต้องไปเกรงใจเขา หากโจมตีสำเร็จขึ้นมาจริงก็สามารถกำจัดภัยให้แก่แผ่นดินจิ่วโจวด้วย

ฉวยโอกาสที่ฝู่หลินกำลังหลบการโจมตี หลานจิ่วชิงพุ่งออกไปด้านนอกของตำหนัก

“จับตัวผู้บุกรุก……” ฝู่หลินตะโกนออกมาดังลั่น ขณะเดียวกันตรงจุดที่ซ่อนอยู่บนข้อมือ ได้ยินเสียงพุ่งผ่านอากาศมาจากทางด้านหลัง ลูกศรสีดำพุ่งเข้าหาร่างของหลานจิ่วชิง

“บ้าเอ๊ย!”

หลานจิ่วชิงรู้ว่ามีอาวุธลับอยู่ด้านหลังของเขา อาวุธนั่นรวดเร็วมาก แถมระยะห่างของเขากับฝู่หลินนั้นน้อยมาก ภายใต้สถานการณ์ดังกล่าว เขาทำได้แค่หลบการโจมตีไม่ให้ถูกจุดสำคัญ……

“เชื๊อก……” อาวุธลับพุ่งเข้าไปในแขนซ้ายของหลานจิ่วชิง เลือกสีดำไหลออกมาจากอาวุธลับ หลานจิ่วชิงโซซัดโซเซ เกือบจะล้มลง……

อาวุธลับมีพิษ!

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *