นางสนมแพทย์อัจฉริยะบทที่ 798 ทรยศ ยังไร้ยางอายไม่มากพอ

Now you are reading นางสนมแพทย์อัจฉริยะ Chapter บทที่ 798 ทรยศ ยังไร้ยางอายไม่มากพอ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

นางสนมแพทย์อัจฉริยะ บทที่ 798 ทรยศ ยังไร้ยางอายไม่มากพอ

เผชิญหน้ากับท่าทางงุนงงของหัวหน้าศาลต้าหลี่และผู้พิพากษาอีกสองท่าน และคำซุบซิบนินทา เฟิ่งชิงเฉินไม่มีความกังวลหรือความหวาดกลัวเลยแม้แต่น้อย ไม่เหมือนกับคนที่กำลังขึ้นศาลเพื่อดำเนินคดีเลยแม้แต่น้อย

ไม่ว่าคำถามของผู้พิพากษาทั้งสามคนจะยุ่งยากแค่ไหน เฟิ่งชิงเฉินต่างสามารถตอบคำถามของพวกเขาทั้งสามกลับไปได้อย่างเป็นระเบียบและมีเหตุผลโดยปราศจากความขัดแย้ง ไม่มีสิ่งซึ่งน่าสงสัยในคำตอบของนาง

แต่การไม่มีความน่าสงสัย มันคือความน่าสงสัยที่ยิ่งใหญ่ที่สุด เฟิ่งชิงเฉิน ผู้หญิงคนนี้สามารถตอบคำถามของผู้พิพากษาได้อย่างราบรื่น นี่คือสิ่งที่แปลก แต่ทางด้านของหัวหน้าฝ่ายคดีอาญาไม่กล้าพูด เพราะเขากลัวว่าจะถูกถล่มหากพูดออกไป

“หมายความว่าอย่างไร คำตอบของเฟิ่งชิงเฉินไม่มีสิ่งน่าสงสัยแต่เจ้ากลับไม่พอใจ ทำไม? หรือเจ้าอยากให้เฟิ่งชิงเฉินตอบในสิ่งที่เจ้าต้องการ เจ้าถึงจะได้มีความสุข?”

เฟิ่งชิงเฉินเห็นดวงตาที่ยุ่งเหยิงของหัวหน้าฝ่ายคดีอาญา แม้ว่านางจะไม่เคยถูกสอบสวนมาก่อน แต่นางก็รู้ว่านางทำได้ดีเกินไป และด้วยความสมบูรณ์แบบของนาง เมื่อต้องเผชิญหน้ากับเหล่าผู้พิพากษาคดีชั้นสูง แน่นอนว่ามันต้องมีปัญหา

แล้วหากนางทำให้เกิดปัญหาขึ้นมันจะเป็นอย่างไร หากมีความสามารถก็ลองหาช่องโหว่ของนางดู แต่หากหาไม่เจอก็ยอมรับไปแต่โดยดี เฟิ่งชิงเฉินเองก็ไม่ใช่คนที่ง่ายจะยุแหย่ อีกอย่างเมื่อวานนี้นางก็อยู่กับเสด็จอาเก้าจริง แค่เสด็จอาเก้าต้องแยกจากนางเร็วเกินไปก้าวหนึ่ง ส่วนเรื่องรายละเอียดระหว่างความสัมพันธ์กับเสด็จอาเก้า นางอยากจะพูดอะไรก็พูดออกมาได้ทั้งนั้น เนื่องจากไม่มีใครกล้าไปถามความจริงจากไปของเสด็จอาเก้า

เฟิ่งชิงเฉินพูดอย่างสงบ ตอบคำถามทุกข้ออย่างใจเย็น และบอกทุกรายละเอียดเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของนางกับเสด็จอาเก้าอย่างสงบ แต่ทุกคนที่อยู่ที่นั่นกลับไม่สงบอีกต่อไป

ไม่ต้องพูดถึงความตกใจในเรื่องอื่น แค่เพียงตอนที่เสด็จอาเก้าและเฟิ่งชิงเฉินอยู่ด้วยกัน เขาเป็นเหมือนกับผู้ชายทั่วไปคนหนึ่ง ทำให้คนไม่อยากเชื่อว่าเสด็จอาเก้าที่เยือกเย็นผู้นั้น ในบางเวลาก็มีมุมของความนุ่มนวล แม้เสด็จอาเก้าเคยบอกว่ายอมรับในตัวของเฟิ่งชิงเฉิน แต่สำหรับคนภายนอก ท่าทางของเสด็จอาเก้าที่มีต่อเฟิ่งชิงเฉินก็ยังดูเยือกเย็นอยู่ดี

และทงเหยาที่เป็นคนรู้เรื่องราวทุกอย่างดี เมื่อได้ยินคำพูดของเฟิ่งชิงเฉินก็อดไม่ได้ที่จะออกตัวมาเป็นพยาน เล่าทุกอย่างออกมาอย่างชัดเจน รู้สึกนับถือในหัวใจ การแสดงของคุณหนูของพวกนางช่างสมบูรณ์แบบ และไม่สามารถหาช่องโหว่ได้เลย

ผู้พิพากษาทั้งสามเดิมทีต้องการถามเกี่ยวกับเรื่องส่วนตัวของเสด็จอาเก้าจากปากของเฟิ่งชิงเฉิน ตัวอย่างเช่นทักษะบนเตียงในยามค่ำคืนของเสด็จอาเก้า แล้วก็ข่าวลือที่ว่าเสด็จอาเก้าไม่ชอบใกล้ชิดกับผู้หญิงอื่นมันเป็นเรื่องจริงหรือไม่? แต่น่าเสียดายที่ไม่มีสิ่งที่เกี่ยวข้องกับเรื่องพวกนี้ออกมาจากไปของเฟิ่งชิงเฉิน

ผู้พิพากษาทั้งสามไม่กล้าถามออกอย่างเปิดเผย ประกอบกับเฟิ่งชิงเฉินที่แสร้งทำเป็นโง่ ทำเป็นไม่เข้าใจว่าผู้พิพากษาทั้งสามต้องการอะไร ผู้พิพากษาทั้งสามทำอะไรไม่ถูก หลังจากสอบสวนเฟิ่งชิงเฉินมาพักหนึ่งพวกเขาก็ยังไม่ได้อะไรกลับไป และยังไม่พอต่อตัณหาของพวกเขา ซึ่งทำให้พวกเขารู้สึกผิดหวัง

“แฮ่ม แฮ่ม” หัวหน้าศาลต้าหลี่ยังจำได้ว่าหน้าที่ของตนเองคืออะไร หลังจากถามคำถามพวกนี้เป็นอันเรียบร้อย ก็หันไปพูดกับหัวหน้าฝ่ายคดีอาญาขององครักษ์เสื้อโลหิตว่า “เมื่อคืนวานเฟิ่งชิงเฉินอยู่ในจวนอ๋องเก้า นางไม่มีช่องว่างของเวลาให้ไปก่ออาชญากรรม เจ้ามีอะไรจะพูดหรือไม่?”

“ข้า……” หัวหน้าฝ่ายคดีอาญาตะลึงไปชั่วขณะ ในตอนนั้นเจ้าหน้าที่ของศาลต้าหลี่ก้าวเข้ามา คุกเข่าลงกับพื้นพร้อมกล่าวออกมาว่า “ใต้เท้า องครักษ์เสื้อโลหิตส่งตัวพยานมาสามคน สามารถเป็นพยานได้ว่าเมื่อคืนเฟิ่งชิงเฉินบุกเข้าไปในองครักษ์เสื้อโลหิตเพื่อชิงตัวซุนซือสิง”

พยาน?

องครักษ์เสื้อโลหิตหาพยานเจอในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ มันช่างเป็นสถานการณ์ที่พลิกผัน คดีน่าสนใจมากขึ้นเรื่อย ๆ ในตอนนี้หากองครักษ์เสื้อโลหิตนำตัวพยานออกมา พยานของพวกเขาจะต้องสร้างความวุ่นวายให้กับเฟิ่งชิงเฉินอย่างแน่นอน ไม่เช่นนั้นฝ่ายที่ต้องอับอายจะกลายเป็นองครักษ์เสื้อโลหิตอย่างพวกเขาแทน

การพลิกกลับอย่างกะทันหันนี้ไม่เพียงทำให้หัวหน้าฝ่ายคดีอาญาตกใจ แม้แต่เฟิ่งชิงเฉินเองก็ตกตะลึงเช่นกัน กว่านางจะสร้างสถานการณ์เช่นนี้ขึ้นมาได้ ทั้งหมดเต็มไปด้วยความยากลำบาก หากต้องเผชิญหน้ากับพยานลึกลับสามคนนี้ นางก็ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงอะไรได้

ยังคงเป็นคำพูดเดิม ความจริงไม่สามารถเปลี่ยนแปลงไปตามเจตนาของผู้คน ในฐานะผู้พิพากษาแห่งตุลาการ หัวหน้าศาลต้าหลี่ไม่สามารถปฏิเสธการเบิกตัวพยานครั้งนี้ได้

“พาเข้ามา” หัวหน้าศาลต้าหลี่กล่าว

“ขอรับ” เจ้าหน้าที่ก้าวถอยออกไป จากนั้นไม่นานก็พาตัวของชายสามคนเข้ามา หนึ่งในสามคนนี้เป็นคนที่เฟิ่งชิงเฉินรู้จัก เขาคือองครักษ์ของจวนเฟิ่ง เป็นหนึ่งในองครักษ์ที่ตี๋ตงหมิงส่งมาให้กับนาง และเป็นหนึ่งในคนที่เข้าร่วมกับเหตุการณ์ชิงตัวซุนซือสิงในคืนเมื่อวาน

แต่คิดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะทรยศ พยานที่องครักษ์เสื้อโลหิตนำออกมาในครั้งนี้ สำคัญเป็นอย่างมาก และอีกสองคนที่เหลือก็ดูไม่ธรรมดาเช่นกัน

หัวใจของเฟิ่งชิงเฉินเต็มไปด้วยความตึงเครียด เกรงว่าสามคนนี้จะหักล้างคำโกหกของตน แต่ถึงอย่างนั้นใบหน้าของเฟิ่งชิงเฉินก็ยังคงนิ่งสงบ มองไปที่ทั้งสามคนอย่างเฉยเมย มั่นคงเหมือนดั่งภูเขา ราวกับว่าไม่มีผลกระทบอะไรทั้งนั้น

นางทำได้เพียงกัดฟันสู้ต่อไป ขอแค่เมื่อวานนี้นางอยู่ในจวนอ๋องเก้าก็พอ เรื่องอื่นก็ไม่จำเป็นต้องไปสนใจ

ดวงตาของหัวหน้าฝ่ายคดีอาญาและคนของจวนซุ่นหนิงโหวเปล่งประกาย ไม่สามารถปกปิดแสงแห่งความสุขในดวงตาของพวกเขาได้เลย บรรยากาศในห้องตอนนี้ดูแปลกประหลาดเป็นอย่างมาก

ในสายตาของหัวหน้าศาลต้าหลี่ คลื่นใต้น้ำในห้องพิจารณาคดีกำลังปั่นป่วน แต่นี่มันเกี่ยวอะไรกับเขา หัวหน้าศาลต้าหลี่ค่อย ๆ กล่าวออกไปด้วยอำนาจว่า “เจ้าเป็นใคร?”

กว่าจะนำอำนาจในการพิจารณาคดีกลับมาได้มันไม่ใช่เรื่องง่าย หัวหน้าศาลต้าหลี่จะปล่อยให้คนพวกนี้มาสร้างความวุ่นวายได้อย่างไรกัน หากคนพวกนี้ทำให้ห้องพิจารณาคดีปั่นป่วนขึ้นมาอีกครั้ง หัวหน้าศาลต้าหลี่จะสามารถทำอะไรพวกเขาได้ ถึงตอนนั้นคนที่ขายหน้าคงมีแต่หัวหน้าศาลต้าหลี่

“ข้าน้อยคือองครักษ์แห่งจวนเฟิ่ง หมิงเตี่ยน” คนที่เฟิ่งชิงเฉินรู้จักคุกเข่าและรายงานชื่อของตนเอง ส่วนอีกสองคนที่เหลือก็คุกเข่าลงเช่นกัน ทั้งสองคือทหารที่เฝ้าประตูเมืองเมื่อวานตอนค่ำ

เมื่อได้ยินทั้งสองคนรายงานสถานะของตนเอง มุมปากของเฟิ่งชิงเฉินกระตุกเล็กน้อย เผยให้เห็นรอยยิ้มอย่างชัดเจน จากนั้นปรบมือพร้อมกับซ่อนความเห็นอดเห็นใจและความดูถูกไว้ในดวงตา

ถือว่าองครักษ์เสื้อโลหิตมีฝีมือที่หาตัวของพาตัวสามคนนี้มาได้ นางไม่รู้ว่าทำไมทหารเฝ้าประตูสองนายนี้ถึงมาเป็นพยานให้กับองครักษ์เสื้อโลหิต แต่สิ่งที่นางมั่นใจก็คือ ทหารสองคนนี้ไม่มีทางได้เห็นดวงอาทิตย์ของวันพรุ่งนี้ เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวาน จักรพรรดิไม่อนุญาตให้ใครเปิดเผยมันออกไป

แน่นอน เรื่องนี้มันไม่เกี่ยวอะไรกับนาง สิ่งที่นางต้องทำคือฟังว่าสามคนนี้จะพูดอะไรออกมา จะทำให้เฟิ่งชิงเฉินผิดหวังหรือไม่ องครักษ์แห่งจวนเฟิ่งหมิงเตี่ยนกล่าวถึงเรื่องราวซึ่งเกิดขึ้นเมื่อคืนอย่างชัดเจน เล่าทุกอย่างออกมาอย่างละเอียด และยังเปิดเผยบาดแผลที่ตนเองได้รับตรงแขน

“ใต้เท้า สิ่งที่ข้าน้อยพูดออกมาทุกอย่างเป็นความจริง เมื่อวานนี้คุณหนูพาพวกข้าไปบุกองครักษ์เสื้อโลหิตเพื่อชิงตัวนักโทษ และยังบอกให้พวกข้าสู้ ขอแค่ไม่มีใครตาย นางจะเป็นคนยอมรับทุกอย่างด้วยตัวเอง หากใต้เท้าไม่เชื่อ ลองไปตรวจสอบที่จวนเฟิ่ง มีองครักษ์ในจวนมากมายได้รับบาดเจ็บ”

หลังจากองครักษ์ผู้นี้กล่าวจบ หัวหน้าศาลต้าหลี่ก็หันมาถามกับเฟิ่งชิงเฉินว่า “เฟิ่งชิงเฉิน เจ้ามีอะไรจะพูดหรือไม่?”

ด้วยคำพูดดังกล่าว สายตาของทุกคนจับจ้องมายังร่างของเฟิ่งชิงเฉิน โดยเฉพาะองครักษ์เสื้อโลหิตและคนของจวนซุ่นหนิงโหว พวกเขาภูมิใจเป็นอย่างมาก ทำท่าเหมือนกับชัยชนะอยู่ในกำมือ

ทนายที่ตระกูลหวังส่งมาก็มีความสามารถไม่ธรรมดา ในตอนหมิงเตี่ยนกล่าวออกมา เขาได้จับผิดอีกฝ่ายได้เป็นที่เรียบร้อย เห็นหัวหน้าศาลต้าหลี่ต้องการคำตอบจากเฟิ่งชิงเฉิน เขาเตรียมตัวออกหน้าแทนเฟิ่งชิงเฉินเพื่อตอบคำถาม ไม่อย่างนั้นทนายอย่างเขาก็คงไม่มีประโยชน์ แต่คิดไม่ถึงว่า……

เมื่อเขากำลังจะกล่าวออกมา เฟิ่งชิงเฉินกลับไม่ให้โอกาสเขา เข้ามาขวางทนายและกล่าวออกไปว่า “ทนายซ่งไม่ต้องโกรธ มันไม่คู่ควรกับชื่อเสียงของทนายซ่ง”

ปากบอกว่าไม่จำเป็นต้องถึงมือของทนายซ่ง แต่ความเป็นจริงคือดูถูกอีกฝ่าย ทนายซ่งผู้นี้มีชื่อเสียง มีความสามารถ แต่ยังไร้ยางอายไม่มากพอ เป็นคนหน้าบาง หน้าด้านไม่พอ อีกฝ่ายรับมือกับองครักษ์เสื้อโลหิตไม่ไหว

เฟิ่งชิงเฉินหันไปคำนับให้หัวหน้าศาลต้าหลี่พร้อมกล่าวออกมาว่า “ใต้เท้า ข้าขอถามคำถามพยานผู้นี้สักสองสามคำถามได้หรือไม่?”

เรื่องในวันนี้ ให้นางเป็นคนจัดการด้วยตัวเองจะดีกว่า……

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *