นางสนมแพทย์อัจฉริยะบทที่ 802 บริสุทธิ์ นำตัวผู้ต้องสงสัยซุนซือสิงมาส่ง

Now you are reading นางสนมแพทย์อัจฉริยะ Chapter บทที่ 802 บริสุทธิ์ นำตัวผู้ต้องสงสัยซุนซือสิงมาส่ง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

นางสนมแพทย์อัจฉริยะ บทที่ 802 บริสุทธิ์ นำตัวผู้ต้องสงสัยซุนซือสิงมาส่ง

“ข้า ข้า ข้า……” ถูกจ้องมองด้วยแววตาอันดุร้ายของเฟิ่งชิงเฉิน ทนายของจวนซุ่นหนิงโหวพูดอะไรไม่ออกสักคำ เขาไม่เคยคิดเลยว่าเฟิ่งชิงเฉินจะเล็งเป้ามาที่เขากะทันหันเช่นนี้ ผ่านไปครู่หนึ่งถึงได้สติกลับคืนมา พึมพำออกมาว่า “เจ้า เจ้าพูดเช่นนี้มันหมายความว่าอย่างไร?”

ติดอ่าง ไม่มีร่องรอยของอำนาจ เป็นท่าทางของคนซึ่งกระทำความผิด แต่คนแบบนี้กลับออกมาฟ้องร้อง เฟิ่งชิงเฉินอยากจะพูดกับจวนซุ่นหนิงโหวเหลือเกินว่า รีบจับคนผู้นี้เข้าไปในเรือนจำ อย่าปล่อยให้เขาปรากฏตัวอยู่ด้านนอก เพราะมันน่าอับอาย

ในห้องพิจารณาคดี ทุกประโยคที่ออกมาจากปากนั้นมีความสำคัญ แต่อำนาจและท่าทางในการพูดสำคัญยิ่งกว่า ตัวอย่างเช่นทนายของจวนซุ่นหนิงโหว ก่อนอื่นเลยผู้คนในสถานที่แห่งนี้ไม่มีใครชอบเขา และด้วยท่าทางที่เต็มไปด้วยความผิดของเขา ต่อให้เขาไม่ได้ความผิดแต่ทุกคนก็ไม่มีทางเชื่อ

แต่เฟิ่งชิงเฉินก็รู้สึกพอใจกับการตอบสนองของอีกฝ่ายเป็นอย่างมาก เมื่อได้ยินคำถามที่จริงใจจากอีกฝ่าย เฟิ่งชิงเฉินอธิบายออกไปอย่างไว้หน้า “สิ่งที่ข้าพูดออกไปหมายความว่าอย่างไร จวนซุ่นหนิงโหวของพวกเจ้าไม่เข้าใจอย่างนั้นหรือ? ชีวิตที่ชาญฉลาดของซือสิงถูกทำลายลงเพราะคนชั่วอย่างพวกเจ้า

ตอนนี้หมอเทวดาน้อยซุนเป็นตายร้ายดีอย่างไรก็ไม่รู้ จวนซุ่นหนิงโหวของพวกเจ้ายังมีอะไรจะพูดอีกหรือไม่? หากพวกเจ้าไม่ใส่ร้ายหมอเทวดาน้อยซุน หมอเทวดาน้อยซุนจะตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ได้อย่างไร ตอนนี้เขาไปอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ หากหมอเทวดาน้อยซุนเสียชีวิต จวนซุ่นหนิงโหวอย่างพวกเจ้าก็คือฆาตกร

ตอนนี้ข้าเฟิ่งชิงเฉินอยากจะบอกกับพวกเจ้าว่า อย่าคิดว่าหมอเทวดาน้อยซุนหายไปอย่างไร้ร่องรอย เขาไม่มีพ่อไม่มีแม่ แล้วจะไม่มีใครทวงความยุติธรรมให้กับเขา ข้าซึ่งเป็นอาจารย์ของเขาไม่มีทางยอมให้เป็นเช่นนั้นเป็นอันขาด

วันนี้ข้าจะบอกกับคนของจวนซุ่นหนิงโหวอย่างพวกเจ้าให้รับรู้ แม้จะหาตัวของหมอเทวดาน้อยซุนไม่พบ ข้าก็จะทวงความยุติธรรมให้กับเขา ไม่ว่าศิษย์ของข้าจะเป็นหรือตาย ข้าก็ต้องทวงความบริสุทธิ์กลับคืนมาให้กับเขา ไม่มีทางปล่อยให้เขาต้องแบกรับโทษที่ไร้ยางอายเช่นนี้ไปตลอดชีวิต”

ที่เฟิ่งชิงเฉินพูดว่าหมอเทวดาน้อยซุน นั่นก็เพราะต้องการเตือนสติของผู้พิพากษาทั้งสามว่าศิษย์ของนางไม่ใช่คนธรรมดา และนางก็ไม่ใช่ประชาชนธรรมดาที่ไม่มีภูมิหลัง หากต้องการจบคดีไปทั้งแบบนี้ ฝันไปเถอะ

นางเฟิ่งชิงเฉินไม่มีวันยอมแพ้ นางต้องการบอกกับองครักษ์เสื้อโลหิตและจวนซุ่นหนิงโหวว่า หากไม่มีผลลัพธ์ปรากฏออกมา เรื่องนี้ก็ไม่มีทางจบลง

และก็เป็นอย่างที่คิด เมื่อเฟิ่งชิงเฉินพูดถึงหมอเทวดาน้อยซุนซ้ำแล้วซ้ำเล่า เหล่าประชาชนซึ่งฟังอยู่โดยรอบต่างรู้สึกโกรธขึ้นมาทันที แต่ละคนชี้มายังทนายของจวนซุ่นหนิงโหวพร้อมกับสาปแช่งออกมาว่า “แค่มองก็รู้แล้วว่าเจ้าไม่ใช่คนดี เจ้าใส่ร้ายหมอเทวดาน้อยซุน เจ้าจะต้องไม่ตายดีแน่ ขอให้ครอบครัวของเจ้าพินาศไปตามกัน”

“หมอเทวดาน้อยซุนเป็นคนดีเพียงใด เขาดูและรักษาอาการป่วยของพวกข้าโดยไม่เก็บเงิน และไม่รังเกียจในความจนหรือความสกปรกของพวกข้า เท้าภรรยาของข้าเน่ามาหลายปี แม้แต่ลูกสาวของนางยังไม่ทำความสะอาดให้ แต่หมอเทวดาน้อยซุนกลับไม่สนใจเรื่องพวกนี้ เขาล้างเท้าให้นางด้วยน้ำอุ่น จากนั้นทายาให้กับนาง หมอที่ดีถึงขนาดนี้จะไปข่มขืนผู้หญิงได้อย่างไร” ชายชราผู้หนึ่งกล่าวออกมาทั้งน้ำตา

เด็กที่บริสุทธิ์และเมตตาถึงขนาดนี้ ทำไมถึงได้มีคนเอาสิ่งสกปรกมาทำให้เขาเสื่อมเสีย

“หมอเทวดาน้อยซุนเป็นคนดี เป็นชายผู้ยิ่งใหญ่ มีเพียงเทพธิดาเท่านั้นที่จะเหมาะสมกับหมอเทวดาน้อยซุน คุณหนูอะไรนั่น ไม่คู่ควรแม้แต่จะมาเป็นรองเท้าให้กับหมอเทวดาน้อยซุนด้วยซ้ำ”

“ไม่เชื่อ พวกข้าไม่เชื่อว่าหมอเทวดาน้อยซุนจะไปข่มขืนคุณหนูอะไรนั่น ใต้เท้า ได้โปรด ได้โปรดคืนผู้บริสุทธิ์อย่างหมอเทวดาน้อยซุนกลับคืนมา”

ตุบ ตุบ ตุบ……ผู้คนที่อยู่รอบข้างไม่คำนึงถึงสิ่งใดอีกต่อไป หลังจากคนแรกคุกเข่าและก้มหัวลง ทุกคนก็คุกเข่าและก้มหัวลงให้กับผู้พิพากษาที่ยิ่งใหญ่ทั้งสาม

“เฟิ่งชิงเฉินช่างยอดเยี่ยมเหลือเกิน นางคิดว่าการใช้ประโยชน์จากความเห็นใจของประชาชนเหล่านี้จะมีความหมาย ไร้เดียงสา! ศาลตัดสินด้วยกฎหมาย ต่อให้คนพวกนี้ก้มหัวจนตายมันก็ไร้ประโยชน์ คุณหนูของจวนซุ่นหนิงโหวตายไปแล้ว ตราบใดที่จวนซุ่นหนิงโหวยืนยันว่าซุนซือสิงเป็นผู้ข่มขืนคุณหนูผู้นั้น ซุนซือสิงก็ไม่มีทางเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ได้ เรื่องแบบนี้หากฝังไว้ในร่างกายชายผู้ใดแล้ว มันก็ยากที่จะล้างมันออกไป” ตงหลิงจื่อลั่วมองประชาชนเหล่านั้น “ความเป็นหนึ่งเดียวของประชาชน” รู้สึกเศร้าและอิจฉาอย่างสุดจะพรรณนาในหัวใจ

เขาให้เกียรติและเคารพต่อผู้มีความรู้ แต่คำพูดของประชาชนเพียงไม่กี่คนไม่สามารถเปลี่ยนแปลงกฎหมายได้ ชื่อเสียงของซุนซือสิงมีคนรู้จักเพียงไม่กี่คน จะให้กลายมาเป็นหมอเทวดาน้อยซุนคงไม่ยุติธรรม

“น้องเจ็ด ยังจะตะลึงอะไร รีบมานี่เร็ว” องค์ชายรองเห็นตงหลิงจื่อลั่วยังยืนบื้ออยู่ที่เดิม เขาก็รีบดึงอีกฝ่ายข้ามถนนไป

ผู้คนโดยรอบต่างคุกเข่าลง พวกเขาซึ่งยืนอยู่ท่ามกลางคนเหล่านั้นดูโดดเด่นเป็นอย่างมาก แต่จะให้พวกเขาคุกเข่าตามลงไป นั่นมันเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้

ประชาชนไม่ได้คุกเข่าและก้มหัวลงไปอย่างเดียวเท่านั้น พวกเขายังร้องขอความเป็นธรรมให้แก่ซุนซือสิง

“พระเจ้าผู้บริสุทธิ์ หมอเทวดาน้อยซุนถูกคนใส่ร้าย คุณหนูของจวนซุ่นหนิงโหวอะไรนั่นแอบคบชู้กับผู้อื่น หมอเทวดาน้อยซุนเป็นผู้บริสุทธิ์ ท่านจะต้องคืนความบริสุทธิ์กลับคืนมาให้หมอเทวดาน้อยซุน”

“คืนความบริสุทธิ์มาให้หมอเทวดาน้อยซุน!”

“คืนความบริสุทธิ์มาให้หมอเทวดาน้อยซุน!”

……

คนเหล่านี้ไม่รู้เรื่องราวภายใน พวกเขาไม่รู้เกี่ยวกับการแย่งชิงอำนาจ พวกเขารู้เพียงว่าเด็กที่ให้การรักษาและมอบยาแก่พวกเขาเป็นเด็กที่มีรอยยิ้มสดใส และไม่มีทางทำเรื่องเช่นนี้อย่างแน่นอน

เด็กหนุ่มคนนั้น แค่พูดคุยกับผู้หญิงก็อายจนหน้าแดง แล้วเขาจะไปข่มขืนผู้หญิงได้อย่างไร เรื่องนี้จะให้เชื่อคงจะยาก

“เงียบ! ทุกคนเงียบ!” หัวหน้าศาลต้าหลี่เคาะโต๊ะอีกครั้ง แต่คราวนี้ไม่มีใครสนใจเขา ประชาชนยังคงตะโกนออกมาต่อไป ต้องการให้เจ้าหน้าที่นำตัวผู้บริสุทธิ์อย่างซุนซือสิงกลับคืนมา ถึงต่อให้ตายไปแล้ว เขาก็ต้องได้รับความบริสุทธิ์ จะปล่อยให้เขาทนทุกข์ทรมานต่อความอัปยศนี้ต่อไปไม่ได้

ห้องพิจารณาคดีเงียบลง หัวหน้าฝ่ายคดีอาญาหลบอยู่ตรงมุมห้อง พยายามลดอำนาจและความโดดเด่นที่ตนเองมีอยู่ ฉวยโอกาสตอนที่เฟิ่งชิงเฉินกำลังโจมตีจวนซุ่นหนิงโหว หาวิธีตอบโต้อีกฝ่าย ในขณะเดียวกันก็หวังว่าผู้ซึ่งไปตามหาซุนซือสิงยังจวนเฟิ่งจะกลับมาให้ความช่วยเหลือโดยเร็วที่สุด

ทนายซ่งฉวยโอกาสตอนที่คนอื่นไม่สนใจลากทงเหยามาด้านข้าง ล้อเล่นอะไรกันอยู่ ในวันที่หนาวเย็นเช่นนี้ คุกเข่าอยู่บนพื้นหินเป็นเวลานาน แบบนั้นมันจะทำให้ความเย็นเข้าสู้ร่างกาย

ทนายของจวนซุ่นหนิงโหวน้ำผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดเหงื่อ แม้เขาจะไม่รู้รายละเอียด แต่เขาเคยเห็นซุนซือสิงมาก่อน เด็กที่บริสุทธิ์และไร้เดียงสาเช่นนั้น ไม่มีทางทำเรื่องอย่างการข่มขืนหญิงสาวเป็นอันขาด ความก้าวร้าวและการบีบคั้นของเฟิ่งชิงเฉิน มันทำให้เขารู้สึกผิด

เฟิ่งชิงเฉินและตี๋ตงหมิงสบสายตากัน พวกเขาบรรลุข้อตกลงที่มีเพียงพวกเขาสองคนเท่านั้นที่รู้ จากนั้นพวกเขาก็แยกจากกันอย่างรวดเร็ว สายตาของตี๋ตงหมิงก้มลงมายังจมูก ผ่านจมูกไปยังหัวใจ ท่าทางของเขาราวกับมองไม่เห็นอะไรเลย ทางฝั่งของเฟิ่งชิงเฉินก็มองไปยังเหล่าประชาชนที่กำลังตะโกนชื่อของซุนซือสิงอย่างเฉยเมย ไม่มีความตื่นเต้นหรือสุขใจแต่อย่างใด นี่เป็นสิ่งที่ซุนซือสิงควรได้รับอยู่แล้ว แต่……

สองคนตรงมุมถนนราวกับกำลังเห็นฉากที่คุ้นเคย คิดไปคิดมามันก็จริง ไม่ว่าจะเป็นขุนนางระดับสูง เจ้าหน้าที่ หรือผู้มีอำนาจ คนเหล่านี้ต่างชอบเห็นความวุ่นวายของจวนเฟิ่ง คนเหล่านี้ส่วนใหญ่มาดูเพื่อความสนุก มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่เป็นห่วงเรื่องชีวิตและความตายของซุนซือสิง

เฟิ่งชิงเฉินเงยหน้าขึ้นไปมองบนท้องฟ้า ใช้ชีวิตมาเกือบหนึ่งปี นางยังไม่เข้าใจเหตุผลที่แตกต่างของการมองขึ้นไปบนท้องฟ้าในเวลาที่แตกต่างกัน แต่แค่รู้สึกว่าเวลานี้รถม้าของจวนเฟิ่งน่าจะกำลังได้ที่ และเตรียมตัวออกจากเมือง ไม่รู้ว่าคนขององครักษ์เสื้อโลหิตจะทำอย่างไร

กฎหมายไม่สามารถลงโทษส่วนรวมได้ การที่ประชาชนเข้ามาสร้างความวุ่นวายทำให้หัวหน้าศาลต้าหลี่หมดหนทาง เขามองมายังเฟิ่งชิงเฉิน หวังว่าเฟิ่งชิงเฉินจะออกมาปลอบโยนให้ประชาชนพวกนี้สงบลง แต่เฟิ่งชิงเฉินไม่แม้แต่จะมองมาที่เขา เขาจึงไม่มีโอกาสบอกใบ้ให้กับเฟิ่งชิงเฉินเลย

ความวุ่นวายเริ่มทวีคูณความรุนแรง หัวหน้าศาลต้าหลี่กำลังทนต่อความเจ็บปวด ตัดสินใจจบการพิจารณาคดีในครั้งนี้ แล้วค่อยกลับมาพิจารณาใหม่อีกครั้ง ในตอนนั้นรถม้าคันหนึ่งกำลังวิ่งมายังศาลต้าหลี่ด้วยความเร็ว คนขับรถม้าใช้แส้พร้อมกับตะโกน “หลบไป หลบไป ผู้ต้องสงสัยซุนซือสิงอยู่ในรถม้า รีบหลบไป รีบหลบไปเร็ว”

คนยังไม่ทันถึงแต่เสียงมาถึงก่อน คนที่ตะโกนออกมาผู้นั้นน่าจะมีศิลปะการต่อสู้ ประโยคที่พูดออกมาฟังดูเปี่ยมล้นไปด้วยพลัง ระงับเสียงโหร้องของประชาชนในทันที

“นำตัวของผู้ต้องสงสัยซุนซือสิงมาแล้ว รีบหลีกไปเร็ว รีบหลีกทางไป” รถม้าพุ่งเข้ามาด้วยความเร่งรีบ แม้จะฝ่าฝูงชนเข้ามา แต่มันก็ไม่มีทีท่าว่าจะลดความเร็วลงเลย เมื่อเห็นรถม้าเข้ามาใกล้ ดวงตาของซุนซือสิงก็ยิ่งเบิกกว้าง

ไม่มีทาง ทำไมรถม้าคันนี้ถึงได้ดูคุ้นตา!

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *