บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] 751: ทั่วหล้าฟ้าดินดุจภาพวาด และหนึ่งดาบสะบั้นมันเป็นสองเสี่ยง

Now you are reading บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] Chapter 751: ทั่วหล้าฟ้าดินดุจภาพวาด และหนึ่งดาบสะบั้นมันเป็นสองเสี่ยง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 751: ทั่วหล้าฟ้าดินดุจภาพวาด และหนึ่งดาบสะบั้นมันเป็นสองเสี่ยง

ตอนที่ 751: ทั่วหล้าฟ้าดินดุจภาพวาด และหนึ่งดาบสะบั้นมันเป็นสองเสี่ยง

“มีเรื่องให้แปลกใจอีกเยอะ อย่าเพิ่งด่วนดีใจ”

เสียงอันเฉยเมยของซูอี้สะท้อนทั่วนภา

เยี่ยเซียวเพิ่งลุกขึ้นตั้งหลักได้ ทว่าซูอี้ก็เงื้อหมัดโจมตีเขาอีกหน!

ตู้ม!

ยังคงเป็นรอยประทับหมัด กำปั้นดุจหยกของซูอี้เผยลักษณ์จากแขนเสื้อ พร่างพรายระรัว

ในขอบเขตอำนาจของซูอี้ ทุกการเคลื่อนไหวล้วนเต็มไปด้วยอำนาจมหาวิถีอันลึกลับเกิดคาดเดา

และเมื่อพลังนั้นแข็งแกร่งพอ มันก็ไม่จำเป็นต้องใช้เคล็ดวิชาวิเศษชวนตะลึงใด ๆ ทั้งสิ้น เคล็ดวิชาสูงสุดนี้สามารถทำลายทุกวิชาด้วยหนึ่งเอกา!

สำหรับเยี่ยเซียวก็เช่นกัน

ไม่ว่าวิถีแห่งการฆ่าฟันจะโหดร้ายดุดันเพียงไร เขาก็สามารถหยุดมันได้ในหนึ่งกระบวนท่า!

“ฮึ!”

เยี่ยเซียวแค่นเสียงอย่างเย็นชา โทสะแทบคลั่งปรากฏบนใบหน้า

สองการโจมตีก่อนหน้า แม้จะถูกสะท้อนกลับโดยซูอี้โดยไม่ก่อความเสียหายหนักหน่วงใด ๆ แต่มันก็ทำให้เขาอับอายยิ่ง

“ออกมา!”

เสียงของเขาดังลั่นดุจอัสนีสะท้านสู่โลกา

นิมิตนรกภูมิสีเลือดอันน่าหวั่นใจยิ่งปรากฏขึ้นเบื้องหลังเขา ภูเขาซากศพลอยเอื่อยขึ้นลงในธารโลหิต ปราณทำลายล้างปกปิดนภาตะวัน

นรกภูมิสังหาร!

อำนาจแห่งวงล้อวิญญาณมหาวิถีของเยี่ยเซียว!

หมัดของซูอี้ทะยานเข้าใกล้ ดูราวกับชกสู่ขุมนรกอันไร้ก้นบึ้ง

และทั่วร่างของซูอี้ก็เหมือนดั่งถูกปกคลุมด้วยเขตแดนซึ่งสร้างจาก ‘นรกภูมิสังหาร’ ทำให้เขาราวกับอยู่ในโลกาชุ่มเลือด แยกห่างจากสวรรค์และโลกหล้า

คลื่นโลหิตกระเซ็นซัด ซากศพระเกะระกะดุจพฤกษาในพนาไพร ปราณทำลายล้างอันน่าหวาดหวั่นแฉลบเปรี้ยงดุจสายฟ้าสะท้านทั่วแผ่ไพศาล

หากเปลี่ยนเป็นผู้ฝึกตนคนอื่น ๆ ในขอบเขตวงล้อวิญญาณมาถูกขังอยู่ในสถานที่เช่นนี้ คงไม่อาจอดกลั้นต่ออำนาจทำลายล้างกดดันเหล่านี้ จนดับสูญคาที่ในพริบตาเป็นแน่!

เพราะนี่คือการแปลความหมายสูงสุดแห่งวิถีการฆ่าฟันของเยี่ยเซียว จะเป็นพลังแบบที่หาได้ง่ายได้เช่นไร?

ตู้ม!

ทะเลโลหิตม้วนเกลียวคลื่นยักษ์ ซากศพนับไม่ถ้วนลอยขึ้นบนผิวนทีดุจฝูงปีศาจผุดพรายหมายร่วมสังหารซูอี้

ในขณะเดียวกัน คลื่นอสนีปราณทำลายล้างก็โรยตัวลงมา

“เขตแดนมหาวิถีแบบนี้นับได้ว่าชั้นเลิศ”

ซูอี้ลอบกล่าว

เขาดูเยือกเย็น ไม่รีบร้อน และฟาดแขนเสื้อเข้าใส่

ปรากฏพลังมหาวิถีลี้ลับลอยวนรอบกายเขา สร้างเป็นลำแสงมหาวิถีทรงกลมอันมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า

ลำแสงมหาวิถีทรงกลมนั้นค่อย ๆ หมุนดุจจานบด

ตู้ม!

คลื่นคลั่งสีเลือดพุ่งออกมาปะทะลำแสงมหาวิถีของซูอี้ดุจพายุคลั่งซัดหาดทราย ทว่าสุดท้ายก็ทำได้เพียงถอยกลับอย่างเปล่าประโยชน์

ซากศพที่ดูราวอสุรกายเดินขบวนถูกบดขยี้ทำลายศพแล้วศพเล่า ร่างของพวกมันแหลกระเบิด แปรเปลี่ยนเป็นปราณทำลายล้างสลายหาย

กระทั่งอัสนีปราณทำลายล้างจากเวหายังไม่อาจทำลายลำแสงมหาวิถีบนร่างซูอี้ได้!

หากมองจากไกล ๆ ร่างของซูอี้แข็งแกร่งดั่งหิน ต้านทานสายลมทั่วสารทิศโดยไร้การเปลี่ยนแปลง!

“ไร้ประโยชน์ ในนรกภูมิสังหารนี้ ข้าคือนายแห่งสวรรค์ ผู้ควบคุมสรรพสิ่ง!”

เสียงหัวเราะของเยี่ยเซียวดังขึ้น

เท้าของเขาเหยียบย่ำลงบนทะเลโลหิต แข็งแกร่งไม่อาจเทียบกับสายฟ้าจากเวหา เกินกว่าจะจินตนาการฝีมือในนรกภูมิสังหารนี้

ยอดฝีมือจากตระกูลเยี่ยทุกคนบนที่ราบจันทร์เพ็ญต่างตื่นเต้นกระปรี้กระเปร่าอีกครั้ง

นรกภูมิสังหาร!

นี่นับได้ว่าเป็นวงล้อวิญญาณมหาวิถีอันยอดเยี่ยงที่สุดในภูมิคังเสวียน กระทั่งตัวตนในระดับจักรพรรดิมาเห็นยังตะลึงเปี่ยมคำชม

อากัปกิริยาของจักรพรรดิในตระกูลเยี่ยนั้นยิ่งคาดเดาได้ง่าย เมื่อใดที่เยี่ยเซียวก้าวเข้าสู่ระดับจักรพรรดิ เขาจะเจิดจรัสเฉิดฉายท่ามกลางระดับจักรพรรดิด้วยมรดกของเขาเป็นแน่!

“สะบั้น!”

กระบี่ระอาสวรรค์ในมือขวาของเยี่ยเซียวพลันฟาดฟันลงพร้อมเสียงครางฮืม

ตู้ม!

ปราณกระบี่ทะลวงเวหา ราวกับแทนประกาศิตผู้ครอบครองวิถีการฆ่าฟัน

“ก็แค่เขตแดนที่สร้างจากวงล้อวิญญาณวงเดียว เจ้าก็อ้างตนเป็นเจ้าฟ้านายสวรรค์ได้แล้วหรือ?”

ซูอี้หัวเราะอย่างทึ่มทื่อ “หากเช่นนั้น ข้าจะให้นายแห่งสวรรค์เยี่ยงเจ้าพ่ายแพ้ในหนทางที่ภาคภูมิที่สุดแล้วกัน!”

วาจาเพิ่งเอื้อนเอ่ย ซูอี้ก็กระทืบเท้า อำนาจไร้คู่เปรียบระเบิดออกสั่นสะเทือนทั่วนรกภูมิสังหาร

มือขวาของเขายื่นออกมาฟาดใส่อากาศ

ฝ่ามือเรียวขาวดูบางเบาไร้พลัง ทว่าปราณกระบี่ซึ่งทะยานฟันเข้าใส่มันกลับแหลกสลายดุจถูกค้อนแห่งทวยเทพฟาดใส่

เยี่ยเซียวสีหน้าเปลี่ยนแปร

ก่อนที่เขาจะทันได้เปลี่ยนกระบวนท่า ร่างสูงของซูอี้ก็กระโดดขึ้น

เขายกมือขึ้นและกระแทกใส่สุญญะตรงหน้าเขากะทันหัน

ตู้ม!!!

ปราณดาบสว่างไสวแผดเผานับไม่ถ้วนผุดขึ้นราวเขื่อนนทีสวรรค์ทะลักไหล โปรยปรายลงมาอย่างยิ่งใหญ่ทรงพลัง

นรกภูมิสังหารพลันสั่นสะท้านรุนแรง

ทะเลโลหิตไร้ประมาณถูกปราณดาบฉีกกระชาก สับเป็นเสี่ยง ๆ นับไม่ถ้วน

อสนีทำลายล้างซึ่งปกคลุมทั่วนรกภูมิสังหารต่างถูกปราณดาบผงาดนภาป่นสูญ เกิดเป็นเสียงครืนโครม

คลื่นปราณดาบเชี่ยวกรากดุจทะเลคลั่ง แทบพลิกนรกภูมิสีเลือดกลับด้าน!

“บัดซบเอ๊ย!”

ใบหน้าวิจิตรของเยี่ยเซียวหมองคล้ำ จากนั้นเขาก็ฟันกระบี่ออกไป

ทว่ายามนั้นเอง เขาก็ถูกปราณดาบอันแข็งแกร่งฟาดจนซวนเซถอยหลัง กระบี่ระอาสวรรค์ในมือของเขาสั่นไหวรุนแรง โลหิตเต้นตุบ

“ปราณดาบแข็งแกร่งมาก เป็นพื้นฐานมหาวิถีที่น่าอัศจรรย์ยิ่งนัก!”

เยี่ยเซียวอดแสดงสีหน้าตะลึงไม่ได้

แม้เขาจะเป็นฆาตกรผู้โด่งดังในภูมิคังเสวียน แต่เขาก็ห่างไกลจากคำว่าโง่มากนัก

ยามนี้ เขาจะไม่ประจักษ์แจ้งได้เช่นไรว่าแม้ซูอี้จะเป็นผู้อยู่ในขอบเขตสยายวิญญาณ แต่พื้นเพและพลังมหาวิถีของอีกฝ่ายสูงล้ำเหนือกว่าเขาไกลลิบ?

สิ่งนี้ทำให้เยี่ยเซียวรู้สึกไม่อยากเชื่อเล็กน้อย

เขาเคยคิดว่าตนสร้างพื้นฐานอันแข็งแกร่งไร้เทียมทานที่สุดในวิถีวิญญาณ กระทั่งผู้อาวุโสในตระกูลยังเคยกล่าวอย่างแน่ใจว่าในเก้ามหาแดนดิน เขาสามารถแข่งขันกับกลุ่มเต๋าขุมกำลังระดับสูงสุดเหล่านั้น ผงาดอหังการค้ำฟ้าได้อย่างเท่าเทียม!

ทว่ายามนี้ กลับปรากฏชายหนุ่มผู้หนึ่งในวิถีวิญญาณผู้สามารถหยุดยั้งเขาครั้งแล้วครั้งเล่าได้โดยมือเปล่า!

เยี่ยเซียวจะไม่ตกใจกับเรื่องนี้ได้เช่นไร?

ตู้ม!

โดยไม่รีรอให้เยี่ยเซียวครุ่นคิด ทั่วนรกภูมิสีเลือดส่งเสียงสะท้านเลือนลั่น ตามด้วยเสียงระเบิดดังเปรี้ยง

คลื่นกระฉอกคลั่ง ปราณดาบพลิกพลิ้ว

มันระเบิดรุนแรงเป็นเส้นตรงดุจภูเขาไฟใต้นภา พื้นที่รายล้อมพังทลายปั่นป่วน

ร่างของเยี่ยเซียวทะยานถอยหลัง กระเด็นไปบนอากาศร้อยจั้งอย่างไร้ควบคุม

เมื่อร่างของเขายืนหยัดได้อีกครั้ง ใบหน้าวิจิตรของเขาก็ซีดขาว ปรากฏโลหิตทะลักย้อยจากริมฝีปาก!

บนที่ราบจันทร์เพ็ญ

ยอดฝีมือจากตระกูลเยี่ยทั้งหลายต่างอึ้งตะลึงราวถูกสายฟ้าฟาด หน้าซีดอย่างหวาดกลัว

นรกภูมิสังหารถูกทำลายแล้วหรือ!?

ซ้ำ เยี่ยเซียวยังดูพลาดท่าอย่างหนักหน่วง!

ภาพเหล่านี้ล้วนแต่ล้มล้างความรู้ ความเข้าใจและจินตนาการของเหล่ายอดฝีมือจากตระกูลเยี่ย ทำให้พวกเขาตะลึงอึ้งกับที่

ควรค่าจดจำว่าเยี่ยเซียวไม่เคยปราชัยนับแต่ก้าวสู่วิถีวิญญาณในภูมิคังเสวียน!

ไม่เคยเพลี่ยงพล้ำถึงเพียงนี้!

“เยี่ยจิ่นจือ ก่อนหน้านี้เจ้าเคยบอกว่าซูอี้แข็งแกร่งเหลือคณานับ ข้ายังคงเคลือบแคลงอยู่บ้าง ทว่ายามนี้ ดูเหมือนสิ่งที่เจ้าพูดช่างถูกต้องยิ่งนัก”

เยี่ยอวิ๋นหลันพึมพำด้วยสีหน้าเต็มไปด้วยความโล่งใจและตื่นเต้น

เยี่ยจิ่นจือ “…”

นางแค่ยกยอซูอี้เพื่ออวยชัยแก่ความแข็งแกร่งของเยี่ยเซียว ทว่าใครเล่าจะคิดว่ามันจะกลับกลายเป็นคำประชดที่เยี่ยอวิ๋นหลันใช้คืนสนองต่อนาง!

ทว่านางไร้อำนาจโต้เถียง

นรกภูมิสังหารถูกทำลาย เยี่ยเซียวก็บาดเจ็บ ซึ่งส่งผลกระทบมหาศาลต่อจิตใจของนาง นางทำได้เพียงสั่นเทาโดยไม่อาจควบคุม

“ดูเหมือนวงล้อวิญญาณมหาวิถีเช่นนี้จะดีจริงแท้ แต่ดังเช่นที่ข้าว่า พลังเช่นนี้หาได้อยู่ในสายตาข้าไม่”

ใต้ท้องนภา คลื่นทำลายล้างมลายสิ้น สะท้อนภาพเพียงร่างแข็งแกร่งของซูอี้

อาภรณ์สีเขียวของเขากระพือพัด ไร้รอยขีดข่วนด่างดำ อาบแสงจากนภาดุจเทพเซียน

“ไม่อยู่ในสายตา?”

เยี่ยเซียวสูดหายใจลึก มองลงมายังกระบี่ระอาสวรรค์ในมือ จากนั้นก็ถอนหายใจเบา ๆ

“จริงอยู่ ในด้านการฝึกฝนและพลังมหาวิถี ต่อให้ข้าไม่อยาก ก็ต้องยอมรับว่าเจ้าแข็งแกร่งกว่าข้า”

กล่าวถึงตรงนี้ เขาก็เงยหน้ามองซูอี้ซึ่งอยู่ไกลออกไป และพลันฉีกยิ้มกล่าวว่า “การได้พบพานคู่ต่อสู้เช่นเจ้าคุ้มค่าแล้วต่อการมายังโลกนี้ของข้า นี่คือสิ่งอันน่าประหลาดใจที่สุดที่ข้าได้พบในมหาทวีปคังชิง!”

สุรเสียงสะท้านก้องโลกา

ทุกผู้ตะลึงงัน หัวใจแกว่งไปมา

ยามนี้ เยี่ยเซียวผู้ดูเยือกเย็นได้เผยความบ้าคลั่งชวนใจเต้นไม่เป็นส่ำออกมา

กระทั่งเยี่ยอวิ๋นหลันยังรู้สึกหนาวเยือกในใจ

เขาตระหนักแล้วว่าเยี่ยเซียวระเบิดโทสะโดยสมบูรณ์!

“สำหรับข้า พลังต่อสู้ของเจ้าทำให้ข้าผิดหวัง”

ซูอี้ส่ายหัวเล็กน้อย

เขาไม่ได้กำลังประชด หลังจากที่ได้ยินเยี่ยอวิ๋นหลันพรรณนาถึงเยี่ยเซียวก่อนหน้านี้ เขายังคาดหวังอยู่บ้างว่าในที่สุดจะได้พบคู่มือผู้คู่ควรเสียที

ทว่า หลังเข้าสู่ขอบเขตสยายวิญญาณ ตัวตนเช่นเยี่ยเซียวก็ไม่ใช่ภัยคุกคามสำหรับเขาอีกต่อไป…

“ผิดหวัง?”

เยี่ยเซียวกล่าวยิ้ม ๆ “ผิดหวังก็ไม่เป็นไรหรอก เพราะวันนี้… จะเป็นวันตายของเจ้า!”

เสียงหัวเราะนั้นเฉียบขาดและบ้าคลั่ง

เสียงยังคงสะท้านก้อง ทว่าปราณในกายของเขาเดือดพล่านทั่วร่าง สายรุ้งทิพย์สีเลือดพลุ่งพล่านน่าหวาดหวั่นผุดขึ้นสู่นภา

พลังของเขาไต่ระดับทะลวงฟ้า!

กระบี่ระอาสวรรค์ในมือเยี่ยเซียวดูราวลุกไหม้ขึ้นได้

ยอดฝีมือจากตระกูลเยี่ยบนที่ราบจันทร์เพ็ญต่างอกสั่นขวัญแขวน

สีหน้าของเยี่ยอวิ๋นหลันแปรเปลี่ยนอย่างมหันต์ และเอ่ยเตือนเสียงดัง “ระวังด้วย! เยี่ยเซียวปลดผนึกสะกดมารจากกระบี่ระอาสวรรค์แล้ว มันผนึกพลังตกทอดในระดับจักรพรรดิไว้!”

สุ้มเสียงนั้นกังวานก้องทั่วสารทิศ

“มาเตือนเอาตอนนี้ สายไปแล้วล่ะ”

เยี่ยเซียวหัวเราะลั่น

เขาก้าวสู่อากาศ และฟาดฟันในทันใด

ทันใดนั้น ท้องนภาและผืนหล้าพลันมืดดำราวตกสู่รัตติกาลอันมืดมิด จิตสังหารชวนขนลุกปกคลุมผืนฟ้าดุจกระแสคลื่น

ต้นท้อนับไม่ถ้วนบนหุบเขาสิ้นวีรชนพลิ้วไหวโรยรา เปลี่ยนเป็นกลีบดอกไม้ร่ายรำทั่วเวหา

ไม่ว่าเยี่ยอวิ๋นหลันหรือยอดฝีมือคนอื่น ๆ จากตระกูลเยี่ยต่างตกใจหวาดกลัว

ขณะตกสู่ภวังค์ พวกเขาเหมือนเห็นว่าใต้กระบี่ของเยี่ยเซียวดูจะปรากฏร่างกำยำอันเต็มไปด้วยปราณในระดับจักรพรรดิกระโดดเข้าใส่ปราณดาบอันกว้างไกลและฟาดฟันลง

กระบี่นี้ไม่อาจบรรยายความน่ากลัวของมันได้ ดูมันจะสามารถสะบั้นโลกาแยกท้องนภา ถล่มบรรพตกลบลำธารได้

“สายเกินไปจริง ๆ…”

ซูอี้เคลื่อนไหวพลางกระซิบกับตนเอง

เคร้ง!

เสียงประดาบดังระรัวดุจเกลียวคลื่น

ดาบนิลกาฬบริสุทธิ์ปรากฏขึ้นในมือขวา และเมื่อร่างของซูอี้พลิ้วไหวผ่านเวหา ปราณดาบสายหนึ่งก็ทะยานลงจากฟ้า

กาลเวลาเหมือนหยุดนิ่ง

ฟ้าดินรายล้อมดูจะเป็นเหมือนผืนผ้าใบวาดภาพซึ่งปรากฏรอยแตกร้าวเป็นเส้นตรง

ทุกแห่งหนที่รอยแตกเคลื่อนผ่าน ทั้งปราณกระบี่ของเยี่ยเซียว ด้ามกระบี่และกลางอกของเขาล้วนถูกสะบั้นขาด

และร่างของซูอี้ก็ยืนอยู่เบื้องหลังเยี่ยเซียวสิบจั้ง

ดาบนิลกาฬบริสุทธิ์ในมือเขาเรืองแสงฉาบสีโลหิตเรื่อ ๆ

จากนั้น…

โลกาซึ่งเป็นดั่งผืนผ้าใบถูกตัดสะท้านเสียงกัมปนาทราวนภาถล่มลงมา

ปราณกระบี่ที่เยี่ยเซียวฟันออกมาสลายหาย

กระบี่ระอาสวรรค์ในมือเยี่ยเซียวถูกปัดกระเด็นไปพร้อมเสียงครวญหวีดหวิว

ร่างของเยี่ยเซียวถูกสะบั้นช่วงอกเป็นสองท่อน โลหิตทะลักไหลจากส่วนที่ขาดจากกัน

ทั่วหล้าฟ้าดินดุจภาพวาด และหนึ่งดาบสะบั้นมันเป็นสองเสี่ยง!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด