บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] 396: มองไปรอบ ๆ ไร้คู่แข่งสมน้ำสมเนื้อ

Now you are reading บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] Chapter 396: มองไปรอบ ๆ ไร้คู่แข่งสมน้ำสมเนื้อ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 396: มองไปรอบ ๆ ไร้คู่แข่งสมน้ำสมเนื้อ

ตอนที่ 396: มองไปรอบ ๆ ไร้คู่แข่งสมน้ำสมเนื้อ

ณ ยอดเขาภูเขาฝังศพ

เมื่อเห็นสายตาของซูอี้ที่มองมา ราชาจี้เหยียนเหลยพลันขนลุกไปทั่วร่าง ในขณะเดียวกันก็เกิดความรู้สึกอัปยศอดสูอย่างอธิบายไม่ได้

เขาคือผู้ฝึกตนขอบเขตวงล้อวิญญาณสูงส่ง แข็งแกร่งกว่ามารเฒ่าหลีฮั่วกับปีศาจเฒ่าสือกู่ไปขั้นหนึ่ง เมื่อสามหมื่นปีก่อน คือบุคคลระดับสูงสุดรองจากขอบเขตจักรพรรดิ

แต่เวลานี้ กลับถูกเจ้าหนุ่มขอบเขตไร้เบญจธัญทำให้ตกใจกลัว!

นี่เรียกว่าสถานการณ์แข็งแกร่งกว่าตัวบุคคล

แม้จะถูก ‘การจองจำแห่งยุคมืด’ กดทับเอาไว้ แต่เขาก็มีความอดทนมากมาย หากแต่ก็ยังคงเป็นเหมือนลูกแกะที่รอให้คนมาเชือดและจูงจมูก

“ไป!”

เมื่อเห็นซูอี้พุ่งทะยานเข้ามา ราชาจี้เหยียนเหลยจะนั่งเฉย ๆ ได้อย่างไร เขาจึงตะโกนออกไปทันที

ตูม!

บนภูเขาฝังศพ โซ่ตรวนขนาดใหญ่ราวกับมังกรสี่เส้นพุ่งขึ้นมา ในขณะเดียวกันซากศพโบราณที่ถูกโซ่ตรวนพันเอาไว้ ต่างทยอยตื่นขึ้นมาจากความเงียบสงัด

เคร้ง!

ซากศพโบราณสามเศียรหกแขน ด้านหลังมีปีกเคลื่อนไหวเป็นตัวแรก พลางส่งเสียงคำรามสะเทือนเลือนลั่นไปทั่ว พลันดิ้นหลุดจากโซ่ตรวนและพุ่งออกมาทันที

ร่างมันอาบไปด้วยไอชั่วร้ายสีแดง ดวงตาแดงฉาน แขนทั้งหกกวัดแกว่งทับกัน ก่อตัวเป็นผนึกสีเลือดออกมา

ตูม!

ผลึกสีเลือดแปรสภาพเป็นหัวกระโหลกสีเลือดขนาดใหญ่หลายสิบจั้ง อ้าปากกลืนซูอี้เข้าไป

ผนึกกระโหลกโลหิต!

เป็นวิชาหายากของสายผู้ฝึกผี หากถูกกัด ก็จะถูกพิษในเลือดศพ กลายเป็นหุ่นเชิดไร้จิตวิญญาณ และตายคาที่

ชิ้ง!

ซูอี้ตวัดดาบ หัวกะโหลกสีเลือดขนาดใหญ่หลายสิบจั้งถูกฟัน และฉีกขาดอยู่กลางอากาศ เหมือนกับกระดาษเปียก

ปราณดาบนั้นค่อนข้างรวดเร็วและดุดัน ประหนึ่งมีอานุภาพไร้เทียมทาน

และจากนั้น ซากศพโบราณที่ดิ้นหลุดจากโซ่ตรวนก็พุ่งเข้ามาโจมตีครั้งแล้วครั้งเล่า

แบ่งเป็นสิ่งมีชีวิตยาวขนาดหนึ่งร้อยจั้ง ลำตัวท่อนบนปกคลุมไปด้วยเกล็ดสีทอง และลำตัวส่วนล่างเป็นหางของงู

ซากศพโบราณไม่มีหัว สวมจีวรที่ชโลมไปด้วยเลือด

นักบวชเต๋าที่สวมมงกุฎดอกบัว ทรวงอกถูกแยกออก

ไม่รู้ว่าซากศพทั้งสามตายมานานกี่ยุคสมัย กลิ่นอายปีศาจทั่วร่างน่าสยดสยอง ไอชั่วร้ายพุ่งสู่น่านฟ้า และซากศพทั้งสามก็พุ่งไปสังหารซูอี้พร้อมกับซากศพสามเศียรหกแขน

ตู้ม!

พวกเขาโจมตีพร้อมกัน แสงชั่วร้ายโหมกระพือไปทั่วน่านฟ้า

นี่คือท่าไม้ตายของราชาจี้เหยียนเหลย ซากศพทั้งสี่ต่างก็เป็นผู้ฝึกตนวิถีวิญญาณที่ถูกเขาสังหารในปีนั้น ถูกเขาใช้วิชาลับกลั่นออกมา และเลี้ยงไว้บนภูเขาฝังศพ

และหลายยุคสมัยมานี้ บนตัวซากศพโบราณทั้งสี่ได้ปนเปื้อนไปด้วยพลัง ‘การจองจำแห่งยุคมืด’ ไปส่วนหนึ่ง

หากเปลี่ยนคู่ต่อสู้เป็นผู้ฝึกตนอื่นบนโลกสามัญนี้ แม้จะเป็นบุคคลระดับขอบเขตวงล้อวิญญาณ หากอาศัยพลังของซากศพโบราณทั้งสี่ ก็เพียงพอแล้วที่จะชนะได้

คราแรกราชาจี้เหยียนเหลยตั้งใจจะควบคุมซากศพโบราณทั้งสี่นี้ยึดอำนาจไปทั่วใต้หล้าหลังจากที่หลุดพ้นไปแล้ว

ทว่ายามนี้ กลับต้องใช้พลังทั้งหมด

“อันมดแดงฤา จะหาญขย่มต้นไม้ใหญ่?”

ซูอี้มีสายตาเย็นชา พลางแกว่งดาบออกไป

ตูม!

ดาบบรรพตสูงตระหง่านโผล่ขึ้นมาจากปฐพีทีละลูก ๆ อานุภาพแห่งพลังห้าธาตุ แฝงไปด้วยแสงศักดิ์สิทธิ์เจิดจ้าแสบตา กดทับลงมาสู่เบื้องล่าง

เขตแดนมหาดาบเบญจธาตุ!

เมื่อมองไกล ๆ คล้ายภูเขาศักดิ์สิทธิ์ห้าลูกโบราณมาถึงโลก อานุภาพหนักหน่วงมหาศาลนั้น กดทับอากาศจนสนั่นปั่นป่วน

และดาบนี้ก็แฝงไปด้วยลมปราณของดาบเก้าคุมขังเช่นเดียวกัน

ตูม!

ตนแรกคือสิ่งมีชีวิตยาวขนาดหนึ่งร้อยจั้ง ลำตัวท่อนบนปกคลุมไปด้วยเกล็ดสีทอง และลำตัวส่วนล่างเป็นหางของงูประสบกับหายนะ ถูกดาบบรรพตบดร่างจนแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ

ตามมาด้วย สิ่งมีชีวิตสามเศียรหกแขน หลวงจีนไม่มีหัว นักพรตเต๋าที่สวมมงกุฎดอกบัว ต่างก็ถูกภูเขาขนาดใหญ่บดขยี้ ร่างกายแหลกละเอียด ราวกับกระดาษเปียก พังทลายไปหมดสิ้น

ด้วยดาบเล่มเดียว สังหารซากศพโบราณทั้งสี่!

ภาพดุจดั่งผ่าไม้ไผ่นี้ ทำให้ราชาจี้เหยียนเหลยตกใจ แทบจะไม่สนความเจ็บปวด พลางตะโกนออกไป

“สหายตัวน้อย เจ้าควรเข้าใจ ตัวข้าไม่เคยมีเจตนาคิดจะสังหารเจ้า และยังขวางการโจมตีของมารเฒ่าหลีฮั่วเพื่อช่วยเจ้าด้วย เวลานี้ เจ้าคงมิอาจไร้ความเมตตา ไม่ไว้ชีวิตข้าหรอกใช่หรือไม่?”

น้ำเสียงของราชาจี้เหยียนเหลยยังคงลุกลนและกระวนกระวานใจเช่นเดิม

“น่าขันนัก การกระทำของเจ้าในตอนนั้นก็เพื่อแย่งโอกาสไป แล้วมันจะเป็นความเมตตาจริง ๆ ได้อย่างไร?”

ขณะที่ซูอี้เอ่ย ร่างของเขาก็ทะยานไปถึงภูเขาฝังศพ พลางกวัดแกว่งดาบไปทางราชาจี้เหยียนเหลย

คล่องแคล่วเด็ดขาด ไม่มีความลังเลเลยแม้แต่น้อย

ปราณดาบนั้น ขจัดหมอกมืดสลัวทั้งหมดบนภูเขาฝังศพออกไป และส่องแสงให้น่านฟ้าผืนนั้นสว่างเจิดจ้าไปทั่ว

“ข้าจะสู้ตายกับเจ้า!”

ราชาจี้เหยียนเหลยแผดเสียงคำรามออกมา

ลมปราณทั่วร่างเขาระเบิดออกทันที สายฟ้าสีเลือดของปีศาจถูกปลดปล่อยออกมาราวกับภูเขาเผาไหม้ และทะลักออกมาจากร่างเขาอย่างบ้าคลั่ง

แค่ชั่วพริบตาเดียวเท่านั้น พลัง ‘การจองจำแห่งยุคมืด’ ที่พันอยู่บนร่างของเขาก็แสดงอานุภาพ และยั้บยั้งร่างของเขาอย่างรุนแรง ราวกับโซ่ตรวน

“อ๊าก!”

ราชาจี้เหยียนเหลยแผดเสียงคำรามออกมาด้วยความเจ็บปวด เนื้อหนังปริออก กระดูกสีขาวเผยออกมาให้เห็น

เขาทุ่มสุดตัวแล้วจริง ๆ พลางกระตุ้นสายฟ้าสีเลือดทั้งหมด ผ่าออกไป!

เปรี้ยง! เปรี้ยง! เปรี้ยง!

ปราณดาบที่ซูอี้กวัดแกว่งออกไป ระเบิดอยู่กลางอากาศไปทีละน้อย

เมื่อเห็นสายฟ้าสีเลือดอันน่าสะพรึงกลัวจะพุ่งเข้ามา ซูอี้ก็อดหัวเราะเยาะออกมาไม่ได้ พลางหลบเลี่ยงออกไป

และการโจมตีของจี้เหยียนเหลย ก็ไร้ผล

“สังหาร!”

ราชาจี้เหยียนเหลยไม่ยอม ทว่าทันทีที่จะโจมตีต่อ ร่างทรงพลังนั้นก็พลันสั่นไหวทันที

จากนั้น ทั่วร่างเขาราวกับถูกจุดประทัด ส่งเสียงระเบิดดังออกมา เห็น ‘การจองจำแห่งยุคมืด’ แสดงอานุภาพออกมา บุกรุกเข้าไปภายในร่างเขาอย่างต่อเนื่อง ราวกับคมมีดที่ทิ่มแทงเข้าไป เปลี่ยนร่างของเขาให้เต็มไปด้วยรูพรุน

สุดท้าย ซูอี้ก็ไม่จำเป็นต้องลงมือทำสิ่งใด ราชาจี้เหยียนเหลยก็ถูกการจองจำแห่งยุคมืดคร่าชีวิตไป!

ก่อนตาย สายตาเขาที่มองไปทางซูอี้ยังคงมีความไม่ยินยอมและความเกลียดชังเช่นเดิม

ทว่าซูอี้ไม่สนใจเรื่องเหล่านี้ แค่ฆ่าแมลงตัวหนึ่งตาย ใครจะสนอารมณ์ก่อนที่มันจะตายกัน?

“ตายอีกคนหนึ่งแล้ว…”

หญิงสาวที่อยู่บนไหล่วานรยักษ์ขาวมีสายตาวูบไหว ด้วยความตกใจ เคลือบแคลง รวมถึงหวาดกลัวที่อธิบายออกมาไม่ได้ปนเปกันไป

นางย่อมมองออก ที่ซูอี้สามารถจัดการเรื่องต่าง ๆ ได้อย่างราบรื่น ไม่ใช่เพราะเขามีพลังน่าสะพรึงกลัวมากมายหลังจากบรรลุขั้น แต่เป็นเพราะเขาไม่เกรงกลัว ‘การจองจำแห่งยุคมืด’ นั่นเลยแม้แต่น้อย!

ความจริงแล้ว ซูอี้สังหารตัวตนอันน่าสะพรึงกลัวเหล่านั้น ด้วยเล่ห์เหลี่ยม

แต่เมื่อถามใจตัวเองดู ทั่วใต้หล้านี้ ผู้ใดจะไม่มี ‘เล่ห์เหลี่ยม’ กันบ้าง?

“ฮ่า ๆๆ รู้สึกดีจริง ๆ”

ดวงตาคู่งามของฮวาซิ่นเฟิงวาดโค้งกลายเป็นพระจันทร์เสี้ยว รู้สึกเหมือนกับได้ดื่มซุปดอกบัวเย็นในวันที่อากาศร้อนอบอ้าว ทุกรูขุมขนทั่วร่างผ่อนคลายอย่างมาก

“เหตุใดถึงไม่หนี?”

หลังจากซูอี้กลับมาจากภูเขาฝังศพ สายตาของเขาก็มองไปทางเรือเก็บดาวที่อยู่ไกล ๆ และรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย

ก่อนหน้าที่เข้าสังหารปีศาจเฒ่าสือกู่ มารเฒ่าหลีฮั่ว และราชาจี้เหยียนเหลยติดต่อกัน แม้มันจะค่อนข้างรวดเร็ว ทว่าสำหรับผู้มีฝีมือ ย่อมสามารถหลบหนีไปในช่วงเวลานี้ได้

แต่ซิงเหิงที่อยู่บนเรือเก็บดาวกลับไม่หนี

“ข้าอยากจะลองพนันสักรอบหนึ่ง”

น้ำเสียงราบเรียบของร่างสูงผอมบนเรือเก็บดาวดังขึ้น “ก่อนหน้านี้ ข้าให้โอกาสสหายเต๋ากับแม่นางผู้นั้นมีชีวิตรอดออกไปจากที่นี่ และข้าเชื่อว่าสหายเต๋าก็จะให้หนทางรอดแก่ข้าเช่นกัน”

ซูอี้ส่งเสียงตอบรับเป็นอันเข้าใจออกมา พลางพุ่งไปทางเรือเก็บดาว

ภาพนี้ ทำให้ซิงเหิงรู้สึกกังวลออกมาอย่างชัดเจน แสงเจิดจ้าบนเรือเก็บดาวกระเพื่อมขึ้นมาทันที

ทว่าเมื่อห่างจากเรือเก็บดาวไปสิบจั้ง ซูอี้ก็หยุดอยู่กลางอากาศ พยักหน้าพลางเอ่ย “เจ้าพูดถูกต้องแล้ว แม้ที่เอ่ยตอนนั้นจะมีท่าทีถือตัว แต่ก็นับว่ามีศักดิ์ศรี”

ในการต่อสู้ก่อนหน้านี้ ซิงเหิงผู้นี้ไม่เคยลงมือใด ๆ เลย

บางทีเขาอาจจะรอเวลานี้ หรือไม่ก็มีแผนการอื่น แต่เมื่อเทียบกับอีกสามคน ท่าทางเช่นนี้นับว่าเหมาะสม

นี่คือเหตุผลที่ว่าทำไมซูอี้ถึงจัดการคนผู้นี้เป็นลำดับสุดท้าย

“เอาเช่นนี้หรือไม่? บอกเหตุผลที่ข้าจะไม่สังหารเจ้ามา หากสามารถทำให้ข้าพอใจ วันนี้ข้าจะปล่อยให้เจ้ามีชีวิตรอด”

ซูอี้ครุ่นคิดพลางเอ่ยขึ้น

ซิงเหิงเงียบไปทันที

บรรยากาศเงียบสงัด กดดันจนทำให้รู้สึกหายใจไม่ออก

ใครก็รู้ดี คำพูดที่จะออกมาจากปากซิงเหิงต่อจากนี้ คือตัวตัดสินความเป็นความตายของเขา!

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว

เป็นเวลานาน ซิงเหิงถึงได้เงยหน้าขึ้น แววตาคมกริบดุดันทำให้คนรู้สึกกลัว และเอ่ยว่า

“รอข้าหลุดพ้นเมื่อใด เมื่อมีโอกาสได้โจมตีสหายเต๋า ก็จะให้ทางรอดแก่สหายเต๋าเช่นกัน เหตุผลนี้เป็นอย่างไร?”

น้ำเสียงเรียบนิ่ง ดังก้องไปทั่ว

คำตอบนี้ ทำให้หญิงสาวที่อยู่บนไหล่วานรยักษ์ขาวจดจ่อขึ้นมาทันที เหตุผลนี้… จะต่างอะไรกับการแกว่งเท้าหาเสี้ยน?

ที่สำคัญคือ สถานการณ์แข็งแกร่งกว่าตัวบุคคล เวลานี้ ควรก้มหัวถึงจะสามารถแลกทางรอดได้ไม่ใช่รึ?

ซูอี้กลับหัวเราะออกมา ก่อนกล่าว “ดูเหมือน ในใจเจ้าจะรู้สึกไม่พอใจมาก คงคิดว่าข้าซูผู้นี้ใช้วิธีโกง ถึงได้มีพลังล้นฟ้าในยามนี้”

ซิงเหิงเอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “พรสวรรค์กับรากฐานของสหายเต๋ามีมากมายมหาศาล เรียกได้ว่าหาได้ยากในรอบหมื่นปี ทว่าอย่างที่สหายเต๋ากล่าวเมื่อครู่ สิ่งที่เจ้าทำอยู่ในเวลานี้ ไม่ได้อาศัยพลังแท้จริงกับการฝึกฝนที่อยู่บนตัวเจ้าเลย”

คล้ายกับซูอี้จะยิ้มก็ไม่ยิ้ม และเอ่ย “วิธีการยั่วยุเช่นนี้ ค่อนข้างอ่อนด้อย เจ้ามีชีวิตมาตั้งหลายปีควรจะเข้าใจดี การต่อสู้ของผู้ฝึกฝนบนโลกนี้ ไม่มีความยุติธรรมมาแต่ไหนแต่ไรแล้ว”

“ก่อนหน้านี้ หากข้าไม่มีความเชี่ยวชาญมากพอจะทำลายการจองจำแห่งยุคมืด แล้วพวกเจ้าจะไม่ใช้การจองจำแห่งยุคมืดเลยหรือไร? หากเป็นเช่นนี้ พวกเจ้าที่ถูกกักขังคงไม่มีโอกาสลงมือสังหารข้าได้เลย”

“ยิ่งไปกว่านั้น ข้ามีระดับการฝึกฝนแค่ขอบเขตไร้เบญจธัญ”

เมื่อเอ่ยมาถึงตรงนี้ ซูอี้ก็เอ่ยถามอย่างจริงจัง “ยามนี้ เจ้ายังรู้สึกไม่พอใจ? ไม่ยุติธรรม? และเจ็บใจอยู่อีกรึ?”

ซิงเหิงเงียบไป

เมื่อเผชิญหน้ากับความจริงเช่นนี้ เขาก็ไม่มีแรงไปโต้กลับ

“ลงมือเถิด”

สุดท้าย ซิงเหิงก็พ่นคำพูดนี้ออกมาเบา ๆ

ซูอี้ส่ายหน้า “เห็นแก่ก่อนหน้านี้ที่เจ้าไม่ลงมือใด ๆ ข้าสามารถให้โอกาสเจ้ามาท้าทายข้าหลังจากนี้ได้ เมื่อถึงตอนนั้น นึกถึงตอนที่เจ้าถูกข้าสังหาร ก็คงจะรู้สึกเลื่อมใสอย่างสุดหัวใจแล้ว”

เมื่อเอ่ยจบ เขาก็โบกมือ “ไปเสีย”

ซิงเหิงชะงักค้าง เขารู้สึกไม่พอใจจริง ๆ และเตรียมสู้อย่างสุดกำลังแล้ว

แต่ไม่นึกเลยว่า ชายหนุ่มอย่างซูอี้ จะมีเมตตาในสถานการณ์ที่ได้เปรียบเช่นนี้

ทั้งหมดนี้ล้วนอยู่เหนือความคาดหมายของเขา

“หากเจอกันครั้งหน้า เมื่อข้ามีพลังพอที่จะสังหารเจ้า ข้าก็จะทำในสิ่งที่ข้ากล่าวเอาไว้ คือให้ทางรอดแก่เจ้า”

เมื่อเอ่ยจบ เรือเก็บดาวพลันสั่นไหว แสงเจิดจ้าสาดส่องไปทั่ว พาซิงเหิงทะยานออกไป ไม่นานก็หายลับไปอยู่เหนือน่านน้ำ

ซูอี้แค่ยิ้มออกมา พลางยกขวดน้ำเต้าขึ้นดื่ม

ไม่ว่าจะเป็นหญิงสาวที่อยู่บนไหล่วานรยักษ์ขาว หรือว่าฮวาซิ่นเฟิงที่เห็นภาพนี้กับตาตัวเอง ต่างก็คาดไม่ถึง

มิอาจเข้าใจว่า เหตุใดซูอี้ถึงได้ปล่อยอีกฝ่ายไป

สำหรับตัวซูอี้แล้ว มันง่ายมาก ไม่ง่ายเลยที่จะเจอนักดาบที่เข้าตา หากสังหารไป ก็น่าเสียดายแย่สิ!

…..

วันนี้คือวันที่หนึ่งต้นเดือนหก ปีที่สามร้อยเก้าสิบเก้าปฏิทินแห่งต้าโจว

ซูอี้ได้ทำลายมหาภัยพิบัติแปลกประหลาด ก้าวเข้าสู่ขอบเขตไร้เบญจธัญ กลายเป็นผู้ฝึกตนที่แท้จริงอยู่บนทะเลวิญญาณโกลาหล

ด้วยดอกไม้เบ่งบานสามพันดอก เขายืนอยู่กลางอากาศ ดื่มด่ำกับความสง่างามเพียงคนเดียว!

และวันนี้ เขาถือดาบทะยานไปยังน่านฟ้า ในระหว่างสนทนาพูดคุย ก็ได้สังหารปีศาจเฒ่าสือกู่ มารเฒ่าหลีฮั่ว และราชาจี้เหยียนเหลย

ด้วยสถานการณ์แวดล้อมอำนวย ทำให้ไม่มีศัตรูใดเทียบได้!

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *