บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] 725: อ่อนแอเกินไป

Now you are reading บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] Chapter 725: อ่อนแอเกินไป at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 725: อ่อนแอเกินไป

ตอนที่ 725: อ่อนแอเกินไป

ศีรษะปลิดปลิวขึ้นไปในอากาศ สีหน้าของเยี่ยจ่างฉุนเต็มไปด้วยความสับสนและงุนงง

ไม่คาดคิดเลยว่าตนเองจะตกตายเร็วเช่นนี้…

ซ่า!

ศีรษะและร่างไร้หัวร่วงหล่นลงยังทะเลสาบ คลื่นน้ำสีแดงโลหิตกระเพื่อมออกเป็นวงกลม

ทั่วทั้งสถานที่เงียบกริบ

ทันทีที่ดาบนิลกาฬบริสุทธิ์ของซูอี้ปรากฏออก มันทำลายอัสนีมรกตบนท้องฟ้าและสังหารเยี่ยจ่างฉุนไปพร้อม ๆ กัน!

กระบวนการทั้งหมดรวดเร็วแค่เพียงพริบตา

รวดเร็วถึงขนาดที่ว่ายามศีรษะของเยี่ยจ่างฉุนปลิดปลิว ทุกคนที่รับชมอยู่ต่างไม่มีเวลาแม้แต่จะโต้ตอบ

ฉากดังกล่าวเป็นสิ่งที่ไม่มีผู้ใดคาดถึงอย่างแท้จริง

เมื่อครู่นี้เยี่ยจ่างฉุนโคจรใช้อินเต๋าอัสนีมรกตอย่างสุดขีด พลังนั้นทรงพลังเสียจนทุกคนที่รับชมถึงกับหลั่งเหงื่อเย็นแทนซูอี้

มีกระทั่งหลายคนคาดเดาว่าซูอี้อาจจะประสบอันตรายก็เป็นได้

แต่ใครเล่าจะไปคิดว่าแม้กระทั่งยามที่เยี่ยจ่างฉุนเผยใช้ไพ่ลับก้นหีบของตน เขายังคงถูกซูอี้บั่นศีรษะไปอย่างง่ายดาย!

“ตายแล้ว!?”

ใครบางคนอุทานออกอย่างไม่อยากจะเชื่อ

ถัดจากนั้นคนอื่น ๆ ต่างก็พากันได้สติและตะลึงใจ

ตาย!

เยี่ยจ่างฉุนนั้นแข็งแกร่งเสียยิ่งกว่าหวนเทียนซูอย่างไม่อาจเทียบ แต่กลับถูกซูอี้สังหารเป็นร่างศพไร้หัว!

“เขา…”

สีหน้าของเสิ่นสุยอวิ๋นแปรเปลี่ยนไม่อาจควบคุมให้สงบได้ หัวใจเต้นระส่ำไม่เป็นจังหวะ

ดาบของซูอี้หาได้ซับซ้อน มันเรียบง่ายที่สุดแต่กลับมีพลังอันน่าสะพรึงสามารถบดขยี้ได้ทุกสิ่ง

สิ่งนี้ทำให้เสิ่นสุยอวิ๋นหวาดกลัว

แม้ว่าเขาจะไม่ต้องการ แต่เขาก็ต้องยอมรับว่าตนเองตกตะลึงกับการสังหารนี้…

“นี่คือทักษะดาบประเภทใดกัน?”

เยี่ยอวิ๋นหลันหยุดค้างอยู่กลางอากาศ คิ้วยกสูงดวงตาเบิกกว้างอันเนื่องจากตกตะลึง

เมื่อครู่นี้เขาโผบินขึ้นมาเพราะต้องการจะช่วยสนับสนุนซูอี้

ทว่าซูอี้ไม่ได้ให้โอกาสเขาได้ทำหน้าที่ลุงอย่างที่ควรกระทำเลย ในพริบตาซูอี้สังหารเยี่ยจ่างฉุนด้วยดาบเดียว!

“เป็นไปไม่ได้ มันเป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอน! ตัวตนขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณจะสามารถสังหารผู้อาวุโสเจ็ดได้อย่างไร…”

เยี่ยเสวี่ยถิงตกใจรุนแรง นางไม่เต็มใจที่จะยอมรับกับฉากที่เกิดและอุทานอย่างเสียสติ

“ตอนนี้เหลือเจ้าเพียงคนเดียวแล้ว”

ซูอี้หันกลับมามองที่เยี่ยเสวี่ยถิง

สำหรับเขาแล้ว การฆ่าเยี่ยจ่างฉุนและคนแซ่เยี่ยคนอื่น ๆ นั้นไม่มีอะไรแตกต่างจากการฆ่าหวนเทียนซูและผู้อื่นมากมายก่อนหน้านี้

เยี่ยเสวี่ยถิงซึ่งถูกจ้องมองโดยซูอี้สะดุ้งโหยงจนวิญญาณแทบหลุดออกจากร่าง ทั้งร่างกายของนางสั่นและใบหน้าที่สวยงามของนางเปลี่ยนเป็นซีดขาว

นางตัวสั่น “น… นายน้อยห้า เห็นแก่ที่เรามีสายเลือดเดียวกันเจ้าช่วยพูดให้ซูอี้ไว้ชีวิตข้าสักครั้งจะได้หรือไม่ ข… ข้าไม่อยากตายจริง ๆ…”

‘นายน้อยห้า’ เป็นสรรพนามเรียกของเยี่ยอวิ๋นหลัน

เยี่ยอวิ๋นหลันแสดงสีหน้าเย้ยหยันก่อนจะเอ่ยออก “เหอะ! เยี่ยเสวี่ยถิง อสรพิษเช่นเจ้ากลัวความตายเหมือนคนอื่นเขาด้วยหรือ?”โนเวลพีดีเอฟ

เยี่ยเสวี่ยถิงขอความเมตตา “นายน้อยห้าข้าผิดไปแล้วจริง ๆ ได้โปรดละเว้นให้ข้ามีชีวิตอยู่…”

ทว่ายังไม่ทันจะจบประโยคเสียงอันแจ่มชัดของดาบหนึ่งกังวานขึ้น

ทุกคนต่างแลเห็นว่าผู้ออกดาบคือซูอี้!

เยี่ยเสวี่ยถิงตื่นตระหนกเบิกตากว้างและรีบหนีโดยไม่ลังเล

“ซูอี้!! เจ้ารอดูได้เลยตระกูลเยี่ยของข้าไม่ปล่อยเจ้าไว้แน่!!!”

นางกรีดร้องสาปส่ง พร้อมกันนั้นนางก็ได้บดขยี้ยันต์ลับในมือ

ด้วยเสียงระเบิดดังปัง ม่านสีแสงเจิดจ้าปกคลุมทั้งร่างของนาง ก่อนจะพานางหายวับไปอย่างไร้ร่องรอย

“แม้ยันต์จักจั่นลอกคราบจะน่าทึ่ง แต่เจ้าคิดหรือว่าจะสามารถหลบหนีไปได้ทั้ง ๆ ที่อยู่ภายใต้อำนาจของค่ายกลจิ๋วติ่งพิทักษ์แดน?”

ซูอี้เยาะเย้ย

ทันใดนั้นอำนาจแห่งค่ายกลจิ๋วติ่งพิทักษ์แดนสำแดงออก ม่านพลังมหึมาปกคลุมทั้งเมืองในชั่วพริบตา!

ตูม!

ทันทีหลังจากนั้น เสียงกรีดร้องดังขึ้นและร่างของเยี่ยเสวี่ยถิงก็ปรากฏขึ้นให้เห็นกลางอากาศ ซึ่งเกือบในเวลาเดียวกัน ซูอี้ออกดาบอีกครั้งอย่างไร้ปรานี!

“ไม่!!!”

เยี่ยเสวี่ยถิงพยายามต่อต้านอย่างเต็มที่

แต่ความแข็งแกร่งของนางนั้นเพียงเทียบได้กับเยี่ยเฟิงเหอ ดังนั้นแล้วนางจะรับมือซูอี้ได้อย่างไร?

ในชั่วพริบตาศีรษะของนางก็ปลิดปลิวไปบนอากาศ

บัดนี้ตัวตนแข็งแกร่งจากตระกูลเยี่ยถูกสังหารจนสิ้นแล้ว!

ผู้รับชมทั้งหลายต่างตกตะลึงไปเป็นเวลานาน

“หากน้องข้าอวี่เฟยยังมีชีวิตอยู่ นางคงจะโล่งใจมากที่ได้เห็นฉากนี้…”

เยี่ยอวิ๋นหลันพึมพำกับตนเอง

การต่อสู้ครั้งนี้ทำให้เขาเข้าใจถึงความแข็งแกร่งของซูอี้อย่างละเอียด หัวใจของเขาปั่นป่วนไม่สามารถสงบลงได้

“ไม่อาจรู้ได้เลยว่าปัจจุบันนี้สหายเต๋าซูแท้จริงแข็งแกร่งเพียงใด”

จักรพรรดิแห่งต้าเซี่ยพึมพำ

เขาเห็นได้อย่างชัดเจนจากกการต่อสู้ครั้งนี้ ตัวตนขอบเขตวงล้อวิญญาณขั้นกลางซึ่งแข็งแกร่งเลิศล้ำเช่นเยี่ยจ่างฉุนยังไม่สามารถบังคับให้ซูอี้ใช้พลังทั้งหมดได้!

“ชายผู้นี้… มรดกเต๋าใดกันที่เขาได้รับสืบทอดมา… ช่างน่าสะพรึงอะไรเช่นนี้…”

เสิ่นสุยอวิ๋นดูตกตะลึง

เมื่อได้เห็นการต่อสู้ครั้งนี้ ยอดอัจฉริยะจากยุคโบราณผู้ไม่มีใครเทียบได้และเป็นผู้ที่อยู่อันดับหนึ่งแห่งทำเนียบดาราตกตะลึงไม่อยากจะเชื่อ หัวใจของเขาหนักอึ้งความรู้สึกที่อธิบายไม่ได้บังเกิดออกอย่างไม่อาจควบคุม

เขาไม่สามารถจินตนาการได้เลยว่าในโลกนี้จะมีใครบางคนเช่นซูอี้ที่มีพลังรบมากล้นจนไร้เหตุผลเช่นนี้!

“ถึงตาเจ้าแล้ว”

ในเวลานี้ ซูอี้หันกลับมาและมองเสิ่นสุยอวิ๋นจากระยะไกล

เมื่อได้ยินประโยคที่ซูอี้เอ่ย ทั้งร่างของเสิ่นสุยอวิ๋นแข็งค้าง ความรู้สึกตื่นตระหนกอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อนบังเกิดขึ้น

ทุกสายตาของผู้รับชมโดยรอบต่างจับจ้องไปที่เสิ่นสุยอวิ๋นอย่างไม่รู้ตัวเช่นกัน

ทว่าสายตาของเหล่าผู้คนนั้นล้วนเปี่ยมไปด้วยความเวทนา

วันนี้เสิ่นสุยอวิ๋นมาที่นครหลวงจิ๋วติ่งเพื่อท้ารบแก่ซูอี้ ซึ่งทุกคนต่างตั้งตารอและคิดว่าการต่อสู้ครั้งนี้มันถูกกำหนดให้เป็นคู่สัปประยุทธ์แห่งยุคสมัย

ทว่าหลังจากที่ได้เห็นฉากซูอี้ตัดศีรษะเยี่ยจ่างฉุนและแซ่เยี่ยคนอื่น ๆ ความคิดในใจของผู้คนต่างก็เปลี่ยนไป ขณะนี้ความคิดเดียวที่ผุดขึ้นก็คือสงสัยว่าเสิ่นสุยอวิ๋นยังกล้าจะต่อสู้หรือไม่มากกว่า

“ตอนนี้เสิ่นสุยอวิ๋นประหนึ่งขี่เสือ!”

จักรพรรดิเซี่ยลอบกล่าวกับตนเอง

การต่อสู้ครั้งนี้เริ่มต้นโดยเสิ่นสุยอวิ๋น หากเสิ่นสุยอวิ๋นล่าถอยไปไม่ว่าด้วยเหตุผลใด ๆ ศักดิ์ศรีของเขาจะได้รับผลกระทบอย่างหนัก!

แต่ถ้าเขากล้าที่จะตอบรับต่อสู้ แอ่งเกล็ดทองแห่งนี้จะกลายเป็นสุสานของเขาเป็นแน่

อนิจจา เขาอยู่ในภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกเสียแล้ว…

ทว่าถัดมาซูอี้ก็เปลี่ยนใจกะทันหันและพูดว่า “หากเจ้ายอมก้มศีรษะรับความพ่ายแพ้ข้าจะปล่อยเจ้าไป”

ผู้รับชมทั้งหลายต่างตกตะลึง

จักรพรรดิเซี่ย เวิงจิ่ว และคนอื่น ๆ ต่างประหลาดใจเช่นกัน เมื่อใดกันที่ซูอี้ยอมปล่อยผู้คนที่ล่วงเกินเขาไปง่าย ๆ?

แม้แต่เสิ่นสุยอวิ๋นยังเบิกตากว้าง

“อย่าได้ยอมรับความพ่ายแพ้เป็นอันขาด!”

ทันใดนั้นเสียงอันก้องกังวานทว่าแหบแห้งดังขึ้น “เขาหมายจะทำลายเต๋าของเจ้า! เมื่อใดที่เจ้าก้มศีรษะลงมันจะยากประหนึ่งปีนบันไดสวรรค์ที่จะเงยหน้าขึ้นในภายหลัง!”

เสียงนั้นแผ่ขยายออกไปทั่วทุกทิศ ผู้รับชมทั้งหลายต่างได้ยินแจ่มชัด

เสิ่นสุยอวิ๋นหลั่งเหงื่อเย็นไม่อาจควบคุม

เป็นเรื่องจริงหากเขายอมก้มศีรษะลง ณ เวลานี้ มันจะแสดงว่าเขายอมรับว่าหวาดกลัวต่อซูอี้ และด้วยเหตุนี้จิตใจของเขาจะถูกกดขี่ด้วยภาพเงาของซูอี้ตลอดไปจนกว่าที่เขาจะสามารถเอาชนะซูอี้ได้ในอนาคต เงาของซูอี้จึงจะถูกลบหายออก

ควรรู้ว่าความแคลงใจใด ๆ ที่บังเกิดขึ้นในจิตใจมันจะส่งผลต่อการบ่มเพาะโดยตรง คนผู้นั้นจะไม่มีวันสำเร็จเต๋าสูงสุดได้หากติดบ่วงในสภาวะนี้!

ขณะนี้จักรพรรดิเซี่ย เวิงจิ่ว และคนอื่น ๆ เพิ่งเข้าใจว่าซูอี้กำลังทำสิ่งใด คราวนี้ซูอี้จงใจใช้คำพูดเพื่อฆ่าคน!

“ซูอี้ ตราบใดที่เจ้ายอมตกลงเลื่อนการต่อสู้ของวันนี้ไปเป็นอีกหนึ่งเดือน พวกเราคีรีดาบเมฆาเร้นขอสัญญาว่าจะไม่มีวันเป็นศัตรูกับเจ้าและราชวงศ์เซี่ยอีกในอนาคต”

เสียงแหบแห้งนั้นดังขึ้นอีกครั้งจากฟากฟ้า ทว่าไม่มีผู้ใดสามารถรับรู้ได้ว่าเสียงมาจากที่ใด

“พวกเจ้าคีรีดาบเมฆาเร้นคิดว่าตนเองมีคุณสมบัติพอจะต่อรองกับข้าอย่างนั้นหรือ?”

ซูอี้ยิ้มเย้ย “ทว่าข้าเห็นด้วยกับเรื่องนี้”

เขามองย้อนกลับไปที่เสิ่นสุยอวิ๋นและพูดว่า “ข้าจะให้เวลาเจ้าหนึ่งเดือน ข้าหวังว่าเจ้าจะแข็งแกร่งยิ่งขึ้นกว่าที่เจ้าเป็นอยู่”

หลังจากนั้นซูอี้ไพล่มือไปไว้ด้านหลังและหันหลังกลับ

เสิ่นสุยอวิ๋นกล่าวด้วยสีหน้าอัปลักษณ์ “ในเมื่อเจ้าไม่กลัวคีรีดาบเมฆาเร้นของข้า เหตุใดเจ้าจึงไม่สู้กับข้าในวันนี้! ไม่ต้องกังวลไปแม้ว่าข้าจะตายภายใต้คมดาบของเจ้า แต่ข้าเสิ่นสุยอวิ๋นขอสาบานว่าจะไม่มีวันถอยหนี!”

เสียงนั้นดังก้องกังวานและเด็ดขาด

“สาเหตุที่ข้าไม่ต่อสู้กับเจ้าในวันนี้เหตุผลนั้นเรียบง่าย มันเป็นเพราะตอนนี้เจ้าอ่อนแอเกินไป ดังนั้นข้าจึงหาได้มีความสนใจที่จะบดขยี้ตัวเจ้า”

“ทว่าหลังจากหนึ่งเดือนหากเจ้ายังอ่อนแออยู่ ข้าสัญญาว่าข้าจะไม่พูดจาไร้สาระกับเจ้าแม้เพียงครึ่งคำ ข้าจะสังหารเจ้าในทันทีที่พบหน้า”

เสียงนั้นยังคงลอยอยู่ทว่าร่างสูงของซูอี้ลับหายไปแล้วในระยะไกล

“อ่อนแอเกินไป…”

เสิ่นสุยอวิ๋นยืนนิ่ง

เขาคือผู้นำศิษย์รุนเยาว์ของคีรีดาบเมฆาเร้น เป็นยอดอัจฉริยะผู้ร้ายกาจจากยุคโบราณที่มีชื่อเสียงก้องโลก เป็นอันดับหนึ่งแห่งทำเนียบดารา ทว่านี่เป็นครั้งแรกในชีวิตของเขาที่มีใครบางคนเอ่ยกับเขาว่าเขาอ่อนแอเกินไป!

“อ่อนแอเกินไปอย่างนั้นหรือ?”

ผู้รับชมทั้งหลายแทบไม่เชื่อหูตัวเอง

ความแข็งแกร่งของเสิ่นสุยอวิ๋นเป็นที่ยอมรับจากทุกผู้ทุกคนมานานแล้ว

ไม่เช่นนั้นในช่วงที่ผ่านมาจะมีหรือที่ผู้คนต่างโต้เถียงกันอย่างไม่รู้จบว่าใครแข็งแกร่งกว่ากันระหว่างเสิ่นสุยอวิ๋นและซูอี้

แต่ตอนนี้… เหตุที่ซูอี้ยอมถอยโดยสมัครใจไม่ใช่เพราะเขากลัวอิทธิพลคุกคามของคีรีดาบเมฆาเร้น แต่เพราะในสายตาของซูอี้… เสิ่นสุยอวิ๋นอ่อนแอเกินทน!

ใครบ้างจะไม่ตะลึงกับเรื่องนี้?

“จักรพรรดิแห่งต้าเซี่ย จากนี้ไปพวกเราคีรีดาบเมฆาเร้นจะทำตามสัญญาไม่เป็นศัตรูกับราชวงศ์เซี่ยของท่านอีกต่อไป!”

เสียงแหบแห้งนั้นดังขึ้นอีกครั้ง “สุยอวิ๋นพวกเราไปกันเถิด เจ็ดวันถัดจากนี้คือวันที่ปรากฏการณ์แสงสว่างแห่งโลกกว้างมาถึง พวกเราคีรีดาบเมฆาเร้นจะกอบโกยโอกาสอันไร้ประมาณให้แก่เจ้า และเมื่อครบหนึ่งเดือนเจ้าย่อมมีโอกาสต่อกรกับซูอี้อีกครั้ง!”

สีหน้าของเสิ่นสุยอวิ๋นหมองหม่นและไร้ความมั่นใจ

ทว่าผ่านไปพักหนึ่งเขาสูดลมหายใจเข้าลึก สีหน้าเริ่มหนักแน่น และเอ่ยว่า “หลังจากนี้หนึ่งเดือนแม้ข้าจะต้องตายภายใต้ดาบของซูอี้ ข้าขอให้ท่านอย่าได้แทรกแซงเรื่องราวเช่นวันนี้อีก!”

หลังจากเอ่ยจบประโยค อันดับหนึ่งแห่งทำเนียบดาราก็หันหลังกลับและจากไปด้วยสีหน้าอันแน่วแน่

ผู้ฝึกตนทั้งหลายที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดต่างรู้สึกท่วมท้นไปด้วยอารมณ์

ศึกระหว่างเสิ่นสุยอวิ๋นและซูอี้นั้นถูกกำหนดไว้แล้วว่าจะต้องบังเกิด

แต่ทว่าใครจะรู้ ในสายตาของซูอี้นั้น เสิ่นสุยอวิ๋นเป็นเพียงแค่หมากตัวหนึ่งในกระดาน!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด