บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] 392: การบีบรัดแห่งความตาย

Now you are reading บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] Chapter 392: การบีบรัดแห่งความตาย at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 392: การบีบรัดแห่งความตาย

ตอนที่ 392: การบีบรัดแห่งความตาย

บนเรือเก็บดาว

ร่างผอมกะหร่องเลือนรางประดุจความฝันนั้นไม่สนใจคนอื่น ๆ สายตากลับมองไปที่ซูอี้ซึ่งอยู่ไกลออกไป

น้ำเสียงของเขาแผ่วเบา กล่าวคำออก “ข้ารู้สึกได้ถึงพลังที่เหนือธรรมดาในตัวของเจ้า สามารถรับการยอมรับจากจักรพรรดิปีศาจฮุ่นเทียน และได้รับกระดูกที่เขาทิ้งไว้ เห็นได้ว่าเจ้าไม่ธรรมดาเลย”

นิ่งเงียบไปชั่วครู่ เขาก็กล่าวต่อ “ทิ้งโชคลาภนั่นไว้ แล้วเจ้ากับแม่นางน้อยคนนั้นจงไปจากที่นี่ด้วยกัน ข้ารับรองว่า คนอื่น ๆ ไม่กล้าขัดขวางพวกเจ้า และนี่ก็เป็นโอกาสรอดเพียงทางเดียวของพวกเจ้าด้วย”

น้ำเสียบราบเรียบ ดุจดังเทพผู้ยิ่งใหญ่ลงพระบัญชามาจากเบื้องสูง

สายตาทุกคู่ต่างก็จับจ้องไปที่ซูอี้อย่างพร้อมเพรียงกัน

“ครั้งนี้เจ้าหนุ่มคนนั้นคงต้องยอมก้มหัวแล้ว…”

สายตาของหญิงสาวที่อยู่บนหัวไหล่วานรยักษ์สีขาวผุดประกายที่แปลกออกไป

นางรู้ฐานะของซูอี้ตั้งนานแล้ว

อีกทั้ง เมื่อเห็นเขากลับออกมาจากซากหอเซียนดาบพร้อมกับฮวาซิ่นเฟิงก็สามารถคาดคะเนออกว่า ผู้ฝึกตนคนอื่น ๆ คงจะประสบเคราะห์กรรมระหว่างแย่งชิงโชคลาภครานี้!

ความจริงนี้ เพียงพอที่จะทำให้คนทั้งอาณาจักรต้าฉินตื่นตระหนก

เพราะอย่างไรเสีย ผู้ฝึกตนที่เข้าร่วมแก่งแย่งโชคลาภโอกาสในครั้งนี้ต่างก็เป็นสุดยอดผู้ฝึกตนวิถีต้นกำเนิดในโลกสามัญ

ทว่ากลับพ่ายแพ้ต่อซูอี้โดยไม่มีใครได้รับการยกเว้น ไม่มีใครรอดออกมาจากซากหอเซียนดาบแม้แต่คนเดียว

หากเหตุการณ์นี้ถูกแพร่กระจายออกไป ใครบ้างจะไม่ตกตะลึง?

ทว่าตามที่หญิงสาวมอง สถานการณ์ในตอนนี้เปรียบได้กับตั๊กแตนดักจับจักจั่น นกกระจิบดักรออยู่ข้างหลัง ซูอี้ผู้ได้รับโชคลาภไม่มีแม้โอกาสชนะเมื่อต้องเผชิญหน้ากับบุคคลน่ากลัวสี่ตนนั้น!

โอกาสเดียวที่เขามีในตอนนี้ก็คือยอมก้มหัว และทำตามคำกล่าวของ ‘ซิงเหิง’ โดยมอบโอกาสสัมพันธ์ออกมาแต่โดยดี

“สหายเต๋าซิงเหิงกล่าวเช่นนี้ช่างมีเมตตายิ่งนัก เจ้าหนุ่มน้อย จงฟังให้ดี ถึงแม้ของที่ได้มาจะเป็นสิ่งดี แต่ต้องมีชีวิตรอดให้ได้เสียก่อน หากว่าตายไป ทุกอย่างก็ล้วนจบสิ้น”

ราชาจี้เหยียนเหลยแห่งภูเขาฝังศพเอ่ยเสียงดังดุจเสียงฟ้าผ่า

“หึ ๆ ถือว่าเจ้าหนุ่มน้อยคนนี้ดวงดีไป หากไม่ใช่เพราะสหายเต๋าซิงเหิงช่วยพูด วันนี้เจ้าคิดจะมีชีวิตรอด เกรงว่าคงไม่มีความหวังมากนัก”

เสียงหัวเราะน่ากลัวของมารเฒ่าหลีฮั่วดังมาจากเกาะไร้หวน

“อย่าชักช้า เร็วหน่อย!”

หน้าเจดีย์กระดูกขาว ปีศาจเฒ่าสือกู่ชักหมดความอดทน แผดเสียงร้องตวาดน่ากลัว

การมีอยู่อันน่าสะพรึงกลัวทั้งสี่นี้ คำก็เจ้าหนุ่มน้อย สองคำก็เจ้าหนุ่มน้อย วางท่าสูงส่งยิ่งนัก คำพูดคำจาที่กล่าวออกมาดูเหมือนกับแสดงความใจกว้าง แต่แท้จริงแล้วกำลังสบประมาทและดูแคลนอีกแบบหนึ่ง

เห็นภาพเหตุการณ์ทั้งหมดนี้แล้ว ซูอี้อดเบะริมฝีปากแล้วกล่าวเย้ยหยันขึ้นมาไม่ได้ “เพียงแค่หมายแย่งโชคลาภเท่านั้น พวกเจ้าพูดอย่างกับมีเมตตายิ่งใหญ่เสียเหลือเกิน น่าสนุกนัก”

หญิงสาวที่อยู่บนหัวไหล่วานรยักษ์สีขาวไม่คาดคิดว่า ในสถานการณ์เช่นนี้แล้ว ซูอี้ยังกล้าพูดเช่นนี้ออกมาได้อีก

ฮวาซิ่นเฟิงกลับแสดงท่าทีสงบนิ่งลงมา เพราะนางรู้ดีว่า ต่อให้สู้ฝ่ายตรงข้ามไม่ได้ แต่หากหนีเข้าไปในซากหอเซียนดาบแล้ว พวกปีศาจเฒ่าน่ากลัวเหล่านี้ก็จะทำอะไรนางกับซูอี้ไม่ได้อีก!

เมื่อได้ยินซูอี้พูด ฮวาซิ่นเฟิงจึงหัวเราะคิกคักออกมา

สองมือของนางเท้าสะเอว กล่าวด้วยน้ำเสียงกระทบกระเทียบ “คนก็ไม่ใช่ผีก็ไม่เชิงอย่างพวกเจ้า ไม่กล้าไปแย่งโชคลาภด้วยตัวเอง กลับรอดักปล้นอยู่ที่นี่ ตอนนี้ยังมาพูดหน้าด้านอีกว่าจะไว้ชีวิตพวกเรา ไม่รู้สึกกระดากบ้างเลยหรือ?”

“แหวะ! อยากจะอ้วก!”

นางถุยน้ำลายออกมาอย่างแรงพร้อมกับทำหน้ารังเกียจและดูแคลน

ทุกคนต่างสงบเงียบ

หญิงสาวบนไหล่วานรยักษ์สีขาวนิ่งตะลึง

บนเรือเก็บดาว ร่างเลือนรางของซิงเหิงสงบนิ่ง

ทว่าการมีอยู่อันน่าสะพรึงกลัวอีกสามตนกลับเดือดดาลแทบระเบิด

ครืน!

บนเกาะไร้หวน โคมไฟสีเขียวมรกตนับหมื่นนับพันสั่นคลอนอย่างรุนแรง มารเฒ่าหลีฮั่วหัวเราะด้วยความโกรธ “ปากเก่งนักนะแม่หนู อยากจะตายมากนักใช่หรือไม่!”

“อีกประเดี๋ยวอย่าได้รั้งข้าเชียว ข้าจะบั่นกระดูกของแม่หนูน้อยคนนี้ให้หักเป็นท่อน ๆ แล้วดูดกินไขกระดูกให้สาแก่ใจ!”

หมอกควันสีโลหิตเดือดพล่าน ปีศาจเฒ่าสือกู่ส่งเสียงพูดน่ากลัว แสดงความโหดเหี้ยม

“สหายเต๋าซิงเหิงให้โอกาสแก่พวกเจ้าแล้ว เหตุใดจึงยังจะเดินบนหนทางแห่งความตายอีก? จริงดังว่า คนตายเพราะสมบัติ นกตายเพราะอาหาร นับแต่อดีตจนถึงปัจจุบันไม่เคยเปลี่ยนแปลง”

บนภูเขาฝังศพ โซ่ตรวนเส้นหนาราวกับลำตัวงูเหลือมสี่เส้นสั่นสะเทือนส่งเสียงดังไม่หยุด ราชาจี้เหยียนเหลยที่ยืนอยู่บนยอดเขาส่งเสียงถอนใจออกมา

ไม่ว่าใครก็สามารถมองออกว่าเขาบันดาลโทสะแล้ว

ด้านล่างของน้ำทะเล

เก๋อเฉียนมองตะลึงตาค้างอยู่ตรงนั้น ในใจเต็มไปด้วยความนับถือ

เขาเป็นคนระมัดระวังมาโดยตลอด ดังนั้นเมื่อเห็นท่าทีแข็งกร้าวของซูอี้กับฮวาซิ่นเฟิงเช่นนี้แล้ว ความตื่นตะลึงที่เกิดขึ้นภายในจิตใจก็ยิ่งมีมากขึ้น

“ไม่ต้องพูดมาก โชคลาภโอกาสที่พวกเจ้าต้องการ อยู่ตรงนี้แล้ว”

ขณะนี้เอง ซูอี้พลิกฝ่ามือ ตราประทับกระดูกขาวดวงหนึ่งก็ปรากฏขึ้น เขากล่าวสีหน้าราบเรียบ

ครืน!

น่านน้ำบริเวณนี้เดือดพล่าน สายตาน่ากลัวแต่ละคู่มองตรงไปที่ตราประทับกระดูกขาวชิ้นนั้น

กระทั่งสายตาของหญิงสาวบนหัวไหล่วานรยักษ์สีขาวก็ยังถูกดึงดูดด้วยเช่นกัน

“ไม่ผิด นี่ก็คือกระดูกที่จักรพรรดิปีศาจฮุ่นเทียนทิ้งไว้ กลิ่นอายเช่นนั้น ต่อให้ผ่านไปเกือบสามหมื่นปีแล้ว ข้าก็ยังจดจำได้ดี ไม่ใช่ของปลอมอย่างแน่นอน!”

มารเฒ่าหลีฮั่วแห่งเกาะไร้หวนร้องตะโกนด้วยความดีใจ

“ว่ากันว่า ภายในของสมบัติชิ้นนี้ซุกซ่อนเคล็ดวิชาสูงสุดของหอเซียนดาบไว้ หากว่าได้ครอบครองสมบัติชิ้นนี้ เมื่อแสงสว่างแห่งโลกกว้างมาถึง ยังจะกังวลอีกหรือว่าไม่อาจบุกเบิกวิถีปราชญ์ให้เลื่องระบือไปทั่วหล้า?”

หน้าเจดีย์กระดูกขาว ปีศาจเฒ่าสือกู่สูดหายใจรัวและแรง น้ำเสียงส่อถึงความละโมบอย่างไม่มีปิดบัง

บนภูเขาฝังศพ พลังลมปราณทั่วร่างของราชาจี้เหยียนเหลยเดือดพล่าน

บนเรือเก็บดาว ร่างของซิงเหิงแผ่กระจายพลังลมปราณน่ากลัวออกมา ชั้นเมฆในท้องฟ้าแถบนั้นถึงกับสลายตัว

“รุนแรงมากเกินไปแล้วกระมัง เผยโชคลาภออกมาในเวลาเช่นนี้ ไม่เป็นการจงใจหลอกล่อให้ตัวตนน่ากลัวเหล่านั้นกระทำความผิดหรอกหรือ?!“

ใต้ทะเล เก๋อเฉียนตะลึงตาค้าง สมองว่างเปล่า ไม่อาจเข้าใจได้ว่าเพราะเหตุใดซูอี้จึงทำเช่นนี้ จะบ้าระห่ำเกินไปแล้ว

กระทั่งหญิงสาวบนไหล่วานรยักษ์สีขาวก็ยังถึงกับสูดปาก ยากนักจะคาดคิดว่าเหตุใดซูอี้จึงทำเช่นนี้

ทว่าเวลานี้ ซูอี้กวาดสายตามองดูตัวตนน่ากลัวเหล่านั้น ยิ้มขึ้นมาน้อย ๆ พลางกล่าว “อยากจะได้? ก็เข้ามาเอาสิ”

เรียบง่ายได้ใจความ

“ฮ่า เจ้าหนุ่มคนนี้คงจะเสียสติไปแล้ว!”

มารเฒ่าหลีฮั่วหัวเราะเสียงดังขึ้นมา

ทว่าปีศาจเฒ่าสือกู่รวดเร็วยิ่งกว่า ยื่นมือออกไปในทันใด

ครืน!

ไม่เห็นว่าเขามีปฏิกิริยาอันใด ทว่าเงื้อมมือกระดูกขาวแหวกอากาศ หมอกชั่วคาวโลหิตทั่วท้องฟ้าพุ่งตะครุบไปที่ซูอี้

เห็นว่าเขาลงมือแล้ว ณ ยอดเขาฝังศพ ราชาจี้เหยียนเหลยแผดเสียงร้องฮึ ยื่นมือออกมาคว้า

ฟิ้ว!

เขาพุ่งหอกรบสายฟ้าสีโลหิตออกไปอย่างแรงราวกับแสงสีเลือดของปีศาจ ซึ่งแฝงด้วยพลังลมปราณอันมีกำลังทำลายล้างยิ่งใหญ่

การโจมตีนี้ไม่ได้มุ่งไปยังซูอี้ แต่เพื่อขัดขวางเงื้อมมือกระดูกขาวนั้น!

หอกสายฟ้าสีโลหิตปะทะกับเงื้อมมือกระดูกขาว ระเบิดเป็นสะเก็ดไฟอันน่าประหวั่นพรั่นพรึง แรงกำลังทำลายล้างซัดไปทั่ว

“จี้เหยียน เจ้ากล้าดีขัดขวางข้าเช่นนั้นหรือ?”

ปีศาจเฒ่าสือกู่เดือดดาล แผดเสียงร้อง

“เพียงแค่แย่งชิงโชคลาภเท่านั้น ต่างคนต่างอาศัยความสามารถของตนเอง ปีศาจเฒ่าสือกู่ หากว่าเจ้าเก่งนักก็ลงมือมาได้เลย!”

ราชาจี้เหยียนเหลยกล่าวเสียงราบเรียบ

“ก็ดีเช่นกัน ถ้าเช่นนั้นต่างคนต่างอาศัยความสามารถของตัวเอง!”

มารเฒ่าหลีฮั่วร้องตะคอกเสียงดัง พอสะบัดแขนเสื้อ ฝ่ามือใหญ่สีเขียวมันวาวก็รวมตัวกัน ตะครุบไปที่ร่างของซูอี้

แทบจะในเวลาเดียวกัน ราชาจี้เหยียนเหลยกับปีศาจเฒ่าสือกู่ก็ลงมือด้วยเช่นกัน

“ขึ้น!”

ราชาจี้เหยียนเหลยบังคับสายฟ้าสีโลหิตมากมายมหาศาลให้พุ่งออกไป

“ไป!”

ปีศาจเฒ่าสือกู่สะบัดแขนเสื้อ หอกรบกระดูกขาวจำนวนนับไม่ถ้วนพุ่งออกไป ราวกับฝนลูกเห็บ หอกรบกระดูกขาวแต่ละเล่มมีหมอกชั่วสีเลือดครอบคลุม บดบังจนทั่วแผ่นฟ้า

“รีบถอยไป!”

หญิงสาวบนไหล่วานรยักษ์สีขาวตะโกนเบา ๆ คิ้วเรียวงามขมวดแน่น

การโจมตีของตัวตนที่น่ากลัวทั้งสามนั้น แต่ละคนต่างก็มีความสามารถพิเศษของตัวเอง ทว่าแต่ละคนต่างก็เผยพลังลมปราณอันแปลกประหลาดออกมา

พลังลมปราณเช่นนั้น เห็นได้ชัดว่ามาจากแหล่งเดียวกัน เป็นพลังต้องห้ามบางอย่าง

และก็ด้วยเหตุนี้ จึงทำให้การบุกโจมตีของพวกเขาแสดงถึงอานุภาพที่ทำให้หญิงสาวก็ยังรู้สึกหวาดกลัว!

“ดี!”

ดวงตาลุ่มลึกของซูอี้สว่างวาบ

การบุกโจมตีเช่นนี้ ทำให้เขาสัมผัสถึงกลิ่นอายแห่งอันตรายร้ายแรง ราวกับความตายกำลังบุกโจมตีเข้ามา

นี่เป็นความรู้สึกที่เขาไม่เคยรู้สึกมาก่อนตั้งแต่กลับชาติมาเกิดใหม่

เช่นเดียวกัน ยังนำมาซึ่งความรู้สึกที่แม้กระทั่งตอนอยู่ในอดีตชาติก็ยังไม่เคยรู้สึกมานานหลายปี

นี่คือการบีบรัดแห่งความตาย!

เป็นเพราะมีความสามารถแตกต่างกันมากจนเกินไป จึงสามารถรู้สึกได้ลึก ๆ ถึงอันตราย!

ความรู้สึกเช่นนี้ ไม่เคยรู้สึกมานานมากแล้วจริง ๆ

ภายใต้การกระตุ้นของกลิ่นอายอันตรายเช่นนี้ ทุกอณูผิว ทุกชิ้นส่วนกระดูก ทุกพื้นผิวเลือดเนื้อ ทุกส่วนของจิตวิญญาณ ระดับการฝึกตน รวมไปถึงพลังลมปราณของซูอี้ ล้วนระเบิดศักยภาพอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน

เพียงแค่ชั่วครู่เดียวเท่านั้น พื้นฐานมหาวิถีในตัวของเขาไปถึงขั้นสูงสุดอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

แม้กระทั่งดาบเก้าคุมขังในจิตวิญญาณก็ยังสั่นระริกขึ้นมาในเวลานี้ เพื่อตอบรับพลังและกลิ่นอายในตัวของซูอี้

ครืน!

ในร่างของซูอี้ พลังทั้งหมดที่มีราวกับจะระเบิด ล้วนมารวมตัวกันอยู่ที่ตันเถียนอย่างบ้าคลั่ง คลับคล้ายคลับคลาราวกับว่าจะสกัดกลายเป็นเมล็ดพันธุ์ปฐมญาณ

“ไม่ผิดเลย มีแต่อันตรายกับความหวาดกลัวอันยิ่งใหญ่เท่านั้นจึงจะเป็นโอกาสเหมาะสมให้ข้าได้สร้างเมล็ดพันธุ์เต๋าอันแกร่งกล้า!”

ซูอี้หัวเราะขึ้นมา เขาเข้าใจแล้วว่าโอกาสที่ตนเองจะบรรลุขอบเขตอย่างแท้จริงได้มาถึงแล้ว จะต้องคว้าโอกาสนี้ไว้ให้แน่น!

ว่าแล้วเขาพลันเหยียบอากาศพุ่งตรงเข้าไปหาโดยไม่หลบหลีก

ชิ้ง!

ดาบนิลกาลกลืนฟ้าออกจากฝักพร้อมกับเสียงใสกังวานสะท้านฟ้า

เมื่อซูอี้ฟันดาบออกไป

พลังดาบสีบริสุทธิ์แสบตาราวกับสายน้ำเชี่ยวก็พุ่งขึ้นกลางอากาศ

เพลงดาบสุดปรีดี… ตัดสมุทรผ่าขุนเขา!

ไม่เหมือนที่ผ่านมา เมื่อปล่อยพลังดาบเล่มนี้ออกไป ภาวะดาบยิ่งใหญ่อนันต์แสดงอานุภาพสะท้านฟ้าสะเทือนดินออกมา เทียบกับเมื่อในอดีตแล้วแตกต่างโดยสิ้นเชิง

ทั้งหมดนี้เป็นเพราะระดับการฝึกของซูอี้ในเวลานี้เหนือกว่าบรรพจารย์ยุทธ์ปฐมสวรรค์ ทว่ายังคงห่างจากขอบเขตไร้เบญจธัญอย่างแท้จริง

แต่ถึงแม้จะเป็นเช่นนี้เมื่อฟันดาบเล่มนี้ออกไป ด้วยพื้นฐานและพลังมหาวิถีที่เรียกได้ว่าน่าหวาดกลัวของเขา ก็ยังสามารถทำให้ผู้ฝึกตนวิถีต้นกำเนิดรู้สึกหนาววาบขึ้นได้!

ครืน!

พลังดาบฟาดลงมา อานุภาพแข็งแกร่ง ทำให้ทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์ถึงกับสีหน้าเปลี่ยน แทบไม่อยากจะเชื่อเลยว่าพลังดาบเช่นนี้จะมาจากมือของหนุ่มน้อยอย่างซูอี้

เพียงแต่ว่า… อย่างรวดเร็ว เมื่อพลังดาบปะทะชนกับฝ่ามือที่มารเฒ่าหลีฮั่วฟาดออกมาก่อนเป็นคนแรกส่งเสียงออกมา ฉับพลันรอยร้าวก็แผ่กระจายออกไปทีละนิ้ว

ถัดจากนั้น ซูอี้ผู้ถือดาบนิลกาฬกลืนฟ้าก็ถูกพลังของฝ่ามือนี้ซัดโดน ร่างกระเด็นออกไปอย่างสุดแรง

ภาพเหตุการณ์นี้ ทำให้ฮวาซิ่นเฟิงหน้าถอดสี

นางไหนเลยจะมองไม่ออก ถึงแม้กำลังการต่อสู้ของซูอี้จะมีมากมหาศาล ทว่าอย่างไรเสียก็ยังด้อยกว่าคู่ต่อสู้มาก?

หนังตาของมารเฒ่าหลีฮั่วกระตุกน้อย ๆ แสดงสีหน้าคาดไม่ถึงออกมา เขาไม่คิดมาก่อนเลยว่า หนุ่มน้อยผู้อยู่ในขอบเขตบรรพจารย์ยุทธ์ปฐมสวรรค์เช่นนี้จะสามารถต้านทานการบุกโจมตีของตัวเองได้!

เรื่องนี้ทำให้เขาถึงกับตื่นตะลึง!

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *