บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] 760: ก็เท่านี้

Now you are reading บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] Chapter 760: ก็เท่านี้ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 760: ก็เท่านี้

ตอนที่ 760: ก็เท่านี้

เสียงดาบดังกึกก้อง สั่นสะเทือนไปถึงเก้าสวรรค์ชั้นฟ้า

ตัวดาบลี้ลับไร้ตัวตนดุจดั่งราตรีฉายแสงสว่างไร้ขอบเขตออกมา เจิดจ้าไปทั่วพิภพ

มองดูไกล ๆ ซูอี้ผู้ถือดาบในมือเปรียบประดุจเทพผู้เป็นใหญ่กอบกุมตะวัน

ครืน!

ซูอี้เคลื่อนตัวตามดาบ สำแดงเดชการพิฆาต

ร่างของเขาผลุบโผล่รวดเร็วปานสายฟ้าแลบ พลังดาบกลับสำแดงความลี้ลับของเพลงดาบสุดปรีดี ร่ายรำอย่างเต็มที่ งามสง่าเป็นตัวเอง

สวบ!

เมื่อแสงดาบลำหนึ่งฟันลง ราวกับมีไฟผลาญร่วงหล่นลงมาจากท้องฟ้า โครงกระดูกที่แห่ล้อมกันเข้ามาระเบิดในฉับพลัน ถูกเผาผลาญจนไม่เหลือ

ดาบกระชากทางช้างเผือกซัดลงสู่โลกมนุษย์!

ภายในพลังดาบกลับเต็มไปด้วยความลี้ลับของเคล็ด ‘ดาบธรรมชัชวาล’ ซึ่งเป็นหนึ่งในสี่สุดยอดวิถีดาบที่สืบทอดกันมาของแดนบูรพาน้อย

อานุภาพของวิถีดาบระดับนี้สามารถเผาผลาญสิ่งชั่วร้ายทั้งหมดในโลก และชะล้างสิ่งสกปรกทั้งหมดจนสะอาดได้

และกำราบพิษร้ายแรงภายในโครงกระดูก ‘หุ่นศพ’ ที่ถูกหลอมสร้างขึ้นในค่ายกลใหญ่แห่งนี้เป็นการเฉพาะอีกด้วย!

ครืน!

ค่ายกลปีศาจฟ้าพิฆาตสวรรค์ทั้งค่ายกำลังสั่นสะเทือน

ไม่ว่าจะเป็นหุ่นศพ หรือว่าร่างปีศาจฟ้าที่สูงนับร้อยจั้งเหล่านั้นล้วนไร้ซึ่งปัญญา อีกทั้งยังถูกควบคุมโดยผู้ควบคุมค่ายกล จึงไม่กลัวตายเป็นธรรมดา และต่างก็บุกไปฆ่าซูอี้อย่างบ้าคลั่ง

ทว่าซูอี้ไม่ยอมเสียเวลากับพวกเขาอีก

เมื่อพลังดาบฟาดออกไปเป็นทางสลับกัน พลังดาบแต่ละเล่มล้อมรอบไปด้วยเพลิงไฟอันเร่าร้อน ฆ่ากองทัพหุ่นศพเหล่านั้นจนล้มระเนระนาด ถูกเพลิงเผาผลาญจนไม่เหลือ

เมื่อมองดูรอบตัวของซูอี้ เงาดาบแสงธรรมที่ล้อมรอบแต่ละดวงฉายแสงเจิดจ้าราวกับฐานดอกบัวสีทอง บนฐานดอกบัวสะท้อนเงาพุทธะให้เห็นเลือนราง

เสียงสวดมนต์ เสียงท่องพระธรรม เสียงสรรเสริญ… ประสานกันกลายเป็นปรากฏการณ์อันยิ่งใหญ่ไร้ขอบเขตตามความเจิดจรัสของพลังดาบแสงเพลิง

ทุกหนแห่งที่ซูอี้เคลื่อนตัวผ่านประดุจไม้ไผ่แตกระเบิด!

ผู้ที่เฝ้ามองเหตุการณ์อยู่ไกล ๆ ต่างพากันตื่นตระหนกกับภาพที่เห็น

“ข้ารู้แต่แรกแล้วว่าเป็นไปไม่ได้ที่ท่านเซียนเดินดินซูอี้จะพ่ายแพ้ไปง่าย ๆ”

มีคนร้องตื่นเต้นขึ้นมา

“ช่างน่าอัศจรรย์เสียเหลือเกิน ค่ายกลประหารเช่นนั้นน่ากลัวถึงเพียงไหน? หากว่าเป็นคนอื่น คงจะถูกฆ่าตายไปนานแล้ว ทว่าเซียนเดินดินซูอี้กลับรับมือได้และเริ่มฆ่าจากรอบด้าน!”

บางคนถึงกับอ้าปากตาค้าง

“ยังไม่รู้ผลแพ้ชนะ ยังกล่าวไม่ได้ คอยดูกันต่อไปดีกว่า”

ผู้อาวุโสบางคนส่งเสียงบ่นพึมพำ

ใคร ๆ ก็มองออกว่าศึกครั้งใหญ่ที่สร้างความสนใจแก่คนใต้หล้าในวันนี้เต็มไปด้วยความไม่แน่นอน!

“วิชาล้ำเลิศวิถีพุทธยอดเยี่ยมมาก เฉิงหยวน เจ้ามองเห็นพลังที่คน ๆ นี้กำลังใช้ในตอนนี้หรือไม่?”

บนยอดภูเขาเด็ดดาว ตัวตนผู้ยิ่งใหญ่ในขอบเขตวงล้อสวรรค์เหล่านั้นต่างก็พากันขมวดคิ้ว ในสายตามีประกาย

ความแข็งแกร่งที่ซูอี้แสดงออกมาในเวลานี้อยู่นอกเหนือความคาดหมายของคนทั้งหลายอีกครั้ง

เห็นได้ชัดว่าเวลานี้เฉิงหยวนผู้อาวุโสใหญ่แห่งสำนักฌานกระจ่างจิตก็อยู่ในอาการตื่นตระหนกเช่นกัน สีหน้าสับสนไม่นิ่ง ทั้งยังกล่าววาจาอึกอัก

“สิ่งสืบทอดวิถีพุทธเช่นนี้ จะต้องเป็นคัมภีร์มหาวิถีที่ล้ำเลิศอย่างแน่นอน คงจะมีแต่ในศาลเซนวิถีพุทธเท่านั้นจึงจะหาได้พบ”

หลวงจีนเฒ่าร่างผอมที่มีศักดิ์สูงมากคนนี้แสดงอาการสติแตกออกมา ราวกับไม่คาดคิดมาก่อนว่าซูอี้สืบทอดวิชาในวิถีพุทธเช่นนี้จากที่แห่งใด

ศาลเซนวิถีพุทธ!

เมื่อได้ยินคำของเฉิงหยวน คิ้วของผู้อาวุโสทั้งหลายที่อยู่ในเหตุการณ์ก็ขมวดหนักขึ้นไปอีก

เมื่อสามหมื่นปีก่อน ศาลเซนวิถีพุทธเป็นสถานที่บริสุทธิ์อันดับหนึ่งในใต้หล้าของวิถีพุทธ ทว่าสำนักโบราณเช่นนี้หายสาบสูญไประหว่างการจองจำแห่งยุคมืดเมื่อสามหมื่นปีก่อนแล้ว

จึงไม่มีผู้ใดเชื่อว่าซูอี้จะเป็นผู้ฝึกตนวิถีพุทธ!

ครืน…

ค่ายกลปีศาจฟ้าพิฆาตสวรรค์สั่นสะเทือนอย่างหนัก ส่งเสียงดังราวกับฟ้าผ่า

ภายใต้สายตาจับจ้องตะลึงตาค้างของคนทั้งหลาย ท่ามกลางการปิดล้อมอย่างแน่นหนาของหุ่นศพนับไม่ถ้วนกับปีศาจฟ้าเหล่านั้น ซูอี้กลับถือดาบฟาดฟันออกมาเป็นทางยาวเพียงลำพังคนเดียว!

เพลิงไฟรอบตัวเขาส่องสว่าง พลังดาบเจิดจรัส ราวกับเทพผู้เป็นใหญ่ ใครเห็นต่างก็ต้องก้มหน้าต่ำ

ภาพเหตุการณ์เช่นนี้ทำให้สีหน้าของพวกหวนเทียนตู้สลดลง

เช่นนี้แล้วก็ยังฆ่าซูอี้ไม่ตาย จะให้พวกเขาไม่โกรธแค้นได้เช่นไรกัน?

เห็นว่าซูอี้กำลังจะแหวกวงล้อมออกมาได้อยู่แล้ว…

“เร็ว! ขับเคลื่อน ‘ค่ายสะกดโลกันตร์ขั้นเก้า’!”

หวนเทียนตู้ร้องตะโกนด้วยความโกรธ

เพื่อฆ่าซูอี้ ครั้งนี้พวกเขาเจ็ดขุมกำลังใหญ่ตระเตรียมกันมาอย่างเต็มที่

ทว่าใครกันจะคาดคิดว่า ซูอี้จะแข็งแกร่งจนถึงขั้นนี้!

ตัวตนผู้ยิ่งใหญ่ที่อยู่ในเหตุการณ์สบตากัน จากนั้นกัดฟันแน่น สำแดงฤทธิ์เดชออกมาราวกับว่าเป็นไงเป็นกัน

ครืน!

ตัวตนในขอบเขตวงล้อวิญญาณหกสิบสามคนลงมือพร้อมเพรียงกัน พลังค่ายกลสะกดโลกันตร์ขั้นเก้าที่ครอบคลุมไปทั่วภูเขาเด็ดดาวถูกขับเคลื่อนขึ้นมาในทันใด

ค่ายกลกักขังเก้าชั้นแยกตัวไปเป็นแท่นมหาวิถีขนาดยักษ์ที่กินอาณาบริเวณนับหลายสิบจั้ง ลวดลายบนแท่นมีความซับซ้อน มีไอสว่างผุดขึ้น

ทว่าตัวตนในขอบเขตวงล้อวิญญาณนับร้อยที่แยกกระจายตัวอยู่บนยอดเขาเด็ดดาวต่างก็พุ่งตัวขึ้นฟ้า โฉบเข้าไปอยู่ในแท่นมหาวิถียักษ์ทั้งเก้า

แท่นวิถีแต่ละแท่นมีคนยืนตระหง่านอยู่บนนั้นเก้าถึงสิบสองคน

จากนั้น เมื่อแท่นวิถีทั้งเก้าอยู่ด้วยกัน ราวกับภูเขาเทพเก้าลูกร่วงหล่นลงมาจากฟากฟ้า สะกดอยู่กลางค่ายกลใหญ่ปีศาจฟ้าพิฆาตสวรรค์!

ครืน! ครืน! ครืน!

เสียงวิถีดังกึกก้อง ฟ้ามืดแผ่นดินครึ้ม

อานุภาพของค่ายกลปีศาจฟ้าพิฆาตสวรรค์เพิ่มความน่ากลัวมากขึ้นตามการปรากฏตัวของแท่นมหาวิถียักษ์ทั้งเก้า

แท่นมหาวิถีแต่ละแท่นถูกปกคลุมไปด้วยม่านแสงค่ายกลกักขังอันร้ายกาจ และมหาปราชญ์สวรรค์ขอบเขตสยายวิญญาณที่ยืนบนแท่นวิถีเหล่านั้นต่างก็แสดงฝีมือออกมาพร้อมกัน ใช้พลังแห่ง ‘ค่ายกลสะกดโลกันตร์เก้าขั้น’ พุ่งตรงไปที่ซูอี้

ส่วนซูอี้ที่เดิมที่ใกล้จะแหวกวงล้อมออกมาได้ต้องตกอยู่ในการปิดล้อมอีกครั้ง อีกทั้งสถานการณ์ดูเลวร้ายยิ่งกว่าเมื่อก่อนหน้านี้ไม่น้อย!

ความเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ทำให้ผู้ที่มองดูการต่อสู้อยู่ไกล ๆ พากันหนาววาบไปทั้งตัว แต่ละคนถึงกับตะลึง

และในเวลานี้เอง ผู้คนทั้งหลายจึงเข้าใจความน่ากลัวของขุมกำลังเหล่านั้น เพียงแค่การตั้งกับดักที่หน้าภูเขาเด็ดดาวในเวลานี้ก็เพียงพอจะทำให้คนทั้งหลายสิ้นหวังได้แล้ว

“หากว่าเช่นนี้แล้วยังฆ่าคนผู้นี้ไม่ตายอีก พวกเราต้องสู้สุดชีวิตจริง ๆ แล้ว…”

หวนเทียนตู้กล่าวขึ้นมาเบา ๆ

กับดักที่พวกเขาตั้งขึ้นในครั้งนี้ ด่านแรกคือค่ายกลปีศาจฟ้าพิฆาตสวรรค์

ด่านที่สองคือหุ่นศพจำนวนนับไม่ถ้วนที่หลอมสร้างขึ้นในช่วงเวลานี้

และด่านที่สามก็คือค่ายกลสะกดโลกันตร์เก้าขั้นนี้

กับดักทั้งสามด่านเกี่ยวข้องสอดคล้องกัน ทำงานร่วมกัน ราวกับเป็นหนึ่งเดียว เมื่อขับเคลื่อนพร้อมกันขึ้นมา อานุภาพที่เกิดขึ้นนั้น นอกจากว่าจะมีตัวตนในขอบเขตจักรพรรดิปรากฏตัว ไม่เช่นนั้นแล้วไม่ว่าเป็นใครหน้าไหนก็ยากจะหนีความตายได้พ้น!

และเพื่อสิ่งนี้ เจ็ดขุมกำลังแทบจะควักสมบัติล้ำค่าที่แต่ละคนสั่งสมมาเป็นเวลานานออกมาใช้จนหมด สมบัติล้ำค่าทุกชิ้นล้วนหมดไปกับกับดักสามด่านนี้

ทุ่มเทไปอย่างมหาศาล

ทว่าสำหรับพวกเขาแล้ว ขอเพียงฆ่าซูอี้ให้ตายได้ก็คุ้มค่าแล้ว!

“อย่าได้ประมาท ฮึกเหิมเข้าไว้ ฆ่าเขาให้ตาย!”

เลี่ยหยางชงแห่งสำนักวิถีสุญญะกล่าวด้วยน้ำเสียงดุดัน

ความเป็นจริงแล้ว ตอนที่ตัวตนในขอบเขตวงล้อวิญญาณหกสิบสามคนกำลังพูดคุยกัน ก็ได้ทำการขับเคลื่อนค่ายกลปีศาจฟ้าพิฆาตสวรรค์อยู่ตลอด ไม่มีใครเก็บแรงกำลังในเวลานี้เลย

ทว่าในค่ายกลใหญ่…

เมื่อมองดูพิบัติประหารครั้งนี้จนเต็มตาแล้ว ซูอี้กลับหัวเราะ

“ไม้ตายมาเรื่อย ๆ? แต่ดูแล้ว… ก็เท่านี้เอง…”

เขากระชับดาบนิลกาฬบริสุทธิ์ในมือ ระดับวิถีในตัวขับเคลื่อนจนถึงขั้นสุดยอด

ครืน!

บนร่างที่สูงโปร่งของเขา ภาวะดาบไร้เทียมทานพุ่งขึ้นฟ้า สั่นสะเทือนถึงดวงดาว

มีทั้งแก่นแท้จุดกำเนิดที่บรรลุถึงขั้นสมบูรณ์เพียบพร้อม

และมี ‘มหาลึกล้ำ’ กับ ‘นิมิตเลือนราง’ ซึ่งเป็นความลี้ลับของสุดยอดมหาวิถีที่กล่าวได้ว่าหายากในโลกกว้าง และซูอี้เพิ่งเริ่มตระหนักรับรู้เท่านั้น

โดยหลักใหญ่ใจความของ ‘มหาลึกล้ำ’ นั้น แท้จริงมันเริ่มต้นจากความลี้ลับ พัฒนาจากสิ่งเล็กน้อย มีสีม่วง ลักษณะเป็นดวงดาว ภาวะกว้างใหญ่ จิตว่างเปล่า!

เมื่อความลี้ลับนี้ถูกปล่อยออกไป ราวกับพลังม่วงโหมพัด ดาวจักรพรรดิส่องสว่าง กว้างใหญ่ดุจหมอก ราวกับดวงดาวยิ่งใหญ่ไร้ขอบเขต

นี่คือ ‘มหาลึกล้ำ’

ส่วนนิมิตเลือนราง นิยามของมันคือ ‘นิมิตซับซ้อน มหาลึกลับเลือนราง’

โดยนิมิตเลือนรางนี้ มีสีสันราวกับเมฆาเขียวโบราณ แสงประดุจแสงตะวันยามเช้า เมื่อสำแดงเดชออกมา ราวกับเมฆเขียวมาพร้อมกับแสงตะวันยามเช้า ส่องสว่างเจิดจ้าไปทั่วทุกหัวระแหง!

ความลี้ลับของทั้งสอง ถึงแม้ซูอี้จะรู้แจ้งถึงขั้นเริ่มต้นเท่านั้น ทว่าเวลานี้เมื่อแสดงออกมาแล้ว ทำให้จังหวะศักดิ์สิทธิ์มหาวิถีที่มีรูปลักษณะคล้ายกับดาบเก้าคุมขังของซูอี้เกิดความเปลี่ยนแปลงแตกต่างออกไป

“ฆ่า!” “ฆ่า!” “ฆ่า!”

ปีศาจฟ้าสูงร้อยจั้งเหล่านั้นบุกเข้ามา พลังกักขังสีเลือดสาดกระเซ็นไปทั่วผืนปฐพี

สวบ!

พลังดาบเล่มหนึ่งปรากฏขึ้น

อากาศเกิดรอยร้าวแนวยาวขึ้นในทันใด

ร่างของปีศาจฟ้าที่บุกเข้ามาแตกสลายในชั่วพริบตา ร่างขาดกระเด็น กลายเป็นอักขระค่ายกลกักขังลอยกระจายเต็มท้องฟ้า

ครืน!

แทบจะในเวลาเดียว ห่างไปไม่ไกลนักมีแท่นวิถีขนาดยักษ์แท่นหนึ่งกดทับลงมา บนแท่นวิถี ตัวตนในขอบเขตสยายวิญญาณสิบกว่าคนของสำนักผลาญตะวันควบคุมอาวุธต่าง ๆ สร้างเป็นค่ายกลสายฟ้าอันยิ่งใหญ่ขึ้นมา

นี่คือพลังของค่ายกลสะกดโลกันตร์เก้าขั้น อานุภาพเช่นนั้นสามารถฆ่าตัวตนแห่งขอบเขตวงล้อวิญญาณให้ตายได้อย่างง่ายดาย

ซูอี้ไม่แม้แต่จะมอง พอขยับข้อมือ ดาบนิลกาฬบริสุทธิ์ก็ส่งเสียงดังกึกก้อง พุ่งขึ้นกลางอากาศ

ดาบสะกิดเดือนตะวัน แสงสว่างใต้หล้าส่องสว่างเจิดจ้า!

ภาวะดาบที่คล้ายกับแดนสวรรค์ผุดขึ้นกลางอากาศ แดนสวรรค์กลายตัวจาก ‘นิมิตเลือนราง’

บนแดนสวรรค์ สะท้อนให้เห็นเดือนตะวันที่รวมตัวจาก ‘มหาล้ำลึก’ ซึ่งส่งพลังสีม่วงพุ่งโขมง หมู่ดาวล้ำลึก

เพียงแค่ดาบเดียวเท่านั้น สะท้อนให้เห็นความเจิดจรัสของเดือนและตะวันกลางท้องฟ้า พลังสีม่วงแดนสวรรค์แสดงความยิ่งใหญ่ไปทั่วด้าน

ทว่าต้นกำเนิดพลังของดาบนี้กลับมาจากการทำความเข้าใจในขั้นต้นเท่านั้น!

ครืน!!

เมื่อดาบนี้พุ่งขึ้นกลางอากาศ แท่นวิถีสีเลือดขนาดยักษ์ก็สั่นสะเทือนอย่างแรง ประกายแสงแตกระเบิด เกิดเสียงดังสนั่นจนแก้วหูแทบแตก

“ไม่ได้การ!!!”

“นี่…”

บนแท่นวิถี ผู้แข็งแกร่งของสำนักผลาญตะวันถึงกับหน้าถอดสี ใบหน้าขาวซีด

ไม่รอให้พวกเขาได้ตั้งตัว เมื่อดาบเล่มนี้ฟันลงมายังแท่นวิถีขนาดใหญ่ที่อยู่ใต้ฝ่าเท้าของพวกเขาก็แตกละเอียด ระเบิดดังกึกก้องในทันใด

ละอองเลือดสาดกระเซ็น

เสียงร้องโอดครวญดังก้องฟ้า

ความเปลี่ยนแปลงเช่นนี้ทำให้ผู้ที่มองดูสถานการณ์อยู่ไกล ๆ ถึงกับตะลึงงันอยู่ตรงนั้น สมองมีแต่ความงุนงง ไม่อาจคาดคิดได้ว่าซูอี้มีระดับวิถีที่น่ากลัวถึงเพียงไหนจึงสามารถพลิกกลับสถานการณ์ได้อีกครั้ง!

เช่นนี้แลดูน่าอัศจรรย์เกินไป เกินความคาดหมายของทุกคน

“ให้ตายสิ!!”

บนยอดภูเขาเด็ดดาว จ้าวเป่ยเจินผู้เป็นเจ้าสำนักผลาญตะวันถึงกับหน้าเขียว ทั้งตื่นตระหนกและโกรธแค้น มีเลือดหยดในหัวใจ

ใครกันจะไปคาดคิดว่าเพียงแค่ดาบเดียว ซูอี้ก็พังทลายแท่นวิถี ฆ่ามหาปราชญ์สวรรค์ขอบเขตสยายวิญญาณของสำนักผลาญตะวันจำนวนสิบกว่าคนได้?

อหังการเกินไปแล้ว!

ภาพเหตุการณ์ทำลายกับดักที่แข็งแกร่งเช่นนี้ ทำให้พวกของหวนเทียนตู้ไม่อาจสงบใจได้อีก แต่ละคนหน้าเปลี่ยนสี แทบไม่อยากจะเชื่อสายตาของตัวเอง

ตั้งแต่เริ่มจนถึงตอนนี้ พวกเขาไม่เคยประมาทซูอี้เลยแม้แต่น้อย เจ็ดมหาขุมกำลังร่วมมือกัน ทุ่มเททรัพยากรที่มีไปเกือบหมดจึงตั้งค่ายกลน่ากลัวสามด่านเช่นนี้ขึ้นมาได้!

เป้าหมายก็เพื่อกำจัดตัวตนร้ายกาจที่มิอาจประมาณการได้อย่างซูอี้คนนี้!

เพียงแต่ว่า เมื่อมองเห็นภาพเหตุการณ์ตรงหน้านี้แล้ว พวกผู้ยิ่งใหญ่เหล่านี้ก็รู้ตัวในทันใดว่า ถึงแม้ก่อนหน้านี้พวกเขาจะเตรียมตัวมาพร้อม ทว่าสุดท้ายก็ยังคงประมาทความน่ากลัวของซูอี้ไป

ไม่ใช่คน!

แต่ไม่ว่าพวกเขาจะคิดอย่างไร ทั้งหมดนี้ก็ได้เกิดขึ้นแล้ว อีกทั้งยังคงดำเนินต่อไป

ดาบเดียวที่มีอานุภาพแข็งแกร่งเช่นนั้น ได้เปิดฉากการพลิกผันสถานการณ์การต่อสู้ของซูอี้แล้ว!!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด