บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] 360: พอเข้าตาอยู่

Now you are reading บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] Chapter 360: พอเข้าตาอยู่ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 360: พอเข้าตาอยู่

ตอนที่ 360: พอเข้าตาอยู่

ตั้งแต่กลับชาติมาเกิดและเริ่มฝึกฝน ซูอี้ได้สังหารเทพเซียนเดินดินไปไม่รู้เท่าไรแล้ว

แต่ชิวเหิงคงเป็นคนเดียวที่สามารถได้รับคำวิจารณ์จากเขาว่า ‘แข็งแกร่ง’

ชายผู้นี้ก็ไม่ธรรมดาเลย

สามหัวใจหลักของมนุษย์ถูกขัดเกลาจนถึงขั้นสมบูรณ์ที่สุด ราวกับระบบภายในถูกชะล้างจนถึงจุดสูงสุดแล้วย้อนคืนสู่สามัญ

ที่หาได้ยากก็คือ รูปแบบวิถีดาบที่คนผู้นี้แสดงออกมานั้นเหนือกว่าคนทั่วไป เห็นได้ชัดว่าเขาค้นพบวิถีดาบที่เหมาะสมกับตัวเองแล้ว

ยิ่งไปกว่านั้น ภาวะดาบได้หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกับร่างกายและจิตใจ เรียกได้ว่าเป็นผู้ฝึกดาบที่แท้จริง!

“ไม่แปลกเลยที่ฉู่อวี้โค่วจะไม่หวาดหวั่น ด้วยการลงมือของผู้ฝึกดาบเช่นนี้ ย่อมสามารถดูแคลนทั้งโลกหล้าได้!”

ขณะที่ซูอี้ดึงความคิดกลับมา เขาจึงกล่าวกับฉาจิ่น “อีกเดี๋ยวการต่อสู้จะเริ่มขึ้น เจ้าควรถอยออกไปราวสามสิบจั้ง ไม่เช่นนั้นอาจได้รับผลกระทบได้”

ฉาจิ่นตะลึงก่อนรีบพยักหน้ารับ “คุณชาย ท่านต้องระวังด้วย คนผู้นี้คือผู้อาวุโสใหญ่ของสำนักวงเดือน…”

ขณะที่นางกำลังจะร่ายความสำเร็จอันเจิดจรัสของชิวเหิงคงออกมา นางก็ถูกซูอี้ขัดขึ้นเสียก่อน

“ไม่จำเป็นต้องพูดสิ่งใด ข้ารู้ว่าคนผู้นี้มีความสามารถ”

ซูอี้กล่าวสบาย ๆ

ห้าสิบปีก่อนระดับการฝึกฝนของชิวเหิงคงอยู่ที่ขอบเขตไร้เบญจธัญ

ห้าสิบปีให้หลังเขาก็ยังคงอยู่ที่ขอบเขตไร้เบญจธัญ ซึ่งระดับการฝึกฝนของเขาไม่มีการพัฒนาขึ้น

แต่ในสายตาของซูอี้ รัศมีและพลังของคนผู้นี้แข็งแกร่งกว่าโจวฉางอี้ ผู้อาวุโสจากกลุ่มมังกรที่อยู่ในขอบเขตเปิดทวารเสียอีก!

เหตุผลก็สามารถคาดเดาได้ง่าย ในห้าสิบปีมานี้ พื้นฐานมหาวิถีของชิวเหิงคงจะต้องได้รับการขัดเกลาจนถึงระดับน่าเหลือเชื่อแน่นอน

ยิ่งกว่านั้น ยามที่คนผู้นี้อยู่ในสี่ขอบเขตแห่งวิถียุทธ์ เขาจะต้องสร้างรากฐานการฝึกยุทธ์จนพิเศษถึงขีดสุด ไม่เช่นนั้นจะเป็นไปไม่ได้เลยที่มาถึงระดับสุดยอดเช่นนี้

มองอีกมุมหนึ่ง ชิวเหิงคงผู้นี้นับเป็นคนที่ต่อต้านสวรรค์อย่างหาได้ยาก ซึ่งมีประวัติสามารถสังหารศัตรูข้ามระดับได้!

แสงอาทิตย์ยามอัสดงลุกโชติช่วงช่างงดงามและเจิดจ้ายิ่งนัก

ภายในอากาศ ชิวเหิงคงมองไปยังซูอี้ที่อยู่ไกลออกไปแล้วโค้งศีรษะเล็กน้อย ก่อนกล่าวด้วยสีหน้าสงบ “ข้า ชิวเหิงคงพบสหายเต๋าซู”

ซูอี้ไขว้มือไว้ด้านหลังขณะก้าวขึ้นไปบนอากาศ ขึ้นมาอยู่เหนือท้องฟ้าร้อยจั้ง มองชิวเหิงคงที่อยู่ไกลออกไปขณะยิ้มน้อย ๆ แล้วกล่าว

“ทักษะดาบของเจ้าไม่เลว พอเข้าตาอยู่บ้าง ข้าจะไม่พูดไร้สาระ หากเจ้าสามารถรับสิบกระบวนท่าไว้ได้โดยไม่พ่ายแพ้ ซูผู้นี้จะเว้นทางรอดสายหนึ่งให้กับสำนักวงเดือน”

ทั่วสำนักวงเดือนตะลึงก่อนตกอยู่ในความโกลาหล

“ชายผู้นี้อวดดีเพียงใดกัน!”

“นี่คืออัครมหาเสนาบดีแห่งต้าโจวผู้โด่งดังรึ? เขาเป็นแค่คนหยิ่งยโสที่เสียสติคนหนึ่ง!”

“ผู้อาวุโสใหญ่โปรดสังหารเจ้าเดรัจฉานนี่ซะ!”

เสียงโกรธแค้นมากมายดังขึ้นท่ามกลางความวุ่นวาย เห็นได้ว่าถูกกระตุ้นจากคำพูดของซูอี้ให้โกรธ

กระทั่งเจ้าสำนักวงเดือนอย่างฉู่อวี้โค่วก็อดแค่นเสียงเย็นไม่ได้ ซูอี้ผู้นี้… ช่างเสียสตินัก!

มีเพียงชิวเหิงคงที่ยังคงดูอ่อนโยนเหมือนก่อน เขาเอ่ย “สามารถเข้าตาสหายเต๋าซูได้ เป็นเกียรติของชิวผู้นี้แล้ว แต่มีดดาบไร้นัยน์ตา จึงโปรดระวังตัวด้วย”

แสงอาทิตย์อัสดงลุกโชติดุจเปลวไฟสะท้อนลงบนร่าง ยิ่งเสริมให้เขาดูพิเศษกว่าเดิม

เคร้ง!

เสียงดาบดังขึ้นอย่างชัดเจน ซูอี้กุมดาบนิลกาฬกลืนฟ้าไว้ในมือ ฉับพลันนั้นรัศมีรอบตัวเขาก็ได้เปลี่ยนไป

ตูม!

เมฆสีแดงบนท้องฟ้าในรัศมีสามสิบจั้งแตกออก แสงจากท้องฟ้าเทลงมาสะท้อนกับดาบนิลกาฬกลืนฟ้าซึ่งมีสีดำดุจหมึก ปรากฏแสงเงาอันน่ากลัวขึ้น

“นี่คือแสงดาบของข้า”

ซูอี้เอ่ยอย่างเฉยเมย โดยมีความดูถูกเหยียดหยามปรากฏขึ้นบนใบหน้าอ่อนเยาว์ของเขา

“เยี่ยม”

ไกลออกไป รูม่านตาของชิวเหิงคงหดตัวเล็กน้อย สีหน้าของเขาเคร่งขึ้น ชุดคลุมสีเทาสะบัดไปมาโดยมีภาวะดาบที่ลึกลับและแหลมคมวนอยู่รอบตัวเขา

ด้วยเสียงพุ่งของอากาศ มีดบินสีเขียวที่ปักอยู่ที่มวยผมก็ลอยออกมาหมุนชี้ไปด้านหน้า

จากนั้นตัวมีดสีเขียวขุ่นดุจหยกก็ขยายขึ้นเป็นสามฉื่อสามชุ่น

ชิวเหิงคงใช้มือคว้าดาบนั่นมากุมแล้วกล่าวเบา ๆ “ดาบเล่มนี้เรียกว่าชิงเหอ ก่อนอายุยี่สิบสี่ ชิวผู้นี้ใช้ดาบนี้ท่องไปทั่วโลก ทว่าเมื่อหลอมดาบน้ำดีที่ไม่หวาดกลัวความตายขึ้น มันกลับไม่ได้ใช้งานมาห้าสิบปีแล้ว สหายเต๋าโปรดชี้แนะข้าด้วย”

เคร้ง!

รังสีเข่นฆ่าอันไร้ที่สิ้นสุดซึ่งก่อตัวขึ้นในตัวเขาได้ปัดเป่าความอ่อนโยนและใจเย็นไปจนหมด

เสียงคำรามของดาบดังกระแสน้ำพุ่งตรงไปยังคนด้านหน้า รัศมีอาฆาตแผ่ซ่านไปทั่วทุกหนทุกแห่ง

“นี่แหละคืออาจารย์ลุงที่ข้ารู้จัก!”

หัวใจของฉู่อวี้โค่วเต้นแรง ดวงตาของเขาเปล่งประกาย

ทั่วทั้งสำนักวงเดือนเองก็ตื่นเต้น ต่างมองไปยังชิวเหิงคงดุจมองเทพเซียนแห่งดาบ!

ห่างออกไปสามสิบจั้ง มืองดงามดุจหยกของฉาจิ่นกำเข้าหากันเงียบ ๆ ความตึงเครียดปรากฏขึ้นบนหว่างคิ้วของนาง

แม้นางจะเชื่อมั่นในตัวซูอี้ แต่ความแข็งแกร่งของชิวเหิงคงได้ฝังรากลึกในใจของนางมาเนิ่นนาน

ซึ่งเมื่อได้รับชมพลังสังหารของชิวเหิงคงในเวลานี้… เช่นนั้นแล้วนางจะไม่เป็นกังวลได้อย่างไร?

“เยี่ยม!”

ดวงตาของซูอี้เปล่งประกายเจิดจ้า เขาก้าวเข้าไปในความว่างเปล่า ขณะที่ดาบนิลกาฬกลืนฟ้าในมือของเขากวาดไปทั่วท้องฟ้า

อ้า!

เงาของปราณดาบฟันออกไปเพียงสามฉื่อสั้น ๆ เท่านั้น

เมื่อตกอยู่ในสายตาของชิวเหิงคง ปราณดาบนี้แข็งแกร่งอย่างยิ่ง มันแฝงเร้นไว้ด้วยเต๋าลึกลับอยู่ภายใน พุ่งตรงเข้ามาทิ่มแทงประหนึ่งเขาโคอันไร้ร่องรอย

เขาสูดลมหายใจเข้าลึก ก่อนชักดาบชิงเหอออกในพลัน ปราณดาบนั้นอ่อนนุ่มราวผ้าไหม แผ่วเบาดุจฝน เจิดจรัสดังดอกไม้ไฟ

ดอกไม้ไฟเบ่งบาน ความงดงามพลันเกิดขึ้นทั้งหมดในชั่วขณะนั้น!

มันเป็นเพียงดาบที่แฝงไว้ซึ่งศิลปะงดงาม หากแต่ก็ซุกซ่อนเจตนาสังหารอันแหลมคมไร้ที่เปรียบไว้ ดังนั้นในขณะที่มันสวยงามมากจนใจสั่น มันก็ยังน่าสะพรึงถึงขีดสุดด้วยเช่นกัน!

ฉู่อวี้โค่วที่อยู่ไกลออกไปทั้งกายใจสั่นสะท้านด้วยความหวาดกลัว

ราวกับเมื่อเผชิญกับดาบเล่มนี้ ทุกชีวิตที่อยู่ที่นั่นความเจิดจ้าจะต้องดับเฉาลง ทำให้ผู้คนสัมผัสถึงความสิ้นหวังของชีวิต

ในสายตาของทุกคนในสำนักวงเดือน ภายใต้ท้องฟ้าราวกับดอกไม้ไฟระเบิดออก ทว่าไม่มีปราณดาบออกมา ดูลึกลับราวกับการออกดาบของเทพเซียน!

ตูม!

ดาบสองเล่มพัวพันกัน

สิ่งที่น่าประหลาดใจ คือดาบที่ดูเรียบง่ายของซูอี้ กลับสามารถตัดผ่านฝนดอกไม้ไฟลงด้วยภาวะดาบอันไร้เทียมทานอย่างถอนรากถอนโคน แล้วฟันตรงไปยังชิวเหิงคงอย่างรุนแรง

เคร้ง!!

ชิวเหิงคงงอศอกไขว้ดาบมากันปราณดาบนั่นไว้ เมื่อปะทะกัน มันก็ได้สร้างความผันผวนของพลังทำลายล้าง ซึ่งสะเทือนจนร่างของชิวเหิงคงสั่นไหวและต้องถอยหลังไปก้าวหนึ่ง

“นี่…”

ดวงตาของฉู่อวี้โค่วแข็งค้าง

สีหน้าของทุกคนในสำนักวงเดือนต่างก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย

การดวลเพิ่งเริ่มขึ้น ทว่าระดับวิถีดาบของผู้อาวุโสใหญ่กลับถูกกระแทกออกรึ!?

ซูอี้น่าสะพรึงถึงเพียงนั้นเลยรึ?

“สหายเต๋าซูคู่ควรกับการเป็นตำนานของโลกนี้ เพียงไม่กี่ดาบ ทั้งภาวะดาบ กายใจ และปราณ ต่างหลอมรวมเข้าด้วยกัน แม้แต่รากฐานฝึกตนก็ถูกขัดเกลาไปจนถึงระดับที่ไม่เคยมีมาก่อน น่ายกย่องจริง ๆ”

ในความว่างเปล่า ชิวเหิงคงกล่าวทอดถอนอย่างจริงใจ

ดาบนี่ทำให้เขาประหลาดใจจริง ๆ

ไกลออกไป คิ้วของซูอี้ปรากฏความจริงจังเล็กน้อย เขากล่าวเบา ๆ “ทักษะดาบของเจ้าเองก็ทำให้ข้าประหลาดใจเช่นกัน หากข้าเข้าใจไม่ผิด ภาวะดาบของเจ้าควรอยู่ ‘ขั้นลี้ลับระดับต่ำ’ เปลี่ยนให้ดาบเป็นดั่งหมอกฝน ปราณดาบเปลี่ยนไปดุจผ้าไหม ตัวภาวะดาบนี้ได้บรรลุถึงขั้นสมบูรณ์แล้ว”

“ตัวตนในขอบเขตไร้เบญจธัญของเจ้าขณะนี้ สามารถถือได้ว่าเป็นอันดับหนึ่ง เหนือกว่าระดับเดียวกันไปไกลนัก น่าจะเป็นเพราะได้รับสืบทอดเคล็ดวิชาเก่าแก่มา ไม่อย่างนั้นข้าเกรงว่าขอบเขตไร้เบญจธัญทั่วไปจะไม่สามารถขัดเกลารากฐานภาวะดาบอย่าง ‘ดั่งหมอกฝน ดุจผ้าไหม’ ได้”

หลังได้ยินเช่นนั้นดวงตาของชิวเหิงคงก็หรี่ลงน้อย ๆ ก่อนกล่าว “ดวงตาของสหายเต๋าสว่างจ้าดุจคบเพลิงจริง ๆ”

ซูอี้กล่าวกลั้วหัวเราะ “ขอพูดอย่างหยาบคาย หากเป็นเช่นนี้เจ้าจะพ่ายแพ้โดยไม่ถึงห้ากระบวนท่า”

ฟุบ!

เสียงยังคงก้องกังวาน ซูอี้ได้ชักออกซึ่งดาบอีกครา!

ดาบนี้เต็มไปด้วยกลิ่นอายโบราณ ไร้ร่องรอย เป็นอิสระ และเป็นธรรมชาติ

นี่คือการกลั่นเอาความหมายที่แท้จริงของเพลงดาบสุดปรีดีออกมาจนถึงขั้นทำตามใจต้องการ ซึ่งทันทีที่ดาบฟันออกมามันก็มาพร้อมสภาพจิตใจของซูอี้ในเวลานี้

เมื่อใจข้ามีโทสะ ดาบจะรุนแรงดุจน้ำเดือด

เมื่อใจข้ารู้สึกเป็นอิสระ ดาบจะพลิ้วไหวดุจสายลม

นี่คือทำทุกอย่างตามต้องการ ทำลายเปลือกหุ้ม เพียงแค่คิดดาบก็เคลื่อนไหว!

เมื่อเผชิญกับดาบนี้ ชิวเหิงคงรู้สึกดังกายจิตถูกกระตุ้น และด้วยความสำเร็จของภาวะดาบที่อยู่ใกล้แค่เอื้อม เขาจึงอดตะโกนออกมาไม่ได้

“เยี่ยม!”

เขาหัวเราะ ก่อนแขนเสื้อจะโป่งออก ดาบชิงเหอที่ถือระเบิดเปลวเพลิงออกมา แรงระเบิดกว้างหนึ่งร้อยฉื่อ ขณะที่ตัวคนพุ่งออกไปพร้อมตัวดาบ

“สายฝนที่โปรยปรายกลายเป็นดั่งภาพฝันอันว่างเปล่า!”

ท่ามกลางเสียงร้องกังวาน ระหว่างดาบของชิวเหิงคงก็เหมือนจะมีหมอกฝนโปรยปรายออกมาไม่มีที่สิ้นสุด เส้นสายของปราณนั้นเล็กละเอียด ใสสะอาด เบาบาง และไร้จุดจบ

แต่เมื่อสายฝนโปรยลงมา มันก็ได้เผยรัศมีเข่นฆ่าที่ทำให้โลกต้องตะลึง!

ตูม!

ท้องฟ้าปกคลุมไปด้วยสายฝนโปรยปราย ทำให้ดาบของซูอี้คล้ายติดอยู่ในหล่ม แม้จะไม่ได้หยุด แต่ความเร็วของมันก็ลดลงกะทันหัน ปราณดาบอันละเอียดดุจสายฝนโปรยฟาดลงมายังปราณดาบของชายหนุ่มจนเกิดเสียงระเบิดดังสนั่น

ไม่ช้าปราณดาบของซูอี้ที่เต็มไปด้วยรูก็แตกออก

นี่แสดงให้เห็นว่าภาวะดาบของชิวเหิงคงลึกลับเพียงใด!

ทว่าซูอี้ไม่ได้คิดเช่นนั้น แขนเสื้อโบกสะบัดอย่างสง่างาม พุ่งมาข้างหน้าพร้อมกับดาบ รัศมีทั้งร่างกายเพิ่มขึ้นสูงอย่างต่อเนื่อง ปลายคิ้วตาเต็มไปด้วยความเหยียดหยามต่อโลกหล้า

ในฐานะผู้ฝึกฝนดาบ เป็นเรื่องยากที่จะพานพบ ‘คนคล้ายคลึง’ ที่พอจะเข้าตา เขาคันไม้คันคันมือ และจิตวิญญาณการต่อสู้ถูกระตุ้นให้ตื่น!

“กระบวนท่าที่สาม”

ด้วยเสียงสบาย ๆ ซูอี้ตวัดดาบออกไป

ปราณดาบอันทรงพลังตรงไปสู่ท้องฟ้าราวกับสายน้ำจากแม่น้ำใหญ่ ใสสะอาดดุจสีของผืนฟ้า เต็มไปด้วยความงดงามไร้ที่สิ้นสุด

หากต้องให้บรรยายดาบนี้ ก็คงบอกได้แค่เพียง ‘หยุดไม่ได้’!

ดวงตาของชิวเหิงคงเป็นประกายขึ้นมาวูบหนึ่ง ช่างเป็นดาบที่ทรงพลังอะไรเช่นนี้!

เขาไม่กล้าลังเล พลันใช้สองมือคว้าด้ามดาบดังเทพเจ้าแกว่งขวานตัดภูเขา ภาวะดาบที่เดิมเบาบางดุจหมอกฝนทันใดนั้นก็กลายเป็นกระแสน้ำอันเผด็จการและไร้ขอบเขต ดาบที่ส่องแสงเจิดจ้าดุจแสงอาทิตย์อันโดดเดี่ยว ทำให้ภูเขาและแม่น้ำอาดูร

ตูม!!!

ภาวะดาบสองสายโรมรันกันใต้ท้องฟ้า

“หากเป็นข้า ไม่ว่าจะเผชิญกับดาบฝั่งใด เกรงว่าจะไม่เหลือชีวิตรอด…”

ไกลออกไป ฉู่อวี้โค่วหลั่งเหงื่อเย็นออกมาด้วยความตกใจและขนลุก

ภายในสำนักวงเดือนเกิดเสียงร้องระเบิดขึ้น ไม่รู้ว่ามีกี่คนที่หน้าเปลี่ยนสี แม้แต่ผู้อาวุโสบางส่วนเองก็ตกตะลึงและตัวสั่นเทิ้ม

ห่างออกไปสามร้อยจั้ง หัวใจของฉาจิ่นหยุดเต้นแรงไม่ได้เลย

นางไม่เคยเป็นพยานในการสังหารเทพเซียนเดินดินของซูอี้ในนครอวี้จิง จึงเป็นตอนนี้เองที่นางได้เห็นการต่อสู้เผชิญหน้าอันยิ่งใหญ่ และได้เข้าใจอย่างลึกซึ่งว่าซูอี้น่าสะพรึงเพียงใด!

และสิ่งที่ทำให้ทุกคนรู้สึกเหลือเชื่อคือ…

ขณะที่ควันและฝุ่นคละคลุ้ง ภายใต้แรงระเบิดที่ดุจดินถล่มนี้ร่างที่เหมือนหอกของชิวเหิงคงบนท้องฟ้าได้ถอยหลังไปสามก้าว!

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *