บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] 72 เหนือประตูเมือง

Now you are reading บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] Chapter 72 เหนือประตูเมือง at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 72 เหนือประตูเมือง

หยกวิญญาณนั้นมีที่มาลึกลับซับซ้อนเพียงใด?

ชายวัยกลางคนผู้มีรอยแผลก็ไม่ทราบแน่ชัดเช่นกัน

เขารู้เพียงแค่ว่าเพราะหยกวิญญาณนั่น ทำให้ผู้อาวุโสทั้งหมดในพรรคมารหยินปฏิบัติกับชิงหว่านราวกับสมบัติ

ไม่อย่างนั้น ด้วยวิถีของผู้บ่มเพาะสายชั่วร้ายเหล่านั้น เมื่อได้เห็นวิญญาณบริสุทธิ์ เกรงว่านางคงถูกสังเวยไปแล้ว

เมื่อรู้เช่นนี้ ซูอี้จึงอดที่จะชำเลืองมองชิงหว่านไม่ได้ แล้วกล่าวว่า “เจ้ายังจำชิ้นส่วนของหยกวิญญาณนั่นได้หรือเปล่า?”

ชิงหว่านส่ายหน้า กล่าวเสียงเบาว่า “ตอนข้าตื่นขึ้นมา ข้าก็กลายเป็นผู้ติดตามของอู๋รั่วชิวแล้ว ส่วนเรื่องราวก่อนหน้านั้นทุกอย่างเหมือนเป็นความว่างเปล่า”

มันเป็นครั้งแรกเช่นกันที่นางรู้ว่าตัวเองเคยอยู่ในหยกวิญญาณลึกลับ ไม่ใช่วิญญาณคนเป็นหลังจากตายไปแล้ว

เรื่องนี้ทำให้นางรู้สึกสับสนไม่น้อย ว่าก่อนหน้านี้… ก่อนหน้านี้นางคือใคร?

“พรรคมารหยินได้หยกวิญญาณนั่นมาอย่างไร?”

ซูอี้หันมองกลับไปยังชายวัยกลางคนผู้มีรอยแผล

ชายวัยกลางคนผู้มีรอยแผลส่ายหน้า

สถานะของเขาในพรรคมารหยินไม่สูงส่งนัก เขาจึงไม่สามารถเข้าถึงเรื่องที่เป็นความลับเช่นนั้นได้

หลังจากครุ่นคิด ซูอี้ก็เอ่ยคำถามบางประการเรื่องพรรคมารหยิน

กลายเป็นว่าหลังจากหายนะจากการถูกทำลายที่เกิดขึ้นเมื่อหนึ่งร้อยปีก่อน กลุ่มคนของพรรคมารหยินที่รอดตายโดยบังเอิญได้พยายามฟื้นคืนกำลังกันอย่างลับ ๆ

ปัจจุบันนี้ มีผู้นำพรรคหนึ่งคน รองผู้นำพรรคสองคนและผู้อาวุโสผู้เป็นเสาหลักของพรรคมารหยินอีกเก้าคน

นอกจากนี้ยังมีสาขาย่อยที่อยู่ภายใต้การบัญชาการของพรรคมารหยินอีกหกสาขา พวกเขากระจายอยู่ตามดินแดนต่าง ๆ ในต้าโจว

สาขาย่อยแต่ละสาขาจะมีหัวหน้าสาขาหนึ่งคน และผู้พิทักษ์สี่คน พวกเขาจะคอยชี้นำศิษย์และลูกหลานในสาขา

พวกชายวัยกลางคนผู้มีรอยแผล รวมถึงอู๋รั่วชิวและเวิงอวิ๋นฉีล้วนเป็นศิษย์ของพรรคมารหยินสาขาย่อยที่ตั้งอยู่ใน ‘แคว้นกุ่น’

เมื่อรู้เช่นนี้ ซูอี้พลันตระหนักเข้าใจ

ดินแดนต้าโจวถูกแบ่งออกเป็น ‘หกแคว้นสามสิบหกเขตปกครอง’ สาขาย่อยทั้งหกที่อยู่ภายใต้การบัญชาของพรรคมารหยินย่อมตั้งกระจายอยู่ในทั้งหกแคว้นแห่งต้าโจว

ยกตัวอย่างเช่นแคว้นกุ่น ซึ่งเป็นแคว้นที่เขตปกครองอวิ๋นเหอตั้งอยู่ก็มีกองกำลังสาขาย่อยของพรรคมารหยินปักหลักอยู่

หรือพูดอีกอย่างก็คือ กองกำลังของพรรคมารหยินแพร่กระจายไปทั่วทั้งดินแดนต้าโจวแล้ว!

ในมุมมองของซูอี้ ชายวัยกลางคนผู้มีรอยแผลนี้ไม่ได้อยู่ในสาขาหลัก ดังนั้นอีกฝ่ายจึงย่อมไม่สามารถเข้าถึงความลับใด ๆ ในพรรคมารหยิน อันที่จริงตัวตนเล็กจ้อยอย่างชายผู้นี้ คงไม่แม้แต่จะทราบว่าผู้ใดกันที่เป็นหัวหน้าสาขาของแคว้นกุ่น…

มันช่างเป็นเรื่องตลกร้ายนัก

สิ่งเดียวที่ชายวัยกลางคนผู้มีรอยแผลรู้ก็คืออาจารย์ของอู๋รั่วชิว เวิงอวิ๋นฉี เดิมทีแล้วเขาเป็นหนึ่งในสี่ผู้พิทักษ์ของสาขาแคว้นกุ่น แต่เนื่องจากการหลบหนี ทำให้ที่อยู่ของเวิงอวิ๋นฉีขณะนี้ไม่เป็นที่แน่ชัดว่าอยู่ที่ใด

เมื่อรู้เช่นนี้ ซูอี้ก็อดที่จะคิดต่อไม่ได้

สิบปีก่อน เวิงอวิ๋นฉีและอู๋รั่วชิวหลบหนีพร้อมกับนำหยกวิญญาณลึกลับ น้ำเต้าวิญญาณและคัมภีร์ลับการเลี้ยงแมลงปีศาจซากศพไปด้วย

ไม่นานมานี้ หลังจากซูอี้ฆ่าอู๋รั่วชิว นอกจากหยกวิญญาณลึกลับแล้ว ทุกสิ่งก็ตกอยู่ในมือของซูอี้

แน่นอน ว่านั่นรวมถึงชิงหว่านด้วย

แต่นี่คือปัญหา อู๋รั่วชิวเป็นเพียงศิษย์ของเวิงอวิ๋นฉี ทำไมสมบัติเหล่านี้ถึงตกอยู่ในมือของอู๋รั่วชิวได้?

เวิงอวิ๋นฉีหายไปไหน? ตายหรือรอด?

“ถ้าข้ารู้ว่าภูมิหลังของชิงหว่านแปลกประหลาดล่ะก็ ข้าก็คงไม่ฆ่าอู๋รั่วชิวในดาบเดียวเฉกเช่นตอนนั้น…”

ซูอี้ได้แต่ถอนหายใจ

เขาไม่คิดเลยว่าต้นกำเนิดของชิงหว่านจะข้องเกี่ยวกับความลับมากมายขนาดนี้

“ไม่ว่ายังไง ถ้าข้าอยากตามหาต้นกำเนิดของชิงหว่าน เกรงว่าในอนาคตจะต้องเริ่มจากพรรคมารหยิน…”

ซูอี้ไม่คิดให้มากความอีก

ขณะนี้ เรื่องราวความลับในอดีตของชิงหว่าน ไม่ได้สลักสำคัญใดกับเขานัก

แต่ถ้านางอยากตามหาความจริงในอนาคต เขาก็ไม่ขัดข้องที่จะให้การช่วยเหลือ

“ผู้อาวุโส ข้าได้พูดทุกสิ่งที่รู้ไปแล้ว ท่านช่วยแสดงความเมตตายกโทษให้ข้าน้อยสักครั้งในชีวิตได้หรือไม่?” เมื่อเห็นว่าซูอี้เงียบไปนาน ชายวัยกลางคนผู้มีรอยแผลก็เกิดอาการตื่นตระหนกและหวาดกลัวยิ่ง เขาเปลี่ยนสรรพนามที่ใช้เรียกซูอี้เพื่อให้ยิ่งดูน่าสงสาร

อย่างไรก็ตาม ขณะเดียวกันนี้ มีเร่งฝีเท้าในความมืดไกลออกไป ไม่นานหลังจากนั้น ร่างของเฉิงอู้หย่ง หยวนลั่วซีและคนอื่นก็ปรากฏขึ้นในพื้นที่

พวกเฉิงอู้หย่งอดที่จะประหลาดใจไม่ได้เมื่อเห็นซูอี้กับศพที่อยู่ใกล้เคียง

“พวกเจ้ากำลังไล่ตามเขาหรือ?” ซูอี้ถาม

เฉิงอู้หย่งพยักหน้าก่อนตอบว่า “รายงานท่านเซียน เมื่อครู่ คนเหล่านี้อาศัยความมืดมิดของยามราตรีลอบเข้าไปในวัดร้าง แค่เพียงมองปราดเดียวก็รู้เลยว่าไม่ได้มาดี หลังจากพวกมันถูกข้าพบเข้าก็พากันรีบหลบหนี แต่ไม่นึกเลยว่าท้ายที่สุด คนเหล่านี้กลับมาตกอยู่ในมือของท่านเซียนเสียได้”

“มันจบแล้ว…”

ชายวัยกลางคนผู้มีรอยแผลแสดงสีหน้าเหมือนกับกำลังไว้ทุกข์ ใบหน้าซีดเซียวราวกับไร้ชีวิต

“พวกมันคือคนจากพรรคมารหยิน แต่ตอนนี้เหลือเพียงคนเดียวแล้ว ข้าฝากเจ้าจัดการด้วย”

หลังจากเอ่ยคำออก ซูอี้หยิบน้ำเต้าปลุกวิญญาณก่อนจากไปพร้อมชิงหว่าน

เฉิงอู้หย่งเป็นคนเด็ดขาดโดยธรรมชาติ เขาถ่ายทอดคำสั่งกับผู้คุ้มกันให้มัดชายวัยกลางคนผู้มีรอยแผล และตั้งใจจะพากลับเมืองกว่างหลิงเพื่อทำการสอบปากคำ

“คุณหนู ท่านกำลังมองสิ่งใดหรือ?”

เฉิงอู้หย่งพลันสังเกตเห็นว่ามีบางสิ่งผิดปกติกับดวงตาของหยวนลั่วซี

หยวนลั่วซีพึมพำอย่างแผ่วเบาว่า “อาหย่ง เมื่อครู่ท่านสังเกตเห็นไหมว่ามีเด็กผู้หญิงชุดแดงลอยอยู่ข้างท่านเซียน นางดูงดงามจริง ๆ … ดวงตากลมโต ผิวขาวราวหิมะ แถมใบหน้าก็งดงามราวกับนางสวรรค์…”

เฉิงอู้หย่งหรี่ตาแล้วตอบว่า “คุณหนู ถ้าการคาดเดาของข้าถูกต้อง นั่นน่าจะเป็นผีที่ยอมจำนนต่อท่านเซียน”

“ผีหรือ?” หยวนลั่วซีประหลาดใจ

“ใช่”

“แต่ผีแบบนั้นไม่น่ากลัวสักนิด นี่เป็นครั้งแรกที่ข้ารู้ว่ามีผีที่น่าทึ่งและงดงามแบบนั้นอยู่ในโลกด้วย”

หยวนลั่วซีมองอย่างอิจฉา “ถ้าข้ามีผีแบบนั้นมาเป็นข้ารับใช้ล่ะก็ ข้าจะหวีผมนาง เปลี่ยนชุดให้นาง นำอัญมณีงดงามต่าง ๆ สวมให้นางทุกวัน มันจะต้องน่าสนใจมากแน่ ๆ”

เฉิงอู้หย่ง “…”

น…นี่มันงานอดิเรกอะไรกัน?

ภายในโถงวัดที่ผุพัง

หลังจากกลับมาแล้ว ซูอี้ก็นั่งอยู่เพียงลำพังก่อนเริ่มครุ่นคิด

ครั้งนี้เขามาที่สันเขามารดาภูตผี สิ่งที่เก็บเกี่ยวได้มีมากมายนัก ฆ่าซากศพหยินหกสมบูรณ์ ได้รับจี้หยกดำเก็บของ สมุนไพรวิญญาณเก้าต้น หินวิญญาณห้าสิบก้อนและขวดเม็ดยาที่เหมาะกับการฝึกฝนของชิงหว่านมากกว่าสิบขวด…

นอกจากนี้ ยังใช้หญ้าหกหยินเพื่อแลกเปลี่ยนสมุนไพรวิญญาณสิบเจ็ดต้นกับหยวนลั่วซี ในจำนวนนั้นมีระดับที่สองอยู่ห้าต้น

จากนั้น ในป่าดอกท้อ เขาก็ได้รับท้อไฟที่เป็นสมุนไพรวิญญาณระดับสี่มาสามลูก พร้อมชีพจรวิญญาณหยินความยาวหนึ่งฉื่อ

สมบัติที่เพิ่มมาเหล่านี้ เพียงพอที่จะให้ซูอี้เลิกกังวลถึงเรื่องทรัพยากรการฝึกฝนในระยะเวลาอันสั้น

ส่วนที่เหลือของสันเขามารดาภูตผี ซูอี้ไม่ได้วางแผนจะตรวจสอบต่อ

เขาคาดเดาโดยคร่าว ว่าด้วยสันดานของซากศพหยินหกสมบูรณ์กับผู้ฝึกตนชั่วร้ายของพรรคมารหยิน เกรงว่าสมบัติบนสันเขามารดาภูตผีคงถูกเก็บกวาดไปหมดแล้ว

‘ไม่รู้ว่าหลิงเสวี่ยจะกลับมาเมื่อไหร่…’ ซูอี้พึมพำในใจ

ชายหนุ่มวางแผนจะไปจากเมืองกว่างหลิงในอนาคตอันใกล้ เพราะเขาไม่มีห่วงใดกับที่นี่อีกแล้ว

สิ่งเดียวที่ยังกังวลอยู่ในใจของเขา นั่นก็คือเหวินหลิงเสวี่ย

เมื่อถึงรุ่งสาง

ซูอี้และคณะของหยวนลั่วซีจึงออกจากสันเขามารดาภูตผีพร้อมกัน

ที่ด้านนอกเขต ‘เนินศพ’

เมื่อวานพวกเขาทิ้งให้คนรับใช้สองคนคอยดูแลม้าอยู่ที่นี่ ทันทีที่เห็นหยวนลั่วซีและเฉิงอู้หย่งกลับมาอย่างปลอดภัย คนรับใช้ทั้งสองก็นึกโล่งอก

หลังจากนั้น พวกเขารวมกลุ่มกันเพื่อมุ่งหน้าสู่เมืองกว่างหลิง

ระหว่างทางกลับ พวกหยวนลั่วซีไม่ได้นั่งอยู่บนหลังม้าอีกแล้ว พวกเขาเดินย่ำเท้าเคียงข้างซูอี้และกัวปิ่ง ไม่มีใครแสดงอาการร้อนใจเหมือนเฉกเช่นขามา

ซูอี้เห็นการเปลี่ยนแปลงนี้กับตา แต่ไม่ปริปากพูดอะไร

ตอนที่กำลังจะไปถึงประตูเมืองกว่างหลิง ซูอี้พลันนึกบางอย่างออกก่อนเตือนว่า

“เรื่องสันเขามารดาภูตผี พวกเจ้าอย่าพูดออกไปจะดีกว่า สำหรับข้าผู้แซ่ซูนั้นคงไม่มีปัญหา แต่มันเป็นพวกเจ้าที่จะได้รับผลกระทบ”

ผลกระทบหรือ?

หยวนลั่วซีอึ้งไปพักหนึ่งก่อนรีบกล่าวว่า “ขอบคุณท่านเซียนที่เตือนข้า แต่ตระกูลหยวนของเราไม่เคยหวาดเกรงต่อพรรคมารใด หากพวกมันกล้ามาเยือนถึงประตูตระกูลหยวน พวกข้าก็ยินดีที่จะส่งพวกมันไปพบกับบรรพุรุษในยมโลก”

ต้องมั่นใจเข้าไว้

แต่น่าเสียดายที่นางเข้าใจผิด

เฉิงอู้หย่งและคนอื่นต่างก็แสดงสีหน้าแปลกประหลาดระคนสงสัยเช่นกัน

ซูอี้ครุ่นคิดสักพัก ในที่สุดก็กล่าวอธิบายเพิ่มอีกประโยคว่า “ถ้าเก๋อฉางหลิงรู้ว่าเจ้าอยู่กับข้าในวันนี้ มันก็สุดจะคาดเดาได้ว่าจะเกิดโชคดีหรือหายนะ”

เก๋อฉางหลิง!

ใบหน้าของเฉิงอู้หย่งพลันเปลี่ยนไป นั่นคือราชากลืนสมุทรผู้มีอิทธิพลติดอันดับหนึ่งในสามของ ‘เก้าอ๋องต่างราชสกุล’ แห่งต้าโจว!

สามสิบปีก่อน เขาสำเร็จเป็นหนึ่งในสิบบรรพจารย์ยุทธ์ปฐมสวรรค์!

ผู้คุ้มกันคนอื่นแข็งค้าง ท่าทีเหม่อลอย

เดินทางไปยังสันเขามารดาภูตผีครั้งนี้ เหตุใดถึงข้องเกี่ยวกับราชากลืนสมุทรได้?

อีกฝ่ายเปรียบดังตัวตนเทพสงครามผู้ไร้เทียมทาน! เป็นตำนานโด่งดังมากพอที่จะให้นักรบต้าโจวโค้งตัวเทิดทูน!

หยวนลั่วซีผู้เดิมเปี่ยมด้วยความมั่นใจเบิกตากว้างเช่นกัน ใบหน้างดงามของนางสับสน

เก๋อฉางหลิง?

นางเคยได้ยินจากผู้เป็นบิดามาบ้าง บุคคลนี้คือสุดยอดบรรพจารย์ผู้ที่ตระกูลหยวนทุกคนต่างต้องเงยหน้ามอง…

ผ่านไปสักพัก เฉิงอู้หย่งปรับสภาพจิตใจให้มั่นคงก่อนถามด้วยความยำเกรงว่า “ท่านเซียน หรือว่าเรื่องที่สันเขามารดาภูตผีจะมีความเชื่อมโยงกับราชากลืนสมุทร?”

ซูอี้กล้าเรียกชื่อราชากลืนสมุทรตรง ๆ ซึ่งเป็นเรื่องต้องห้าม แต่เขาไม่กล้า

ซูอี้ตอบอย่างไม่ใส่ใจว่า “ด้วยสถานะของเขา เขาคงไม่ไปสร้างความลำบากให้กับตัวตนเช่นเจ้า แต่ถ้าเขาสร้างปัญหาให้จริง ๆ ก็ให้มาพบข้า”

คำพูดนี้กลับทำเฉิงอู้หย่งยากสงบใจลงได้ จากที่ฟัง ความหมายนั้นคล้ายราชากลืนสมุทรจะไปสร้างปัญหาให้ท่านเซียนซู?

ที่เหลือเชื่อยิ่งกว่า คือท่านเซียนซูไม่คล้ายกับสนใจภัยคุกคามจากราชากลืนสมุทรแต่อย่างใด!

เรื่องนี้ทำให้กลุ่มของหยวนลั่วซีรู้สึกเคารพยำเกรงต่อซูอี้มากขึ้น

ส่วนกัวปิ่ง เขาคือคนที่ผ่อนคลายที่สุด

ถึงแม้จะสับสน แต่เขาไม่รู้ว่าตัวตนของราชากลืนสมุทร เก๋อฉางหลิง… นั้นน่าสะพรึงกลัวแค่ไหน

นี่คือสิ่งที่เรียกว่าความไม่กลัวเพราะความไม่รู้

“คุณหนูลั่วซี ในที่สุดก็กลับมา!”

ทันใดนั้น เบื้องหน้าประตูเมืองไกลออกไป เสียงหัวเราะเริงร่าก็ดังขึ้น ชายหนุ่มสวมชุดคลุมสีขาวพร้อมคาดเข็มขัดหยกเดินเข้ามา

ด้านหลังเขา มีชายชราสวมหมวกสีดำเดินตามมา

เป็นจางเยวี่ยนซิงกับผู้อาวุโสสงที่อยู่ข้างกาย

เมื่อเห็นคนคนนี้ ดวงตาของซูอี้ก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย

บนเกาะไผ่วิญญาณเมื่อวันก่อน นายน้อยจากตระกูลจางแห่งมหานครอวิ๋นเหอคนนี้เคยเอ่ยว่าหากซูอี้ยอมรับใช้ตัวเขา เขาสามารถส่งซูอี้ให้โบยบินถึงเหนือเมฆได้อย่างง่ายดาย…

ในตอนนั้น ฟู่ซานคิดว่ามันเป็นเรื่องน่าขัน

ส่วนซูอี้ เขาย่อมคิดว่ามันเรื่องน่าขันเช่นกัน ทำให้หลุดหัวเราะออกมาโดยไม่ตั้งใจ

แต่เขาไม่คิดเลยว่าจะได้มาพบอีกฝ่ายอีกครั้งในวันนี้

“โอ้ นายน้อยซู? ทำไมเจ้าถึงมาเดินกับคุณหนูลั่วซีได้ล่ะ?”

แทบจะในเวลาเดียวกัน จางเยวี่ยนซิงเห็นซูอี้เช่นกัน จึงอดที่จะถามด้วยความประหลาดใจไม่ได้ว่า “เจ้าวางแผนจะตีสนิทกับตระกูลหยวนเพื่อรับใช้คุณหนูลั่วซีงั้นหรือ?”

รอยยิ้มบนใบหน้าของเขาหายไป คิ้วขมวดมุ่น ร่องรอยความไม่ยินดีเผยออกมา

หลังจากรับชมฝีมือของซูอี้ที่งานเลี้ยงประตูมังกร เขานิยมชมชอบในตัวซูอี้มากจนถึงขั้นเชิญซูอี้ให้มารับใช้ แถมยังให้สัญญาอีกว่าจะปฏิบัติกับซูอี้อย่างดีเลิศ

แต่ผู้ใดคาดคิดว่าเพียงแค่สองวัน ซูอี้จะมาปรากฏตัวข้างหยวนลั่วซี!

ช่างไร้ยางอาย!

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *