บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] 326: ปักษากลืนกินมังกร

Now you are reading บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] Chapter 326: ปักษากลืนกินมังกร at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 326: ปักษากลืนกินมังกร

ตอนที่ 326: ปักษากลืนกินมังกร

เมื่อเห็นว่าดาบล่าสุดไม่อาจทำลายม่านดาบอัสนีของโหยวเทียนหงได้ ซูอี้พลันปลดปล่อยการโจมตีอีกครั้ง

“กระบวนท่าที่สอง ตัดสมุทรผ่าขุนเขา!”

ปราณดาบอันรุนแรงถาโถมเข้าใส่ม่านดาบอัสนีของโหยวเทียนหง

ทว่าซูอี้ไม่ได้หยุดเพียงกระบวนท่าเดียว

“กระบวนท่าที่สาม คว้าสุริยันกุมจันทรา!”

“กระบวนท่าที่สี่ หลอกล่อสังหาร!”

“กระบวนท่าที่ห้า ทัศนาสิบทิศ!”

ทุกกระบวนท่าของเพลงดาบสุดปรีดีถูกสำแดงโดยซูอี้อย่างไม่มีหยุดยั้ง ขณะนี้ซูอี้คล้ายเทพเซียนผู้กำลังร่ายรำดาบอย่างสำราญใจ

ตูม! ตูม! ตูม!

ด้วยการถูกกระหน่ำโจมตี ม่านดาบอัสนีที่โหยวเทียนหงสร้างขึ้นสั่นคลอนอย่างรุนแรงก่อนจะระเบิดหายไปในพริบตา

สีหน้าของโหยวเทียนหงตื่นตระหนกอย่างมาก เขาก็ก้าวถอยหลังครั้งแล้วครั้งเล่า

แต่ทว่าทิศทางการโจมตีของดาบซูอี้นั้นน่าสะพรึงกลัวเหลือล้ำ มันครอบคลุมทั้งสี่ทิศจนในไม่ช้าโหยวเทียนหงก็ไร้เส้นทางที่จะถอยหนี

ทันใดนั้น

โหยวเทียนหงผู้เลิศล้ำในวิถีดาบแห่งต้าฉินได้ตะโกนกู่ก้องเสียงดังกังวาน ดวงตาพลันเปล่งประกายแสงอันเย็นเยือก จากนั้นเขาจึงยกดาบสีเงินโบราณอันเลิศล้ำของตัวเองขึ้นเหนือหัว ทั้งร่างกายของเขาและดาบตั้งตรงอยู่ในแนวเดียวกันประหนึ่งต้องการจะค้ำฟ้า

อึดใจถัดมา มันคล้ายกับโหยวเทียนหงเชื่อมโยงกับพลังสวรรค์และโลกได้สำเร็จ ปราณวิญญาณในร่างของเขาปะทุแกร่งกล้าไปจนถึงระดับที่เขาไม่เคยไปถึงมาก่อน

“มหาอัสนีผลาญสรรพสิ่ง!”

หลังจากเสียงตะโกนอันเลือนลั่น โหยวเทียนหงโคจรพลังของตนเองไปยังดาบของเขาซึ่งกำลังชูขึ้นเย้ยฟ้า ปราณดาบสีขาวยาวหลายสิบจั้งปะทุถึงชั้นหมู่เมฆ

แน่นอนว่าการโจมตีครั้งนี้โหยวเทียนหงยอมเสียสละพลังชีวิตของตนเองโดยไม่เกรงกลัวต่อความตาย!

ดาบนี้คือความแข็งแกร่งทั้งหมดที่เขามี ขณะนี้ร่างของโหยวเทียนหงเปล่งประกายรัศมีแสงสีขาวคล้ายกับเป็นนักรบผู้ยิ่งใหญ่ซึ่งไม่หวั่นเกรงต่อความตาย เป็นผู้พร้อมที่จะสละชีพเพื่อผดุงความยุติธรรม หรือแม้เขาจะล้มเหลว เขาจะกลายเป็นตำนานถูกเล่าขานไปอีกนับศตวรรษ!

ตูม~

บนยอดผาชมเมฆาสมุทรปั่นป่วนราวกับฟ้าถล่ม คลื่นปราณวิญญาณแห่งการทำลายล้างอันรุนแรงแผ่กระจายออกกวาดล้างทุกสิ่งอย่างที่อยู่โดยรอบ

เหล่าผู้ยิ่งใหญ่มากมายซึ่งเฝ้าดูอยู่ไกล ๆ ต่างรู้สึกเจ็บแน่นหน้าอกจากคลื่นพลังอันรุนแรง และฉากแผ่นดินสั่นสะเทือน ภูเขาสั่นคลอนนี้ทำให้พวกเขาอดไม่ได้ที่จะตกตะลึง

ที่ยอดผาชมเมฆาสมุทร ดาบของโหยวเทียนหงสับฟันลงใส่กระบวนท่าทั้งหลายของซูอี้อย่างไร้ปรานี

แลเห็นความรุนแรงของอีกฝ่าย ซูอี้ไม่ลังเลที่จะสำแดงกระบวนท่าดาบออกอีกครั้ง

เพลงดาบสุดปรีดี กระบวนท่าที่หก สะบั้นสุดพันธะ!

“ไม่ดีแล้ว!”

โหยวเทียนหงตัวสั่น ในใจตระหนักถึงอันตรายของดาบนี้ของซูอี้ แต่เขาไม่มีเวลาที่จะหลบเลี่ยง และกระบวนท่าดาบ ‘มหาอัสนีผลาญสรรพสิ่ง’ นั้นไม่สามารถล้มเลิกกลางคันได้ ไม่เช่นนั้นปราณวิญญาณที่ควบแน่นสุดขีดอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อนของเขาจะพังทลายลงอย่างแน่นอน

“เปิด!!”

ดวงตาของโหยวเทียนหงกลับมาแน่วแน่ เขากัดฟันกรอดพร้อมกับสับดาบเข้าปะทะกับพลังดาบของซูอี้!

ตูม!

เกิดการระเบิดครั้งมโหฬารเหนือผาชมเมฆาสมุทรอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน

การระเบิดนี้ไม่ต่างจากภูเขาไฟสองลูกปะทะกันอย่างดุเดือด

แต่ทว่ากระบวนท่าที่หกของเพลงดาบสุดปรีดี ‘สะบั้นสุดพันธะ’ นี้เป็นไม้ตายอันรุนแรงที่สุดในชุดเพลงดาบสุดปรีดีของซูอี้ ดังนั้นแล้วโหยวเทียนหงจะสามารถรับมือกับมันได้อย่างง่ายดายได้อย่างไร?

แทบจะในทันทีที่ดาบทั้งสองปะทะกัน พลังดาบของซูอี้ทำลายล้าง ‘มหาอัสนีผลาญสรรพสิ่ง’ ภายในพริบตา และด้วยอำนาจที่ยังคงหลงเหลืออยู่อย่างล้นพ้น ดาบของซูอี้ทะลวงผ่านม่านพลังปกป้องกายของโหยวเทียนหงและสับฟันเข้าที่หน้าอกของโหยวเทียนหงอย่างรุนแรง

บรึม!!!

ทว่าเมื่อดาบของซูอี้สัมผัสเข้ากับหน้าอกของโหยวเทียนหง มันกลับถูกยับยั้งไว้ด้วยสมบัติป้องกันหัวใจของโหยวเทียนหงซึ่งระเบิดออกอย่างฉับพลันเมื่อรับการโจมตีของซูอี้

แต่ถึงแม้จะรอดตาย โหยวเทียนหงก็ยังได้รับผลกระทบจากแรงปะทะจนกระอักเลือดออกมาเต็มปาก หน้าอกของเขายุบลงเป็นร่อง ร่างของเขากระเด็นถอยไปหลายฉื่ออย่างไม่อาจควบคุม และใบหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นซีดขาว

แน่นอนว่าการปะทะอันรุนแรงนี้ทำให้ผาชมเมฆาสมุทรราบเป็นหน้ากลอง ต้นไม้ต้นหญ้าทั้งหลายถูกถอนโคนจนไม่เหลือหลอ

ตั้งแต่สมัยโบราณ สถานที่แห่งนี้ได้รับการยกย่องว่าเป็นสถานที่ที่ดีที่สุดในการชมทะเลหมอกโดยนักวรรณกรรมและกวีหลายคน แต่ขณะนี้ความงดงามนั้นมันไม่หลงเหลืออีกต่อไปแล้ว!

ผู้คนนับไม่ถ้วนตกตะลึง

“นี่ยังเป็นพลังของมนุษย์อยู่อีกงั้นหรือ?”

คนนับไม่ถ้วนตกตะลึงจนหนังศีรษะชา

เหล่าตัวตนยิ่งใหญ่ทั้งหลายต่างก็หน้าเปลี่ยนสีเช่นกัน

การโจมตีเมื่อครู่นี้ของซูอี้มันกระทบต่อจิตใจของพวกเขาอย่างรุนแรง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพวกเขาเห็นโหยวเทียนหงถูกโจมตีเมื่อครู่นี้ ทุกคนต่างรู้ว่าถ้าไม่ใช่เพราะสมบัติลับป้องกันตัวที่โหยวเทียนหงมีอยู่ เขาจะต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย!

นี่มันน่ากลัวเกินกว่าที่ใครจะคาดคิด!

เทพเซียนเดินดินผู้อยู่ในจุดสูงสุดของขอบเขตไร้เบญจธัญพร้อมกับศาตราวิญญาณโบราณอันเลิศล้ำ และยังยอมใช้พลังชีวิตเพื่อปลดปล่อยการโจมตี แต่กลับยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของคนหนุ่มที่อยู่เพียงขอบเขตปรมาจารย์?

ใครจะเชื่อถ้าไม่ได้เห็นด้วยตาตัวเอง?

ครืน! ครืน!

ผาชมเมฆาสมุทรเริ่มถล่มทรุดตัวลง แต่ขณะเดียวกัน ซูอี้และโหยวเทียนหงพลันเผชิญหน้ากันใหม่อีกรอบ พวกเขายืนจ้องหน้ากันจากระยะไกล

ทว่าขณะนี้สถานการณ์นั้นแตกต่างไปจากเดิม คนหนึ่งนั้นบาดเจ็บ ขณะที่อีกคนยังไร้ซึ่งรอยขีดข่วนและการตัดสินเป็นตายกำลังจะเริ่มขึ้นต่อจากนี้!

“ดี! ดีมาก! สามารถทำให้โหยวเทียนหงผู้นี้อยู่ในสภาพย่ำแย่เช่นนี้ได้นับว่าเจ้ามีสิทธิ์ที่จะหยิ่งผยองต่อโลกหล้า แต่… ”

โหยวเทียนหงสูดหายใจเข้าลึก ดวงตาของเขาเร่าร้อนด้วยโทสะ

ผมยาวของเขาพลิ้วสะบัด และปราณวิญญาณในร่างของเขาเริ่มโคจรอย่างบ้าคลั่งขึ้นอีกครั้ง ราวกับว่าคราวนี้คือการทุ่มสุดตัวที่สุดของเขาอย่างแท้จริง จากนั้นเขาก็พูดเน้นคำอย่างอย่างแน่วแน่

“วันนี้เจ้าจะต้องตาย!”

เสียงยังคงดังก้อง ทว่าโหยวเทียนหงยกดาบสีเงินในมือของเขาขึ้นเหนือหัวพร้อมกับท่องบทสวดบางอย่างที่ผู้คนฟังไม่ได้ศัพท์ แต่กลับให้ความรู้สึกถึงพลังอำนาจอันยิ่งใหญ่และโบราณ

ครืน!

ทันใดนั้นดาบโบราณสีเงินในมือของโหยวเทียนหงก็เปล่งประกายเจิดจรัสราวกับได้รับอำนาจจากสวรรค์อย่างไม่รู้จบ

แต่เมื่อมองอย่างพินิจอีกครั้ง ผู้คนทั้งหลายกลับเห็นเป็นมังกรอัสนีสีขาวราวหิมะปรากฏขึ้นราวกับมีชีวิตอยู่บนท้องฟ้า ทันทีที่มันปรากฏขึ้น กลิ่นอายอันน่าสะพรึงกลัวได้แผ่ออกไปนับสิบลี้ แม้กระทั่งหมู่เมฆที่อยู่สูงเสียดฟ้าก็ยังกระจายตัวออกเป็นรูเว้า

“นี่…”

ผู้ฝึกตนบางคนตกใจกลัวจนตัวสั่น ราวกับมดแลเห็นมังกรบนท้องฟ้า

“นี่มันจิตวิญญาณแท้จริงของมังกรอัสนีอย่างนั้นหรือ!?”

หงเซินชาง อวิ๋นจงฉี จี้เหอ ฉือเฟิงหลิว และคนอื่น ๆ ทั้งหมดตัวแข็งค้าง ดวงตาของพวกเขาสั่นไหวอย่างไม่อาจควบคุม

ไม่ต้องสงสัยเลยว่านี่คือไพ่ตายของโหยวเทียนหง ซึ่งเป็นไพ่ตายที่ทรงพลังที่สุด และน่าจะเป็นโชคที่เขาได้รับจากส่วนลึกของทะเลวิญญาณโกลาหลแห่งต้าฉิน!

“แน่นอนว่าในบัญญัติอัสนีนั้นมีเศษเสี้ยวจิตวิญญาณของมังกรสถิตอยู่!”

ซูอี้พยักหน้าอย่างเข้าใจ ดาบในมือของโหยวเทียนหงนั้นถูกปรับแต่งมาคล้ายคลึงกับวิธีการที่เขาปรับแต่งดาบนิลกาฬกลืนฟ้า

ซึ่งแน่นอนว่าบัญญัติอัสนีนี้ย่อมไม่ใช่โหยวเทียนหงที่เป็นคนปรับแต่งมันแน่นอน!

“ข้าเก็บตัวจากโลกภายนอกอยู่แปดปีเพื่อขัดเกลาและหล่อเลี้ยงจิตวิญญาณในดาบเล่มนี้ แม้ว่าข้าจะยังทำไม่สำเร็จมากนัก แต่ข้ามั่นใจว่ามันเพียงพอที่จะสังหารตัวตนอย่างเจ้าได้!”

เสียงพูดของโหยวเทียนหงนั้นเยือกเย็นราวกับถ้ำน้ำแข็ง และจากนั้นเขาก็ตะโกนเสียงกังวานดังไปทั่วสี่ทิศ

“ค่ายกลมังกรสังหารสำแดงฤทธิ์!”

โหยวเทียนหงปักดาบสีเงินในมือลงไปยังพื้นดินอย่างรุนแรง

ตูม!

ทันใดนั้นปราณดาบสีขาวเก้าเล่มพลันพุ่งออกจากผืนดินอย่างรวดเร็ว ปราณดาบแต่ละเล่มยาวสิบฉื่อ ก่อนจะพุ่งเข้าหากันและหลอมรวมกลายเป็นปราณดาบสีขาวกระจ่างเจิดจ้ายาวหลายสิบฉื่อ

จากนั้นมังกรอัสนีอันน่าสะพรึงกลัวซึ่งอยู่บนท้องฟ้าก็บินลงมาประทับที่กึ่งกลางของค่ายกลกลายเป็นแกนกลาง คลื่นพลังอันรุนแรงยิ่งยวดระเบิดขึ้นที่ยอดผาชมเมฆาสมุทรอีกครั้งคราพร้อมกับแผ่แสงสว่างวูบวาบอย่างน่าอัศจรรย์

“พวกเราถอยเร็ว!”

เหล่าปรมาจารย์และบรรพจารย์ยุทธ์ปฐมสวรรค์ทั้งหลายเริ่มถอยหนีเมื่อเห็นว่าพลังที่โหยวเทียนหงปลดปล่อยออกมานั้นมันอาจเป็นอันตรายต่อพวกเขาเช่นกัน

รัศมีการทำลายล้างนั้นน่าสะพรึงกลัวเกินไป พวกเขารู้สึกถึงภัยคุกคามร้ายแรง

แม้แต่เทพเซียนเดินดินซึ่งบินอยู่กลางอากาศเพื่อเฝ้าดูยังถอยออกห่างเช่นกัน ค่ายกลมังกรสังหารนี้ทำให้พวกเขาต่างรู้สึกใจสั่น

ค่ายกลที่ถูกสร้างขึ้นโดยสุดยอดศาตราวิญญาณ อีกทั้งยังมีจิตวิญญาณของมังกรอัสนีเป็นแกนกลาง พลังอำนาจขนาดนี้มันเพียงพอแล้วที่จะทำให้เหล่าตัวตนเทพเซียนเดินดินทั้งหลายต้องหวั่นเกรง!

“ไป!”

โหยวเทียนหงโบกแขนเสื้อของเขาข้างหนึ่ง

โฮก!

ทันทีที่โหยวเทียนหงเอ่ยสั่ง ค่ายกลจึงสำแดงอำนาจของมันในทันที ปราณดาบสีขาวยาวพร้อมกับมังกรอัสนีตัวสีขาวราวหิมะ หลอมรวมกันก่อนจะพุ่งทะยานออกไปพร้อมกันหมายสังหารเป้าหมายของพวกมันซึ่งคือซูอี้!

ซูอี้ยิ้มและพูดกับตัวเอง “การโจมตีครั้งนี้ของเจ้ามีค่าพอให้ซูผู้นี้ใช้ดาบแล้ว…”

จากนั้นดาบนิลกาฬกลืนฟ้าก็ปรากฏขึ้นในมือขวาของซูอี้อย่างเงียบงัน

กลิ่นอายของเขาเปลี่ยนไปในทันใด มันเป็นความกดดันยิ่งยวดคล้ายเทพเซียนร่อนลงมาจากท้องฟ้าพร้อมสำแดงเดชวิถีดาบอันไร้เทียมทานให้ผู้คนได้รับชม!

ชิ้ง!

ซูอี้พุ่งทะยานไปข้างหน้าพร้อมกับดาบสีนิลวาววับในมือขวา ทว่าขณะเดียวกันนี้ร่างกายของเขาก็แผ่แสงหลากหลายสีสลับไปมาอย่างไม่อาจคาดเดา มันพาให้ผู้คนที่รับชมต่างงงงวย

อันที่จริงแล้วแสงหลากสีที่ร่างของซูอี้เผยออกนั้นคือแสงแห่งสภาวะเบญจธาตุหลอมผสานวิญญาณซึ่งซูอี้สำเร็จมา จากนั้นอึดใจถัดมาแสงหลากสีสันนี้ได้หลอมรวมเข้ากับดาบนิลกาฬกลืนฟ้าจนดาบทั้งเล่มสำแดงปราณดาบยาวถึงเก้าจั้ง!

ปราณดาบของซูอี้นั้นส่องแสงอย่างเจิดจ้าเผยให้เห็นถึงเจตจำนงวิถีดาบอันเลิศล้ำซึ่งเป็นสิ่งที่โหยวเทียนหงนั้นไม่อาจจะเทียบได้

ตูม!

ค่ายกลมังกรสังหารส่งเสียงระเบิดก้องเมื่อปะทะกับดาบของซูอี้ เกิดการระเบิดอย่างรุนแรง คลื่นปะทะกวาดล้างเป็นวงกว้าง

มังกรอัสนีขาวคำรามก้องราวกับถูกยั่วยุเมื่อมันโดนยับยั้งโดยดาบของซูอี้ มันห่อหุ้มปราณดาบสีขาวด้วยร่างของตนเองอีกครั้งก่อนจะพุ่งเข้าใส่ซูอี้อีกคราหนึ่ง

ทว่าสิ่งที่น่าตกใจคือแทนที่จะถอยกลับ ซูอี้กลับพุ่งไปข้างหน้าเข้าปะทะต่ออย่างไม่หวาดเกรง

หากมองไกล ๆ มันคล้ายกับเซียนดาบสวรรค์กำลังร่ายรำดาบสังหารมังกร!

ตูม~~

กลางอากาศ คลื่นกระแทกจากการปะทะกวาดล้างไปทั่วทุกทิศทาง มันรุนแรงราวกับสามารถถล่มฟ้าให้พังทลาย ผู้ชมทั้งหลายที่จ้องมองเหตุการณ์ต่างแข็งค้าง จิตใจของพวกเขาว่างเปล่า

ยิ่งต่อสู้นานเข้า สีหน้าของโหยวเทียนหงเริ่มน่าเกลียดมากขึ้นเรื่อย ๆ

แม้ว่าตัวเขาจะยังไม่สำเร็จในการควบคุมจิตวิญญาณมังกรอัสนีได้อย่างสมบูรณ์ แต่ถึงกระนั้นค่ายกลนี้มันควรจะเพียงพอที่จะสยบเทพเซียนเดินดินขอบเขตเปิดทวารได้!

แต่ทว่าขณะนี้เขากลับไม่สามารถได้เปรียบซูอี้ได้แม้แต่น้อย!

ยิ่งไปกว่านั้น ในทางกลับกัน ดาบของซูอี้กลับเริ่มทำให้จิตวิญญาณของมังกรอัสนีเริ่มสั่นคลอนมากขึ้นเรื่อย ๆ จนเขาทั้งตกตะลึงและตื่นตระหนก

สาเหตุที่เขาตื่นตระหนกเป็นเพราะจิตวิญญาณของมังกรอัสนีนั้นเป็นแกนกลางของค่ายกล เพื่อที่จะทำให้ค่ายกลนี้สำแดงอำนาจ มันจึงจำเป็นสำหรับเขาที่จะต้องควบคุมจิตวิญญาณมังกรอัสนีอยู่ตลอด

ไม่เช่นนั้นแล้วหากจิตวิญญาณมังกรอัสนีหลุดการควบคุมไป ค่ายกลนี้จะพังทลายลงในทันที

“ฆ่า!”

โหยวเทียนหงทุ่มสุดตัวอย่างสมบูรณ์ เขาโคจรพลังทั้งหมดที่เหลืออยู่เพื่อควบคุมจิตวิญญาณมังกรอัสนีให้มากกว่าเดิม

ทันใดนั้น อำนาจของค่ายกลก็พุ่งสูงขึ้นทันที

“หากเจ้าควบคุมจิตวิญญาณมังกรอัสนีนี้ได้อย่างสมบูรณ์ ข้าคงหนักใจเพิ่มขึ้นอีกสักสามส่วน แต่ตอนนี้… มันเป็นเพียงแค่เราวัดกันที่ความแกร่งกล้าของพลังที่เราทั้งคู่ต่างมีก็เท่านั้น”

ซูอี้ส่ายหัวครู่หนึ่ง

เขาไม่ลังเลและไม่สนใจที่จะยืดเยื้ออีกต่อไป ชายหนุ่มสูดหายใจเข้าลึกก่อนจะฟันดาบในมือของเขาอีกครั้ง

“ตาย!”

ในทันที บนใบดาบนิลกาฬกลืนฟ้าอักษรบัญญัติ ‘กลืนวิญญาณ’ ส่องแสงออก จากนั้นมันได้สำแดงอำนาจสร้างหลุมดำอันมืดมิดขึ้นบนท้องฟ้า และอึดใจต่อมานกกระจอกเพลิงยมโลกขนาดยักษ์อันเหลือล้นไปด้วยอำนาจอันไร้ขอบเขตกระพือปีกออกจากหลุมดำด้วยแววตาอันดุร้าย

แคว่ก!!

นกกระจอกเพลิงยมโลกอันดุร้ายบินวนไปรอบ ๆ แผ่เปลวเพลิงอันน่าสะพรึงกลัว ก่อนที่มันจะโฉบลงและฉีกกระชากมังกรอัสนีออกเป็นชิ้นเล้กชิ้นน้อยด้วยกรงเล็บอันแหลมคมเหนือล้ำยิ่งกว่าศาสตราวิญญาณใด ๆ!

ฉัวะ!!

มังกรอัสนีขาวถูกฉีกออกเป็นชิ้น ๆ ก่อนจะถูกนกกระจอกเพลิงยมโลกกลืนกินจนไม่เหลือซาก!

นกอันน่าสะพรึงกลัวนี้เป็นเพียงเศษเสี้ยววิญญาณที่ถูกซูอี้ผนึกไว้ในดาบนิลกาฬกลืนฟ้า มันเป็นหนึ่งในเก้านกหายนะแห่งยมโลก!

ฉากที่น่าสยดสยองนี้ทำให้ผู้ชมทุกคนหวาดกลัวจนหนังศีรษะชา

เกือบจะในเวลาเดียวกัน

ซูอี้ฟาดฟันดาบนิลกาฬกลืนฟ้าอีกครั้ง ปลดปล่อยปราณดาบอันไร้เทียมทานทำลายค่ายกลมังกรสังหารจนแตกสลายหายไป แต่ทว่าปราณดาบนั้นยังคงไม่หยุดนิ่ง มันพุ่งเข้าหาร่างของโหยวเทียนหงซึ่งยังลอยค้างนิ่งตะลึงอยู่กลางอากาศ

เขาลอยนิ่งราวกับคนสูญเสียจิตวิญญาณ หน้าซีด รูม่านตาเบิกกว้าง ปากของเขาเปิดราวกับอยากจะพูดคำบางคำ แต่ไม่อาจออกเสียง และในพริบตาต่อมาร่างของเขาก็ถูกแยกออกเป็นสอง และซากร่างสองส่วนก็ร่วงหล่นลงมากระทบพื้นเสียงดังตุบสองครั้งติด

ด้วยดาบเดียว นกวิเศษกลืนมังกร ทำลายค่ายกลมังกรสังหาร และสังหารโหยวเทียนหง!

โหยวเทียนหงผู้เลิศล้ำวิถีดาบแห่งต้าฉิน เทพเซียนเดินดินขอบเขตไร้เบญจธัญขั้นสูงสุด กลับมาจบชีวิตลงที่ยอดผาชมเมฆาสมุทร!

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *