บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] 255: หัวคนกลิ้งขลุก ๆ

Now you are reading บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] Chapter 255: หัวคนกลิ้งขลุก ๆ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 255: หัวคนกลิ้งขลุก ๆ
ตอนที่ 255: หัวคนกลิ้งขลุก ๆ

เซี่ยโหวหลินเลือกที่จะหลบก่อนเป็นอันดับแรก

ครืน!

พลังดาบฟาดฟันลงมา ผนังกำแพงจวนพังทลาย เศษอิฐเศษดินปลิวว่อน

“บุกพร้อมกัน จับตัวเขาไว้!” เซี่ยโหวหลินร้องเสียงดัง

ชิ้ง!

ขณะที่พูด ในมือของเซี่ยโหวหลินมีดาบรบยาวสีขาวสว่างปรากฏ กลิ่นอายพลังบรรพจารย์ยุทธ์ปฐมสวรรค์ในตัวแผ่ซ่าน

ในขณะเดียวกัน พลังของบุคคลผู้ยิ่งใหญ่อื่น ๆ ที่อยู่ในเหตุการณ์คนอื่น ๆ ต่างก็เปลี่ยนไปด้วยเช่นกัน

ถึงแม้ก่อนหน้านี้ซูอี้จะฆ่าราชาคิ้วขาวได้ภายในดาบเดียวอย่างน่าสะพรึงกลัว ทว่าเวลานี้ตอนนี้ทุก ๆ คนต่างก็รู้ดีว่า หากไม่ทำตามคำสั่งของเซี่ยโหวหลิน พวกเขากับตระกูลของพวกเขาก็จะถูกแก้แค้นและถูกโจมตีอย่างหนักจากตระกูลซู

ด้วยเหตุนี้ ถึงแม้ในใจจะหวาดกลัวสักเพียงไหน แต่ทว่าพวกเขากลับต้องกัดฟันเลือกที่จะตอบโต้

บุคคลผู้ใหญ่เหล่านี้ บ้างก็มาจากตระกูลระดับสุดยอดหนึ่งในห้าของแคว้นกุ่น บ้างก็เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของเซี่ยโหวหลิน เพ่ยเหวินซาน และเล่อชิง ดังนั้นคนที่มีกำลังอ่อนที่สุดก็ยังมีผลการฝึกตนถึงขั้นปรมาจารย์

การบุกพร้อมกันในเวลานี้ทำให้จวนใหญ่แห่งนี้ไม่อาจรองรับอานุภาพที่รุนแรงเช่นนั้นได้อีก จึงถึงกับถล่ม ฝุ่นละอองคละคลุ้ง

ทุกคนต่างหลบหนี

เพียงชั่วครู่เดียวทุกอย่างก็สับสนอลหม่านขึ้นมา

“ช่วยข้าดูให้ทั่วด้าน หากมีใครคิดหนี ให้จับพวกเขากลับมา”

เสียงราบเรียบของซูอี้ดังขึ้นท่ามกลางฝุ่นละอองที่ปกคลุมไปทั่ว

มู่ซีกับพวกของเชินจิ่วซงต่างก็คอยสกัดดูรอบด้านในทันใด

“ฆ่า!”

ระหว่างที่ร้องตะโกน เซี่ยโหวหลินถือดาบรบสีขาวสว่างในมือฟันเข้าหาจากระยะไกล ประกายแสงวิถีอันเรืองรองเปรียบดังน้ำตกที่เชี่ยวกราก แฝงไว้ซึ่งอานุภาพที่น่ายำเกรง

ในชั่วขณะเดียวกัน บุคคลผู้ยิ่งใหญ่กลุ่มหนึ่งในบริเวณใกล้ ๆ ต่างก็ถืออาวุธต่อสู้อย่างสุดกำลัง

โอบล้อมเป็นชั้น ๆ อย่างแน่นหนา!

ครืน!

ฉันพลันพลังสะท้านฟ้าสยบดินก็พุ่งเดือดดาลปกคลุมทั่วพสุธาดุจดังกระแสน้ำไหลเชี่ยวอันบ้าคลั่ง ภาพเหตุการณ์เช่นนั้นสามารถทำให้บุคคลระดับปรมาจารย์ถึงกับต้องสิ้นหวัง

ทว่าประกายแห่งความดูแคลนกลับผุดขึ้นในแววตาของซูอี้ ชุดยาวของเขาโบกสะบัด พลันฟันดาบออกไป

ชิ้ง!

เสียงดาบก้องดังไกล

ชั่วพริบตา พลังดาบร่วงลงมาราวกับหมู่ดาวพุ่งลงมาจากฟากฟ้าขจัดล้างโลกมนุษย์

เพลงดาบสุดปรีดี ดึงดารา!

ครืน~~~

พลังดาบที่ฟาดลงพื้นแผ่ขยายอานุภาพออกไปรอบสี่ด้าน มิติเสมือนแตกระเบิด พลังอันเดือดดาลเชี่ยวกรากล้วนถูกพลังดาบซึ่งแฝงไว้ด้วยจังหวะวิถีลี้ลับฟาดฟันจนแตกสลาย ฝนสะเก็ดไฟที่เจิดจ้าแตกกระเซ็น

การบุกโจมตีของปรมาจารย์สิบกว่าคนพร้อมกับพลังดาบที่บรรพจารย์ยุทธ์ปฐมสวรรค์อย่างเซี่ยโหวหลินฟันออกไป กลับถูกดาบนี้ซัดจนมลายหายไปสิ้นภายในดาบเดียว

บุคคลผู้ยิ่งใหญ่บางคนได้รับความสั่นสะเทือนจนถึงกับเซไปข้างหลัง สีหน้าตื่นตระหนก

กระทั่งเซี่ยโหวหลินเองก็ยังอดแสดงสีหน้าเคร่งเครียดออกมาไม่ได้

“บุก!”

เขาแผดเสียงร้องตะโกน บุกขึ้นไปฆ่าซูอี้ก่อนเป็นคนแรก

เซี่ยโหวหลินต่างไปจากบรรพจารย์ยุทธ์ปฐมสวรรค์อาวุโสอย่างราชาคิ้วขาวไฉ่จิงไห่ เพราะเขาตอนนี้อยู่ในวัยฉกรรจ์ อีกทั้งยังสืบทอดสุดยอดวิชาอย่างแท้จริง ไม่ว่าจะเป็นพื้นฐานหรือกำลังความสามารถล้วนถือได้ว่าเป็นบุคคลอันดับหนึ่งในขั้นนี้

การบุกโจมตีของเขามีพลังดาบดุจดังสายรุ้ง มีอานุภาพดุจดังน้ำทะเล มีความอาจหาญที่ผู้ชายนับหมื่นยากนักจะต้านทานได้ คล้ายดั่งเทพเซียน

หากว่าเป็นตอนที่ซูอี้อยู่ในขอบเขตรวบรวมลมปราณ คิดจะกำราบคู่ต่อสู้เช่นนี้ยังต้องออกแรงอย่างสุดกำลังจึงจะสามารถล้มคู่ต่อสู้ได้

ทว่าตอนนี้…

ซูอี้งอนิ้วดีดปลายดาบ จากนั้นเขากำดาบบุกไปข้างหน้าพร้อมกับเสียงดาบที่ก้องกังวาน

สวบ!

พอชูดาบขึ้น ฟ้าดินถูกแยกราวกับหยินและหยางถูกแบ่งออกอย่างชัดเจน

พลังดาบอันยิ่งใหญ่รุนแรงถูกกวาดออกไป พลันมีเสียงระเบิดดังก้อง สะเก็ดไฟแตกซ่านกระเซ็น เซี่ยโหวหลินพร้อมกับดาบของเขาถูกระเบิดกระเด็นออกไปตามแรงสั่นสะเทือน

หน้าของเซี่ยโหวหลินแดงก่ำ กลิ่นอายแห่งพลังรอบกายพุ่งสูง

ถือโอกาสนี้…

ชุดยาวสีเข้มของซูอี้โบกสะบัด ร่างของเขาผลุบโผล่ดุจดังสายรุ้ง แต่ละครั้งที่ฟันดาบดูคล้ายกับเรียบง่าย บางเบา ทว่าทุก ๆ ดาบกลับเด็ดหัวคนกระเด็น

เพียงชั่วครู่เดียว หัวคนที่มีเลือดสด ๆ อาบก็หลุดกระเด็นขึ้นกลางอากาศหัวแล้วหัวเล่า เสียงโอดครวญ เสียงร้องตะโกน เสียงแผดร้องดังไม่หยุด

เพียงแค่ชั่วพริบตาเท่านั้น…

ปรมาจารย์เก้าคนในเหตุการณ์ถูกฟันหัวขาดตายคาที่ คล้ายกับแกะน้อยที่ได้แต่ยอมถูกเชือด

ภาพอันน่าสยดสยองเช่นนั้นทำให้ผู้คนมากมายไม่รู้เท่าไรถึงกับตื่นตระหนกจนหน้าถอดสี

“สารเลว!!”

เซี่ยโหวหลินตะคอกด้วยท่าทีโกรธเกรี้ยว จากนั้นก็บุกเข้าหาอีกครั้ง

ชิ้ง!!!

ดาบวิถีปะทะใส่กันส่งเสียงดังสนั่นแสบแก้วหู เซี่ยโหวหลินได้รับความสั่นสะเทือนจนกระเด็นออกไปอีกครั้ง ร่างของเขาเซถลา สีหน้าซีดขาวจนเขียว

ถือโอกาสในชั่วขณะนี้ ซูอี้ยกดาบขึ้นฆ่าได้อีกสามคน!

วิธีการเชือดเฉือนที่รวดเร็วฉับไวเช่นนั้นทำเอามู่ซีกับเชินจิ่วซงที่มองดูเหตุการณ์การสู้รบอยู่ไกล ๆ ถึงกับสูดปากตื่นตระหนกไม่รู้หาย

ไร้ซึ่งศัตรูทัดเทียมเป็นเช่นไร?

เป็นเช่นนี้นี่เอง!

หนึ่งคนหนึ่งดาบดุจดังปักษาเดียวดายบนท้องนภาประหารหัวคนแล้วคนเล่าในชั่วพริบตา ไม่มีใครอาจหาญทัดทาน ฆ่าศัตรูราวกับฆ่าหมูเห็ดเป็ดไก่

ทว่าตัวของเขาในชุดยาวสีเขียวประดุจหยกกลับยืนผงาดดุจดังเทพเซียนบนสวรรค์

เซียนดาบท่องแดนมนุษย์ดุจดังสายลมที่พัดผ่านอย่างรวดเร็ว!

“โดน!”

ทันใดนั้นเอง ร่าง ๆ หนึ่งปรากฏอยู่ข้างหลังซูอี้อย่างกะทันหัน มีดสั้นในมือแทงหลังซูอี้อย่างรวดเร็วคาดไม่ถึง

เขาคือจวิ้นอ๋องอวี้ซาน เพ่ยเหวินซานนั่นเอง!

บุคคลระดับสุดยอดผู้เป็นปรมาจารย์ขั้นสี่คว้าโอกาสได้ก็บุกโจมตีอย่างรวดเร็วและโหดเหี้ยมราวกับนักฆ่าอันตราย

แต่ถึงแม้จะเป็นการบุกโจมตีเช่นนี้ก็ยังแทงพลาด

ซูอี้เบี่ยงตัวหลบไปได้อย่างหวุดหวิดราวกับรู้เหตุการณ์ในอนาคต เมื่อหันกลับมา เขาเบนสายตามองไปที่เพ่ยเหวินซาน

เพ่ยเหวินซานตื่นตระหนกขนลุกซู่ไปทั้งตัวราวกับถูกสัตว์ป่าที่ดุร้ายหมายตา

ในบรรดาจวิ้นอ๋องต่างสกุลสิบแปดสายในอาณาจักรต้าโจว เพ่ยเหวินซานถนัดเป็นที่สุดก็คือวิชาการลอบฆ่า

ผลงานการรบอันโดดเด่นที่ทำให้เขามีชื่อเสียงเกรียงไกรไปทั่วหล้าก็คือฆ่าบรรพจารย์ยุทธ์ปฐมสวรรค์ของอาณาจักรต้าเว่ยตายบนชายแดนสนามรบ

ทว่าเมื่อต้องเผชิญหน้ากับซูอี้ในเวลานี้ เขากลับรู้สึกได้ถึงอันตรายจนถึงแก่ชีวิต

“แย่แล้ว!”

เพ่ยเหวินซานหมุนตัวจะหนี เขาเชื่อมั่นในสัญชาตญาณของตัวเองเป็นอย่างมาก เพียงชั่วครู่เดียวก็กลายร่างเป็นแสงสีดำโฉบออกไป

สวบ!

ซูอี้ขยับตัวอย่างช้า ๆ ทว่าในสายตาของคนอื่น ๆ แล้วซูอี้โผล่มาอยู่ข้างหลังเพ่ยเหวินซานในชั่วพริบตาราวกับแสงไฟ

“ไป!”

ไม่เสียแรงเลยที่เพ่ยเหวินซานเป็นถึงจวิ้นอ๋องที่เก่งกาจในศาสตร์การลอบฆ่า อยู่ในสถานการณ์คับขันเช่นนี้แล้วกลับไม่ตื่นตระหนกแม้แต่น้อย

มีดสั้นสีดำในมือกลายเป็นประกายแสงแทงเข้าหาซูอี้ในมุมที่คาดไม่ถึง

เมื่อแทงออกไป สีหน้าของเขาขาวซีดขึ้นมาในทันใดอย่างเห็นได้ชัด จิตวิญญาณในตัวราวกับทุ่มเทไปกับการแทงในครั้งนี้จนหมด

แทงจนสุดตัว!

นี่คือวิธีไม้ตายสุดท้ายของเพ่ยเหวินซาน เพิ่มพลังในการโจมตีให้สูงขึ้นหลายเท่าโดยแลกกับการทำลายจิตวิญญาณของตัวเอง

เอื้อ!

อากาศราวกับถูกแหวกออกจนเกิดเป็นเสียงแหลม

ความเร็วของมีดสั้นสีดำเล่มนั้นรวดเร็วจนถึงขั้นคาดไม่ถึง มองเห็นแต่เพียงเงาบางเบาเท่านั้น

ซูอี้ไม่หลบหลีก ไร้ซึ่งการตอบโต้ใด ๆ ปล่อยให้มีดสั้นสีดำเล่มนั้นปักลงบนอกได้โดยตรง

เพ่ยเหวินซานดีใจ แทงโดนแล้วเช่นนั้นหรือ?

ทว่าครู่ถัดมา สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไป

หลังจากมีดสั้นซึ่งสามารถแหวกร่างของบรรจารย์ยุทธ์ปฐมสวรรค์ของเขาเล่มนั้นแทงโดนอกของซูอี้ กลับมีเสียงกระแทกราวกับกระทบโดนแผ่นเหล็กที่แข็งแกร่งเข้า

อย่าว่าฆ่าเลย แม้กระทั่งจะแทงเข้าไปยังทำไม่ได้!!!

“เป็นไปได้อย่างไรกัน?”

เพ่ยเหวินซานตาเบิกกว้างไม่อยากจะเชื่อ!

มีดสั้นในมือของเขาเฉือนเหล็กดังเฉือนดินโคลน สามารถเฉือนทองฟันหยกได้ ต่อให้บรรลุเป็นบรรพจารย์ยุทธ์ปฐมสวรรค์ก็ยังไม่อาจทัดทานได้

ทว่าบัดนี้ซูอี้ใช้เพียงแค่กำลังจากกายเนื้อก็สามารถทัดทานไว้ได้!

“ร่างกายต้องมีพละกำลังที่น่ากลัวเพียงใดกันจึงสามารถทำได้ถึงขั้นนี้?”

เพ่ยเหวินซานตื่นตระหนกอย่างรุนแรงในใจ ทว่าไม่มีเวลาให้เขาได้ครุ่นคิดอีกแล้ว เพราะซูอี้ซัดฝ่ามือออกไปแล้ว!!

“เจ้าคุกเข่าลงก่อน”

ตุบ!

มือซ้ายอันยาวขาวเนียนของซูอี้ดูคล้ายกับตบลงเบา ๆ

ทว่าเมื่อกดลงบนไหล่ของเพ่ยเหวินซานแล้ว จวิ้นอ๋องต่างสกุลผู้ช่ำชองศาสตร์แห่งการลอบฆ่าอย่างที่สุดท่านนี้กลับถูกกดให้คุกเข่าลงกับพื้นอย่างง่ายดายราวกับว่าตั้งแต่หัวจรดเท้าทำมาจากเต้าหู้อันบอบบาง!

กระดูกและเส้นเอ็นในตัวของเขาหักในทันใดไม่รู้กี่ท่อนต่อกี่ท่อน!

เพียงแค่ฝ่ามือเดียว เพ่ยเหวินซานก็คุกเข่าลุกไม่ขึ้นอีก!

ตั้งแต่เริ่มต่อสู้จนถึงตอนนี้ บุคคลผู้ยิ่งใหญ่ที่ตายด้วยฝีมือของซูอี้มีจำนวนสิบกว่าคนแล้ว แม้กระทั่งผู้แข็งแกร่งอย่างราชาคิ้วขาวก็ยังตายภายในดาบเดียว

ทว่าเวลานี้ จวิ้นอ๋องอวี้ซานเพ่ยเหวินซานก็เดินตามรอยของเล่อชิง ถูกกดติดกับพื้น!

ซี้ด~

เสียงสูดปากดังขึ้น

ราชาคิ้วขาว จวิ้นอ๋องเทียนหย่ง จวิ้นอ๋องอวี้ซาน มีผู้ใดบ้างที่ไม่ใช่บุคคลผู้มีชื่อเสียงโด่งดังในใต้หล้า?

ทว่าเมื่อเจอกับซูอี้แล้ว พวกเขากลับเหมือนกับกระดาษแผ่นบาง ๆ ที่ต้านแรงกระแทกไม่ได้!

“ฆ่า!”

ทว่าเวลานี้ เซี่ยหลินโหวผู้โกรธเกรี้ยวบุกเข้ามาอีกครั้งด้วยความบ้าคลั่ง ในสายตาเต็มไปด้วยความมาดร้าย รอบกายมีเสียงสายฟ้าคะนองดังเป็นพัก ๆ

“มดตะนอยเขย่าต้นไม้ ช่างน่าขันสิ้นดี”

ซูอี้ตวัดดาบฟันออกไป

ปัง!

เซี่ยโหวหลินมาเร็ว ทว่าไปเร็วยิ่งกว่า เขาถูกฟันกระเด็นออกไปอีกครั้ง ร่างสูงใหญ่กระตุกราวกับถูกสายฟ้าฟาด

ดาบ ๆ นี้สะเทือนจนลมปราณในร่างของเขาสับสน!

ทว่า ครั้งนี้ซูอี้ไม่ปล่อยเขาไปอีกแล้ว

สวบ!

ร่างของซูอี้หายไป พลันมาโผล่ต่อหน้าเซี่ยโหวหลิน สายตาที่มองนั้นเย็นยะเยือก

“แย่แล้ว!”

ชั่วขณะนี้เอง เป็นครั้งแรกที่ราชาปราการเพลิงแห่งต้าโจวรู้สึกหวาดเกรงขึ้นมา

เผชิญหน้ากับคุณชายสาม คนที่ตัวเองเคยดูแคลนเมื่อก่อนหน้า บรรพจารย์ยุทธ์ปฐมสวรรค์ที่เคยยิ่งใหญ่มาเป็นเวลานานอย่างเขารู้สึกเข่าอ่อนจนสั่นระริกไปหมด

“เจ้าก็คุกเข่าลงด้วย”

ซูอี้เอ่ยพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ พลันยกมือซ้ายขึ้นตบลงอีกครั้งในระยะไกล

“ทลาย!”

ไม่เสียแรงที่เซี่ยโหวหลินเป็นบรรจารย์ยุทธ์ปฐมสวรรค์ ในช่วงเวลาเป็นตายเท่ากันเช่นนี้ ยังสามารถผลักดันจิตวิญญาณในตัวขึ้นสู่ขั้นสุดยอด

ทั่วทั้งร่างของเขาราวกับหลอมจากเหล็กกล้า เสียงลมสายฟ้าดังขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่าราวกับเสียงร้องของมังกรสวรรค์ ทั้งตัวของเขาอาบชโลมด้วยพลังสะท้านฟ้าสยบดินอันจำรัสแสง

จนกระทั่งร่างทองอรหันต์ปรากฏขึ้น ช่างน่าอัศจรรย์ยิ่งนัก

ในโลกสามัญ บรรพจารย์ยุทธ์ปฐมสวรรค์มีความใกล้เคียงกับผู้ฝึกตนบำเพ็ญอย่างแท้จริง ร่างกายแข็งแกร่ง น้ำและไฟไม่อาจทำลายได้ สำหรับนักพรตเต๋า สิ่งนี้เรียกได้ว่า ‘กายาไร้แพร่งพราย’

ทว่าในสายตาฝ่ายพุทธแล้ว บรรพจารย์ยุทธ์ปฐมสวรรค์นั้นมี ‘ร่างทองคำ’

ในสายตาฝ่ายมาร ร่างของบรรพจารย์ยุทธ์ปฐมสวรรค์นั้นเปรียบเป็น ‘ครรภ์อสูรบริสุทธิ์’

เซี่ยโหวหลินในเวลานี้ระเบิดพลังสุดท้ายของบรรพจารย์ยุทธ์ปฐมสวรรค์ออกมาจนหมดแล้ว เห็นแต่เพียงแสงสีทองสะท้านฟ้าสยบดินอันเรืองรองเปล่งประกายออกมาจากร่างของเขาเป็นชั้น ๆ

เขาร้องตวาดพลางยกสองมือขึ้นปกป้องร่าง

“ตั๊กแตนตำข้าวห้ามรถโดยแท้!”

ในแววตาของซูอี้ไร้ซึ่งความปีติและความโศกเศร้า จู่ ๆ ฝ่ามือเรียวยาวขาวเนียนของเขาก็สว่างใสราวกับหยกสีเขียวน้ำงาม มีจังหวะวิถีรายล้อมอยู่บนมือ

ด้วยพลังแห่งเต๋ากังที่เขาฝึกฝนมาได้ และยังมีรากฐานอันน่ากลัวของปรมาจารย์ขั้นหนึ่งประกอบอีก ฝ่ามือนี้จะเป็นดั่งท่าฝ่ามือธรรมดาทั่วไปได้เช่นใด?

ปัง!

ท่ามกลางสายตาตื่นตะลึงของผู้คนทั้งหลาย เซี่ยโหวหลินรับฝ่ามือของซูอี้เข้าไปเต็ม ๆ ร่างไม่ขยับเขยื้อนแม้แต่น้อย ราวกับว่าไม่ได้รับบาดเจ็บอันใดแม้เพียงน้อยนิด

“ต้านแรงได้เช่นนั้นหรือ?”

ขณะที่พวกของมู่ซีกำลังสงสัย ก็เห็นอาการเหวอของเซี่ยโหวหลินปรากฏขึ้นบนใบหน้า อาการเหวอเช่นนี้คล้ายกับอาการขวัญหนีจิตวิญญาณหายหลังจากที่ได้รับความกระทบกระเทือนอย่างรุนแรง

“นี่… นี่… คือพลังอะไรกัน?”

ระหว่างที่พูดงึมงำกับตัวเองด้วยน้ำเสียงสับสนปนขมขื่น ก็มีเสียงกระดูกหักแตกร้าวดังขึ้นภายในร่างของเซี่ยโหวหลิน เส้นเลือดฝอยแตกผุดขึ้นใต้ผิวหนังทั่วร่างกายราวกับใยแมงมุม

ราวกับแจกันดอกไม้ที่แตกร้าว

สุดท้ายล้มพับลงกับพื้น

ที่แท้ เขาไม่อาจต้านแรงการโจมตีนี้ได้ เพียงแต่ช่วงระหว่างที่ซัดฝ่ามือ ซูอี้สั่นสะเทือนกระดูกภายในร่างของเขาจนร้าว เส้นเลือดฝอยแตก! เพียงแต่ว่าพลังฝ่ามือนี้แข็งแกร่งและแม่นยำมาก หลังจากที่หายใจไปได้ไม่กี่ครั้งจึงแสดงอาการออกมา

เพียงฝ่ามือเดียว ราชาปราการเพลิงเซี่ยโหวหลินก็ลงไปกองอยู่กับพื้น!!

เพียงชั่วครู่เดียวทุกอย่างก็สงบนิ่ง บุคคลผู้ยิ่งใหญ่ที่เหลือเพียงแค่เจ็ดแปดคนตื่นตระหนกตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อ

นับตั้งแต่เริ่มต่อสู้จนถึงตอนนี้ ถึงแม้จะมีเพียงซูอี้แค่คนเดียวเท่านั้น ทว่าภาพที่แสดงออกมานั้นไร้ซึ่งศัตรูจะต้านทานได้

บรรพจารย์ยุทธ์ปฐมสวรรค์แล้วอย่างไร?

ก็ยังไม่อาจต้านทานอานุภาพดาบเพียงดาบเดียวได้ ไม่อาจรับแรงซัดในฝ่ามือเดียวได้!

ทว่าเวลานี้ ซูอี้ยังคงไม่รามือ เขาถือดาบย่างเดินไปที่กลางลาน สายตาเย็นชาไม่แสดงความรู้สึกอันใดทั้งสิ้น

เอื๊อก! เอื๊อก! เอื๊อก!

ดีดนิ้วครั้งหนึ่งก็ตายหนึ่งคน หัวคนกระเด็นขึ้นฟ้าหัวแล้วหัวเล่า เลือดสาดกระเซ็นดังน้ำตก

ใช่ว่าบุคคลผู้ยิ่งใหญ่เหล่านั้นจะไม่หลบหนี และใช่ว่าจะไม่พยายามต้านทานอย่างสุดกำลัง ทว่าเผชิญหน้ากับการไล่ฆ่าของซูอี้แล้ว พวกเขากลับแลดูอ่อนแอดังมดตะนอยที่ถูกขยี้ฆ่าอย่างง่ายดาย

มีบางคนคิดจะวิ่งหนี ทว่าพวกของราชาสะกดขุนเขามู่ซีได้ปิดทางถอยหนีไว้แล้ว สุดท้ายจึงยังคงโชคร้ายถูกซูอี้ใช้ดาบฟันหัวขาด

ทุกอย่างเงียบสงบดังป่าช้า

เดิมทีที่นี่คือจวนสำหรับว่าการแคว้นของเจ้าแคว้น ทว่าตอนนี้กลับกลายเป็นซากปรักหักพังที่คละคลุ้งไปด้วยกลิ่นคาวเลือดไปเสียแล้ว

ฟู่ซาน เนี่ยเป่ยหู่ กับผู้เฒ่าเหวินไท่จวินที่ซ่อนตัวอยู่ในมุมหนึ่งไกล ๆ ต่างก็ตกใจจนลงไปกองอยู่ตรงนั้น ดวงตาทั้งคู่อับเฉาไร้ประกาย

ภาพความตายที่นองไปด้วยเลือดแต่ละภาพเหล่านี้ทำให้จิตใจของผู้รับชมตื่นตระหนก ไม่อาจสงบใจลงได้เลย!

แกร่งมากเหลือเกิน!

นับตั้งแต่เริ่มต่อสู้จนถึงตอนนี้เวลาผ่านไปเพียงแค่ชั่วครู่เดียวเท่านั้น ทว่าพวกผู้ยิ่งใหญ่ทั้งหลายอย่างเซี่ยโหวหลินที่ก่อนหน้านี้ทำท่าฮึกเหิมกันดีนักกลับถูกซูอี้ฆ่าตายจนแทบไม่เหลือหรอ!

ถึงตอนนี้ จวิ้นอ๋องเทียนหย่งคุกเข่ากับพื้น จวิ้นอ๋องอวี้ซานเพ่ยเหวินซานคุกเข่ากับพื้น ราชาปราการเพลิงเซี่ยโหวหลินก็คุกเข่ากับพื้น ส่วนคนอื่น ๆ ล้วนนอนตายระเนระนาดอยู่กลางลาน!

หันไปมองซูอี้อีกครั้ง ชุดยาวสีเขียวของเขายังคงสะอาดไม่มีฝุ่นเกาะ ยืนถือดาบตระหง่านอยู่ท่ามกลางกลิ่นคาวเลือด แลดูโดดเด่นยิ่งนัก

ไกลออกไป เหล่าทหารที่เฝ้าประจำการอยู่ในละแวกใกล้ ๆ จวนเจ้าแคว้นตื่นตกใจหนีไปนานแล้ว แต่เมื่อมองเห็นภาพเหตุการณ์นี้จากไกล ๆ ก็ยังคงตัวสั่นเลิ่กลั่กสติแตกอยู่ตรงนั้น

ไม่มีใครกล้าเสนอหน้าออกมาแม้แต่คนเดียว!

ซูอี้ก้าวเดินท่ามกลางซากปรักหักพัง หยิบดาบปลายแหลมที่หล่นเล่มนั้นขึ้นมา เช็ดฝุ่นละอองบนปลายดาบจนสะอาดแล้วจึงเก็บไว้ดังเดิม

จากนั้นเขาก็พลิกมือหยิบเก้าอี้หวายตัวหนึ่งออกมานั่งสบายอารมณ์อยู่ตรงหน้าเซี่ยโหวหลิน เล่อชิง กับเพ่ยเหวินซานที่คุกเข่าอยู่ตรงนั้น

คิดสักครู่ ซูอี้จึงกล่าวด้วยสีหน้าราบเรียบ “ตอนนี้ ข้าจะให้โอกาสแก่พวกเจ้า ปล่อยคนที่มีความเกี่ยวข้องกับข้าเหล่านั้นเสีย”

เล่อชิงถามด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง “พวกข้าทำเช่นนี้แล้ว เจ้าจะปล่อยพวกข้าเช่นนั้นหรือ?”

“ไม่ พวกเจ้าต้องตาย ข้าจะนำหัวของพวกเจ้าไปทำเป็นเครื่องบูชา”

ซูอี้ส่ายหน้า “แต่หากว่าเจ้าให้ความร่วมมือโดยดี สิ่งเดียวที่ข้าสามารถรับปากได้ก็คือจะไม่ให้ความผิดที่พวกเจ้ากระทำสร้างความเดือดร้อนต่อญาติมิตรของพวกเจ้า”

คำกล่าวที่เรียบง่าย ทว่าความหมายที่แฝงไว้นั้นกลับทำให้เล่อชิง เพ่ยเหวินซาน กับเซี่ยโหวหลินถึงกับหน้าซีดเป็นไก่ต้มราวกับถูกสายฟ้าฟาด

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *