บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] 628: หมื่นศาสตร์แปรผันตามใจ ล้วนแล้วเลิศล้ำ

Now you are reading บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] Chapter 628: หมื่นศาสตร์แปรผันตามใจ ล้วนแล้วเลิศล้ำ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 628: หมื่นศาสตร์แปรผันตามใจ ล้วนแล้วเลิศล้ำ

ตอนที่ 628: หมื่นศาสตร์แปรผันตามใจ ล้วนแล้วเลิศล้ำ

ท้องนภามืดมัว

โลหิตสาดกระเซ็นสู่ผืนน้ำ

ชิงลั่วมองซากมังกรเกล็ดดำในมือพลางทอดถอนใจเบา ๆ “ข้าบอกแล้วว่าด้วยภูมิปัญญาของเจ้า สหายเต๋าซู เจ้าจะไม่ทำเรื่องโง่ ๆ แต่… ไม่เคยคิดเลยว่าข้าจะยังมองเจ้าสูงเกินไป!”

เขาโบกมือโยน ปล่อยให้ซากมังกรเกล็ดดำทั้งสองถูกทิ้งเยี่ยงขยะ

จากนั้น ชิงลั่วก็หันไปยิ้มให้ซูอี้ “แต่กล่าวอย่างสัตย์ซื่อ ข้าก็ยังอยากฉวยโอกาสนี้ฆ่าเจ้าอยู่!”

บรรยากาศอันตรายน่าขนลุกแผ่ออกมาจากร่างของเขา

บริเวณผิวสมุทรมืดหม่นเย็นยะเยือก

พวกหนิงซือฮวาในหอเซียนดาบกระวนกระวาย

พวกนางต่างได้เห็นกับตาว่ากำปั้นของชิงลั่วสังหารอิงเชวียผู้มีระดับการฝึกฝนอยู่ในขอบเขตสยายวิญญาณ ดังนั้นพวกนางจึงย่อมรู้ว่าความแข็งแกร่งของชิงลั่วน่ากลัวเพียงไร

“มันเกินกว่าระดับพลังของเจ้า”

ริมฝีปากของซูอี้กระซิบคำเหล่านี้ออกมา

เขาก้าวมาข้างหน้า ไม่รีบร้อนและไม่เชื่องช้า อาภรณ์สีหยกของชายหนุ่มสั่นกระเพื่อมท่ามกลางสายลมสมุทร

จิตสังหารรุนแรงอันเกินคำกล่าวใดก็มุ่งเป้าไปที่ชิงลั่วในยามนี้

ชายหนุ่มลึกลับในชุดขาวหรี่ตาลงเล็กน้อย เขาแย้มยิ้มพลางยืดเส้นสาย ก่อนจะกล่าวว่า

“วิชาสังหารที่ข้าเชี่ยวชาญที่สุดก็คือหมัดคู่นี้ ทว่าข้าก็อยากลองดู ว่าเป็นดาบของเจ้าที่คมกว่า หรือหมัดของข้าที่แกร่งยิ่งกว่า!”

ชิ้ง!

ซูอี้เก็บดาบนิลกาฬกลืนฟ้าพลางกล่าวอย่างไร้อารมณ์ “เจ้าไม่คู่ควรจะตายใต้ดาบข้า”

ชิงลั่วอึ้งไปครู่หนึ่ง ดวงตาดั่งวังวนของเขาฉายประกายเย็นชา พลางกล่าวว่า “โอ้ เช่นนั้นรึ? เจ้าคิดจะดวลหมัดกับข้าหรือไร?”

ซูอี้กล่าว “ลองหรือไม่?”

ขณะกล่าว เขาและชิงลั่วอยู่ห่างกันเพียงสิบจั้ง

“ก็ลองสิ!”

ชิงลั่วหัวเราะร่า ก้าวเข้ามาและชกออกไป

ตู้ม!

กำปั้นชกรุนแรงกดดัน เปี่ยมด้วยปราณชั่วร้ายพลุ่งพล่านเช่นก่อน

อากาศระเบิดตูม ท้องทะเลคลั่งคลื่นครืนโครม

อำนาจแห่งหมัดนี้ดูไม่คล้ายสิ่งที่ใช้ออกโดยผู้อยู่ในขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณ… หรือก็คือ หมัดนี้มีอำนาจเกินกว่าขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณ!!

เพราะเหตุนี้เอง ในการต่อสู้ครั้งก่อน ชิงลั่วจึงสามารถสังหารอิงเชวียในขอบเขตสยายวิญญาณได้

เมื่อเผชิญกับหมัดนี้ ซูอี้ก็ไม่ได้หลบเลี่ยง เขายื่นมือทั้งสองออกมาตรงหน้า หนึ่งวาดหยินหนึ่งวาดหยาง วายุอสนีบาตถูกกระตุ้นไหลเวียนในนั้น ถักทอเป็นรอยประทับหมัดสีขาวและดำ

ตู้ม!

พริบตาที่รอยประทับหมัดก่อตัว วายุอสนีบาตจากนภาก็ถูกดึงลงมาควบแน่น ให้ความรู้สึกยิ่งใหญ่อลังการยิ่ง

ตราประทับหลุมสะท้านสวรรค์!

สุดยอดเคล็ดวิชาไร้ใดเหมือนซึ่งสืบทอดมาจากกลุ่มวิถีเต๋า

ยามเมื่อหมัดของชิงลั่วพุ่งมาหา มันก็ถูกอำนาจหยินหยางดูดเข้าไปราววังวน ไม่อาจขยับได้แม้พูดสักคำ หมัดของเขาถูกฉีกกระชากรุนแรง อ่อนแรงและถูกกลืนกินไป

อำนาจเดิมสิบส่วนพลันถูกลบเหลือต่ำกว่าครึ่ง!

มันพังทลายลงในพริบตา

“ดี!”

ดวงตาของชิงลั่วทอประกาย พลางอุทานอย่างชื่นชม

เส้นผมของเขาปลิวสยาย ก้าวมาเบื้องหน้า ปราณทะยานผ่านท้องสมุทรและนภากว้าง จากนั้นก็ยกหมัดขึ้นพุ่งสังหาร

ทุกหมัดที่ชกออก นภาสวรรค์และผืนน้ำต่างกระฉอกไหว ทะเลคำรามคลั่งเยี่ยงสายฟ้า

อำนาจเช่นนี้สามารถสังหารตัวตนใด ๆ ในขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณได้ทั่วโลกา

กระทั่งผู้ร้ายกาจจากยุคโบราณเช่นหวนเฉ่าโหยวผู้ย่างเท้าสู่ขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณยังไม่อาจเทียบได้ติดฝุ่น!

ต่อหน้าวิชาสังหารเช่นนี้ สีหน้าของซูอี้ยังคงนิ่งสงบเช่นเดิม เขาเดินเคล็ดพลังของตราประทับหลุมสะท้านสวรรค์ วายุอสนีบาตรวมตัว ประคองหยินคุ้มหยาง อำนาจลึกลับฉีกกระชากกลืนกิน

ภาพเหล่านี้ให้ความรู้สึกราวกับซูอี้สร้างวังวนขึ้นบนห้วงนภาพร่างดาว ทุกการโจมตีจะถูกฉีกกระชาก บดขยี้ กลืนกินจนสิ้น ไม่น่าเชื่อยิ่งนัก

ก่อนหน้านี้ที่หุบเขามารบุปผาโลหิต ซูอี้ก็เคยใช้ตราประทับหลุมสะท้านสวรรค์นี้สังหารผู้ฝึกตนจากตำหนักมารเทียนอวี้ในคราเดียว อำนาจไร้ขอบเขต!

และยามนี้ วิชาหมัดลับนี้ถูกเขาใช้เพื่อจัดการกับชิงลั่ว

ตู้ม! ตู้ม!

ความปั่นป่วนกลืนกินจากต้นนภายันปลายสมุทรโดยสมบูรณ์ อำนาจทำลายล้างอันน่าหวาดหวั่นซัดสาดท่วมทั่ว

หมัดของชิงลั่วเป็นราวพายุคลั่ง รวดเร็วและรุนแรง

เงาหมัดบนอากาศนั้นหนักหนา ทำนองแห่งเต๋าสนั่นลั่น ดุร้ายถึงขีดสุด

ทว่า เมื่อหมัดอันร้ายกาจนี้เข้ามาใกล้ซูอี้ในรัศมีสิบฉื่อ มันก็ราวกับถูกดูดสู่น้ำวน ฉีกกระชาก บีบคั้น กลืนกินอย่างต่อเนื่อง…

อย่าว่าแต่ทำร้ายซูอี้เลย จะเข้าใกล้ชายหนุ่มในระยะสิบฉื่อยังทำไม่ได้!

ยิ่งกว่านั้น เมื่อรอยประทับหมัดถูกกลืนกินมากขึ้นเรื่อย ๆ กลิ่นอายของตราประทับหลุมสะท้านสวรรค์ที่ซูอี้ใช้ออก ก็ยิ่งเพิ่มสูง ร้ายกาจขึ้นทุกขณะ!

ภาพนี้ทำให้ชิงลั่วขมวดคิ้ว แววตาวูบไหว

เขาไม่เคยคิดเลยว่าชายหนุ่มในขอบเขตรวบรวมดาราผู้นี้จะมีอำนาจเหลือเชื่อนัก!

สมควรจดจำว่าความแตกต่างระหว่างขอบเขตรวบรวมดาราขั้นปลายและขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณขั้นปลายนั้นสูงยิ่งกว่าหนึ่งเขตแดน

กล่าวให้ถูกก็คือ ความแตกต่างควรเป็นสองเส้นทางเต๋า!

หนึ่งอยู่ในวิถีต้นกำเนิด และอีกหนึ่งในวิถีวิญญาณ พวกเขาแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ไร้โอกาสเทียบเคียง

ทว่าน่าเสียดายที่สิ่งอัศจรรย์เช่นนี้ปรากฏขึ้นแล้ว!

ชิงลั่วจะไม่แปลกใจกับเรื่องนี้ได้เช่นไร?

“ว่าแล้วเชียว เจ้าเทียบกับผู้อื่นบนโลกนี้ไม่ได้เลย”

ชิงลั่วทอดถอนใจ เปี่ยมด้วยความเหลือจะเชื่อ

ยามนี้ อำนาจของจังหวะวิถีเบญจธาตุผุดขึ้นมาบนมือของซูอี้ ตราประทับหลุมสะท้านสวรรค์ซึ่งแต่เดิมควบแน่นตรงหน้าเขาพลันกู่คำรามและพุ่งออกไป

ม่านตาของชิงลั่วหดตัว

ทุกที่ซึ่งตราประทับนี้เคลื่อนผ่าน มันก็ดูราวกับจานบดที่บดขยี้สุญญะ อำนาจหยินหยางหมุนวนตรงข้ามกัน แสงทิพย์เบญจธาตุกระจายตัวอยู่ภายใน ซ้ำยังปนด้วยวายุคลั่งอสนีคำราม!

ทุกแห่งหนที่มันไป อากาศว่างเปล่าต่างไม่อาจทานอำนาจ บังเกิดปั่นป่วนกรีดเสียงครวญประท้วงดังขึ้นตลอดทาง!

น้ำทะเลเบื้องล่างถูกบีบให้ยุบลงไปเป็นหลุม ทะลักไหลออกด้านข้างหายไปไกล

อำนาจน่าหวั่นเกรงเช่นนี้ทำให้สีหน้าของชิงลั่วตึงเครียดขึ้นทุกที

“เพลิงโลหิตเทพสังหารภวจักร!”

ชิงลั่วโพล่งคำรามขึ้นพลางชกออกไป

มันเป็นตราประทับหมัดสีขาวราวกับหยก จากนั้นก็เปลี่ยนเป็นสีดำเยี่ยงหมึกอย่างเงียบงัน เพลิงพิสดารสีเลือดโปร่งใสลุกโชน

ทั่วบริเวณที่ชิงลั่วอยู่ดูราวถูกแผดเผาสู่เถ้าถ่าน เพลิงโลหิตสยายปกคลุมนภา

แว่วเสียงพึมพำอย่างเย็นชาดั่งเทพมารขึ้นเบา ๆ

ไม่ต้องสงสัยเลยว่านี่คือวิชามารซึ่งชิงลั่วฝึกปรือ อำนาจของมันแข็งแกร่งยิ่งกว่ากาลก่อน!

ตู้ม!

เมื่อพลังหมัดซึ่งต่างกันโดยสิ้นเชิงทั้งสองประสาน ขณะนั้นเหมือนเช่นสองตะวันทะยานชนกันอย่างแรงกลางเวหา ก่อนจะระเบิดคลื่นทำลายล้างอันน่าหวาดหวั่นไร้ขอบเขตออกมา

หนิงซือฮวาและเหล่าผู้ที่อยู่ในซากปรักหักพังของหอเซียนดาบตกใจจนทึ่มทื่อ

การประลองระดับนี้เหนือล้ำกว่าความรู้ ความเข้าใจ และจินตนาการของพวกเขาโดยสิ้นเชิง!

ตู้ม!

ระหว่างอำนาจทำลายล้างปะทะกัน ร่างของชิงลั่วสั่นไหวรุนแรง ก่อนจะก้าวถอยสองสามก้าวบนอากาศ ใบหน้าคมคายซีดลงเล็กน้อย

“ดี! ดี! ดี!”

ชิงลั่วกล่าวคำว่าดีซ้ำกันถึงสามครั้ง สีหน้าของเขาเย็นชาน่ากลัว ร่างเปี่ยมปราณชั่วร้าย ร่างของเขาดูพร้อมระเบิดได้ทุกเมื่อ

“สหายเต๋า ข้าจะกลืนเจ้าทั้งเป็นจากนี้แน่ ๆ!”

ชิงลั่วกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นยะเยือก เส้นผมยาวสะบัดไหวราวเทพปีศาจ ยืนกลางอากาศพร้อมด้วยปราณชั่วช้าพลุ่งพล่าน หมายสังหารซูอี้!

ดวงตาที่ดูเหมือนวังวนเรืองแสงสีเงินของเขาดูแปลกตา

กระทั่งในเส้นผมสีดำโบกสะบัดยังแต้มแต่งด้วยเส้นไหมเงินขาวเยี่ยงดอกไม้ไฟ

บรรยากาศทั่วร่างของเขาร้ายกาจขึ้นยิ่งกว่ากาลก่อน

ซูอี้ไม่พูดพร่ำทำเพลง

กล่าวอีกนัยก็คือ เขาไม่ได้พูดอันใดมานับแต่เริ่มศึก

เขาทั้งดูแคลนและคร้านเกินกว่าจะพูดพร่ำมากความ

เมื่อชิงลั่วพุ่งมาหา ตัวเขาเองก็ก้าวสู่นภาและชกสวนใส่

การตายของอิงเชวียทำให้ซูอี้โกรธอย่างหาได้ยาก และยังต่างจากคราอื่น เมื่อเขาพบผู้ที่เขาสามารถประมือด้วยได้ ชายหนุ่มจะถือว่าอีกฝ่ายเป็นหินลับดาบ และประลองด้วยด้วยใจอดทน

ทว่ายามนี้ เขาต้องการเพียงสังหาร!

สำหรับซูอี้ผู้มีประสบการณ์รบจากอดีตชาติหนึ่งแสนแปดพันปี ชิงลั่วอาจจะเป็นคู่มือที่แข็งแกร่งที่สุดที่พบหลังเวียนวัฏสงสารมาฝึกตนใหม่

ทว่าการสังหารอีกฝ่ายก็ไม่ใช่เรื่องยาก!

ตู้ม!

สีหน้าของซูอี้เฉยเมย และบนร่างแข็งแกร่งของเขา บรรยากาศดุร้ายราวฟ้าถล่มปรากฏขึ้น เมื่อขยับกาย การเคลื่อนปราณก็รุนแรงเชี่ยวกรากเยี่ยงแม่น้ำแยงซีกู่คำราม

วิถีเต๋าของเขาถูกปลดปล่อยถึงที่สุด!

“ฆ่า!”

ชิงลั่วออกหมัดชกมา ทั่วนภาไหวสะเทือนเคลื่อนย้าย เพลิงศักดิ์สิทธิ์สีเงินลุกโชนสูงดั้นฟ้า

ซูอี้ขยับมือประทับตรา ก่อนกดลงบนอากาศ

วูบ!

เกิดคลื่นกระเพื่อมสีทองขึ้นบนอากาศราวกับสมุทรทองคำ มีดวงตะวันดวงใหญ่และจันทราสว่างล่องลอยขึ้นลง สร้างเป็นภาพแห่งตะวัน จันทรา และจักรวาลพร่างดาวอันไพศาล

มรดกสูงสุดแห่งวิถีพุทธ มหาตะวันจันทราเวียนผัน!

ตู้ม!

หลังหมัดของชิงลั่วถูกดูดสู่สมุทรสีทอง มันก็ถูกมหาตะวันจันทราอันกว้างใหญ่เจิดจรัสปราบและระเบิดตูมดังลั่น

ร่างของชิงลั่วถูกกระแทกจนลอยกระเด็น แม้อาการบาดเจ็บจะไม่ได้หนักหนา แต่สภาพของเขาก็ไม่น่าดูยิ่ง

สีหน้าของเขาเปี่ยมความไม่อยากเชื่อ ไม่สงบนิ่งเช่นก่อนอีกต่อไป

สิ่งที่ซูอี้ใช้ออกก่อนหน้าคือวิชาแห่งวิถีเต๋า

และยามนี้ เขาก็แสดงพลังแห่งพุทธะออกมา!

ไม่ว่าจะเป็นอย่างใดล้วนร้ายกาจ เห็นได้ชัดว่าเป็นมรดกโบราณระดับสูงสุด!

“สหายเต๋า เจ้าเป็นผู้ใดกันแน่? นักพรตเต๋าหรือหลวงจีน?”

ชิงลั่วขมวดคิ้ว

ซูอี้ไม่ได้ตอบ ไม่ได้กล่าวคำใด หมายสังหารอย่างเดียว

จิตสังหารยังคงแข็งแกร่งเช่นเคย

“ช่างเถิด ยามเมื่อฆ่าเจ้าและดึงความทรงจำวิญญาณออกมา ก็จะรู้เอง”

ชิงลั่วแค่นเสียงอย่างเย็นชา

กล่าวจบ เขาก็ไม่ได้ประมาท ทว่ากลับยิ่งจริงจังตื่นตัวกว่ากาลก่อน คิ้วขมวดเสียจนเกิดรอยย่น

ตู้ม!

ปราณชั่วช้าระเบิดแรงกล้า ชิงลั่วโจมตีอีกครั้ง หมัดชกออกสะท้านนภาสะเทือนแดนดิน เพลิงสีเงินขาวแทบกลืนกินท้องสมุทร

การโจมตีเช่นนี้สามารถสังหารผู้ฝึกตนใด ๆ ได้ทั่วโลกาอย่างง่ายดาย

ทว่าสำหรับซูอี้ นี่ยังไม่พอ

กาลถัดมา เขาก็เห็นว่าซูอี้แสดงเคล็ดวิชาร้ายกาจประเภทอื่นอันกล่าวได้ว่าเป็นสุดยอดวิชาออกมาติด ๆ กัน

หมัดทิพย์ล่องลอยไร้จีรัง

พุทธะไร้ประมาณ

เก้าอัคคีทมิฬทำลายล้าง

ฝ่ามือธารปรโลกก่อกำเนิด

ศาสตร์เทวะผลาญสุดวิถี!

…ทุกกระบวนล้วนแต่เป็นมรดกจากสำนักต่าง ๆ ที่ไม่ใช่เพียงวิถีเต๋าหรือวิถีพุทธ

ยังมีมรดกจากผู้ฝึกตนวิญญาณ วิถีปีศาจ พรรคมารและอื่น ๆ ทั้งหมดนับได้ว่าเป็นเคล็ดวิชาลี้ลับพิสดารไร้ขอบเขต หากคนทั่วไปได้ฝึกฝนสักหนึ่งแบบคงพอจะสร้างประโยชน์ต่อตนได้ชั่วชีวิต

ทว่ายามนี้ วิชาอันอัศจรรย์เหล่านี้ถูกซูอี้ใช้ออกมา

และอำนาจรุนแรงหมื่นแปรผันนี้ ก็ทำให้ชิงลั่วไม่อาจหาทางรับมือได้เลย เขาถูกโจมตีโดยไม่ตั้งตัว พ่ายแพ้ซ้ำ ๆ

ดังนั้น ชิงลั่วจึงถูกปราบลงในพริบตา!

เขาเสียเปรียบโดยสิ้นเชิง ถูกโจมตีถึงขั้นที่เส้นผมกระเซิง ผิวหนังถูกเฉือนฉีก ร่างเต็มไปด้วยบาดแผล

เมื่อมองซูอี้อีกครา ชายหนุ่มก็ยังคงเฉยเมยเช่นก่อน

ทว่าท่าทีเฉยเมยนั้นในสายตาชิงลั่วดูน่าประหวั่นพรั่นพรึงนัก!

เขาไม่อาจจินตนาการออกได้เลยว่าคนเช่นใดกันที่มีวิถีเต๋าร้ายกาจเพียงนี้ในขอบเขตรวบรวมดารา

และคนที่จะบรรลุอำนาจอัศจรรย์มากมายเพียงนี้ ต้องมีที่มาเช่นไรกัน

เขาราวกับมีหมื่นศาสตร์แปรผันตามใจ ล้วนแล้วเลิศล้ำ!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด