บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] 488: ตัดจนกลายเป็นคนพิการ

Now you are reading บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] Chapter 488: ตัดจนกลายเป็นคนพิการ at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 488: ตัดจนกลายเป็นคนพิการ

ตอนที่ 488: ตัดจนกลายเป็นคนพิการ

สีหน้าของกู่ชางหนิงเปลี่ยนไปเล็กน้อย

ซือคงเป้า

ตัวตนโบราณ เมล็ดพันธ์ุฝึกฝนชั้นดีจาก ‘สำนักอสูรเทียนเยียน’ สำนักอสูรที่ทรงพลังที่สุดแห่งมหาทวีปคังชิงเมื่อสามหมื่นปีก่อน เขามีการฝึกฝนอยู่ในขอบเขตรวบรวมดาราขั้นกลาง

คนผู้นี้คือสายเลือดหนึ่งเดียวของเฮยเหยียน และยังฝึกฝน ‘เคล็ดวิชาเพลิงเทพเทียนเยียน’!

ในบรรดาตัวตนเก่าแก่โบราณที่ตื่นขึ้นในช่วงสิบปีที่ผ่านมา คนผู้นี้เรียกได้ว่าเป็นคนโหดเหี้ยมดุร้ายคนหนึ่ง

กู่ชางหนิงคิดกับตัวเอง แม้จะสับเปลี่ยนเป็นตัวเขา ก็ต้องปลดผนึกพลังภายในกาย ถึงจะสามารถงัดข้อกับซือคงเป้าได้

และยามนี้ ซือคงเป้าได้โกรธเกรี้ยวถึงขีดสุดแล้ว!

ไอร้ายบนตัวเขาล้นทะลักออก ก่อนเปลวเพลิงสีดำจะลอยขึ้นเป็นเกลียว ทำให้สัญลักษณ์เปลวไฟสีดำที่อยู่บนหัวโล้นยิ่งดูแปลกประหลาดขึ้น

เพียงแค่อานุภาพที่ปลดปล่อยออกมาจากตัวเขาเท่านั้น ก็ทำให้โต๊ะ เก้าอี้ จานรองแก้วและอื่น ๆ ที่จัดวางไว้บริเวณใกล้ ๆ กลายเป็นเถ้าถ่านกระจัดกระจาย และค่อย ๆ หายไปในเสี้ยวอึดใจ

ครั้นเห็นภาพนี้ เซี่ยจิ้งอวี่เอ่ยด้วยน้ำเสียงเฉียบขาดทันที “ซูอี้ ข้าคือเซี่ยจิ้งอวี่ เป็นเชื้อพระวงศ์ ขอเตือนไว้ หากเจ้าไม่อยากตาย ทางที่ดียามนี้เจ้าจงหยุดเสีย!”

ที่นี่คือนครหลวงจิ๋วติ่ง คือเมืองของจักรพรรดิแห่งต้าเซี่ย และเป็นอาณาเขตของราชวงศ์เซี่ย!

ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ไม่มีผู้ฝึกตนคนไหนกล้าไม่ให้เกียรติพวกเขาที่เป็นถึงราชวงศ์แห่งต้าเซี่ย!

นี่คือความกล้าที่ไม่เกรงกลัวต่อสิ่งใดของเซี่ยจิ้งอวี่

แต่เมื่อได้ฟังคำพูดนี้ ซูอี้กลับแสร้งทำเป็นเมินเฉย พลันยกมือขึ้นตวัดปราณดาบออกไปอย่างไม่รีรอ

นักพรตหญิงเฟิงที่อารักขาอยู่ด้านหน้าเซี่ยจิ้งอวี่มีสีหน้าเปลี่ยนไปทันที ลมปราณทั่วร่างคำราม พลันชักดาบออกมาขวางเอาไว้

เคร้ง!!!

เสียงปะทะแสบแก้วหูดังขึ้น

ดาบวิญญาณที่อยู่ในมือของนักพรตหญิงเฟิงส่งเสียงขึ้น ก่อนจะปรากฏรอยร้าวแตกระแหงออกมา จากนั้นตัวนางพลันถูกปราณดาบนี้ตวัดจนกระเด็นลอยออกไป และแม้แต่ร่างแยกของนางที่อารักขาอยู่ด้านหลังเซี่ยจิ้งอวี่ก็ยังถูกส่งไปกระแทกกับกำแพงอย่างรุนแรงพร้อมกัน!

ตุบ! ตุบ!

กำแพงขนาดใหญ่สั่นไหว คล้ายกับเซี่ยจิ้งอวี่เห็นดวงดาวหมุนลอยอยู่ตรงหน้าจริง ๆ เขาแทบจะเป็นลมล้มลงไป

นักพรตหญิงเฟิงกระอักเลือดออกมาทันที

ผู้แก่กล้าที่ถีบตัวเองไปอยู่ลำดับห้าจากสิบผู้มีฝีมือขอบเขตรวบรวมดาราในนครหลวงจิ๋วติ่งผู้นี้ สามารถเทียบเคียงกับตัวตนโบราณเหล่านั้นได้

ทว่ายามนี้ กลับถูกดาบของซูอี้โจมตีจนบาดเจ็บสาหัส!

ส่วนเซี่ยจิ้งอวี่… อ่อนแอจนทนการโจมตีนี้ไม่ได้ และไม่คุ้มที่จะเอ่ยถึง

ทว่าซูอี้กลับแปลกใจเล็กน้อย ไม่นึกเลยว่านักพรตหญิงเฟิงจะต้านทานดาบของตัวเองเอาไว้ได้และไม่ตาย

“ตายซะ!”

ในยามนี้เอง ซือคงเป้าโจมตีอย่างโหดเหี้ยมออกมาทันที

เสื้อสีแดงปลิวไสว ร่างสูงใหญ่อาบไปด้วยเปลวเพลิงสีดำมหาศาล พลางเหวี่ยงหมัดไปทางซูอี้

ตูม!

หมัดนี้รุนแรงอย่างมาก เต็มไปด้วยกลิ่นอายจังหวะวิถีที่ดุร้ายและรุนแรง ราวกับสามารถกวาดล้างและบดขยี้อากาศได้

เคล็ดวิชาเพลิงเทพเทียนเยียน!

ด้วย ‘จังหวะวิถีเปลวเพลิง’ อันทรงพลัง เมื่อมันถูกใช้ออกมา เปลวเพลิงทำลายล้างจะทะลวงเข้าไปในร่างกายของคู่ต่อสู้ เผาอวัยวะทั้งหมด และทำให้จิตวิญญาณคู่ต่อสู้ถูกหลอมแปรสภาพ นับได้ว่ามีอานุภาพร้ายแรงมาก!

และความสามารถที่ซือคงเป้าแสดงออกมา ก็มิใช่สิ่งที่ตัวตนขอบเขตรวบรวมดาราในโลกนี้เทียบเคียงได้ แค่หมัดเดียว ก็เหนือกว่าผู้อาวุโสสำนักใหญ่อย่างจางอวิ๋นเทาแล้ว!

“ชายผู้นี้ เหมือนว่า ‘สายเลือดเฮยเหยียน’ ของเขาจะตื่นขึ้นอีกขั้นแล้ว!”

กู่ชางหนิงรู้สึกสั่นเทา แววตาของเขาสั่นไหว

พลันแววตาของซูอี้เผยความเหยียดหยามออกมาเล็กน้อย สองมือออกท่า และตบลงไปเบา ๆ

ตูม!

เปลวเพลิงสีดำแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ และกระจายไปทั่วสารทิศ

หมัดที่รุนแรงทำลายล้างของซือคงเป้าถูกจัดการไปอย่างง่ายดาย ควันหลงแผ่กระจายไปทั่ว ทำให้ตำหนักงดงามพลันสั่นไหวรุนแรงขึ้นมาทันที

เวลานี้ กู่ชางหนิงสะบัดแขนเสื้อ แสงเจิดจ้าสีเงินพลันเคลื่อนไหวไปสลายควันหลงจากการต่อสู้ทันที จากนั้นก็อุ้มร่างของเยว่ซือฉานหลบเลี่ยงออกไป

ครืน!

ตำหนักสั่นไหว บนพื้นกับกำแพงต่างปรากฏคลื่นพลังต้องห้ามออกมา

ถ้ำฟ้าชุ่ยอวิ๋นคือสถานที่ลึกลับของฮ่วนซีชาที่เอาไว้บริการเฉพาะแขกพิเศษ จึงไม่แปลกที่ตำหนักแห่งนี้จะติดตั้งค่ายกลป้องกันเอาไว้

ไม่เช่นนั้น เกรงว่าคงจะถูกคลื่นพลังการต่อสู้นี้ทำลายจนกลายเป็นซากปรักหักพังไปแล้ว

“ได้!”

ดวงตาของซือคงเป้าเย็นชาดั่งคมมีด เขาตะโกนออกมา และเหวี่ยงหมัดออกไปอีกครั้ง

พลังของเขาครานี้ยิ่งพุ่งสูงขึ้น เปลวเพลิงน่าสะพรึงกลัวราวกับเทพที่ดุร้าย ทุกการเคลื่อนไหวแฝงไปด้วยพลังจังหวะวิถีที่ทำให้คนสะพรึงกลัว

ซูอี้จำต้องยอมรับเลยว่า ซือคงเป้าคือตัวตนเก่าแก่โบราณที่แข็งแกร่งที่สุดที่เขาเคยเจอมาจนถึงวันนี้ และแข็งแกร่งกว่าบุตรสวรรค์เนี่ยเฟิงหลายเท่านัก

หากสับเปลี่ยนไปในตอนก่อนที่จะก้าวเข้าสู่ขอบเขตเปิดทวาร ซูอี้คงจะสนใจต่อสู้เพื่อดูความสามารถที่แท้จริงของอีกฝ่าย

ทว่ายามนี้ สิ่งที่เกิดขึ้นกับเยว่ซือฉาน ทำให้เขาสลัดความคิดนี้ทิ้งไป

“ดาบนี้ ตัดมือขวาของเจ้า!”

ท่ามกลางน้ำเสียงเย็นชา ดัชนีคู่ของซูอี้ที่เหมือนกับดาบ วาดลงไปในอากาศ

ตูม!

เปลวเพลิงที่ปกคลุมไปทั่วดั่งผ้าใบพลันถูกผ่าออก หมัดแข็งแกร่งที่ซือคงเป้าเหวี่ยงออกไปนั้นถูกทำให้แยกออกเป็นสองส่วน

ฟึบ!

แสงโลหิตปรากฏออกมา

มือขวาของซือคงเป้ากระเด็นขึ้นไปในอากาศ บริเวณบาดแผลที่ขาดราบเรียบเป็นระเบียบยิ่ง

เพียงดาบเดียว ก็ตัดมือขวาของเขาขาด!

ภาพการเข่นฆ่าที่โหดร้ายนั้น ทำให้กู่ชางหนิงตกใจ

บอกจะตัดมือขวาก็ตัดแล้ว เช่นนั้นหากอยากฆ่าซือคงเป้า คงมิใช่เป็นเรื่องยากอะไร?

นักพรตหญิงเฟิงกับเซี่ยจิ้งอวี่ที่อยู่ไกล ๆ ต่างอ้าปากตาค้าง ตกใจจนหวาดกลัวและมือเท้าเย็บเฉียบ

ความแข็งแกร่งของซือคงเป้า พวกเขาย่อมรู้ดี ทั่วใต้หล้านี้ ไม่ต้องเอ่ยถึงผู้ฝึกตนในโลก แม้แต่ผู้มีพรสวรรค์ในยุคนี้กับตัวตนโบราณบางส่วน ก็ยังล้วนมิใช่คู่ต่อสู้ของเขา!

แต่ยามนี้ ซือคงเป้ากลับตกอยู่ในสภาพย่ำแย่!

“สมควรตายนัก!!”

ซือคงเป้าแผดเสียงออกมา บนใบหน้าเต็มไปด้วยความเจ็บปวด เบิกตากว้างจนแทบจะถลนออกมา คล้ายกับไม่อยากจะเชื่อ

อานุภาพของดาบนี้ ทำให้เขาตกใจ มันรวดเร็วและรุนแรงเกินไปแล้ว!

โดยไม่รอให้ซือคงเป้าได้สติกลับมา ซูอี้พลันกวัดแกว่งดาบออกไปอีกครั้งด้วยท่าทางเย็นชาเช่นเดิม

“ดาบนี้ ตัดแขนข้างขวาของเจ้า”

ฉัวะ!

ปราณดาบดุจแสงจันทร์ที่เกิดบนน่านน้ำ แผ่กระจายขึ้นมาอย่างฉับพลัน จากนั้นก็ตวัดลงไปทันที

“เปิด!”

ซือคงเป้าตะโกนขึ้น ง้าวขนาดใหญ่ที่เปื้อนไปด้วยคราบเลือดหลายเล่มพุ่งไปในอากาศ ลมปราณมหาศาลเปล่งประกาย ก่อนคมง้าวสีเสือดที่ดุร้ายและน่ากลัวจะพุ่งทะยานออกไป!

ง้าวโลหิตมาร!

อาวุธมารโบราณแท้จริง กลั่นจากวิชาลับ ไอชั่วร้ายน่าสะพรึงกลัวมาก

ซือคงเป้ากวัดแกว่งง้าวขนาดใหญ่ในมืออย่างเดือดดาล พร้อมกับนำพาแสงโลหิตเจิดจ้ามหาศาลมาด้วย ทำให้แสบตาอย่างยิ่ง

แต่น่าเสียดาย ซูอี้ในยามนี้มีความสามารถในขอบเขตเปิดทวารแล้ว ในยามบรรลุเขาได้ทำให้เกิดปรากฏการณ์ ‘วังเซียนปรากฏ’ ที่แปลกประหลาดยอดเยี่ยมขึ้น และความสามารถของเขาก็แก่กล้าจนถึงขั้นที่ไม่เกรงกลัวต่อมหาปราชญ์สวรรค์ในขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณแล้ว!

ดังนั้นดาบที่ตวัดออกมาด้วยความเดือดดาลในเวลานี้ของชายหนุ่ม จะมีผู้ใดต้านทานได้กัน?

ทันใดนั้น…

ปราณดาบที่ดูเหมือนเรียบง่ายดั่งหั่นเต้าหู้นั้น ก็สะบั้นคมง้าวแหลมคมสีเลือดมากมายมหาศาลพวกนั้นทันที

พรึบ!!

ง้าวโลหิตมารหลุดกระเด็นลอยออกไปจากมือของซือคงเป้า

และปราณดาบที่มีพลังไม่ลดลงเลยนั้น ก็ตัดแขนขวาของซือคงเป้า เลือดแดงฉานสาดกระเด็นออกมาดั่งน้ำตกทันที

พลันร่างของซือคงเป้ากระเด็นถอยหลัง ใบหน้าเต็มไปด้วยความตกตะลึง เขารู้สึกหนาวเหน็บ และตระหนักได้ว่าสถานการณ์ท่าจะไม่ดีแล้ว

ทว่าดาบครั้งที่สามของซูอี้ได้ตวัดลงมาแล้ว!

“ดาบนี้ ตัดมือซ้ายของเจ้า”

ทันทีที่น้ำเสียงเย็นชาดังขึ้น ซือคงเป้าที่โกรธเกรี้ยวจนดวงตาแทบถลนแผดเสียงคำรามออก “ลุก!”

เขาสะบัดแขนข้างซ้าย พลันตะเกียงสำริดสีดำก็ทะยานขึ้นสู่อากาศ

ไส้ตะเกียงมีรูปร่างคล้ายงู และตะเกียงก็ทำให้เกิดระลอกคลื่นที่บิดเบี้ยวหมุนวน มีสีแปลกประหลาดมืดครึ้มน่ากลัวแผ่ออก ก่อนที่ตัวตะเกียงจะกลายเป็นสีขาวซีดในทันใด!

ทันทีที่ปรากฏ ตะเกียงสำริดสีดำก็กางม่านแสงสีเลือดขึ้นมาขวางกั้นด้านหน้าเอาไว้

ตะเกียงโคจรโลหิตมารอสรพิษ!

สมบัติล้ำค่าด้านการป้องกันที่หลอมกลั่นโดยมหาปราชญ์สวรรค์แห่งวิถีวิญญาณ ตะเกียงปกคลุมด้วยค่ายกลยันต์ลับหกสิบสี่ชั้น และไส้ตะเกียงก็กลั่นมาจากจิตวิญญาณของ ‘มารอสรพิษดาวขาว’

อานุภาพของตะเกียงนี้มีความล้ำเลิศแปลกประหลาดคล้ายกับยันต์โคมตะวันที่ซูเย่สร้างขึ้น

ที่แตกต่างคือ เมื่อแสดงตะเกียงโคจรโลหิตมารอสรพิษออกมา ม่านแสงที่แปรสภาพมาจากมัน มากพอที่จะขัดขวางและคลี่คลายการโจมตีที่มาจากผู้ฝึกตนขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณได้ และเรียกได้ว่าเป็นอาวุธที่เอาไว้ปกป้องชีวิตอย่างหนึ่ง

แต่ไม่รอให้ซือคงเป้าได้โล่งใจ

ตูม!!

เสียงระเบิดดังสนั่นแสบแก้วหู ดาบนั่นของซูอี้ ราวกับค้อนขนาดใหญ่ที่ตกลงมาจากท้องฟ้า ทุบอย่างรุนแรงจนม่านแสงสีเลือดนั้นยุบเป็นหลุมทันที

จากนั้นก็ระเบิดแตกออก

พรึบ!

ท่ามกลางสายตาที่ตกใจของทุกคน มือที่เต็มไปด้วยเลือดแดงฉานขาดกระเด็นออกไป

มือข้างซ้ายของซือคงเป้าถูกตัดขาด!

ทั้งตัวเขาถูกปราณดาบนี้บีบอัดจนกระเด็นถอยออกไปและตกลงบนพื้นอย่างรุนแรง ความเจ็บปวดมหาศาลทำให้ใบหน้าเขาบิดเบี้ยวขึ้นมา

มือขวากับแขนขวาของเขาถูกตัด และในยามนี้แม้แต่มือซ้ายก็ขาดไปแล้ว!

พลังทั้งหมดของซือคงเป้า ตัวตนโบราณผู้นี้ได้สูญเสียไปเพราะเหตุนี้ และเขาก็ตกอยู่ในสภาพจนตรอกจนถึงขั้นน่าเวทนามาก

“นี่เป็นไปได้อย่างไร…”

ร่างของนักพรตหญิงเฟิงกับเซี่ยจิ้งอวี่สั่นสะท้าน ราวกับตกลงไปในถ้ำน้ำแข็ง

ซูอี้แข็งแกร่งเกินไปแล้ว!

เขามีพลังในการบดขยี้อย่างสมบูรณ์ และภายใต้น้ำมือเขา ซือคงเป้าที่เก่งกาจดุร้าย ก็เป็นเหมือนลูกแกะที่รอเชือด ต่อให้ใช้สมบัติล้ำค่า ก็มิอาจหยุดการสังหารของซูอี้ได้!

“แข็งแกร่งมาก!”

กู่ชางหนิงรู้สึกสั่นเทา

เขาต้องปลดผนึกพลังในร่าง ถึงจะสามารถต่อกรกับซือคงเป้าได้ ทว่าภายใต้น้ำมือของซูอี้ ซือคงเป้าล้วนมิอาจทนการโจมตีได้

เมื่อเทียบกันแล้ว จึงทำให้กู่ชางหนิงตระหนักได้ถึงความห่างชั้นระหว่างตัวเองกับซูอี้!

“ดาบนี้ ตัดแขนซ้ายของเจ้า”

ซูอี้ไม่คิดที่จะยั้งมือเลยแม้แต่น้อย เขายกมือขึ้นและตวัดดาบลงมา

ซือคงเป้าที่บาดเจ็บสาหัสอยู่แล้ว จะต้านทานการโจมตีนี้ได้อย่างไร?

เมื่อดาบนี้ตัดแขนซ้ายของเขาไปอย่างง่ายดาย สีหน้าซือคงเป้าก็พลันเผยความหวาดกลัวออกมาทันใด

ความจริงเขาตกใจกลัวซูอี้แล้ว และความกล้าหาญกำลังจะสลายไป

และในสายตากู่ชางหนิง เหตุการณ์นี้ไม่ถือว่าเป็นการต่อสู้ที่ดุดันแม้แต่น้อย แต่เป็นบทลงโทษกับการเหยียบย่ำของอีกฝ่าย!

ตั้งแต่ต้นจนจบท่าทางที่สงบนิ่งเย็นชาของซูอี้ ทำให้กู่ชางหนิงรู้สึกเสียวสันหลัง

“เจ้าแซ่ซู เจ้าคิดหรือว่าจะจัดการข้าได้จริง ๆ?”

ครั้นเห็นซูอี้จะลงมืออีกครั้ง ซือคงเป้าก็แผดเสียงดังลั่นออกมา

เสี้ยวอึดใจเดียว สัญลักษณ์เปลวเพลิงสีดำที่เผยอยู่บนหัวล้านของเขาก็ได้กลายเป็นแสงสีดำพุ่งขึ้นไปในอากาศทันที

“ขอความช่วยเหลือ?”

มุมปากซูอี้แสยะขึ้นอย่างเย็นชา “วันนี้ไม่ว่าจะเป็นผู้ใดมา ก็ช่วยชีวิตเจ้าเอาไว้ไม่ได้”

เยว่ซือฉานคือเมล็ดพันธุ์ชั้นเยี่ยมในสายตาซูอี้ แต่เกือบจะถูกซือคงเป้าผู้นี้ทำร้าย แล้วซูอี้จะให้อภัยได้อย่างไร?

เขากำลังจะลงมือ พลันมีบางอย่างเกิดขึ้นทันใด

“นายน้อย!”

น้ำเสียงโกรธเกรี้ยวดังขึ้นจากนอกตำหนัก สั่นสะเทือนจนทุกคนแสบแก้วหู เลือดลมปราณพลันปั่นป่วน

น้ำเสียงยังคงดังก้องอยู่ จากนั้นก็มีร่างผอมแห้งดุจไม้ไผ่ พุ่งเข้ามาภายในตำหนัก คล้ายกับสายฟ้าสีดำกะพริบ

ตูม!

ร่างนี้แผ่ไอสังหารน่าสะพรึงกลัวออกมา พลางทำลายทุกสรรพสิ่งภายในตำหนัก ราวกับพายุโหมกระหน่ำ ทุกคนต่างหายใจลำบาก และมีสีหน้าเปลี่ยนไปตาม ๆ กัน

เมื่อเงยหน้าขึ้นมอง ก็เห็นผู้มาใหม่คือชายวัยกลางคนสวมชุดเขียว ผิวซีดขาว เบ้าตาเว้าลึก ริมฝีปากบางดั่งใบมีด

บนร่างนั้นแผ่กระจายอานุภาพของขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณออกมาและขยายไปทั่วตำหนักราวกับทะเลเดือดพล่าน ช่างน่าสะพรึงกลัวยิ่ง

เฒ่าปีศาจฮว่าถู!

ม่านตาของกู่ชางหนิงหดลง เขารู้จักผู้ที่มาใหม่นี้ อีกฝ่ายคือหนึ่งในองครักษ์ที่อยู่ข้างกายซือคงเป้า

คือเฒ่าปีศาจขอบเขตแปรเปลี่ยนวิญญาณขั้นกลาง!

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *