บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] 30 ข้าต้องการพบแพทย์เช่นกัน

Now you are reading บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] Chapter 30 ข้าต้องการพบแพทย์เช่นกัน at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 30 ข้าต้องการพบแพทย์เช่นกัน

ในเมืองกว่างหลิง หวงเฉียนจวินถือเป็นผู้นำอันธพาล

ด้วยนิสัยอันรุนแรง อหังการ และอวดดีของตัวเขา ไม่ทราบว่าก่อเรื่องต่ำช้าไปเท่าใดแล้ว

หากจอมอันธพาลเช่นนี้มาเยือนบ้าน มันก็ไม่ต่างอะไรกับราชายมโลกมาเคาะประตู!

อู๋ยงที่ก่อนหน้านี้โกรธเกี้ยว ขณะนี้ร่างกายแข็งค้าง สีหน้าดำมืด ขาแข็งไม่อาจขยับ เขาไม่กล้าเดินกลับออกไป

หวงเฉียนจวินยิ้มผ่อนคลายกล่าวคำบอก “หากคิดถี่ถ้วนแล้ว อยู่ที่นี่อย่างจริงใจ รับฟังคำของพี่ซู หากไม่แล้ว ข้ายินดีจะไปเป็นแขกบ้านเจ้าเพื่อพูดคุยสักคราหนึ่ง”

ตัวบัดซบผู้นี้วางแผนเล่นงานเครือญาติที่เกี่ยวข้อง?

ดวงตาของอู๋ยงเบิกกว้าง ความรู้สึกดิ่งฮวบ ร่างกายนิ่งงัน ก่อนจะกลับไปยืนที่ตำแหน่งเดิมในพริบตา

ซูอี้ถึงกับต้องลอบส่ายศีรษะ เขาตั้งใจขับไล่พวกนี้ออกไปให้หมดเพื่อขจัดความรำคาญที่อาจเกิดในอนาคต แต่อันธพาลผู้นี้กลับใช้อำนาจข่มให้คนพวกนี้โค้งศีรษะให้เสียอย่างนั้น?

“เอาแค่พอดี” ซูอี้มองไปยังหวงเฉียนจวิน

หวงเฉียนจวินเร่งรีบยิ้มรับ “ทราบแล้วพี่ซู”

กลับกัน เมื่อชายวัยกลางคนร่างผอมบางและคณะพบเห็นเรื่องราวนี้ ใจพวกเขาถึงกับแข็งค้าง

หลังจากพวกเขาได้ทราบว่าซูอี้คิดมารับช่วงต่อสำนักแพทย์ซิ่งหวง พวกเขาต่างตั้งมั่นที่จะใช้วิธีการอันมากมายขับไล่ซูอี้ออกไป

หาได้มีผู้ใดต้องการรับใช้บุตรเขยไร้ความสามารถผู้นี้ไม่

แต่แล้วโดยที่ไม่มีผู้ใดคาดคิด …ซูอี้กลับมาพร้อมกับสุนัขเลี้ยงเชื่องที่ดุร้ายเช่นนี้!

พวกเขาอาจหาญกล้าต่อต้านซูอี้ แต่มีหรือจะกล้าต่อต้านบุตรผู้นำตระกูลหวง?

ต่อให้หวงเฉียนจวินทุบตีพวกเขาจนตาย ตระกูลเหวินก็คงจะไม่มีทางเข้าช่วยเหลือ!

“นายน้อย ข้าย่อมไม่คิดต่อต้าน ดังนั้นโปรดวางใจ” ชายวัยกลางคนร่างผอมบางสูดลมหายใจเข้าลึก ก่อนจะประสานมือคารวะ ท่าทีต่อต้านเลือนหายแทบหมดสิ้น

“พวกเจ้าเข้าใจผิดแล้ว ข้าไม่มีความจำเป็นต้องเก็บพวกเจ้าไว้”

ซูอี้ส่ายศีรษะกล่าวคำเฉยชา “จงรับฟังข้าให้ดี ผู้ใดที่ทำสัญญาขายตนกับครอบครัวเหวินฉางชิง จงออกไปให้หมดสิ้น”

ก่อนมาถึงสำนักแพทย์ซิ่งหวง เขาทราบอยู่แล้วว่าสถานที่แห่งนี้ ตลอดมาเป็นครอบครัวเหวินฉางชิงควบคุมอำนาจไว้

ดังนั้นเมื่อนับตั้งแต่นี้มันเป็นของซูอี้ เขาย่อมต้องคิดกวาดล้างอำนาจเดิม จะต้องไม่มีเขี้ยวเล็บใดหลงเหลือเพื่อสร้างปัญหาในภายหน้า

“หา?” บางคนถึงกับเผยสีหน้าแปรเปลี่ยน

ชายวัยกลางคนร่างผอมบางอดไม่ได้ที่จะเอ่ยคำเกลี้ยกล่อม “นายน้อย เรื่องนี้มีอะไรผิดไปงั้นหรือ? อย่างไรแล้ว ต่อให้ขายตนเองแก่นายท่านรองแห่งตระกูลเหวิน อย่างไรก็ยังถือเป็นคนของตระกูลเหวิน ไฉนจึงเย็นชาถึงเพียงนี้กัน?”

ซูอี้เพียงนั่งเงียบ ไม่ตอบโต้คำใด

หวงเฉียนจวินพลันได้ตระหนัก ฝีเท้าจึงก้าวเดินออกมา พร้อมกระแอมไอแห้ง สายตามองกลุ่มคนและกล่าวคำ

“ทุกคนที่นี่ ทางที่ดีอย่าได้สร้างความลำบากใจใดแก่พี่ซูของข้า!” ถ้อยคำจากปากอันธพาล ย่อมเป็นคำขู่อันเปี่ยมล้น

บางคนเร่งรีบจากไป บ้างก็ขุ่นเคือง บ้างก็คับแค้น บ้างก็เสียใจ…

แต่ยามพวกเขาออกไป หาได้มีผู้ใดกล้ากล่าวคำใดไม่

อย่างไรแล้ว หากเมื่อใดหวงเฉียนจวินไม่พอใจ ผู้ใดจะทราบว่าอีกฝ่ายจะมาเป็นแขกบ้านตนเองหรือไม่?

สุดท้าย เหลือคนเก่าแห่งสำนักแพทย์ซิ่งหวง เพียงแค่เจ็ดคนเท่านั้น

ชายวัยกลางคนร่างผอมบางนามหูเฉวียน แม้จะเป็นผู้จัดการของที่นี่ แต่เขาไม่ได้ทำสัญญาขายตนกับตระกูลเหวิน

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเขาจะไม่ได้จากไป แต่ทราบชัดถึงความขุ่นเคืองที่มีต่อซูอี้ ตลอดเวลาล้วนมีสีหน้าดำมืด ไม่ใช่สีหน้าชวนรับชม

เว้นแต่หูเฉวียน ทุกคนต่างเป็นเภสัชกร รวมถึงผู้ช่วย

“แล้วหมออู๋เล่า?” ซูอี้พลันเอ่ยถาม

ก่อนหน้านี้เขาจดจำได้ ว่ามีแพทย์เฒ่าชรานามอู๋กว่างปินผู้ทำงานที่สำนักแพทย์ซิ่งหวง อีกฝ่ายเป็นแพทย์ผู้โด่งดังในเมืองกว่างหลิงที่ผู้คนในเมืองต่างไว้วางใจ

หูเฉวียนเมื่อได้ยินคำถามนี้จึงลอบเก็บความสะใจและรีบกล่าวตอบทันที “หมออู๋เกิดเป็นไข้หนาวสั่นเมื่อคืนก่อน ขณะนี้ป่วยพักฟื้นอยู่ที่บ้านขอรับ!”

หลังหยุดไปครู่ เขาก็กล่าวคำต่อ “หมออีกสองท่านประจำสำนักแพทย์ เมื่อวานนี้หนึ่งคนกลับไปเยี่ยมญาติ อีกหนึ่งคนไปยังเมืองลั่วอวิ๋นซึ่งอยู่ที่อีกฟากของแม่น้ำต้าฉางเพื่อพบมิตรสหาย ขณะนี้ไม่มีผู้ใดอยู่ประจำการที่สำนักแพทย์ซิ่งหวงขอรับ”

หวงเฉียนจวินอดไม่ได้ที่จะแค่นเสียง “มีหมอทั้งสิ้นสามคน ทั้งหมดต่างมีกิจธุระของตนเอง นี่ไม่บังเอิญเกินไปหรือไร?”

หูเฉวียนเผยท่าทีราวไม่เกี่ยวข้องใดกับตนเอง “ข้าไม่อาจทราบเรื่องนี้ แต่ไม่ว่าด้วยอะไร หากไร้ซึ่งหมอประจำสำนักดูแล วันนี้ก็เกรงว่าสำนักแพทย์ซิ่งหวงอาจต้องหยุดทำการ…”

ซูอี้ที่พบเห็นพลันเอ่ยคำขึ้น “เปิดประตูทำการ ให้ผู้ป่วยเริ่มเข้ามาทำการรักษาได้แล้ว”

หูเฉวียนและคณะถึงกับชะงัก

ซูอี้ใช้นิ้วเคาะที่โต๊ะ ถ้อยคำเย็นชากล่าวบอก “แค่เพียงการรักษาผู้คน ข้าทำได้”

อุ๊บ!

เสียงข้ารับใช้คนหนึ่งอดไม่ได้จนหัวเราะ

ผู้อื่นต่างเผยสีหน้าเหยเก เห็นชัดว่ามองคำของซูอี้เป็นเรื่องขำขัน

หวงเฉียนจวินเผยสีหน้าดำมืด ถ้อยคำกล่าวเตือน “พวกเจ้าหัวเราะอะไร ไปเรียกผู้ป่วยที่รอด้านนอกให้เข้ามาได้แล้ว!”

เขาคือผู้มีดวงตามืดบอดที่เชื่อมั่นในตัวซูอี้อย่างสุดหัวใจ!

“เช่นนั้นข้าคงต้องขอรับชม ถึงฝีมือทางการแพทย์ของนายน้อย” หูเฉวียนมองอย่างเฉยชา แล้วจึงทำการชี้นำคนรับใช้ทั้งสองให้ไปภายนอกโถงเพื่อนำทางผู้ป่วย

ไม่ช้า หญิงชราเส้นผมสีขาวก้าวเดินเข้ามา ดวงตาสำรวจมองรอบ “หมออู๋กว่างปินไปไหนแล้ว?”

“เขาไม่อยู่ ข้าดูอาการให้เอง”

ที่ด้านหลังโต๊ะรับรอง ซูอี้กล่าวคำราบเรียบ

หญิงชราจ้องมองยังซูอี้ครู่หนึ่งก่อนจะส่ายศีรษะ และหันหลังจากไป

หูเฉวียนและผู้อื่นที่พบเห็น ต่างมีรอยยิ้มผุดที่มุมปาก แผนการของพวกเขาคือเพียงรับชมเรื่องราว

อย่างไรก็ตาม ซูอี้หาได้คิดใส่ใจใดไม่ “คนต่อไป”

ชายร่างกายกำยำประหนึ่งหอคอยเหล็กก้าวเดินเข้ามา เมื่อทราบว่าหมออู๋กว่างปินไม่อยู่ เขาส่ายศีรษะด้วยความผิดหวัง พร้อมสบถออก “เหตุใดไม่กล่าวแต่แรก เสียเวลาข้า!”

เขาหันกลับและจากไป

“นายน้อย พวกเขา…”

หูเฉวียนอดกลั้นรอยยิ้ม กล่าวคำครึ่งหนึ่งเสียงดัง ในความเห็นของเขา หากยังเป็นเช่นนี้ต่อไป มันถือเป็นการแสวงความเสื่อมเสียแก่ตนเองอันเด่นชัด

“คนต่อไป” ซูอี้กล่าวคำเฉยชา สีหน้าไม่แปรเปลี่ยน

“พี่ซู ข้าไปเรียกให้เอง”

หวงเฉียนจวินมีพรสวรรค์เป็นสุนัขรับใช้อย่างแท้จริง เมื่อพบเห็นเหตุการณ์เช่นนี้ เขาจึงรีบหันกลับพร้อมพุ่งออกไปยังภายนอกสำนักแพทย์ซิ่งหวงอย่างรู้หน้าที่ตน

ผู้คนที่รอคอยในแถวเพื่อพบแพทย์ จำนวนนั้นน้อยลงกว่าครึ่งหากเทียบกับก่อนหน้า

“อะไรกัน หมออู๋ไม่อยู่หรือนี่”

“สำนักแพทย์ซิ่งหวงไม่ทราบว่าคิดอะไร คลุ้มคลั่งถึงขนาดให้บุตรเขยตระกูลเหวินมาดูแลสำนักแพทย์!”

…กลุ่มคนพูดคุย ต่างกลับไปกันคนแล้วคนเล่า

“แบบนี้ไม่ได้การแล้ว หากวันแรกของการดูแลกิจการของพี่ซูล้มเหลวเช่นนี้ทั้ง ๆ ที่ข้าอยู่ด้วย มันจะไม่เท่ากับว่าข้าเป็นผู้ใต้บัญชาที่ไม่ได้ความไปด้วยหรือไร?”

เมื่อคิดได้เช่นนี้หวงเฉียนจวินเผยสีหน้าดุร้าย ก้าวเดินลงจากประตูหินทีละก้าว สายตากวาดมองกลุ่มผู้ป่วยที่ยังเหลือ ถ้อยคำเย็นชากล่าวออก

“จงต่อแถวรอที่นี่ให้ข้า! ผู้ใดกล้าไปโดยไม่ได้รับอนุญาต อย่ากล่าวโทษหากข้าโหดร้าย!”

บรรดาผู้ป่วยแทบทั้งหมดเป็นปุถุชนทั่วไป พวกเขาพลันแตกตื่นยามได้ยินถ้อยคำหวงเฉียนจวิน ถึงขั้นไม่กล้าขยับตัว

“คราวเจ้า จงไปพบแพทย์ได้แล้ว!”

หวงเฉียนจวินยืดมือชี้ชายชราร่างผอมบางใบหน้าอมเหลือง

“ข้า…”

ชายชรากระอักกระอ่วน ราวคิดอธิบายความในใจ

“ตาเฒ่า รับการรักษาจากพี่ซู ถือเป็นเรื่องดีแก่ตัวเจ้าเองเหมือนดังได้พบควันเขียวหน้าสุสานบรรพชน*[1] แต่กลับไม่ทราบดีชั่ว!” หวงเฉียนจวินกล่าวคำอย่างดุร้าย

ชายชราเผยความขื่นขม ก้าวเดินเข้าไปยังสำนักแพทย์ซิ่งหวงอย่างอับจน

หูเฉวียนและคณะต่างได้เห็นเรื่องราวกับตา พวกเขาอดไม่ได้ที่จะลอบส่ายศีรษะ

อันธพาลผู้นี้เพิ่งสร้างปัญหาโดยเปล่าประโยชน์ มีเหตุผลอะไรจึงบังคับผู้คนพบแพทย์เช่นนี้ได้กัน?

ขณะเข้ามายังสำนักแพทย์ ชายชราเผยสีหน้าขื่นขม “หมอซู ข้าสบายดี ไม่มีความจำเป็นต้องให้หมอดูอาการแต่อย่างใด ท่านคิดว่า… ข้าควรกลับไปก่อนดีหรือไม่?”

ซูอี้ส่ายศีรษะกล่าวคำบอกสั้น ๆ “เจ้าป่วย”

“ข้าไม่ป่วย” ชายชราโต้แย้งเสียงแข็ง

“ไม่ เจ้าน่ะป่วย”

“ข้าไม่ป่วย!” ชายชราแทบอยากร้องไห้

หูเฉวียนและคณะเกือบหลุดหัวเราะ เรื่องราวน่าขันเช่นนี้คืออะไร?

ซูอี้ลุกขึ้นยืน ก้าวเดินเข้าหาชายชราพร้อมกล่าวคำ “เจ้ามีอาการไอแย่ลงเมื่อคืนที่ผ่านมา อ่อนล้า ง่วงนอน อีกทั้งยังรู้สึกเย็นเยือกบ่อยครั้ง และมีอาการเจ็บปวดร่วมด้วย ใช่หรือไม่?”

“น…นี่ท่านทราบได้อย่างไร!?” เพียงชั่วครู่ ความกังขาในแววตาชายชรานั้นคลายหาย

หูเฉวียนและผู้อื่นต่างมองยังซูอี้อย่างนึกประหลาดใจ

แม้หมอที่มีชื่อเสียงเช่นอู๋กว่างปิน ผู้ซึ่งคร่ำหวอดในวิชาแพทย์ทั้งชีวิต ยังจำเป็นต้องสอบถามตรวจสอบชีพจร เพื่อทำความเข้าใจถึงอาการป่วย

แต่แล้วขณะนี้ ซูอี้หาได้ทำอะไรไม่ แต่กลับบอกกล่าวอาการของชายชราได้ในคราวเดียว!

“เจ้ามีปัญหาที่ปอด รวมกับอายุที่มากแล้ว เป็นผลให้เกิดอาการดังกล่าว” ซูอี้กล่าวบอกอย่างเรียบง่าย

สำหรับเขาผู้ซึ่งมีความทรงจำของชีวิตก่อน เพียงรักษาผู้คนทั่วไป ไม่ใช่เรื่องยาก

ชายชรานิ่งงันไปครู่ ก่อนจะเกิดตื่นเต้นยินดีขึ้นมา กล่าวคำออกด้วยเสียงสั่นเครือ “นายน้อยซู ทราบอาการป่วยข้าได้อย่างไรกัน?”

ท่าทีของเขาที่เคยไม่วางใจ กลับกลายเป็นกระตือรือร้นออกมาชัดเจน

หลังซูอี้เดินไปยังชั้น หยิบเอาพู่กันและกระดาษขึ้นมา เขียนใบสั่งยา และจึงส่งให้คนรับใช้ข้างกาย “ไปจัดยา”

ข้ารับใช้รับใบสั่งยามา ทว่าลังเล

“นำมาให้ข้าดู”

ขณะเดียวกันนี้หูเฉวียนเอ่ยออกพร้อมกับก้าวเดินออกมา หยิบกระดาษสั่งยาเพื่อรับชมตรวจสอบ แต่เมื่ออ่านจนครบ เขาลอบมองซูอี้ก่อนจะตกสู่ความเงียบงัน แน่นอนว่าไม่อาจสงบได้นาน

แม้เขาจะไม่ใช่หมอ แต่กระนั้นแล้วก็ทำงานที่สำนักแพทย์ซิ่งหวงมายาวนานหลายปี เพียงมองใบสั่งยาก็ทราบว่าการสั่งยาเช่นนี้มันราวกับเป็นใบสั่งที่ถูกเขียนขึ้นโดยแพทย์ผู้ฝึกฝนมาอย่างยาวนาน เป็นความรอบรู้ในระดับสูงล้ำที่ปุถุชนคนทั่วไปไม่อาจมี

“จงไปจัดยามาให้ผู้เฒ่าท่านนี้!”

ผ่านไปครู่ หูเฉวียนค่อยส่งใบสั่งยาให้คนรับใช้ ก่อนจะสูดลมหายใจลึกและเอ่ยคำออก “นายน้อย ก่อนหน้านี้ข้าปรามาสความสามารถท่านไป หวังว่าจะมีโอกาสได้ชดใช้!”

ผู้อื่นที่พบเห็นเหตุการณ์ตรงหน้า พวกเขาต่างต้องประหลาดใจ

ด้วยฐานะผู้ดูแล หูเฉวียนมีสถานะสูงล้ำ เป็นรองก็เพียงแต่เถ้าแก่

กระนั้นตอนนี้ ตัวเขาราวกับโดนใบสั่งยาของซูอี้สะกดให้เชื่อฟังอย่างไรอย่างนั้น!

ซูอี้กล่าวตอบราบเรียบ “ก็เพียงใบสั่งยา หาได้มีอะไรไม่ คนต่อไป!”

หวงเฉียนจวินที่ยืนตรงประตูพลันตอบรับคำทันที “คราวเจ้าแล้ว เข้ามา!”

ผู้ซึ่งถูกเรียกตัวเข้ามาครั้งนี้ เป็นบุรุษที่ซีดเซียว สีหน้าท่าทีราวทุกข์ตรม

ซูอี้เพียงมองครั้งหนึ่ง ก่อนจะนำเอาเข็มสีเงินออกมาจากแผง และก่อนที่อีกฝ่ายจะทันตอบสนอง เขาพลันทิ่มแทงมันลงไปยังตำแหน่งทั้งหลายตามแขน

เพียงครู่ จากสีหน้าเจ็บปวดและคิ้วขมวดของอีกฝ่ายค่อยคลายก่อนเลือนหาย ถูกแทนที่ด้วยสีหน้าอันประหลาดใจ

“ไม่เจ็บปวดใดแล้ว! ข้าเที่ยวแวะเวียนไปตามสำนักแพทย์ในเมืองหลายสิบแห่ง ไม่นึกเลยว่าจะเป็นนายน้อยซูที่ทิ่มแทงเพียงไม่กี่เข็ม ข้าก็พลันหายดีเช่นนี้ได้!” เขาขยับแขนไปมา น้ำเสียงตื่นเต้นยินดี

หูเฉวียนและผู้อื่น คิ้วของพวกเขาเลิกขึ้นด้วยอาการแตกตื่น สายตาที่มองซูอี้แปรเปลี่ยนไป

การฝังเข็มบำบัด?

พวกเขาไม่คาดคิดว่านายน้อยผู้อับโชคท่านนี้ จะมีฝีมือแท้จริงถึงเพียงนี้ได้!

“การฝังเข็มบำบัดช่วยรักษาอาการเจ็บปวดได้ แต่ไม่ใช่ถึงต้นตอ ดังนั้นจงรับยากลับไปด้วย”

ซูอี้เขียนใบสั่งยาอีกใบหนึ่ง ก่อนจะส่งมอบออกไป

ครั้งนี้คนรับใช้ตัวน้อยตอบรับรวดเร็ว มุ่งตรงไปยังห้องจัดยาโดยทันที

“คนต่อไป”

“คนต่อไป”

“คนต่อไป”

…หลายครั้งถัดมา มันคือการแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของตัวซูอี้

ทุกครั้งที่ผู้ป่วยเข้ามา ซูอี้จะเอ่ยอาการของพวกเขาโดยไม่สอบถามใด ๆ แม้ครึ่งคำ เรื่องราวเช่นนี้ทำให้ทุกคนต่างต้องประหลาดใจและนึกทึ่ง

จากนั้นจึงเป็นใบสั่งยา รับยา และชำระเงิน…

นับตั้งแต่เริ่มจนถึงตอนนี้ สีหน้าซูอี้ราบเรียบไม่ไหวติง ราวกับเป็นหุ่นเชิดอันไร้สีหน้า

หูเฉวียนและผู้อื่นจากสำนักแพทย์ซิ่งหวง ต่างยืนนิ่งกายแข็งค้าง

ใช้ชีวิตมาก็ยาวนานหลายปี นี่เป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้พบแพทย์เช่นนี้!

มันถึงกับเกิดความฮือฮาครั้งใหญ่ที่ภายนอกสำนักแพทย์ซิ่งหวง

เหล่าผู้ป่วยที่ได้รับการรักษากลับไป ข่าวคราวแพร่กระจายรวดเร็ว กลายเป็นว่าไม่ต้องให้หวงเฉียนจวินข่มขู่อีกต่อไป พวกเขาต่างยินดีรอคอยพบแพทย์กันเป็นแถว ทั้งยังเรียกร้องขอพบแพทย์เช่นซูอี้

ต่อหน้าภาพฉากอันคึกคัก ทำให้หวงเฉียนจวินอดไม่ได้ที่จะเดาะลิ้น สมกับเป็นพี่ซูของเขา แม้กระทั่งด้านการรักษาและช่วยชีวิตผู้คนก็ยังทำได้ดี!

[1] ควันเขียวหน้าสุสานบรรพชน เป็นความหมายถึงโชคลาภ

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *