บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] 215: ข้ามีคว้าสุริยันจันทรา

Now you are reading บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] Chapter 215: ข้ามีคว้าสุริยันจันทรา at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 215: ข้ามีคว้าสุริยันจันทรา

เสียงหัวเราะที่องอาจของฉินฉางซาน ดังกังวานไปทั่วใต้หล้า

เหล่าบุคคลโดดเด่นที่มาจากหกเขตการปกครองแคว้นกุ่นที่อยู่ใต้เชิงเขา อดไม่ได้ที่จะสูดลมหายใจเย็นเข้าไป

ไม่มีผู้ใดไม่ได้ยิน ปรมาจารย์ขั้นห้าอย่างฉินฉางซานต้องการต่อสู้กับชายหนุ่มที่มีนามว่าซูอี้?

ยามนี้ ทั่วสนามเกิดความวุ่นวาย และทั้งหมดล้วนยื่นหน้ามองขึ้นไปบนยอดเขา

ทว่าช่างน่าเสียดายนัก เขาประจิมมีความสูงถึงสามร้อยจั้ง แม้แต่บุคคลที่เป็นปรมาจารย์ ใช้ความสามารถในการหยั่งมองก็ยากที่จะเห็นเหตุการณ์บนยอดเขาได้

บนยอดเขา เหล่าผู้คนต่างพากันหลบออกไปจนเกิดพื้นที่ว่าง

ไม่ว่าพวกเซี่ยงเทียนชิว หรือพวกโจวจือหลี สายตาของทุกคนล้วนจ้องมองไปที่ฉินฉางซานกับซูอี้

ด้านหนึ่งคือผู้เก่งกาจที่ถีบตัวเองขึ้นไปสู่รายนามปรมาจารย์ลำดับที่ยี่สิบเจ็ดแห่งอาณาจักรต้าโจว นับว่าเป็นเจ้าปกครองในบรรดาปรมาจารย์

และอีกด้านหนึ่งแม้จะมีอายุน้อย การบำเพ็ญก็อยู่ระดับเพียงแค่ขอบเขตรวบรวมลมปราณ ทว่าก็มีกำลังรบสังหารปรมาจารย์ขั้นสองได้!

การต่อสู้ที่กำลังจะเกิดขึ้น เรียกได้ว่าเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ยากบนโลกนี้ และไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นเช่นไร ก็พอที่จะบันทึกเข้าไปในประวัติศาสตร์อาณาจักรต้าโจวได้!

ชิ้ง!

ฉินฉางซานใช้มือข้างขวาดึงดาบโบราณสีดำที่คล้ายกับผ้าไหมที่แบกอยู่บนหลังออกมาไว้ในมือข้างซ้าย

“ดาบนี้มีชื่อว่าคีรีตระหง่าน มีเทพเซียนเดินดินผู้หนึ่งมอบให้มา ตัวดาบนั้นหนักสามร้อยสิบเจ็ดชั่ง ใช้วัตถุวิญญาณระดับสี่จำนวนสามสิบสามชนิดในการหลอมขึ้นมา เป็นดาบที่ข้าใช้ฆ่าศัตรูมาจนถึงทุกวันนี้ และตัดหัวศัตรูมานับพันครั้ง มิเคยพ่ายแพ้แม้แต่ครั้งเดียว!”

นัยน์ตาที่อ่อนโยนของฉินฉางซานจ้องมองดาบโบราณสีดำที่อยู่ในมือ เริ่มเอ่ยอย่างไม่ทุกข์ร้อนสิ่งใด

ร่างเขาสูงสง่า จอนผมมีสีขาว ยามนี้เขาควบคุมดาบและยืนขึ้น พลันพลังปราณขับเคลื่อนไปทั้งร่าง เจตจํานงแห่งดาบทั่วร่างแปรเปลี่ยนเป็นเงาแสงสภาวะพลังสุดขั้ว เสริมให้เจ้าตัวยิ่งไม่ธรรมดาขึ้นไปอีก

ตูม!

เจตจํานงแห่งดาบที่น่าหวาดกลัวดุจกระแสน้ำ แผ่กระจายออกมาจากร่างฉินฉางซาน ไอที่เยือกเย็นบีบคั้นจนผู้คนที่อยู่ใกล้ ๆ ต้องถอยออกไป

“นี่คือพลังของปรมาจารย์ขั้นห้า? ระดับช่างต่างกับพวกเรามากนัก มิน่าล่ะ หอสิบทิศถึงได้ชมว่าเป็นหนึ่งดาบแห่งลำนำสายธารทลายประตูแห่งสวรรค์ และไม่แปลกใจที่สามารถถีบตัวเองไปเป็นปรมาจารย์ลำดับที่ยี่สิบเจ็ดในรายนามได้!

เหล่าปรมาจารย์ในสนามสั่นเทิ้ม ทั้งตกตะลึงและมีความโหยหาในสิ่งนั้น

แม้แต่คังซานจิ่ง ฉางกั่วเค่อและปรมาจารย์คนอื่น ๆ แห่งสำนักดาบมังกรเร้น ก็อดไม่ได้ที่จะชำเลืองตามอง พลันความรู้สึกก็แสดงออกทางสีหน้าทันที

เจตจำนงแห่งดาบที่อยู่บนร่างฉินฉางซานนั้นบริสุทธิ์มาก ทำให้พวกเขารู้สึกเหมือนถูกกดดันเอาไว้

“แต่ไหนแต่ไรมาฉินผู้นี้สังหารศัตรูเพียงแค่สามเพลงดาบเท่านั้น เจ้าหนุ่มข้าให้โอกาสเจ้าอีกครั้ง หากเจ้าสามารถต่อต้านเพลงดาบหนึ่งของข้าได้ ข้าจะให้เจ้าตายอย่างครบถ้วนสมบูรณ์”

เสื้อผ้าฉินฉางซานพลิ้วไหว นัยน์ตาดั่งสายฟ้าเย็นที่ทำให้คนกลัว จ้องมองไปที่ซูอี้

“เหอ?”

ซูอี้ยิ้มออกมา “ช่างเถอะ ในเมื่อเจ้าแต่งตั้งตนเป็นผู้ฝึกดาบ ข้าซูผู้นี้จะทำให้เจ้าได้รู้จักว่าวิถีดาบที่แท้จริงนั้นเป็นอย่างไร หวังว่าเจ้าจะไม่ทำให้ข้าผิดหวังนะ”

ท่าทางที่สบายนั้น ช่างเป็นท่าทางที่โอหังยิ่งนัก

ขณะที่เอ่ย ดาบบงการฟ้าดินก็ปรากฏอยู่ในมือซูอี้ ตัวดาบสีครามแผ่แสงมายาราวกับระลอกคลื่น

ลมปราณเยือกเย็น แม้อานุภาพจะไม่ถึงกับตื่นตระหนกไปทั้งโลก ทว่าท่าทางที่เหนือกว่าผู้ใดนั้น ทำให้เซี่ยงเทียนชิวและคนอื่น ๆ ต่างก็ต้องยอมรับว่า ซูอี้ที่บำเพ็ญวิถียุทธ์ขอบเขตรวบรวมลมปราณ ริอาจเผชิญหน้ากับฉินฉางซาน ช่างไม่ปกติจริง ๆ

“เพลงดาบที่หนึ่ง คลื่นวารีสาดซัด!”

สายตาของฉินฉางซานเย็นชาขึ้น เขาก้าวเท้าหนึ่งออกไป ยกดาบคีรีตระหง่านขึ้นบนฟ้า พลันพลังดาบสีดำยาวราวกับผ้าไหมก็คำรามออกมา

คลื่นดาบตรงราวกับแม่น้ำแยงซีเกียง เจตจำนงแห่งดาบยิ่งใหญ่เกรียงไกรจากทั่วสารทิศพุ่งไปหาซูอี้อย่างบ้าคลั่ง

เคล็ดวิชาดาบหมื่นวารี!

นี่คือเคล็ดวิชาสาบสูญที่มีชื่อเสียงของฉินฉางซาน และเป็นเคล็ดวิชาระดับสูง

เมื่อมันถูกใช้ออก ก็คล้ายกับเขื่อนกลุ่มดาวและสายรุ้งยาวพุ่งไปในอากาศ ภายใต้เพลงดาบนี้ ทะเลเมฆที่อยู่ใกล้ ๆ ก็ลอยขึ้นเป็นเกลียว และถูกกระทบจนทำให้แตกออก ผู้คนที่อยู่ในสนาม ล้วนตกตะลึงจนหน้าถอดสี

ในนัยน์ตาของผู้คนที่อยู่ใต้เชิงเขา ต่างสะท้อนภาพปรากฏการณ์นี้ออกมา

ระหว่างผืนฟ้าและผืนดิน คล้ายกับมีกลุ่มดาวมหาศาลตกลงมา ทำให้ทะเลเมฆแตกกระจายออก!

แม้กระทั่งได้ยินเสียงกระแสน้ำราวกับเสียงฝนตกเทลงมา สิ่งนั้นคือเจตจำนงแห่งดาบมหาศาลที่รวมกันก่อเป็นคลื่นที่โหมซัดอย่างบ้าคลั่ง ทุกพลังดาบเด็ดขาดแม่นยำ ยามนี้มารวมกันเป็นคลื่นกระแสน้ำอย่างมหาศาลและปล่อยออกมา!

เพียงแค่เพลงดาบนี้ ก็เผยให้เห็นแล้วว่าเขาเป็นปรมาจารย์ขั้นห้าที่ยอดเยี่ยมแห่งยุค!

เมื่อต้องเผชิญหน้ากับเพลงดาบนี้ ซูอี้ที่มีสีหน้าเฉยชา ก็กวัดแกว่งดาบบงการฟ้าดินที่อยู่ในมือทันที

คล้ายกับเบาบางผ่อนคลาย ทว่าเมื่อกวัดแกว่งดาบนี้ออกไป ราวกับเลือนรางมองไม่เห็น แปรปรวนไม่แน่วแน่ และแฝงไว้ด้วยท่วงทำนองที่ลี้ลับ

กระบวนท่านี้เรียกว่า ‘ตัดสมุทรและขุนเขา’

ข้าตัดสมุทรและขุนเขา ความสับสนวุ่นวายราวกระแสน้ำย่อมไม่อาจต้านทาน!

ซ่า!

หากบอกว่า พลังดาบของฉินฉางซาน คือแม่น้ำแยงซีเกียง เช่นนั้นพลังดาบนี้ของซูอี้ ก็เหมือนกับแสงที่ฝ่าลมโต้คลื่น ดูราวกับเลื่อนลอย ทว่ามุ่งหน้าไปอย่างองอาจห้าวหาญ สวยงามราวกับเทพที่อยู่ยงคงกระพัน

อากาศที่เหมือนกับผ้าเขียนภาพ ถูกเพลงดาบนี้ทำลายไปอย่างง่ายดาย

พลันเจตจำนงแห่งดาบที่ไหลทะลักอย่างมโหฬารราวกับคลื่นน้ำของฉินฉางซานนั้น ก็ถูกทำลายภายใต้เพลงดาบนี้

ความเร็วในการแตกร้าวทำให้ทุกคนตกใจ ประหนึ่งความแหลมคมของมีดฆ่าวัวที่กรีดน้ำมันร้อนเดือดพล่าน คล้ายกับความคมของกรรไกรที่ตัดผ้าฝ้ายออก

ภาพความแหลมคมนั้นมิอาจจับจ้องได้โดยตรง ทำให้ผู้คนในสนามแสบตาไปหมด จิตใจหวาดผวา สีหน้าพลันเปลี่ยนไป

“ปราณดาบนี้ เหตุใดถึงรวดเร็วเช่นนี้?”

ในใจของทุกคนเผยความคิดนี้ขึ้นมา

น่าเหลือเชื่อจริง ๆ

แค่ชายหนุ่มวิถียุทธ์ขอบเขตรวบรวมลมปราณเท่านั้น ทว่าปราณดาบกลับรวดเร็วและดุดันเช่นนี้ เพลงดาบที่กว้างใหญ่ราวกับเขื่อนแม่น้ำของฉินฉางซานนั้น กลับถูกทำลายไปจนหมด ใครจะกล้าเชื่อกัน?

ตูม!

เสียงระเบิดสนั่นหวั่นไหวดังกึกก้องไปทั่ว

เมื่อปราณดาบดุจกระแสน้ำแพร่ขยายกระจายไปทั่วทิศทาง พลันภูเขาหินหญ้าต้นไม้ที่อยู่ใกล้ ๆ ถูกทำลายล้มลงกระเจิดกระเจิง

“ดี!”

ฉินฉางซานสูดหายใจเข้าทันที นัยน์ตาเขาโกรธราวกับไฟที่ลุกไหม้ หนวดเคราผมเผ้าปลิวไสว

เมื่อเผชิญหน้ากับเพลงดาบที่ห้าวหาญไม่ไหวเกรงต่อสิ่งใดของซูอี้ แม้แต่ผู้ที่แข็งแกร่งเช่นเขาก็อดที่จะตกใจไม่ได้

เขาไม่ลังเลสิ่งใดอีก ลมหายใจทั่วร่างพลันเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง และกวัดแกว่งดาบคีรีตระหง่านที่อยู่ในมือทันที

“เพลงดาบที่สอง พันวารีทะลวงเวหา!”

พลันเจตจำนงแห่งดาบก็เดือดพล่าน ณ ยอดเขาสูงแห่งนี้

เมื่อกวัดแกว่งเพลงดาบนั้นออกไป ฉินฉางซานนับว่าใช้ทุกสิ่งอย่างที่มี ปราณทั่วกายหลั่งไหลออกราวเป็นปราณดาบเพียงหนึ่ง เมื่อคมดาบสีดำกวัดแกว่งออกไป ราวกับดึงดูดสายธารนับพันเข้ามา ปกคลุมไปทั่วใต้หล้า กลายเป็นผืนน้ำกว้างใหญ่ดุจมหาสมุทร!

ประหนึ่งต้องการให้ท้องนภาแห่งนี้ปกคลุมไปด้วยน้ำ!

นี่คือพันวารีทะลวงเวหา ว่ากันว่าฉินฉางซานเคยตัดภูเขาด้วยเพลงดาบเดียว และเพลงดาบที่เขาใช้คือเพลงดาบนี้

“ในที่สุดก็สนุกขึ้นมาหน่อยแล้ว…”

ในส่วนลึกนัยน์ตาของซูอี้ เจตจำนงแห่งการต่อสู้ที่หายไปนานถูกกระตุ้นขึ้นมาทันที

เพลงดาบนี้ ทำให้เขาสัมผัสได้ถึงอานุภาพที่แสบร้อนไปทั่วร่าง

ยอมรับเลยว่า ด้วยการฝึกบำเพ็ญของเขาในตอนนี้ เผชิญหน้ากับผู้ฝึกดาบปรมาจารย์ขั้นห้าผู้หนึ่ง ยังถือว่าห่างไกลกันมาก

เพียงแต่ การบำเพ็ญก็ส่วนการบำเพ็ญ ไม่สามารถแทนที่พลังที่แท้จริงได้

โดยเฉพาะในสี่ขอบเขตแห่งวิถียุทธ์ อย่างไรก็ยังเป็นขอบเขตแห่งสามัญ ไม่นับเป็นผู้ฝึกตนที่แท้จริง

เมื่อเรียนรู้วิถีดาบยอดเยี่ยมจนแข็งแกร่งมากพอ ก็เพียงพอที่จะเสริมส่วนที่ขาดหายในการบำเพ็ญของตัวเองได้!

ยิ่งไปกว่านั้น ในขอบเขตรวบรวมลมปราณ ซูอี้มีรากฐานเบิกมวลกลายวิญญาณ ฝึกฝนชีพจรลับให้เกิดปรากฏการณ์ที่ยอดเยี่ยม ขัดเกลา ‘พลังเต๋ากัง’ ที่มีเพียงหนึ่งเดียวในใต้หล้า ความน่าหวาดกลัวของรากฐานของร่างกาย มิอาจเทียบกับหลักครรลองธรรมทั่วไปได้!

ขนาดบรรลุในช่วงขอบเขตรวมลมปราณขั้นเบิกปัญญา ยังสามารถต่อกรกับพยัคฆ์เพลิงเนตรครามที่เก่งกาจถึงขนาดสังหารปรมาจารย์ขั้นห้าได้ แล้วจะนับประสาอะไรกับตอนนี้ล่ะ?

ทันใดนั้น

บนร่างสูงใหญ่ของซูอี้ มีพลังที่รวดเร็วและดุดันพุ่งออกมาในอากาศ กลิ่นอายทั่วร่างคมกริบประหนึ่งคมดาบ แทงทะลุไปในความว่างเปล่าตรงหน้า

บุคลิกอันสุขุมนุ่มลึก แปรเปลี่ยนเป็นความคมกริบไร้เทียบเทียม

ประหนึ่งเซียนดาบ

“เริ่ม!”

กลิ่นอายสภาวะพลังสุดขั้วราวกับกลุ่มปลาแหวกว่ายไปรอบร่าง ซูอี้กวัดแกว่งดาบบงการฟ้าดินที่อยู่ในมือออกไป

ชั่วพริบตานั้น คล้ายกับเปลวไฟแวววาวแตกออก แสงดาบดั่งกลุ่มดาวนับไม่ถ้วนแผ่กระจาย ให้ความรู้สึกเหมือนตาข่ายสวรรค์เลือนรางที่ห่างแต่ไม่รั่วไหล

ข้ามีกระบวนท่าทัศนาสิบทิศ พลังมากมายตกลงมาราวกับน้ำพุสีเขียวคราม!

แก่นแท้ของดาบนี้ อยู่ที่ ‘สิ่งใดล้วนทำได้!’

ตูม! ตูม! ตูม!

แสงสว่างจ้าที่อยู่ตรงหน้า ทำให้ผู้คนมองแทบไม่เห็น มีเพียงเสียงระเบิดที่ปะทะกันประหนึ่งเสียงเคาะที่รวมตัวกันดังออกมา ทำให้รู้สึกอกสั่นขวัญหายและน่าสะพรึงกลัว

และท่ามกลางสายตาของผู้คนที่อยู่ใต้เชิงเขา เห็นเพียงปราณดาบราวกับสายธารส่งเสียงคำรามดั่งกระแสน้ำ ปกคลุมไปทั่วท้องนภา ทว่ายังมิได้แสดงอานุภาพ ก็ถูกแสงดาบนับไม่ถ้วนโจมตีเข้าไป

แสงดาบที่แวววาวราวกับกลุ่มดาว แสดงอานุภาพเยือกเย็นที่รวดเร็วและดุดัน ทำให้ปราณดาบนับร้อยนับพันถูกตัดเป็นเศษเล็ก ๆ นับไม่ถ้วนปลิวว่อนไปทั่ว และแตกกระจายออกมาไม่หยุด

ภาพปาฏิหาริย์นั่น ทำให้ผู้คนอ้าปากตาค้างไปไม่น้อย

ณ บนยอดเขา

ท่ามกลางปราณดาบที่ไหลกระเด็นลงมา ซูอี้ได้กลับมายืนอย่างมั่นคงเหมือนเดิม ประหนึ่งก้อนหินก้อนใหญ่ที่โดดเด่นไม่ขยับไปไหน

เมื่อเห็นเพลงดาบนี้ถูกต่อต้านไว้ได้อีกครั้ง ใบหน้าของฉินฉางซานพลันเปลี่ยนไปและเต็มไปด้วยความเคร่งขรึม

นี่คือเชิงดาบที่วิถียุทธ์ขอบเขตรวบรวมลมปราณควรจะมีรึ?

แม้ในใจเขาจะสงสัยเป็นอย่างมาก ทว่าฉินฉางซานนั้นไม่กลัวเกรง เมื่อจัดการความวุ่นวายให้สงบไม่ตื่นตระหนกแล้ว เขาก็ใช้พลังทั้งหมดปล่อยเพลงดาบที่สามออกมา

ตูม!

เจตจำนงแห่งดาบนับหมื่นไหลทะลัก ปะทุออกมาจากร่างฉินฉางซาน รวมเข้าไปในเพลงดาบนี้ทั้งหมด

ดั่งทะเลรวมไว้ซึ่งแม่น้ำร้อยสาย และสายธารนับหมื่นคืนสู่บรรพบุรุษ!

นี่เป็นเพลงดาบที่มีพลังอานุภาพมากที่สุดในเคล็ดวิชาดาบหมื่นวารี และเป็นเพลงดาบที่ฉินฉางซานฝึกฝนหลายปีเพื่อบรรลุจนถึงขั้นสุดยอด

เมื่อเพลงดาบนี้แสดงออกไป บนยอดเขาประจิมแห่งนี้ราวกับแปรเปลี่ยนเป็นผืนน้ำกว้าง ดั่งคลื่นที่โหมกระหน่ำอย่างบ้าคลั่ง และสาดกระจายออกไป!

คังซานจิ่งนั่งแทบไม่ติด ต้องหลบเลี่ยงออกไป เพราะเกรงว่าจะได้รับผลกระทบจากเจตจำนงแห่งดาบที่ไร้ขอบเขตนั้น

ส่วนคนอื่น ๆ ที่อยู่โดยรอบ ต่างก็หลบซ่อนในที่ห่างไกล ทั้งยังใช้ปราณของตัวเองไปขัดขวางหรือคลี่คลายปราณดาบที่กระจายออกมานั้น

หากสับเปลี่ยนปรมาจารย์ท่านอื่นมาอยู่ตรงนี้ เกรงว่าคงจะต่อสู้ไม่ไหว และถูกสังหารตายคาการประลองไปแล้ว

นี่คือความน่ากลัวของปรมาจารย์ขั้นห้า

และเพลงดาบนี้ ก็ได้รับการชื่นชมจากหอสิบทิศว่าเป็น ‘หนึ่งคมดาบแห่งลำนำสายธาร ทลายประตูแห่งสวรรค์’!

เกือบจะขณะเดียวกัน

ซูอี้ที่มีสีหน้าเฉยชา ใช้มือซ้ายเคาะตัวดาบเบา ๆ ท่ามกลางเสียงดาบที่คร่ำครวญออกมา ดาบบงการฟ้าดินก็พุ่งออกไปทันที

ระหว่างที่คลุมเครือนั้น ในสายตาของผู้คนคล้ายกับมองเห็นดวงจันทร์เต็มดวงที่สุกสกาวปรากฏขึ้นมา แสงของเจตจำนงแห่งดาบนั้นกว้างใหญ่ ภาพมายาพร่ามัว เป็นประกายระยิบระยับ

จากนั้นก็มีดวงอาทิตย์ขนาดใหญ่ลอยขึ้นมา แสงสว่างเจิดจ้า ส่องไปทั่วทะเลเมฆ

ดวงอาทิตย์กับดวงจันทร์รวมกัน ด้านหนึ่งเป็นหยิน ด้านหนึ่งเป็นหยาง สะท้อนภาพปาฏิหาริย์ที่น่าเหลือเชื่อออกมา ทำให้ทั่วทั้งสนามสั่นเทิ้ม และสูญเสียเสียงไป

ข้ามีคว้าสุริยันจันทรา แสงสว่างไสวจากทั่วหล้าล้วนเข้ามาในจิตใจข้า!

เพลงดาบนี้ มาจากกระบวนเพลงดาบสุดปรีดี นามว่า ‘คว้าสุริยันจันทรา’!

ตู้ม!!!

บนยอดเขาสูง เพลงดาบที่ราวกับผืนน้ำกว้างใหญ่ของฉินฉางซาน กับเพลงดาบดั่งดวงอาทิตย์และดวงจันทร์ที่ลอยอยู่กลางอากาศ ต่างส่องแสงสว่างไสวไปทั่ว

ทั้งสองต่อสู้กัน พลันระหว่างนั้นก็เกิดเสียงระเบิดสนั่นสั่นไหวไปทั่วหล้า เจตจำนงแห่งดาบราวกับผืนน้ำที่ม้วนตัว ถ้าไม่ถูกแช่แข็งและแตกเป็นเสี่ยง ๆ ก็ถูกเผาไหม้ระเหยเป็นไอ แสดงปรากฏการณ์ขั้วหยินขั้วหยาง น้ำแข็งเปลวไฟผสมปนเปกันไป

ตูม!

สุดท้าย ท่ามกลางสายตาที่หวาดผวาของทุกคน

เจตจำนงแห่งดาบดั่งผืนน้ำกว้างใหญ่ทั้งหมดล้วนถูกตีแตกกระเจิง

พรวด!

ในขณะเดียวกัน ร่างของฉินฉางซานสั่นไหว เขากระอักเลือดออกมา พลันใบหน้าก็เปลี่ยนเป็นขาวซีดทันที

ม่านตาเขาเบิกกว้าง บนหน้าผากเขียนเต็มไปด้วยคำว่าไม่อยากจะเชื่อไว้

หลายปีก่อนหน้า เขาสังหารศัตรูด้วยดาบภายในสามเพลงดาบมาตลอด

ทว่ายามนี้ กลับบาดเจ็บกระอักเลือด ภายในสามเพลงดาบ!

และคู่ต่อสู้ของเขา กลับเป็นแค่ชายหนุ่มที่มีวิถียุทธ์ขอบเขตรวบรวมลมปราณเท่านั้น…

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *