บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] 276: ฟ้าดินปรวนแปร!

Now you are reading บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] Chapter 276: ฟ้าดินปรวนแปร! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 276: ฟ้าดินปรวนแปร!
ตอนที่ 276: ฟ้าดินปรวนแปร!

แสงสลัวยามค่ำคืนสาดส่องลงมาจากดวงจันทรา ขยับไหวตามเงากิ่งก้านและคลื่นลม

เผชิญหน้ากับบรรพจารย์ยุทธ์ปฐมสวรรค์ทั้งห้า ซูอี้หยิบน้ำเต้าขึ้นมาจิบเหล้าอึกหนึ่ง

“แค่ได้ดื่มและละเลงเลือดศัตรูด้วยดาบใต้แสงจันทร์ เพียงเท่านี้ก็เป็นสุขแล้ว”

เขาโยนน้ำเต้าทิ้ง ยิ้มอย่างสบาย ๆ ขณะที่ดวงตาคู่นั้นฉายแววความบ้าคลั่งออกมา

“เห็นทีสวรรค์คงอยากให้เขาตาย ไม่เช่นนั้นฟ้าคงไม่ดลบันดาลให้เขาเป็นบ้าเยี่ยงนี้ ช่างน่าเสียดายจริง ๆ”

แม่นางถงฮวาผู้งดงามถอนหายใจเบา ๆ

“น่าเสียดายอะไรกัน ฆ่ามันก่อนแล้วค่อยพูด!”

เลี่ยหยางตะโกนลั่น ก่อนจะเริ่มลงมือเป็นคนแรก!

ด้วยความชรา เคราจึงขึ้นอย่างหรอมแหรม และแม้จะคล้ายใกล้ตาย ทว่าอารมณ์ของเขากลับฉุนเฉียวยิ่ง! ทันทีที่เคลื่อนไหว ร่างของชายชราพลันเดือนพล่านราวเตาไฟถูกลมพัดโหม!

บูม!

เขาก้าวไปข้างหน้า ง้างมือยื่นตบออกไปในอากาศ

ระหว่างนิ้วทั้งห้าปรากฏมวลสีแดงพร่างพราย โหมกระหน่ำอย่างรุนแรงดุจเปลวไฟศักดิ์สิทธิ์

ฝ่ามือสุริยัน!

เคล็ดวิชาระดับสูง ฝ่ามือเปรียบเสมือนดวงอาทิตย์ที่แผดเผาภูผาและต้มน้ำทะเลจนเดือด สามารถหลอมทอง และหินให้กลายเป็นผง!

เมื่อยิงออกจากฝ่ามือ ดวงอาทิตย์แผดเผาในยามค่ำคืนลูกนั้นพลันส่องแสงสว่างจ้า เปลี่ยนให้หินและพืชพรรณที่อยู่ใกล้เคียงกลายเป็นเถ้าถ่าน

เปลือกตาของซือถูกงกระตุก เขาเห็นได้อย่างรวดเร็วว่าเลี่ยหยางลงมือโหดเหี้ยมดุดัน ไม่สนสิ่งใดทั้งสิ้น!

เห็นได้ชัดว่าเขาปฏิบัติต่อซูอี้เป็นศัตรูตัวฉกาจ!

นี่คือศึกที่มีชีวิตเป็นเดิมพัน ไม่ว่าระดับการฝึกบำเพ็ญหรือตัวตนของอีกฝ่ายจะเป็นผู้ใดล้วนถูกมองข้ามไปสิ้น ดังนั้นแล้ว …หากเปิดก่อน ย่อมได้เปรียบ!

น่ากลัวมาก!

ในอาราม เหวินฉงหยวนและคนอื่น ๆ หน้าซีด ต่างตื่นตกใจ และรู้สึกแสบร้อนดวงตาจากแสงที่ทิ่มแทงเข้ามา

นี่คือพลังของบรรพจารย์ยุทธ์ปฐมสวรรค์ ทุกกระบวนท่าล้วนเหนือล้ำตัวตนขอบเขตปรมาจารย์ สมแล้วที่ห่างเพียงก้าวเดียวก็สามารถกลายเป็นเทพเซียนเดินดิน!

“เหอะ เพียงแค่แสงหิ่งห้อยริอาจเทียบเคียงแสงสุริยัน!”

ดวงตาของซูอี้คมชัด จนกระทั่งฝ่ามือนี้โบกผ่านอากาศ ฉับพลันนั้นชายหนุ่มก็สะบัดฝ่ามืออย่างขอไปทีออกมา

ตู้ม!

เมื่อทั้งสองกระบวนท่าปะทะกัน คล้ายดังแสงหิ่งห้อยถูกลมและเมฆหมอกพัดกวาด คลื่นความร้อนที่ไม่มีสิ้นสุดจากอีกฝั่งถูกฉีกกระชาก และหายไปอย่างไร้ร่องรอย!

ซือถูกงและคนอื่น ๆ หรี่ตาลง มองหน้ากันด้วยความตกตะลึง

ตามข่าวลือ แม้ซูอี้ผู้นี้จะมีอายุเพียงสิบเจ็ดปี และการฝึกฝนของเขาอยู่ในขอบเขตปรมาจารย์เท่านั้น แต่พลังการต่อสู้ของเขาก็เพียงพอที่จะคุกคามบรรพจารย์ยุทธ์ปฐมสวรรค์ ซึ่งภาพตรงหน้าก็นับเป็นการยืนยันข่าวลือดังกล่าวว่าเป็นความจริง!

แม้แต่เลี่ยหยางเองก็แสดงอาการตื่นตกใจ เขาไม่คิดว่าซูอี้จะสามารถรับการโจมตีของตนได้อย่างง่ายดายเช่นนี้!!

“อย่าหาว่าข้าไม่ให้โอกาสพวกเจ้า เพราะข้าให้แล้ว… เอาล่ะ เรามาเริ่มกันเถอะ!”

ซูอี้พูดอย่างเฉยเมยตรงไปตรงมา เสื้อคลุมสีเขียวพลิ้วไหวล้อตามลม

“รับมือ!”

ซือถูกงสูดหายใจเข้าลึก ๆ กล่าวด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น

ตูม!

ในขณะนั้น บรรพจารย์ยุทธ์ปฐมสวรรค์ทั้งห้าก็ไม่ยั้งมืออีกต่อไป บรรยากาศคล้ายเป็นทะเลคลั่ง เกิดลมหมุนวนดั่งพายุโหมก่อตัว!

โดยมีคนทั้งห้าเป็นศูนย์กลาง มันได้เกิดพายุใหญ่ห้าลูก ฟ้าดินปรวนแปรดูน่าพรั่นพรึง!

ไม่รู้ว่ามีต้นไม้และหินกลายเป็นเศษซากไปแล้วเท่าไร!

ทั้งห้ายืนเป็นวงกลมล้อมรอบซูอี้

ชายหนุ่มยืนโดดเดี่ยว โดนล้อมกรอบอยู่ภายใต้แรงกดดันของบรรพจารย์ยุทธ์ปฐมสวรรค์ทั้งห้า!

ถ้าเปลี่ยนไปเป็นปรมาจารย์คนอื่น เกรงว่าจะถูกกดดันจนไม่สามารถเคลื่อนไหวได้

แต่ซูอี้ยังคงดูสงบนิ่งท่ามกลางพายุลูกมหึมา เมื่อพวกมันขยับเข้ามาใกล้ในระยะสามฉื่อ มันก็พลันสลายหายไป

ราวกับหินก้อนหนึ่ง ต่อให้กระแสน้ำนับพันพัดพาไปอย่างไรก็ไม่อาจทำให้มันสั่นคลอนได้

ฉากนั้นทำให้ซือถูกงและคนอื่น ๆ หรี่ตาลงอีกครั้ง

“น่าสนใจ”

ด้วยน้ำเสียงที่สงบ ซูอี้ก้าวไปข้างหน้า

เป็นการก้าวเท้าเพียงไม่กี่ก้าว หากแต่กายาของชายหนุ่มกลับหายวับไปอย่างฉับพลัน!

“ไม่ดีแล้ว!”

ท่าทางของบรรพจารย์ยุทธ์ปฐมสวรรค์ทั้งห้าเปลี่ยนไป

ก่อนหน้า เพราะการลงมืออย่างพร้อมเพรียง จึงพอจะกักขังและกดทับซูอี้เอาไว้ได้ แต่ทว่าเพียงแค่…

ขณะที่สายตาของคนทั้งห้าจ้องเขม็งไปยังเป้าหมาย ซูอี้เหยียบเท้าข้างหนึ่งก้าวเดิน เพียงแค่นี้… มันก็กลายเป็นการบังคับให้บรรพจารย์ยุทธ์ปฐมสวรรค์ทั้งห้าต้องรับมืออย่างฉุกละหุก!

ไม่เช่นนั้นพวกเขาจะตกเป็นฝ่ายถูกกระทำ

ตูม!

ยังคงเป็นเลี่ยหยางที่เป็นผู้นำ

เห็นแค่รอยฝ่ามือที่ลุกไหม้ด้วยเพลิงจนท้องฟ้ายามค่ำคืนสว่างวูบ มันมีขนาดประมาณหนึ่งจั้ง ทำหน้าที่ประหนึ่งเครื่องโม่หินที่บดอัดความร้อนจนได้ออกมาเป็นลาวาจำนวนมาก!

น่ากลัวกว่าการโจมตีครั้งก่อนหน้าเสียอีก!

“ไป!”

ซือถูกงพลิกฝ่ามือหงายรับ ดาบสั้นสีเขียวพลันปรากฏขึ้น

ดาบเล่มนี้คล้ายทำจากหยกเนื้อดี มีสีเขียวใส และคมมีดก็แวววับด้วยแสงแผ่รัศมีเย็นเยียบอันน่าสะพรึงกลัวออกมา

เสี้ยวอึดใจ ซือถูกงฟันออกไปกลางอากาศในฉับพลันนั้น!

ฟึ้บ!

ดาบสั้นสีเขียวฟันออก ส่งคลื่นโลหิตสีแดงสดยาวสามจั้งตัดผ่านอากาศ

ดาบหยกสังหาร!

ท่าทางผาดโผนอันเป็นเอกลักษณ์ของซือถูกง แท้จริงแล้วอาศัยความชำนาญในเชิงดาบที่ไม่มีใครเทียม ทำให้เขาเป็นหนึ่งในสิบบรรพจารย์ยุทธ์ปฐมสวรรค์!

เกือบจะในเวลาเดียวกัน…

แม่นางถงฮวาสะบัดแส้สีทอง วาดมันเป็นวงกลมจนเงาแส้ทับซ้อนกัน เกิดแสงสีเป็นประกาย ตามด้วยกระแสลมโหมกระพือชนิดฟ้าดินยังต้องสะเทือน ทำให้เกิดเสียงราวกับสายฟ้าฟาด

“ฮึก!”

โม่ฉิงชางขยับริมฝีปากเล็กน้อย มือกำไม้บรรทัดหยกที่ปกคลุมไปด้วยอักขระหนาทึบ ฉับพลันนั้นเขากระโดดขึ้นแล้วฟาดใส่ซูอี้จากกลางอากาศ!

พลังเจ็ดสังหาร!

สุดท้าย เป็นชายชุดขาวที่สูงและผอมบางลงมือ

บรรพจารย์ยุทธ์ปฐมสวรรค์ผู้สง่างามอันยากจะหาใครเทียบผู้นี้ เขาได้เหวี่ยงดาบขึ้นไปในอากาศ ก่อนจะแทงออกไปทั้งแบบนั้น!

แสงดาบคล้ายงูสีเงินวาววับอย่างหาที่เปรียบไม่ได้ กวาดออกไป มันเร็วราวกับสายฟ้า ชั่วพริบตาก็มาถึงเบื้องหน้าของซูอี้แล้ว

ความคมของดาบเล่มนี้คล้ายกับสามารถตัดผ่านห้วงอากาศและความว่างเปล่า

บรรพจารย์ยุทธ์ปฐมสวรรค์ทั้งห้ามากด้วยชื่อเสียงมาตลอดหลายปี ทันทีที่พวกเขาเคลื่อนไหว ย่อมมีพลังมากพอจะพลิกฟ้าคว่ำดิน!

เหวินฉงหยวนและคนอื่น ๆ ที่ซ่อนตัวอยู่ในอารามต่างหวาดกลัวอย่างหาที่เปรียบมิได้

ว่ากันว่าบรรพจารย์ยุทธ์ปฐมสวรรค์เพียงขยับมือก็สามารถทำให้ภูผาทลาย แม่น้ำแห้งเหือด ดังนั้นการสังหารปรมาจารย์ก็ย่อมเหมือนการฆ่าไก่ หากพวกเขาเข้ามายุ่งเกี่ยวกับโลกสามัญจริง ๆ เพียงแค่คน ๆ เดียวก็สามารถกวาดล้างกองกำลังนับพันหมื่นได้แล้ว!

และตอนนี้ เมื่อบรรพจารย์ยุทธ์ปฐมสวรรค์ทั้งห้าร่วมมือกัน สิ่งที่เกิดขึ้นย่อมสะเทือนฟ้าดิน ทำให้คนทั้งโลกหล้าสิ้นหวัง!

‘คนหนุ่มสกุลซูผู้นี้ เกรงว่าคงจะพบกับความโชคร้ายเสียแล้ว…’

เหวินฉงหยวนและคนอื่น ๆ ต่างก็มีความคิดแบบเดียวกันนี้อยู่ในใจ

แต่เมื่อเผชิญกับฉากดังกล่าว…

ซูอี้กลับดูผ่อนคลายและสงบมากขึ้น

ภายใต้การใช้ ‘จิตสัมผัส’ ทุกสิ่งในโลกรอบตัวชายหนุ่มคล้ายถูกชะลอ!

…การเปลี่ยนแปลงของอากาศที่ไหลเวียนระหว่างท้องฟ้าและโลก ฝุ่นผง การเปลี่ยนแปลงของแสงและเงา… ล้วนสะท้อนอยู่ในจิตใจของเขา

เช่นนั้นแล้วมีหรือที่การเคลื่อนไหวของบรรพจารย์ยุทธ์ปฐมสวรรค์ทั้งห้าจะเล็ดลอดจากสายตาของเขาไปได้? ทั้งท่าทาง ลมหายใจ และการเคลื่อนไหวของบรรพจารย์ยุทธ์ปฐมสวรรค์ แม้แต่การเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยของปลายแขนเสื้อ การเคลื่อนไหวของปราณในร่างกาย ทั้งหมดนี้ล้วนอยู่ภายใต้การรับรู้ของซูอี้!!

นี่คือพลังของจิตสัมผัส!

ในโลกสามัญแห่งนี้ สิ่งนี้คือพลังจากจิตวิญญาณที่มีเพียงผู้ฝึกฝนวิถีต้นกำเนิดเท่านั้นที่สามารถควบคุมได้!

แต่ขณะนี้มันกลับถูกใช้โดยซูอี้ที่อยู่เพียงขอบเขตปรมาจารย์

ความรู้สึกคุ้นเคยในการต่อสู้และการใช้จิตสัมผัส ทำให้ซูอี้รู้สึกมึนงงเล็กน้อยในใจ

ความรู้สึกนี้หายไปนานจริง ๆ

ทันทีที่ซูอี้ลงมือ

เขาชกไปในอากาศ พลังปราณอันแพรวพราวของชายหนุ่มกลายเป็นหมัดพุ่งออกไป มันก่อตัวเป็นแก้วใสปลายแหลมเข้าต้านกับแสงดาบสีเงินตรงหน้า

แม้ว่าจะเป็นเพียงการออกหมัดธรรมดา แต่ในสายตาของชายชุดขาวสูงและผอมบางกลับไม่ใช่เช่นนั้น เขาตกตะลึง ด้วยปลายแหลมนั่นกระแทกเข้าที่จุดอ่อนของแสงดาบตน!

ตู้ม!

ทันใดนั้น แสงดาบสีเงินวาววับเกิดการเปลี่ยนแปลงอันน่าอัศจรรย์ มันถูกสกัด และระเบิดออกกลางอากาศว่างเปล่า

“มันเต็มไปด้วยข้อบกพร่องจนไม่น่าดู” ซูอี้ส่ายหัว

ไม่ไกลนัก ชายร่างสูงผอมในชุดคลุมสีขาวตัวสั่นเทา ก่อนจะกระอักเลือดออกมา

แม้ว่าเพลงดาบนี้จะไม่ใช่กระบวนท่าที่น่าภูมิใจที่สุด แต่ทว่ามันก็ได้รวมเอาผลการฝึกตลอดชีวิต ผสมผสานกับประสบการณ์ชีวิตหลายปีเข้าไว้ด้วยกัน

แต่ในชั่วพริบตาเท่านั้น เขากลับถูกชกด้วยหมัดนั่น!

สำหรับเขา สิ่งที่เกิดขึ้นยากที่จะยอมรับได้ โดยเฉพาะกับสิ่งที่ซูอี้เอ่ยออกมา! ทำให้ใบหน้าของเขากลายเป็นเหยเกน่าเกลียด

หลังจากทำลายแสงดาบนั่นด้วยหมัดเดียว ซูอี้พลันเคาะเบา ๆ ด้วยมือซ้ายของเขากลางอากาศ

แกร็ก!

รอยมือใหญ่ที่ลุกไหม้ด้วยเปลวเพลิงสีแดงราวกับดวงอาทิตย์ที่แผดเผาก่อนหน้า ในเวลานี้คล้ายดั่งถูกทุบตีด้วยค้อนยักษ์ในมือของทวยเทพ มันสลายหายไปในความว่างเปล่า ทิ้งไว้เพียงเปลวไฟซึ่งยากจะควบคุมที่แตกกระจายไปทุกทิศทุกทาง!

เลี่ยหยางคร่ำครวญทันที สีหน้าของเขาแปรเปลี่ยนไปมาไม่หยุด

ในอดีต อาศัยเพียงเคล็ดวิชานี้ก็มากพอแล้วที่จะออกปะทะทั้งสิบทิศ …ทุกคราไป ครั้นเมื่อออกหมัดด้วยกำลังทั้งหมดที่มี ศัตรูที่แม้อยู่ในขอบเขตเดียวกันก็ต่างหลบหนี ไม่กล้าเผชิญฝืนต้านรับ!

แต่ในเวลานี้ มันกลับถูกทุบตีตามใจชอบ!

“มันก็แค่ใหญ่เทอะทะเพียงเท่านั้น” ซูอี้แสดงความคิดเห็นของตนออกมา

นัยน์ตาของเลี่ยหยางหม่นลง ใบหน้าของเขาซีดเผือด

ตูม!

วงกลมที่เกิดจากเงาแส้สีทองระเบิดขึ้นในอากาศ แผดเสียงคำรามราวฟ้าร้อง แสดงถึงพลังทำลายล้างรุนแรงของมัน

ทว่าสายตาของซูอี้กลับไม่แยแส เขาเพียงขยับปลายนิ้วในมือขวาเล็กน้อย

เกิดคลื่นดาบกวาดออก มันส่องแสงจ้าและหายวับไปในฉับพลัน

ปึง ปึง ปึง!

คลื่นดาบนั่นพุ่งข้ามท้องนภา ปะทะกับเงาแส้และแตกสลายไปเหมือนฟองสบู่ ทำให้แม่นางถงฮวาที่ไม่ได้เตรียมรับมือเผชิญแรงปะทะอย่างจัง ตัวเซไปด้านข้าง บนใบหน้างามฉายไปด้วยความไม่อยากเชื่อ!

แค่ขยับเบา ๆ ก็ทำลายกระบวนท่าของตนได้แล้ว?

“แข็งกระด้าง อ่อนแอและไม่มีกำลัง กระบวนท่าดังกล่าวเป็นเพียงเรื่องตลกเท่านั้น”

ซูอี้เย้ยหยัน

ในท้ายที่สุด ปราณดาบสีโลหิตที่ซือถูกงเฉือน และพลังเจ็ดสังหารที่โม่ฉิงชางเหวี่ยงพุ่งตรงไปหาซูอี้ภายในเวลาเกือบจะพร้อมกัน

ชั่วขณะนั้น เห็นเพียงซูอี้ลอยขึ้นไปในอากาศ ก่อนส่งฝ่ามือสองข้างออกไป

ฝ่ามือแรกเปรียบเสมือนใบมีด วาดออกด้วยท่วงท่าลึกลับยากเข้าใจ ปะทะกับปราณดาบสีโลหิต ทำให้เกิดการชนปะทะและระเบิดออก

ฝ่ามือสองเปรียบเสมือนค้อนหนัก กระแทกอย่างแรงเข้ากับเจ็ดสังหารไม้บรรทัดหยก ส่งโม่ฉิงชางให้กระเด็นออกไปราวกับว่าวเชือกขาด

ตูม!

แรงปะทะกวาดทั่วผืนฟ้าและปฐพี เกิดเสียงกึกก้องราวฟ้าร้อง ทำให้ภูเขาใกล้เคียงสั่นสะเทือน

ท่ามกลางความปั่นป่วนที่เกิดขึ้น เสื้อผ้าของซูอี้พลิ้วไสว เขาถอนหายใจพลางส่ายหัว

“ด้วยวิถียุทธ์ของพวกเจ้า มันก็ไม่น่าแปลกใจเลยที่ตลอดหลายปีที่ผ่านมา พวกเจ้าจะติดอยู่ในสภาวะไร้ความก้าวหน้า ไม่อาจก้าวข้ามไปยังวิถีต้นกำเนิดได้”

เสียงนั้นแผ่วเบา ทว่ามันกลับดังก้องไปทั่วท้องฟ้ายามราตรี

ในอาราม เหวินฉงหยวนและคนอื่น ๆ ต่างตกตะลึง

ในชั่วพริบตา เพียงหนึ่งหมัดสองฝ่ามือของซูอี้ ก็มากพอแล้วที่จะกวาดเอาบรรพจารย์ยุทธ์ปฐมสวรรค์ทั้งห้าให้ตายตก!

เขาเป็นเหมือนอัจฉริยะผู้เอาแต่ใจ โดดเด่นยากกลบแสง! แล้วไหนจะคำพูดคำจานั่นอีก! คนหนุ่มผู้นี้ถึงกับพูดมันออกมาอย่างสบาย ๆ ขณะใช้ออกด้วยฝ่ามือที่คล้ายกับจะออกแรงไม่ถึงครึ่ง!

นี่มันน่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว!!

“นี่…นี่เขายังเป็นมนุษย์อยู่หรือไม่?”

เหวินฉงหยวนขาดสติไปโดยสิ้นเชิง ราวกับว่าตนเองได้รับชมการต่อสู้ของเหล่าทวยเทพ เพราะพลังเช่นนี้อยู่นอกเหนือความรู้ความเข้าใจของเขาโดยสิ้นเชิง!

หลี่กุ้ย แม่นางเสี่ยวเหอ และคนอื่น ๆ ต่างเสียสติและตกตะลึง

พวกเขาคิดว่าซูอี้จะต้องตายอย่างแน่นอนภายใต้วงล้อมดังกล่าว แต่ใครจะไปคาดคิดว่าผลลัพธ์จะกลับกันโดยสิ้นเชิง!

ภายใต้ยามราตรี

ซือถูกง เลี่ยหยาง โม่ฉิงชาง และคนอื่น ๆ ดูเคร่งขรึม

แม้ว่าพวกเขาจะประเมินซูอี้ไว้สูงล้ำ ถึงขนาดตัดสินใจโจมตีพร้อมกัน แต่ทว่าเมื่อเริ่มต่อสู้กันจริง ๆ เท่านั้น พวกเขากลับค้นพบว่าความแข็งแกร่งของคนหนุ่มอายุสิบเจ็ดปีผู้นี้ มันน่ากลัวกว่าที่คิดเอาไว้เสียอีก!

“ไม่แปลกใจเลยที่เด็กหนุ่มผู้นี้จะกล้าเดิมพันชีวิตกับเรา… ทุกท่าน เวลานี้พวกเราต้องร่วมมือกันจริง ๆ เสียแล้ว ไม่เช่นนั้นเกรงว่าจะไม่สามารถเอาชนะคนหนุ่มผู้นี้ได้” ชายร่างสูงและผอมบางในชุดคลุมสีขาวสูดหายใจเข้าลึก กล่าวด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น

ดวงตาของคนอื่น ๆ สั่นไหว ทั่วร่างกายเขม็งเกร็งตึงถึงขีดสุด

พวกเขาจะไม่เข้าใจได้อย่างไร ว่าถ้าไม่ใช้พลังทั้งหมด ก็จะพบกับความพ่ายแพ้?

เมื่อเห็นเช่นนี้ ซูอี้พลันเงยหน้าขึ้นมองดูดวงจันทร์ที่สว่างไสวบนท้องฟ้า กล่าวเบา ๆ “เห็นทีข้าจะประเมินสูงไป สิ่งนี้ไม่จำเป็นต้องเสียเวลาจริง ๆ…”

เดิมทีเขาคิดว่าการต่อสู้กับบรรพจารย์ยุทธ์ปฐมสวรรค์ทั้งห้าในครั้งนี้ อาจคุ้มค่ากับการต่อสู้

แต่ตอนนี้ เขาตระหนักได้ว่าแม้คนเหล่านี้เป็นถึงบรรพจารย์ยุทธ์ปฐมสวรรค์ และมีชื่อเสียงสะท้านโลก

…ทว่าหากพวกเขาอยู่ในเก้ามหาแดนดิน คนพวกนี้ก็เป็นได้แค่เพียงกลุ่มของผู้ฝึกตนบำเพ็ญที่ยังไม่ได้ก้าวเข้าสู่เส้นทางการบ่มเพาะจริง ๆ

แม้แต่คำว่า ‘ผู้ฝึกตนบำเพ็ญ’ ก็ไม่คู่ควร

ชิ้ง!

ดาบนิลกาฬกลืนฟ้าปรากฏขึ้นในมือของซูอี้อย่างเงียบงัน ดวงตาของเขาฉายแววเฉยเมยและสงบนิ่ง

หากหมดความสนใจไป ผู้คนย่อมไม่เต็มใจที่จะเสียเวลาด้วย ดังนั้นมันจึงถึงเวลาแล้วที่จะกำจัดเหลือบไรตรงหน้า!

เสียงดาบลอยมาแผ่วเบา

บรรยากาศรอบตัวของซูอี้ค่อย ๆ เปลี่ยนไป การไหลเวียนของมวลอากาศที่มองไม่เห็นได้ด้วยตาเปล่ารวมตัวกันจากทุกทิศทุกทาง โดยมีซูอี้เป็นศูนย์กลาง ซึ่งก่อให้เกิดลมพายุขนาดใหญ่

พลังแห่งฟ้าดินมารวมอยู่ในร่างกายของซูอี้!

ในขณะนั้น ท่ามกลางสายตาของทุกคน ซูอี้เปรียบเสมือนราชันย์แห่งฟ้าดิน ภูเขาและแม่น้ำทั้งหมดราวกับพร้อมใจกันยอมจำนนต่อหน้าเขา!

เป็นพลังที่ยิ่งใหญ่ เป็นพลังแห่งฟ้าดิน!

ผู้คนต่างตกตะลึงอย่างหนัก

“ลงมือเร็ว!!”

ท่าทางของเลี่ยหยางเปลี่ยนไป เขาตะโกนเสียงดัง

คนอื่น ๆ ต่างก็รู้ดีถึงอันตราย และรู้ว่าพวกเขาจะอยู่เฉย ๆ ไม่ได้อีกต่อไปแล้ว คนหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าพวกเขาราวกับเป็นสัตว์ประหลาด และเป็นศัตรูที่พวกเขาไม่เคยเจอมาก่อน!

บูม!

ร่างกายของเลี่ยหยางราวกับจะลุกเป็นไฟ มือของเขาปล่อยพลังความร้อนออกมา ก่อนที่ประกายไฟนับพันจะบังเกิดและหมุนวนใจกลางฝ่ามือ!

ในที่สุดมันก็รวมตัวเป็นผนึกศักดิ์สิทธิ์แห่งเปลวเพลิง!

ผนึกเพลิง!

นี่คือไพ่ตายสุดท้ายของเลี่ยหยาง ถ้าไม่อยู่ในอันตรายเขาจะไม่ใช้มันเด็ดขาด

ฟิ้ว!

ซือถูกงกระตุ้นดาบโลหิตหยกด้วยเสียงผิวปาก ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยพลัง แม้แต่แขนเสื้อก็พองขึ้นอย่างรุนแรง เห็นได้ชัดว่าเขากำลังรีดเค้นพลังทั้งหมดที่มีออกมา

ปราณดาบสีโลหิตความยาวห้าจั้ง ค่อย ๆ ขยายขึ้นในอากาศทีละชุ่น

ปราณดาบนี้พร่างพราวนัก และราวกับว่ามีภูเขาซากศพกับทะเลเลือดแอบซ่อนอยู่ภายใน ด้วยมันได้แผ่ความสยดสยองอันไร้ขอบเขตออกมาอย่างต่อเนื่อง!

“ไป!”

ชายร่างสูงผอมในชุดคลุมสีขาวตะโกนเสียงดัง เคราและผมของเขาปลิวว่อน ขณะที่พลังของเขามาถึงจุดสูงสุด

…และทะยานขึ้นไปในอากาศ

บูม!

ในยามราตรี ราวกับว่ามีสายฟ้าสีเงินวาววับบังเกิด …ก่อตัวเป็นปราณดาบยาวหลายสิบจั้ง มันเปล่งแสงสีเงินพร่างพราว ส่องสว่างทั่วฟ้าดินราวกับเป็นหิมะในฤดูหนาว ดูแล้วช่างน่าอัศจรรย์นัก!

เพลงดาบเมฆาคำราม!

ในเวลาเดียวกัน แม่นางถงฮวาและโม่ฉิงชางก็ใช้ไพ่ตายเช่นกัน

ผมสีดำปลิวไสว แสงสีทองส่องไปทั่วร่างของนางขณะขยับข้อมือไปมา แส้สีทองในมือคล้ายแปลงกายเป็นมังกรใหญ่ทะยานฟ้า มันก่อให้เกิดพายุสีทอง ก่อนตามมาด้วยเสียงก้องคำรามกังวานไปทั่วฟ้าดิน!!

คนสุดท้ายอ้าปากของเขา คายโลหิตใส่ไม้บรรทัดหยกในมือ ก่อนจะซัดเหวี่ยงพลังเจ็ดสังหาร บังคับให้ระเบิดออกพร้อมเสียงวิญญาณคร่ำครวญและหมาป่าเห่าหอน ทำให้ดูน่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง!

บรรพจารย์ยุทธ์ปฐมสวรรค์ทั้งห้าสู้อย่างสุดกำลังร่วมกัน และพลังนั้นก็รุนแรงขึ้นกว่าในตอนแรกลิบลับ

รับชมความโกลาหลของฟ้าดิน ความปั่นป่วนของอากาศ และการสั่นสะเทือนของภูเขาแห่งนี้

อารามอวิ๋นเทาซึ่งอยู่ในสภาพทรุดโทรมมาช้านาน ในที่สุดก็ทนไม่ไหว ทรุดตัวลงกับพื้นด้วยเสียงดังกึกก้อง กลายเป็นซากปรักหักพัง

ถ้าไม่ใช่เพราะเหวินฉงหยวนสังเกตเห็นสิ่งผิดปกตินี้ก่อน และพาแม่นางเสี่ยวเหอกับคนอื่น ๆ หนีไป พวกเขาก็คงถูกฝังทั้งเป็นไปเสียแล้ว

แต่ถึงกระนั้น พวกเขาก็ยังตกใจและคิดหนีไปหลบในที่ไกลออกไป

เพราะสถานการณ์บริเวณนี้น่ากลัวเกินไปจริง ๆ

และในขณะเดียวกัน…

เมื่อซูอี้ขยับตัว

เสื้อผ้าของชายหนุ่มพลิ้วไหว เขาก้าวไปข้างหน้า กวาดดาบนิลกาฬกลืนฟ้าในมือออกไป

สิ่งนี้ได้ทำให้เกิด…

ปราณดาบที่ครอบคลุมท้องนภา เสมือนกับทางช้างเผือกตกลงมาหมายชำระล้างโลกหล้า!

เพลงดาบสุดปรีดี ดึงดารา!

เมื่อเทียบกับเมื่อก่อน กระบวนท่าครานี้ได้ดึงเอาพลังฟ้าดินมาใช้ และอาศัยแค่เพียงคำพูดเพียงอย่างเดียวก็ยากที่จะอธิบายถึงพลังของมันได้

ซึ่งกระบวนท่านี้เอง มันก็คือเครื่องยืนยันถึงความแข็งแกร่งที่แท้จริงของซูอี้ในปัจจุบัน!

ตูม!

โลกในขณะนี้คล้ายเผชิญกับการร่วงหล่นของดวงดาวนับไม่ถ้วนที่ตกลงมาและระเบิดออกพร้อมกัน

ปราณดาบที่ไม่มีใครเทียบได้กวาดไปทั่วพื้นที่ร้อยจั้ง

พลังของกระบวนท่านี้ยากนักที่จะคาดเดา มันเต็มไปด้วยความลึกลับ ส่องแสงที่น่าสะพรึงออกมา ให้ความรู้สึกคล้ายวันโลกาวินาศได้มาถึงแล้ว!

ท่ามกลางสายตาที่ตกตะลึงของผู้คน

บูม!

เลี่ยหยางที่อยู่ใกล้ที่สุด เปลวเพลิงสีแดงของเขาถูกบดขยี้โดยตรง ก่อนที่ปราณดาบจะพุ่งเข้าใส่ ทำให้ทั้งร่างของเขาถูกฟัน และถูกบีบให้ถอยกลับด้วยร่างที่เปื้อนเลือด พ่ายแพ้อย่างไม่อาจต่อต้าน!

มีเสียงกรีดร้องออกมาจากริมฝีปากของเลี่ยหยาง เขาต้องการที่จะหันหลังวิ่งหนีไป ทว่าด้วยร่างกายที่บาดเจ็บหนัก จึงไม่อาจขยับหลบ ทำได้เพียงเฝ้ามองเลือดเนื้อของตัวเองที่ไหลทะลักและตกลงเป็นชิ้น ๆ ลงกับพื้น

ตุ้บ!

ทั้งร่างของเขาถูกฉีกออกเป็นชิ้น ๆ หยาดโลหิตสาดกระเซ็นไปทั่ว

ในเวลาเดียวกัน ปราณดาบสีโลหิตขนาดห้าจั้งของซือถูกง พลังเจ็ดสังหารของโม่ฉิงชาง ปราณดาบของชายชุดขาว และแส้สีทองของแม่นางถงฮวาที่พัดพาพายุขนาดมหึมา พวกมันทั้งหมดล้วนพังทลายลงด้วยปราณดาบอันทรงพลังนี้ที่โหมกระหน่ำราวกับจะสามารถทำให้ทางช้างเผือกหมุนถอยหลังได้!

ยิ่งไปกว่านั้น ขณะที่กำลังต่อต้านปราณดาบนี้ บรรพจารย์ยุทธ์ปฐมสวรรค์ทั้งห้าล้วนถูกโจมตีและได้รับความเสียหายอย่างรุนแรง

ทุกคนต่างหน้าถอดสีด้วยความหวาดกลัว

เพียงกระบวนท่าเดียว ทางช้างเผือกคล้ายถูกลากดึงลงมา ไพ่ตายทั้งหลายที่ใช้ออกกลายเป็นดั่งหมอกควัน และก่อนที่เลี่ยหยางจะหนีไปได้ เขาก็ถูกกำจัดทันที!!

เหตุใดจึงน่ากลัวถึงเพียงนี้?

การเดิมพัน การร่วมแรงร่วมใจ เมื่ออยู่ต่อหน้าดาบเล่มนี้ก็ราวกลับจะไร้อำนาจและไร้สาระยิ่งนัก!

“หนี!!”

ความรู้สึกตื่นตระหนกอันยากจะอธิบายกระตุ้นให้ซือถูกงและคนอื่น ๆ หันหลัง วิ่งหนีไปโดยไม่ลังเล

ไม่มีใครคาดคิดว่าพลังของซูอี้จะแข็งแกร่งถึงเพียงนี้

พลังที่ซูอี้ครอบครองอยู่เหนือความคาดคิดของบรรพจารย์ยุทธ์ปฐมสวรรค์เหล่านี้ มันเกินความเข้าใจของพวกเขาโดยสิ้นเชิง!!

“นี่เป็นเดิมพันชีวิต พวกเจ้าควรยอมรับความพ่ายแพ้โดยสมัครใจ …การวิ่งหนีของพวกเจ้าเช่นนี้ทำให้ข้าผิดหวังเสียจริง”

เสียงที่ไม่แยแสของซูอี้ดังขึ้นในยามราตรี ควบคู่ไปกับเสียงปราณดาบที่กวาดขึ้นไปในอากาศ ก่อนจะระเบิดออกราวกับดอกไม้ไฟ ก่อเกิดปราณแหลมคมขนาดเล็กนับไม่ถ้วนพุ่งออกไปทั่วท้องฟ้า

เพลงดาบสุดปรีดี ทัศนาสิบทิศ!

เมื่อใช้ออกด้วยทัศนาสิบทิศ ท้องฟ้าสีครามที่น่าสงสารก็ราวกับตกสู่โลกแห่งความตาย

พั่บ!

แม่นางถงฮวาตื่นตระหนกยิ่ง ด้วยสัญชาตญาณ นางจึงรีบหันหลังกลับและขัดขืนอย่างสิ้นหวัง

ทว่าสายฝนดาบที่โปรยปรายลงมายากนักที่จะต้านทานไหว ทันใดนั้นร่างอันงามสง่าของนางก็จมอยู่ภายใต้สายฝนอันแหลมคม เปลี่ยนและอาบย้อมให้พื้นปฐพีกลายเป็นสีแดงจากเลือดเนื้อของสาวงาม

พลังของปราณดาบนี้ ทำให้นางที่เป็นถึงบรรพจารย์ยุทธ์ปฐมสวรรค์ไม่สามารถต้านทานได้!

พั่บ! พั่บ!

เกือบจะในเวลาเดียวกัน โม่ฉิงชางชายร่างสูงผอมก็เป็นเช่นเดียวกับแม่นางถงฮวา เขาถูกฟันด้วยปราณดาบที่หนาแน่น ร่างกายของพวกเขาล้วนเต็มไปด้วยเลือดที่สาดกระเซ็นก่อนล้มลงกับพื้น

แม่นางถงฮวากำลังจะตาย นางได้แต่ร้องตะโกนอย่างไม่เต็มใจ

ส่วนคนหลังมีสีหน้าขมขื่น เขาดูสับสนเป็นอย่างมาก

เหลือเพียงซือถูกงเท่านั้นที่ยังไม่ตาย

ไม่ใช่ว่าเขาเก่งกาจถึงเพียงนั้น แต่เมื่อปราณดาบนั้นเข้ามาใกล้ จู่ ๆ มันก็อันตรธานหายไป

ถึงกระนั้น เขาก็ตกใจและหน้าซีด

เขามั่นใจว่าถ้าปราณดาบเหล่านั้นไม่หายไป ชะตากรรมของตนเองคงจะเหมือนกับแม่นางถงฮวาและคนอื่น ๆ นั่นคือการกลายเป็นชิ้นเนื้อที่ถูกสับเละ!

“ทำไมเจ้าไม่ฆ่าข้า?”

ซือถูกงสูญเสียจิตวิญญาณความกล้าหาญที่เคยมี เสียงของเขาแหบแห้งแผ่วเบา ในสายตาของเขา เห็นซูอี้ในชุดคลุมสีเขียวกำลังก้าวไปข้างหน้า

“ก่อนเจ้าตาย ข้ามีเรื่องจะถามเจ้า” ซูอี้กล่าวอย่างไม่ใส่ใจ

“พูดมา”

ใบหน้าของซือถูกงซีดเผือด ราวกับว่าเขายอมรับชะตากรรมของตนเอง

ซูอี้ถามว่า “เจ้าจ่ายให้กับหอสิบทิศเพื่อข้อมูลของข้าไปเท่าใด?”

ซือถูกงตกตะลึง สายตาว่างเปล่า เรื่องนี้… มันสำคัญขนาดนั้นเลยหรือ?

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *