บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] 407: เหยื่อกับตกปลา

Now you are reading บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] Chapter 407: เหยื่อกับตกปลา at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 407: เหยื่อกับตกปลา

ตอนที่ 407: เหยื่อกับตกปลา

นักพรตไฉนิ่งอึ้ง เหตุใดท่านเทพแห่งความกรุณาผู้สูงส่งเขา… เขาถึงได้เสียกิริยาเช่นนี้?

หยวกเหิงก็ตะลึงเช่นกัน นี่คือท่านเทพแห่งความกรุณารึ? เหตุใดถึงได้สบถคำหยาบคายเหมือนผู้หญิงในตลาดกัน?

ซูอี้ตะลึงค้างไปครู่หนึ่ง ก่อนยิ้มเยาะออกมาทันที “มีแค่บุคคลไร้อนาคตเท่านั้นจึงจะโมโหอย่างบ้าคลั่งเช่นนี้ เอาอย่างนี้หรือไม่? หากเจ้าเล่าความเป็นมาของตัวเองกับปัญหาที่ประสบอยู่ให้แก่ข้า บางที ข้าอาจจะคิดวิธีช่วยเจ้าออกมาจาก ‘ถ้ำโลหิตหมิงหลิง’ ก็ได้ ว่าอย่างไร?”

ในส่วนลึกของระลอกคลื่น เทพแห่งความกรุณาที่กำลังด่าอยู่เงียบไปทันที

ชั่วครู่หนึ่ง เขาถึงได้หัวเราะเยาะออกมา “เจ้าแซ่ซู อย่าคิดว่าข้าผู้นี้จะเดาความคิดเจ้าไม่ออก เจ้าแค่ใช้โอกาสนี้สืบความเป็นมากับความจริงของข้าผู้นี้ก็เท่านั้นใช่หรือไม่? …เหอะ! ข้าผู้นี้สามารถบอกเจ้าได้เพียงว่า… ฝันไปเถอะ!”

ซูอี้ส่งเสียงตอบรับเป็นอันเข้าใจ “เช่นนั้นเจ้าเต็มใจที่จะถูกกักขังอยู่ในถ้ำโลหิตหมิงหลิงเช่นนี้ไปจนลมหายใจเฮือกสุดท้ายอย่างนั้นรึ?”

ไม่รอให้ท่านเทพแห่งความกรุณาเอ่ยอะไร ซูอี้ก็เอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “หากข้าเดาไม่ผิด เจ้าคงจะได้รับบาดเจ็บสาหัส พลังชีวิตได้รับความเสียหาย ทว่าภายในถ้ำโลหิตหมิงหลิงกลับไม่มีพลังที่จะช่วยให้เจ้ารักษาและฟื้นฟูพลังชีวิตได้ กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ ถ้ำโลหิตหมิงหลิงคือสถานที่ที่มีพลังชีวิตเหือดแห้ง”

“เจ้า!”

ราวกับท่านเทพแห่งความกรุณาตกใจอยู่บ้าง ทว่าไม่นาน ก็เอ่ยด้วยน้ำเสียงเย็นชาขึ้นมาว่า “คนที่มีสมอง ย่อมเดาเรื่องนี้ออกมาได้อยู่แล้ว!”

ซูอี้ยิ้มออกมา ก่อนเอ่ยต่อ “เจ้าที่ถูกคุมขังในที่เช่นนี้ ยังสามารถควบคุมการเปิดมิติ ให้เหล่าคนที่เรียกว่าผู้ศรัทธาได้ถวายเครื่องสังเวยให้แก่เจ้าได้ หากคาดการณ์เช่นนี้ล่ะก็ เจ้าน่าจะอยู่ขอบเขตจักรพรรดิ และรู้ถึงแก่นแท้ของวิถีแห่งมิติอย่างแตกฉาน รวมถึงมีพรสวรรค์ควบคุมจิตรับรู้ที่เกี่ยวข้องกับวิถีแห่งมิติมาตั้งแต่กำเนิด ใช่หรือไม่?”

ในส่วนลึกของระลอกคลื่นสีโลหิตเงียบไป

นักพรตไฉประหลาดใจ ตั้งแต่ที่ซูอี้เริ่มสนทนากับท่านเทพแห่งความกรุณา เขาก็สัมผัสได้อย่างเลือนราง ว่าท่านเทพแห่งความกรุณาที่สูงส่งดั่งพระเจ้าในใจเขา ตกอยู่ในสถานการณ์ถูกบีบให้ยอมแพ้มาโดยตลอด

ครั้นหันไปมองซูอี้ อีกฝ่ายกลับมีท่าทีไม่เกรงกลัวสิ่งใดราวกับมีคนหนุนหลัง คาดเดาเรื่องราวดุจเทพเจ้า และมีความมั่นใจอย่างมาก

โดยเฉพาะยามนี้ เมื่อท่านเทพแห่งความกรุณาตกสู่ความเงียบอีกครั้ง นักพรตไฉก็รู้สึกตกต่ำทันที หากไม่ตาบอดก็ย่อมมองออก ว่าการคาดเดาของซูอี้ อาจจะถูกต้องแล้ว!

แค่ชายหนุ่มระดับขอบเขตไร้เบญจธัญผู้หนึ่ง อาศัยแค่ในสิ่งที่เห็น กลับสามารถเดาข้อเท็จจริงที่น่าเหลือเชื่อเหล่านี้ออกมาได้ แล้วจะให้นักพรตไฉไม่ตกใจและไม่หวาดกลัวได้อย่างไร?

“วิถีแห่งมิติ? ขอบเขตจักรพรรดิ? หรือนายท่านเขา… จะเป็นเซียนบนสวรรค์จริง ๆ ไม่เช่นนั้น จะรู้จักมหาวิถีที่น่าเหลือเชื่อนี้ได้อย่างไร?”

ในที่ไกล ๆ หยวนเหิงรู้สึกปั่นป่วน มิอาจสงบได้อย่างเคย

เพราะเรื่องทั้งหมดที่ซูอี้กล่าวมา ล้วนอยู่เหนือกว่าสิ่งที่เขารู้ และทำให้รู้สึกสับสน ทว่าเมื่อเห็นปฏิกิริยาของท่านเทพแห่งความกรุณาก็รู้ได้ทันที การคาดเดาเหล่านั้น ไม่มีเรื่องเท็จเลย!

“เจ้าแซ่ซู เจ้าเป็นใครกันแน่?”

เป็นเวลานาน น้ำเสียงของท่านเทพแห่งความกรุณาก็ดังออกมาจากในส่วนลึกของระลอกคลื่นสีเลือดอีกครั้ง เพียงแต่ในน้ำเสียงนั้นแฝงไปด้วยความสงสัยและแปลกใจ

ในอดีตที่ผ่านมา คำถามเช่นนี้ ถูกศัตรูถามขึ้นมาไม่รู้กี่ครา

แค่เพราะซูอี้แสดงความรู้กับพลังออกมาเหนือกว่าระดับของตัวเองเท่านั้น ก็ทำให้คู่ต่อสู้ตกใจ ผิดหวัง และยากที่จะเชื่อได้แล้ว

ท่านเทพแห่งความกรุณาเองก็ไม่เว้น

ซูอี้เอ่ยทันที “ข้าคือคนที่สามารถช่วยให้เจ้าหลุดพ้นได้”

ครานี้ ท่านเทพแห่งความกรุณาตั้งใจคิดอีกครั้ง ทว่าสุดท้ายก็ยังมิอาจเชื่อซูอี้ได้ จึงเอ่ยขึ้น “ข้าผู้นี้มีวิธีหลุดพ้นด้วยตัวเอง ไม่ต้องให้เจ้าแซ่ซูมากังวลใจหรอก!”

ซูอี้เลิกคิ้วขึ้น อสูรร้ายตนนี้ระวังตัวดีจริง ๆ หรือถ้ำโลหิตหมิงหลิงนี้ยังมีอะไรบางอย่างซ่อนอยู่

หรือจะมีความลับที่น่าตกใจ ถึงขนาดที่ทำให้อสูรร้ายตนนี้ไม่ยอมเปิดเผยออกมา?

กล่าวอีกอย่างคือ ร่างกายของอสูรร้ายตนนี้มีปัญหา และกังวลว่าหลังจากถูกอ่านออกหมดแล้ว จะทำให้เกิดเหตุร้ายบางอย่างขึ้น?

ไม่เช่นนั้น ตัวตนที่ถูกกักขังมาไม่รู้กี่ยุคสมัยผู้นี้ จะปฏิเสธความช่วยเหลือได้อย่างไร?

เมื่อคาดเดาได้เช่นนี้ ซูอี้ก็ตัดสินใจให้โอกาสอีกฝ่ายอีกครั้ง

“ข้ามีวิชาลับอยู่วิชาหนึ่ง แม้ตัวเองจะอยู่ในที่ที่มีพลังชีวิตเหือดแห้ง ก็สามารถดูดซับพลังต่าง ๆ บนโลก มาฟื้นฟูระดับการฝึกฝนได้จริง ๆ เพียงแต่ข้อเสียอย่างเดียวคือ หากทำเช่นนี้ รากฐานของตัวเองจะถูกกัดกร่อนจากพลังไม่บริสุทธิ์ ทำให้ความสามารถตัวเองเกิดการเปลี่ยนแปลงและยุ่งเหยิง…”

ไม่รอให้เอ่ยจบ น้ำเสียงที่ร้อนรนของท่านเทพแห่งความกรุณาก็ดังขึ้น “บนโลกนี้ยังมีวิชาลับเช่นนี้ด้วยรึ?”

มุมปากได้รูปของซูอี้โค้งขึ้นเล็กน้อย พลางเอ่ยอย่างไม่รีบร้อน “หากเจ้าสนใจ ก็ฟังข้าพูดให้จบก่อน”

ท่านเทพแห่งความกรุณาเอ่ยด้วยความโมโห “เจ้าคนแซ่ซู เลิกแสดงแสร้งปล่อยเพื่อจับเช่นนี้ต่อหน้าข้าผู้นี้ได้แล้ว ตลอดชีวิตข้าผู้นี้ไม่เคยผ่านอันตรายหรือวิบากขวากหนามอะไรเลย? ข้าผู้นี้รู้ว่าเจ้าจะพูดอะไร! ข้าผู้นี้บอก…”

ซูอี้เอ่ยขัด “เจ้าแน่ใจว่าจะไม่ฟังต่อแล้ว? ในความคิดของข้า ระลอกคลื่นสีเลือดที่แปรสภาพมาจากการควบคุมมิตินี้ คงยืนหยัดได้อีกไม่นานแล้ว”

น้ำเสียงของท่านเทพแห่งความกรุณาขาดหายไปทันที ไม่นานถึงได้ดังขึ้นอีกครั้ง “เจ้าพูดมา!”

ซูอี้ยิ่งยิ้มกว้างขึ้น พลางเอ่ย “ที่ข้าจะบอกก็คือ ต่อให้ยามนี้เจ้าฝึกวิชาลับนี้ และทำให้รากฐานได้รับการเจือปน ข้าก็มีวิธีช่วยแก้ไขให้เจ้า”

“และยามนี้ ข้าสามารถถ่ายทอดเคล็ดลับแรกของวิชาลับนี้ให้แก่เจ้าได้ สุดท้ายจะจริงหรือเท็จ ก็สุดแล้วแต่เจ้าจะพิจารณา”

เมื่อฟังจบ ท่านเทพแห่งความกรุณาพลันเงียบไป ด้วยรู้ดี ที่ซูอี้ทำเช่นนี้ เพราะมีเจตนาที่ไม่ดีต่อตัวเขาอย่างชัดเจน

แต่ต้องยอมรับว่า วิชาลับนี้ทำให้เขาตื่นเต้นมากจริง ๆ

คล้ายกับรสชาติของชีวิต คือการเผชิญหน้ากับยาพิษที่หอมหวาน ทว่าคนหิวโซนั้น กลับมิอาจต้านทานสิ่งยั่วยวนนี้ได้

“ข้าแค่กินน้ำหวานไป และคายยาพิษทิ้งก็ได้นี่?”

ท่านเทพแห่งความกรุณากัดฟันครู่หนึ่ง พลางตัดสินใจออกมา

แต่ เขาก็ยังคงเอ่ยอย่างระมัดระวังตัว “เจ้า… วางแผนจะทำสิ่งใดกันแน่?”

ซูอี้ยิ้มครู่หนึ่ง ไม่สนใจอะไร พลางนำแผ่นหยกว่างเปล่าออกมาหนึ่งแผ่น และสลักเคล็ดวิชาส่วนหนึ่งไว้ในนั้น

“เจ้าเอาไปดูก่อน”

ซูอี้เขวี้ยงแผ่นหยกเข้าไปในระลอกคลื่นสีเลือด

ครืน

ระลอกคลื่นสีเลือดหมุนวน ทำให้เกิดความผันผวนอย่างรุนแรง

เพียงครู่เดียว แผ่นหยกก็หายไป ในขณะเดียวกันระลอกคลื่นสีเลือดก็เปลี่ยนเป็นมืดมนอย่างมาก มีเค้าลางว่าจะสลายหายไป

“พลังควบคุมมิตินี้ มากสุดก็ทำได้แค่ถวายของล้ำค่าธรรมดา ไม่เช่นนั้น พลังควบคุมมิติจะต้องรับไม่ไหว และจะสลายหายไปอย่างรวดเร็ว”

ซูอี้ลอบเอ่ยในใจ “มิน่าเล่า อสูรร้ายตนนี้ถึงยังเป็นแค่ขยะมาจนถึงยามนี้ ของเซ่นไหว้เหล่านั้นทำมากสุดแค่พอจิ้มฟันเขาเท่านั้น…”

หากนำระลอกคลื่นสีเลือดมาเปรียบกับสระน้ำเล็ก เช่นนั้นกระแสน้ำที่ก่อตัวในนั้นก็คือของเซ่นไหว้ หากกระแสน้ำแรงเกินไป สระน้ำก็จะถูกโจมตีพังทลายลง

ด้วยเหตุนี้จึงเดาได้ว่า แม้เทพแห่งความกรุณาจะสามารถควบคุมการเปิดมิติได้ ทว่าการควบคุมมิติเช่นนี้ กลับใช้พลังได้อย่างจำกัด

สิ่งนี้เกี่ยวข้องกับการบาดเจ็บสาหัสของอีกฝ่าย

หากเปลี่ยนเป็นผู้ฝึกตนธรรมดา เมื่อได้พบระลอกคลื่นสีเลือดกับเทพแห่งความกรุณา เกรงว่าคงจะเป็นเหมือนกับนักพรตไฉ ที่มองอีกฝ่ายเป็นเทพเจ้าผู้สูงส่ง และทำการเคารพบูชาขึ้นมา

แต่ในสายตาซูอี้ แค่สังเกตการณ์ ก็สามารถเดาเรื่องราวออกมาได้มากมาย!

นี่คือข้อดีของมีความรู้และประสบการณ์ในอดีต

ทันใดนั้น เสียงของท่านเทพแห่งความกรุณาก็ดังขึ้นมา “วิชาลับนี้เป็นเพียงเคล็ดลับแรกเท่านั้น ข้าผู้นี้ยังไม่เชื่อ ว่ามันจะลึกลับอย่างที่เจ้ากล่าว หากเจ้านำเคล็ดลับที่เหลือออกมา ตราบใดที่ข้าผู้นี้ยืนยันว่าวิชาลับนี้ทรงพลังอย่างที่เจ้าว่า ไม่ว่าเจ้าจะมีเจตนาอะไร ข้าผู้นี้จะรับปากเรื่องบางอย่างกับเจ้าตามสมควร”

ซูอี้ส่งเสียงตอบรับเป็นการเข้าใจ พลางเอ่ย “วันนี้สายมากแล้ว การควบคุมมิตินี้ก็ใกล้จะสลายไปแล้ว ไว้คุยกันครั้งหน้าในตอนที่เจอกันอีกครั้งก็แล้วกัน”

“เหตุใดต้องรอถึงครั้งหน้า?”

ท่านเทพแห่งความกรุณาที่ยิ้มเยาะและต่อรองก่อนหน้า เห็นได้ชัดว่ากำลังร้อนรนในขณะนี้

“ข้าแค่ให้เวลาเจ้าได้ครุ่นคิดอย่างสงบ เพื่อไม่ให้เจ้าสำคัญตัวเองมากเกินไป”

ซูอี้หัวเราะออกมา “จำเอาไว้ เมื่ออยากหลุดพ้น และขอความช่วยเหลือจากผู้อื่น ก็ต้องทำตัวเรียบร้อย ควรก้มหัวก็ต้องก้มหัว ควรยอมแพ้ก็ต้องยอมแพ้ ไม่เช่นนั้น ผลที่ตามมาก็ยากที่จะคาดเดาได้”

ท่านเทพแห่งความกรุณาเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็กล่าวว่า “เช่นนั้น… เจ้าบอกกับข้าผู้นี้ได้หรือไม่ วิชาลับนี้ของเจ้ายังเหลืออีกกี่ส่วน?”

ซูอี้เอ่ยด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “วิชาลับนี้มีชื่อว่า ‘เคล็ดวิชากลั่นไอชั่วร้าย’ ส่วนเหลืออีกเท่าใดนั้น ต้องดูที่เจ้าแล้วว่าจะทำให้ข้าอยู่ที่นี่ถ่ายทอดให้แก่เจ้าได้หรือไม่”

“เจ้าบ้านี่ต้องตั้งใจแน่ ๆ!”

“ใช้เหยื่อมาล่อลวงจิตใจของข้าผู้นี้ เพื่อให้บรรลุจุดประสงค์ในการไล่บีบให้ข้าผู้นี้กระดิกหางต่อเจ้าเฉกเช่นลูกหมาตัวหนึ่ง ใช่หรือไม่?”

ท่านเทพแห่งความกรุณาโมโหเดือดดาล และด่าอย่างรุนแรง “ไอ้แซ่ซู แกมันเลวทรามจริง ๆ!”

น้ำเสียงซูอี้เปลี่ยนเป็นเย็นชาขึ้นมา “ครั้งหน้าที่เจอกัน ก่อนสนทนา หากเจ้าไม่ขอโทษสำหรับความไร้มารยาทของเจ้า ข้ารับปากว่า ข้าจะไม่ช่วยให้เจ้าหลุดพ้นจากการกักขังนี้อีก จำไว้ให้ดี”

คล้ายกับฟังน้ำเสียงที่ไม่พอใจของซูอี้ออก ท่านเทพแห่งความกรุณาพลันเงียบไปอีกครั้ง

ความจริงแล้ว ในระหว่างที่สนทนากับซูอี้ เขาไม่รู้ว่าตัวเองนั้นเงียบไปกี่ครั้งแล้ว…

เป็นเวลานาน เขาถึงได้เอ่ยถามขึ้น “ครั้งหน้า… จะได้พบกันอีกเมื่อใดกัน?”

น้ำเสียงเปลี่ยนเป็นอ่อนลงไปมาก ไม่มีความหยิ่งยโสอย่างก่อนหน้านี้อีก

ซูอี้ยิ้มขึ้นมา

ปลาติดเบ็ดแล้ว!

ซูอี้เอ่ยทันที “ข้ามีนามว่าซูอี้ ต่อจากนี้ คงจะพักอยู่ในต้าเซี่ยสักระยะหนึ่ง ไม่ใช่ว่าเจ้ารวบรวมผู้เลื่อมใสเอาไว้มากมายหรอกรึ หากเจ้าพร้อมเมื่อใด ก็ส่งคนไปหาข้า”

ตูม!

ระลอกคลื่นสีเลือดพังทลายหายไป

แม้จะไม่ได้รับคำตอบกลับของเทพแห่งความกรุณา ทว่าซูอี้รู้ดี อสูรร้ายผู้นี้ต้องไม่ปฏิเสธความช่วยเหลือจากเขาแน่!

แค่นี้ก็พอแล้ว

“ถ้ำโลหิตหมิงหลิง? สถานที่นี้น่าสนใจยิ่ง!”

ซูอี้ลอบเอ่ยในใจ

หมิงหลิง คือหนอนที่พบได้ตามปกติบนโลกนี้ มีขนาดเล็กมากและไม่น่าสนใจ

ทว่าการกักขังผู้แข็งแกร่งที่เหมือนจะอยู่ขอบเขตจักรพรรดิที่ควบคุมแก่นแท้วิถีแห่งมิติได้ ก็หมายความว่า สถานที่แห่งนี้ไม่ธรรมดาแน่!

ขณะที่ครุ่นคิดอยู่นั้น สายตาของซูอี้มองไปทางนักพรตไฉที่คุกเข่าอยู่ตรงนั้น

นักพรตไฉตกใจจนอกสั่นขวัญหายไปหมด เมื่อสายตาของซูอี้มองมา เขาที่เหลือแค่จิตวิญญาณก็สั่นเทาขึ้นมาอย่างควบคุมไม่ได้ พลางเอ่ยอย่างตะกุกตะกัก

“หากผู้อาวุโส… ผู้อาวุโสให้ทางรอดแก่ข้าน้อย ข้าน้อยจะยอมบอกความลับสุดยอดที่เกี่ยวข้องกับท่านเทพแห่งความกรุณาให้กับผู้อาวุโส!”

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *