บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] 755: คุณชายซูคาดการณ์ได้ดุจเทพเจ้า

Now you are reading บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] Chapter 755: คุณชายซูคาดการณ์ได้ดุจเทพเจ้า at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 755: คุณชายซูคาดการณ์ได้ดุจเทพเจ้า

ตอนที่ 755: คุณชายซูคาดการณ์ได้ดุจเทพเจ้า

ในซากหอเซียนดาบ

หนิงซือฮวา เหวินหลิงเสวี่ย ฉาจิ่น อิงเชวีย หยวนเหิงและคนอื่น ๆ ต่างหยุดชะงัก และเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นผ่านค่ายกลผนึกเก้าสวรรค์

“คนผู้นั้นเป็นใครกัน?”

“ชิงลั่วไง! แม้รูปลักษณ์จะเปลี่ยนแปลง แต่บรรยากาศรอบกายไม่ได้เปลี่ยนไปเลย!”

“ที่แท้ก็เป็นเขา…”

เมื่อพวกเขาทราบตัวตนของคนผู้นั้น ความโกลาหลก็สงบลง

ยามเมื่อซูอี้จากไป เขาอธิบายเรื่องราวและเตรียมแผนสำรองไว้จัดการกับชิงลั่วผู้จะมาในภายหน้ามากมาย

“หลิงเสวี่ย เจ้ากับฉาจิ่นไปบอกคนอื่น ๆ ไม่ให้ลนลานเสีย”

หนิงซือฮวากล่าวอย่างเยือกเย็นดุจหิมะ “อิงเชวีย หยวนเหิง พวกเจ้ากับข้าจะเคลื่อนค่ายกลผนึกเก้าสวรรค์ไปฆ่าเจ้าสัตว์ร้ายนี่ด้วยกัน!”

“ได้!”

ทุกคนต่างเห็นพ้อง

ด้านนอก

มวลเมฆาเคลื่อนผัน เกลียวคลื่นซัดสาดรุนแรง

ดาบวิญญาณสีขาวหิมะซึ่งบ่มเพาะตนเองในสันหลังของชิงลั่วปรากฏกาย!

เคร้ง!

เสียงดาบคำรามสะเทือนลั่นดุจเทพมารโบราณกู่ร้อง สะเทือนนภาปั่นป่วนแดนดิน

ปราณดาบเจิดจ้าไร้เปรียบ ดูสว่างไสวประหนึ่งดวงตะวันแผดเผา ส่องสะท้อนผืนสมุทรจนเป็นเนื้อเดียว

หากมองใกล้ ๆ ดาบเล่มนี้ดูเหมือนจะถูกสร้างด้วยหยกเทพกระดูกขาว ใสกระจ่างดุจแก้ว ปราณที่พวยพุ่งน่าหวาดหวั่นไร้ขอบเขต

ที่ด้ามดาบมีอักษรตัวเล็ก ๆ สองตัวซึ่งบิดเบี้ยวดั่งไส้เดือนสลักไว้

‘เทวทัณฑ์!’

ร่างของชิงลั่วผู้ถือดาบเล่มนี้ดูชราวัยยิ่ง ผิวทุกอณูแตกระแหงราวไร้กำลังและพลังชีวิตใด ๆ หลงเหลือ

“จากนี้ไป เจ้าก็ไร้ประโยชน์”

เสียงอันเย็นชาเจือด้วยปราณปีศาจคืบคลานออกมาจากในดาบปีศาจเทวทัณฑ์สีขาวหิมะ

และจากนั้น…

เปรี้ยง!

ร่างชราวัยดุจไม้แห้งแตกของชายหนุ่มชุดเทาก็ระเบิดแหลกสลาย

และร่างมายาก็ปรากฏขึ้นเหนือดาบปีศาจเทวทัณฑ์ เป็นชายในชุดดำผู้หล่อเหลามีเสน่ห์เย้ายวนโนเวลพีดีเอฟ

นี่คือร่างของวิญญาณดาบชิงลั่ว!

เขายืนใช้มือไพล่หลัง มองทางเข้าหอเซียนดาบ ริมฝีปากหยักโค้งอย่างเย็นชาแข็งกร้าว พลางพูดเบา ๆ กับตนเอง

“ซูอี้ วันนี้ แม้ว่าเจ้าจะอยู่ที่นี่ เจ้าก็ไม่อาจหนีความตายพ้น นับประสาอันใดกับแค่ค่ายกลผนึกเก้าสวรรค์?”

เขาคือจิตวิญญาณของดาบคู่กายไป๋จ่างเฮิ่น เจ้าสำนักรุ่นที่สามแห่งหอเซียนดาบ แล้วจะไม่ล่วงรู้ถึงความลับของค่ายกลผนึกเก้าสวรรค์ได้เช่นไร?

“เปิด!”

ชิงลั่วโบกแขนเสื้อ

ตู้ม!

เสียงดาบครวญประหนึ่งอสนีบาตผ่าจากสวรรค์ชั้นเก้า ดาบปีศาจเทวทัณฑ์ทะยานสู่ฟ้าและฟาดฟันด้วยโทสะ

ค่ายกลผนึกเก้าสวรรค์พลันเร่งพลัง อักขระพันธนาการมากมายผุดพราย ลำแสงศักดิ์สิทธิ์เจิดจ้าทะยาน

ทว่าดาบของชิงลั่วกลับสามารถคว้านเปิดเส้นทางในค่ายกลผนึกเก้าสวรรค์ได้อย่างง่ายดาย

ควับ!

ชิงลั่วก้าวเดิน พลิ้วร่างเข้ามาในค่ายกล

เมื่อเห็นเช่นนี้ หนิงซือฮวาผู้คอยโอกาสอยู่ก็ออกคำสั่งโดยไม่ลังเล

“ขอเพียงเขาก้าวอยู่ทางเข้าหอเซียนดาบได้ เราจะใช้พลังของค่ายกลกักขังเขาไว้ทันที และจากนั้นเทียนหลีจะลงมือฆ่าด้วยตนเอง!”

“ได้!”

หยวนเหิงและอิงเชวียต่างพยักหน้ารับคำสั่ง

ทว่า ในขณะที่ชิงลั่วกำลังจะก้าวสู่ทางเข้านั้นเอง…

ตะเกียงหลอมวิญญาณฮุ่นเทียนซึ่งซูอี้ผนึกไว้ในค่ายกลผนึกเก้าสวรรค์พลันปรากฏขึ้น

“ชิงลั่ว …หนีไป!!”

เงาร่างของสตรีผมขาวในชุดกระโปรงสีเลือดปรากฏขึ้นบนตะเกียงหลอมวิญญาณฮุ่นเทียน กรีดร้องอย่างกังวล

วิญญาณดาบเทียนหลี!

ร่างของชิงลั่วชะงักทันที

และสถานการณ์นี้ก็ยังมาโดยที่พวกหนิงซือฮวาไม่ทันตั้งตัวด้วย

ในคราแรก เหตุผลที่ซูอี้ยอมปล่อยเทียนหลีนั่นก็เพราะนางสาบานว่า ขอเพียงชิงลั่วกล้ามาที่นี่ นางจะสังหารเขาด้วยตนเอง

ทว่าใครเล่าจะคิดว่าเทียนหลีจะพลิกลิ้น!

“เทียนหลี อย่ากลัวเลย ค่ายกลนี่หยุดข้าไม่ได้หรอก”

เมื่อเห็นร่างอันคุ้นเคยของเทียนหลี สีหน้าของชิงลั่วก็ปรากฏเค้าลางความตื่นเต้น “พอข้าทำลายค่ายกลนี่ ข้าจะพาเจ้าไป และช่วยเจ้าออกมาจากตะเกียงหลอมวิญญาณนั่นนะ”

“อิสรภาพ? สวยหรูจริง ๆ!”

หนิงซือฮวายิ้มเยาะ

นางกล่าวขึ้นขณะที่ยันต์ลับชิ้นหนึ่งปรากฏขึ้นบนฝ่ามือ และถูกใช้งานในฉับพลัน

ตู้ม!

เมื่อยันต์ลับเรืองแสงขึ้น ตะเกียงหลอมวิญญาณฮุ่นเทียนก็สั่นไหวอย่างรุนแรง ไส้เทียนที่เหมือนขนดงูเปล่งแสงวิถีสีเลือด บีบคั้นสยบฤทธิ์ร่างของเทียนหลีอย่างรุนแรง

ทันใดนั้น ร่างฉายของเทียนหลีแทบแหลกสลาย ส่งเสียงกรีดร้องแหลมออกมาอย่างเจ็บปวด

ยันต์ลับนี้ ซูอี้ทิ้งไว้ยามจากเพื่อป้องกันไม่ให้เทียนหลีกลับคำพูด

เมื่อใช้พลังของยันต์ลับนี้ พลังของตะเกียงหลอมวิญญาณจะถูกใช้เพื่อกักขังและกำราบเทียนหลีได้

“เทียนหลี!!”

ชิงลั่วเดือดดาล ดวงตาปีศาจของเขาวาวโรจน์อย่างดุร้ายน่ากลัว “หยุดเดี๋ยวนี้ หาไม่ ข้าผู้นี้จะฆ่าพวกเจ้าทั้งหมด!”

เขากล่าวขณะเดินพลังของดาบปีศาจเทวทัณฑ์อย่างสุดกำลัง

ตู้ม! ตู้ม! ตู้ม!

ลำแสงดาบปีศาจดุดันฟาดฟันลงมาสายแล้วสายเล่า ค่ายกลสะเทือนไหว แสงสว่างกะพริบสั่นรุนแรง

ชิงลั่วในยามนี้ดูราวคนบ้า

หนิงซือฮวาขมวดคิ้ว

แต่เดิม เมื่อชิงลั่วเข้าสู่ทางเข้าหอเซียนดาบ ลำพังพลังของค่ายกลผนึกเก้าสวรรค์ก็เพียงพอจะหยุดชิงลั่วไว้ ยากจะให้เขาทะยานเหินได้แล้ว

ทว่ายามนี้ มันเป็นไปไม่ได้อย่างชัดเจน

“ลืมไปเถิด เรารับมือมันก่อน!”

หนิงซือฮวากัดฟันตัดสินใจ

นางร่วมมือกับหยวนเหิงและอิงเชวีย วิ่งสุดกำลังไปยังค่ายกลผนึกเก้าสวรรค์ทันที

ตู้ม!

สายรุ้งเจิดจ้าอันแปรเปลี่ยนจากพลังพันธนาการกระแทกเข้าใส่ชิงลั่วดุจแส้จากสวรรค์

ในช่วงเวลาเพียงไม่กี่พริบตา ชิงลั่วก็ถูกดีดไล่ เส้นผมกระเซอะกระเซิง ร่างซวนเซ สีหน้าเปลี่ยนในทันที

ยามนี้เอง เขาจึงตระหนักว่าพลังของค่ายกลผนึกเก้าสวรรค์แปรเปลี่ยนจากกาลก่อนมาแสนนาน และลำดับอักขระจองจำ พลังลี้ลับของมันก็ถูกจัดเรียงใหม่อย่างเห็นได้ชัด!

“ชิงลั่ว หนีไปเร็วเข้า!! ยามที่ซูอี้จากไป เขาทิ้งแผนฆ่าเจ้าในคราเดียวไว้มากมายแล้ว!”

เทียนหลีในตะเกียงหลอมวิญญาณฮุ่นเทียนตะโกนด้วยน้ำเสียงว้าวุ่นเปี่ยมความเจ็บปวด

พลังต้นกำเนิดของนางหลอมเป็นหนึ่งกับสมบัติชิ้นนี้มานาน ยามนี้เมื่อหนิงซือฮวาใช้ยันต์ลับที่ซูอี้ให้ไว้ นางก็ถูกผนึกไว้โดยตะเกียงหลอมวิญญาณ ทนทุกข์ทรมานแสนสาหัสไร้ขอบเขต

“ซูอี้? ไอ้สารเลวนั่นอีกแล้ว!!!”

ดวงตาของชิงลั่วแดงฉาน ใบหน้าบิดเบี้ยว โกรธเสียจนเกือบเคี้ยวฟันตนเอง

ทันใดนั้น เขาก็สูดหายใจลึก แววตาเจือความบ้าคลั่ง “เทียนหลี ข้ารอวันนี้มานับหลายปีแล้ว ครานี้ข้าจะพาเจ้าไปให้ได้ ต่อให้ต้องตาย ข้าก็จะตายกับเจ้า!”

ชิ้ง!

เสียงยังไม่ทันจางหาย ดาบปีศาจเทวทัณฑ์สั่นไหวรุนแรง ระเบิดแสงสีเลือดอันน่าหวาดหวั่นไร้ขอบเขตออกมา ทุกตารางนิ้วของคมดาบดูราวกำลังลุกไหม้

“เปิด!”

ชิงลั่วคำรามอย่างเกรี้ยวกราด คล้ายคลั่งไปอย่างสมบูรณ์ เขาฟาดฟันดาบและพุ่งทะยานหาตะเกียงหลอมวิญญาณฮุ่นเทียนซึ่งถูกผนึกไว้ลึกในค่ายกล

อำนาจจองจำหนาหนักดุจแส้ที่ฟาดจากสวรรค์แพ้พ่ายต่อปราณดาบสีเลือดอันน่าหวาดกลัว!

ม่านตาของหนิงซือฮวาหดตัว และกรีดร้องอย่างเจ็บปวด

นางไม่คาดว่าการปล่อยพลังอย่างสิ้นหวังของชิงลั่วจะแข็งแกร่งเพียงนี้

“เปิด!”

“เปิด!”

“เปิด!”

ในค่ายกล ชิงลั่วคำรามอย่างดุร้ายราวเทพปีศาจ ทะลวงพลังของค่ายกลราวจะบดขยี้ให้แหลกเป็นชิ้น

“ชิงลั่ว หากเจ้าทำเช่นนี้ เจ้าจะพาข้าไปได้ แต่วิถีเต๋าของเจ้าจะพังไม่เหลือดีนะ…”

สตรีผมขาวในชุดกระโปรงสีเลือด เทียนหลีน้ำตาไหลอาบ ทั้งเจ็บปวดและซึ้งใจ

ทว่าทันใดนั้น นางก็พึมพำราวกับตัดสินใจได้ “ช่างเถิด ในเมื่อเจ้าไม่กลัวความตาย แล้วข้า… จะกระหายอยากมีชีวิตไปเพื่ออันใด?”

ตู้ม!

แสงสีดำสนิทดุจหมึกอันเจิดจ้าระเบิดออกจากร่างของนางฉับพลัน เผยอำนาจทำลายล้างน่าหวั่นเกรง

ทันใดนั้น พลังของตะเกียงหลอมวิญญาณฮุ่นเทียนก็ถูกสกัดกั้นสลายไป!

ทันใดหลังจากนั้น ตะเกียงหลอมวิญญาณก็สั่นไหวรุนแรง ส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าดลั่น

ปรากฏว่าร่างของเทียนหลีดิ้นรนหลุดออกมาจากตะเกียงหลอมวิญญาณฮุ่นเทียนได้!

ทว่านางก็บาดเจ็บสาหัสอย่างเห็นได้ชัด ร่างของนางพร่ามัว ราวกับพร้อมจะสลายหายไปทุกเมื่อ

ยามนี้เองที่ชิงลั่วมาถึงตัวเทียนหลี และเมื่อเขาเห็นนางเป็นเช่นนี้ ชิงลั่วก็ทั้งกระวนกระวายและเคืองโกรธ

“รอก่อนนะ ข้าจะทำลายที่นี่และฆ่าพวกมันทุกคน! ไม่ละเว้นผู้ใดทั้งนั้น!!!”

ชิงลั่วคำรามทุกถ้อยคำด้วยความแค้นไร้สิ้นสุด

ตู้ม!

เขาสะบัดดาบทำลายล้างในหอเซียนดาบต่อ อำนาจกดดันหนักหน่วงของค่ายกลไม่อาจหยุดเขาได้แม้แต่น้อย

“ข้าอยู่ข้างเจ้านะ”

เทียนหลีบาดเจ็บสาหัสอย่างเห็นได้ชัด ร่างของนางพร้อมสลายไปได้ทุกเมื่อ ทว่ายามนี้เมื่อชิงลั่วอยู่กับนาง สตรีผมขาวในชุดกระโปรงสีเลือดกลับยิ้มอย่างอ่อนหวาน

ชิงลั่วคือดาบวิญญาณคู่ชีพของไป๋จ่างเฮิ่น เจ้าสำนักรุ่นที่สามแห่งหอเซียนดาบ

และนางคือจิตวิญญาณจากดาบวิญญาณคู่ชีพของผู้ก่อตั้งหอเซียนดาบ จักรพรรดิปีศาจฮุ่นเทียน

ไม่มีผู้ใดรู้ว่าพวกเขาซึ่งต่างก็เป็นจิตวิญญาณดาบตกหลุมรักซึ่งกันและกันมาช้านาน และจะไม่มีวันเปลี่ยนแปลง

เมื่อเห็นภาพนี้จากไกล ๆ สีหน้าของหนิงซือฮวา หยวนเหิงและอิงเชวียต่างดูไม่แน่ใจ

ทว่าไร้ผู้ใดลนลาน

“คุณชายซูคาดการณ์ได้ดุจเทพเจ้า!”

อิงเชวียถอนใจเบา ๆ

เมื่อแรกเริ่ม ยามซูอี้จรจาก เขาก็เตรียมการไว้มากมาย และยังย้ำเตือนด้วยว่าเทียนหลีอาจแปรพักตร์

เหตุผลนั้นง่ายมาก เพราะครั้งหนึ่ง เทียนหลีเคยถามซูอี้ว่า “ในฐานะจิตวิญญาณดาบ ต้องให้ผู้อื่นมาตัดสินความเป็นความตายด้วยหรือ?”

วาจานี้ทำให้ซูอี้ไม่เชื่อเทียนหลีอย่างสุดหัวใจแต่แรก และเตรียมแผนสำรองไว้มากมายก่อนจากไป

และสิ่งที่เกิดขึ้นในครานี้พิสูจน์การคาดเดาดั้งเดิมของซูอี้โดยไม่ต้องสงสัย

นี่จะไม่ทำให้อิงเชวียทอดถอนใจได้เช่นไร?

“แม้สตรีผู้นี้จะน่าสงสาร แต่ความน่าสงสารและความแค้นนับเป็นคนละเรื่อง สหายเต๋าซูมอบโอกาสให้นางแล้ว แต่นางกลับไม่ถนอมมันไว้”

หนิงซือฮวาถอนหายใจเบา ๆ และกล่าวกับหยวนเหิง “เจ้าลงมือได้เลย”

หยวนเหิงพยักหน้า จากนั้นก็นำยันต์ลับออกมาหนึ่งชิ้นด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

นี่คือหนึ่งในมาตรการรองรับที่ซูอี้ทิ้งไว้ในตอนแรก ขอเพียงขยี้มันเสีย มันจะมีพลังมากพอสังหารทุกตัวตนในขอบเขตวงล้อวิญญาณ

และยันต์ลับเช่นนี้ เหวินหลิงเสวี่ยและฉาจิ่นต่างมีกันคนละชิ้น…

และนี่คือเหตุที่พวกหนิงซือฮวายังคงสงบใจอยู่ได้

ดังนั้น เมื่อพวกเขาเห็นชิงลั่วอาละวาดกราดด่าจะฆ่าพวกตน ไม่เพียงไร้ผู้ใดลนลานเท่านั้น พวกเขากลับรู้สึกว่าอีกฝ่ายน่าสงสารเล็กน้อย…

ทว่า ก่อนที่หยวนเหิงจะทันได้ลงมือ เสียงแค่นเย้ยเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น

“แค่จิตวิญญาณดาบสองตน กล้ามาฆ่าคนที่นี่หรือ? อยู่ดีไม่ว่าดีแท้ ๆ!”

หนิงซือฮวาและคนอื่น ๆ สะดุ้งโหยง

จากนั้นพวกนางก็เห็นชายชราตาบอดท่าทางเหยาะแหยะผู้หนึ่งปรากฏกายในค่ายกลผนึกเก้าสวรรค์ตั้งแต่เมื่อใดไม่อาจทราบ

และชายชราตาบอดก็โบกมือ

ตู้ม!

ยันต์ลับชิ้นหนึ่งระเบิดออก ยิงปราณดาบอันน่าตกใจวูบไหวน้อย ๆ ในอากาศ

เปรี๊ยะ!

เสียงหนึ่งระเบิดออก

จากนั้น ทั้งร่างของชิงลั่วและดาบปีศาจเทวทัณฑ์ที่เขาควบคุมต่างถูกปราณดาบนี้ฟันขาดเป็นสองท่อน!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด