บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] 196: ท่านเทพแห่งความกรุณา

Now you are reading บันทึกตำนานราชันอหังการ [ 剑道第一仙 ] Chapter 196: ท่านเทพแห่งความกรุณา at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ตอนที่ 196: ท่านเทพแห่งความกรุณา

แค่อูหวนสุ่ยจวินปรากฏตัวออกมา เสียงจ้อกแจ้กจอแจที่ดังอยู่ในลานพิธีก็หายไปทันที

บรรยากาศเปลี่ยนเป็นกดดันเคร่งขรึมขึ้น

สนมซานซิ่วก็กลับไปนั่งที่ของตัวเองอย่างเชื่อฟัง

และเมื่อกลับมาดูพวกภูตผีและปีศาจตัวอื่น ๆ ในลานอีกครั้ง พวกนั้นก็ล้วนหยุดสนทนากันแล้ว และใช้สายตาที่ดูเหมือนเคารพมองไปที่อูหวนสุ่ยจวิน

รับชมภาพนี้ ทำให้ซูอี้ขมวดคิ้ว ดูเหมือนว่าอูหวนสุ่ยจวินผู้นี้จะน่าเกรงขามนัก!

“ท่านเซียนอมตะ อยากถือโอกาสในตอนนี้ถามเรื่องราวเพื่อนผู้นั้นของท่านหรือไม่?” เถาชิงซานเริ่มเอ่ยขึ้นมา

ซูอี้ส่ายหน้าอย่างช้า ๆ

เขาก็แค่อยากจะมาดู ว่าเหตุใดอูหวนสุ่ยจวินถึงต้องเปิดการชุมนุมในสถานที่ที่พิเศษนี้ด้วย

แสงเพลิงลุกโชน สะท้อนที่นั่งทั้งหมดในลานพิธีสว่างไสว

เห็นอูหวนสุ่ยจวินที่สวมชุดทำพิธีลายงูเหลือมใช้สายตากวาดมองไปทั่วทั้งลาน พลางค่อย ๆ ยิ้มและเอ่ยขึ้น

“สำหรับวันนี้ที่ทุกท่านมาตามนัดได้ อูผู้นี้รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่ง แต่เชื่อว่าทุกท่านก็คงแปลกใจ ว่าเหตุใดอูผู้นี้ถึงได้จัดการชุมนุมในสถานที่ที่พิเศษนี้”

พวกภูตผีที่อยู่ในลานพิธีต่างก็พยักหน้ากัน และเผยสีหน้าที่แปลกใจออกมา

“ยามนี้อูผู้นี้จะอธิบายให้แก่ทุกท่าน”

พลันสีหน้าอูหวนสุ่ยจวินก็เคร่งขรึมทันที ชี้ไปที่ลานพิธีสีดำสูงเก้าฉื่อที่อยู่ด้านหลังเขา “ทุกท่านน่าจะรู้ว่านี่คือสิ่งใด?”

“ดูเหมือนว่าลานพิธีนี้จะใช้ในการเซ่นไหว้?”

มีภูตผีตนหนึ่งอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามขึ้น

“ถูกต้อง”

อูหวนสุ่ยจวินพยักหน้า “เช่นนั้นทุกท่านก็น่าจะรู้ ว่าหลายปีมานี้ เหตุใดอูผู้นี้ถึงได้ครองเมืองเก้าคดสถานที่ศักดิ์สิทธิ์นี้ได้อย่างมั่นคง?”

“แน่นอนเป็นเพราะนายท่านอูนั้นมีความสามารถมาก และมีวิธีการเหนือผู้ใด”

พังพอนเฒ่าเอ่ยประจบประแจงด้วยรอยยิ้ม

“ฮ่า ๆ คำพูดนี้ก็ไม่เลวเลย แต่ข้าจะไม่ปิดบังพวกท่าน หากไม่มีลานพิธีแห่งนี้ประทานพลังให้ ก็คงจะไม่มีอูหวนสุ่ยจวินที่มีอำนาจในวันนี้”

อูหวนสุ่ยจวินหัวเราะเสียงดังพลางเอ่ยขึ้น

ชั่วครู่หนึ่ง ในลานพิธีก็มีเสียงดังอื้ออึงขึ้นมา ต่างไม่คิดเลยว่า อูหวนสุ่ยจวินจะเปิดเผยความลับต่อหน้าทุกคนเช่นนี้

ชั่วขณะหนึ่ง เขาก็อดไม่ได้ที่จะใช้สายตามองไปที่ลานพิธีสีดำนั้น

มีภูตผีตนหนึ่งเอ่ยถาม “ขอริอาจถาม ลานพิธีนี้มันพิเศษอย่างไรรึ?”

พลันสีหน้าอูหวนสุ่ยจวินก็เคร่งขรึมทันที หมุนตัวไปคำนับลานพิธีสีดำ จากนั้นถึงได้หมุนตัวกลับมา พลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“หากพึ่งพาอาศัยลานพิธีนี้ ก็จะสามารถสื่อสารกับท่าน ‘เทพปีศาจ’ ได้ และได้รับพลังที่มาจากท่านเทพปีศาจด้วย! ธาตุวิถีทั่วร่างของอูผู้นี้ แทบจะได้พระราชทานมาจากท่านเทพปีศาจผู้นี้! ”

เมื่อเอ่ยมาถึงตอนสุดท้าย อูหวนสุ่ยจวินก็อดไม่ได้ที่จะเผยสีหน้าชื่นชมอย่างบ้าคลั่งออกมา

ลานพิธีที่เงียบสงัดในตอนแรก พลันทั้งหมดก็คึกคักเจี๊ยวจ๊าวตามมา

ดวงตาของเหล่าภูตผีปีศาจเปล่งประกาย เกิดความวุ่นวายขึ้น สีหน้าต่างเผยความตกใจออกมา

มีเพียงแค่ซูอี้กับหนิงซือฮวาเท่านั้นที่เย็นชาที่สุด

เมื่อมองไปที่ลานพิธีนั้น เขาก็เดาเบาะแสบางอย่างออกมาได้แล้ว …และมันจะแปลกได้อย่างไรกันเล่า?

“คำพูดนี้ของนายท่านสุ่ยจวินคือเรื่องจริงรึ?”

สนมซานซิ่วเอ่ยถามด้วยความตื่นเต้น

อูหวนสุ่ยจวินใช้สองมือค้างไว้อยู่ในอากาศ จนกระทั่งทุกคนหยุดคุยลง เขาถึงได้เอ่ยด้วยความเคารพ

“อูผู้นี้มิกล้าโกหกต่อหน้าลานพิธีแห่งนี้หรอก เทพปีศาจท่านนี้ได้รับการยกย่องว่าเป็น ‘ท่านเทพแห่งความกรุณา’ อยู่ในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ลึกลับและไม่มีใครรู้จัก มีสติปัญญาและอานุภาพ เทียบเคียงได้กับเทพเจ้าในตำนานเรื่องเล่า!”

ท่านเทพแห่งความกรุณา!

ดินแดนศักดิ์สิทธิ์!

เทียบเคียงได้กับเทพเจ้า!

เหล่าภูตผีกับปีศาจที่นั่งอยู่ตรงนั้นก็เกิดความวุ่นวายขึ้น ทั้งหมดล้วนเผยสีหน้าที่บ้าคลั่ง แปลกใจ และตื่นเต้นออกมา

แม้แต่เถาชิงซานก็ยังนิ่งอึ้งกับข่าวเหล่านี้

พลันมีภูตผีตนหนึ่งอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม “นายท่านสุ่ยจวิน ข้าพอจะมีหวังได้เห็นท่านเทพผู้ยิ่งใหญ่ที่สง่างามผู้นั้นหรือไม่?”

“ท่านเทพผู้ยิ่งใหญ่จะถูกรับชม หรือจะให้ใครเห็นได้ตามใจชอบกัน? แต่อูผู้นี้สามารถให้โอกาสที่หายากแก่ทุกท่านได้!”

อูหวนสุ่ยจวินเอ่ยด้วยเสียงต่ำ “อูผู้นี้ได้เปิดประชุมในลานศักดิ์สิทธิ์ครั้งนี้ ก็เป็นเพราะความประสงค์ที่มาจากท่านเทพผู้ยิ่งใหญ่ ท่านบอกว่าต้องการรับผู้ศรัทธากลุ่มหนึ่งจากโลกใบนี้ และอูผู้นี้ก็เป็น ‘ทูตแห่งเทพ’ ที่ได้รับการแต่งตั้งจากท่านเทพผู้ยิ่งใหญ่ เพื่อรับผิดชอบเรื่องนี้โดยเฉพาะ”

รับผู้ศรัทธา!

เหล่าภูตผีและปีศาจบางส่วนเข้าใจขึ้นมาทันที ทั้งหมดล้วนฮึกเหิมขึ้นมา พร้อมพากันตะโกนออกมา “พวกข้ายินยอมถวายชีวิตเพื่อท่านเทพผู้ยิ่งใหญ่!”

อูหวนสุ่ยจวินก็เอ่ยด้วยเสียงต่ำ “ทุกท่านนี่คือโอกาสที่หาได้ยากยิ่ง เมื่อฟังอูผู้นี้เอ่ยจบแล้ว หากอยากอยู่ภายใต้บังคับบัญชาของท่านเทพผู้ยิ่งใหญ่ จะบอกว่ายากก็ไม่ยาก จะบอกว่าง่ายก็ไม่ง่าย”

บรรยากาศที่กระสับกระส่ายในลานค่อย ๆ เงียบลง บนโลกนี้ไม่มีขนมตกลงมาจากฟ้าหรอก*[1] พวกเขาเข้าใจว่าที่อูหวนสุ่ยจวินเอ่ยออกมานั้นหมายถึงสิ่งใด

จากนั้นอูหวนสุ่ยจวินก็เอ่ยต่อ “ในฐานะที่เป็นผู้เลื่อมใส หากอยากจะภักดีต่อท่านเทพผู้ยิ่งใหญ่ ระหว่างทุก ๆ สามเดือน จะต้องถวายของเซ่นไหว้ ของเซ่นไหว้จะทำให้ท่านเทพผู้ยิ่งใหญ่พอใจ จากนั้นก็จะได้รับค่าตอบแทนมาก เช่นวิชาที่อูผู้นี้บำเพ็ญในวันนี้ รวมถึงเรียนรู้เคล็ดวิชาค่ายกล ต่างก็ได้รับมาจากท่านเทพผู้ยิ่งใหญ่”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ดวงตาของเหล่าภูตผีปีศาจต่างก็เปล่งแสงสีแดงและใจเต้นขึ้นมา

ในที่สุดซูอี้ก็เข้าใจแล้ว สถานที่ใหญ่แห่งนี้อยู่เมืองเก้าคดใต้แม่น้ำต้าฉางสิบแปดโค้ง ที่แท้ก็เรียนมาจาก ‘ท่านเทพแห่งความกรุณา’ ผู้นั้นนี่เอง

และอูหวนสุ่ยจวินอย่างมากก็แค่เป็นผู้รับผิดชอบทำเรื่องนี้

มีภูตผีเอ่ยถาม “ขอริอาจถามสุ่ยจวิน ท่านเทพผู้ยิ่งใหญ่ต้องการของเซ่นไหว้อะไร?”

“เพียงแต่เป็นของวิเศษบนโลกนี้ ล้วนเป็นของเซ่นไหว้ได้ทั้งหมด และของวิเศษยิ่งมีระดับสูงก็ยิ่งดี”

อูหวนสุ่ยจวินเอ่ยขึ้น “และแน่นอนว่า บางครั้งท่านเทพผู้ยิ่งใหญ่ก็จะบัญชาความประสงค์มา และข้าจะทำตามความประสงค์ไปรวบรวมของเซ่นไหว้มา”

ซูอี้อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ ท่านเทพที่มีพลังมหาศาล สนใจเหลือบแลของวิเศษในโลกใบนี้ด้วย?

จากเรื่องตรงจุดนี้ ก็ทำให้เขาคาดการณ์ออก ที่เรียกว่า ‘ท่านเทพแห่งความกรุณา’ อาจจะเป็นคนที่ไม่มีอนาคตอะไรก็ได้

แน่นอน การใช้วิธีถวายของเซ่นไหว้เพื่อล่อลวงอูหวนสุ่ยจวินคนเดียวก็นับว่าเหลือเฟือแล้ว

บรรยากาศในลานพิธีคึกคักเจี๊ยวจ๊าวเป็นอย่างมาก

รับชมภาพตรงหน้า อูหวนสุ่ยจวินไม่ลังเลอีก จึงเอ่ยเสียงดังขึ้น “หากทุกท่านยอมถวายชีวิตให้กับท่านเทพผู้ยิ่งใหญ่ อูผู้นี้ก็จะดำเนินการถวายของเซ่นไหว้ ให้ทุกท่านได้เห็นความสามารถที่ไม่มีใครเทียบของนายท่านผู้ยิ่งใหญ่!”

“ข้ายินยอม!”

“พวกข้ายินยอม!”

…เสียงอึกทึกครึกโครมดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง เหล่าภูตผีปีศาจต่างก็ฮึกเหิม และดีใจมาก

อูหวนสุ่ยจวินหัวเราะเสียงดังเละเอ่ยขึ้น “ทุกท่าน เมื่อข้าถวายของเซ่นไหว้แล้ว พวกเจ้าจะลังเลไม่ได้อีก แต่จะต้องแสดงความบริสุทธิ์ใจของพวกเจ้าออกมา!”

บรรยากาศที่คึกคักในตอนแรกพลันอึดอัดลงไปมาก ปีศาจตนหนึ่งเอ่ยถาม “ขอริอาจถามสุ่ยจวิน พวกข้าควรจะแสดงความบริสุทธิ์ใจอย่างไร?”

อูหวนสุ่ยจวินเอ่ย “ง่ายมาก ทุกท่านในที่นี้มีเกียรติและมีชื่อเสียงภายในแคว้นกุ่น หากอยากเรียนรู้เคล็ดวิชาลับบางอย่าง และหากอยากมีของวิเศษในครอบครอง เมื่อถวายของเซ่นไหว้แล้ว ก็จงถวายของที่ล้ำค่าที่สุดให้กับท่านเทพผู้ยิ่งใหญ่ไปด้วย”

ทั้งหมดล้วนเงียบสงัด ไม่มีแม้แต่เสียงนกเสียงอีกา

เหล่าผีและเหล่าปีศาจมองกันไปมา ต่างมีความลังเลเล็กน้อย

นัยน์ตาอูหวนสุ่ยจวินเผยความดูถูกออกมาเล็กน้อย และเอ่ยอย่างเย็นชา “ทุกท่าน อย่าลืมที่อูผู้นี้เอ่ยไว้ ของเซ่นไหว้ยิ่งมีมูลค่ามาก สิ่งตอบแทนที่จะได้รับก็ยิ่งมีมาก หากแค่นี้ก็ยังทำไม่ได้ จะได้รับการตอบแทนและการคุ้มครองจากท่านเทพผู้ยิ่งใหญ่ได้อย่างไรกัน?”

“สุ่ยจวิน ไม่จำเป็นต้องเอ่ยให้มากความ เพียงแค่ทำสิ่งต่าง ๆ เพื่อท่านเทพผู้ยิ่งใหญ่ เจ้าจะให้พังพอนผู้นี้ทำสิ่งใดก็ได้หมด!”

พังพอนเฒ่าตอบรับขึ้นคนแรก

“ใช่แล้ว ข้าและคางคกสิบสามก็ยินยอมแล้ว!”

คางคกสิบสามที่หัวโล้นและมีดวงตาสีครามก็ส่งเสียงดังลั่นขึ้นมา

ไม่นาน เหล่าภูตผีปีศาจต่างก็พากันเห็นด้วย

แต่ก็มีบางส่วนที่เงียบไม่เอ่ยสิ่งใดมาตลอด

อย่างเช่นเถาชิงซาน กับเถิงหย่ง

และยังถูกเปิดโปงตั้งแต่อึดใจแรก

“เถาชิงซาน เหตุใดเจ้าถึงไม่พูด?”

คางคกสิบสามเอ่ยถามเสียงดัง “คงจะไม่เป็นเพราะรู้ว่าต้องถวายของเซ่นไหว้ ก็ไม่ยินยอมหรอกนะ?”

หลายสายตาต่างก็พากันมองไป

ใบหน้าเถาชิงซานก็กระตุกขึ้นมา ในใจเขาโมโหจนอยากจะฆ่าเจ้าคางคกตัวนั้น

“จ้าวบรรพตเถา นี่เป็นเรื่องใหญ่นัก อูผู้นี้หวังว่าท่านจะค่อย ๆ พิจารณา ท่านมีราชากลืนสมุทรหนุนหลัง และได้รับการชี้แนะจากเหล่าเซียน ทว่าสิ่งเหล่านี้จะเทียบกับสิ่งที่ได้รับจากท่านเทพผู้ยิ่งใหญ่ได้อย่างไร? ”

อูหวนสุ่ยจวินเอ่ยด้วยรอยยิ้ม “แน่นอน อูผู้นี้ไม่บังคับฝืนใจผู้ใด แต่ข้ากล้าแน่ใจว่า เมื่อเริ่มถวายของเซ่นไหว้แล้ว หลังเห็นภูตผีปีศาจตนอื่นได้ของดีตอบแทน จ้าวบรรพตเถาจะต้องใจเต้นและตอบรับแน่นอน”

เมื่อเอ่ยจบ เขาก็ไม่มองเถาชิงซานอีก และโบกมือทันที “เตรียมของเซ่นไหว้!”

ทันใดนั้น

ก็มีผีร้ายที่มีท่าทางดุร้ายกลุ่มหนึ่งแบกถังเก็บน้ำขนาดใหญ่เดินเข้ามา เดินมาถึงด้านหน้าลานพิธีสีดำนั้น

ซ่า!

อึดใจถัดมา เหล่าผีดุที่ยกถังน้ำนั้นก็เทลงมา เลือดสดราวกับน้ำตกสาดกระเด็นลงบนลานพิธีสีดำนั้นทันที

กึก

ราวกับว่าลานพิธีสีดำสูงเก้าฉื่อมีชีวิตขึ้นมา ปรากฏลำแสงที่เลือนรางออก ดูดสับเลือดสดที่ถูกเทลงไปนั้นอย่างละโมบ

“นี่คือเลือดสดของเด็กหนุ่มเด็กสาวบริสุทธิ์ที่ถูกฆ่า ดูเหมือนจะมีรสชาติที่หอมหวานและบริสุทธิ์ เมื่อดูปริมาณแล้ว อย่างน้อยต้องฆ่าถึงสี่ร้อยห้าสิบคน”

นัยน์ตาของผีสาวนางหนึ่งเปล่งประกาย และเผยสีหน้าที่อยากได้ออกมา

เหล่าภูตผีไม่น้อยต่างเผยความโลภออกมา

“สมควรตายจริง ๆ เลย!”

นัยน์ตาหนิงซือฮวาเผยความหนาวเหน็บออกมาเล็กน้อย

ซูอี้มองดูด้วยสายตาเฉยเมย แต่ทว่าในใจนั้น รังเกียจเป็นอย่างมาก

จนกระทั่งเทเลือดสดทั้งหมดแล้ว ลานพิธีสูงเก้าฉื่อสีดำนั้นก็มีแสงสีแดงปรากฏออกมาเบาบาง

อูหวนสุ่ยจวินเอ่ยด้วยเสียงต่ำ “เตรียมของเซ่นที่มีชีวิต!”

ทันใดนั้น ผีดุร้ายสองตนก็คุมตัวนักโทษหญิงที่ทั่วร่างถูกมัดด้วยโซ่ เดินเข้ามาในลานพิธี

แต่เมื่อเห็นผู้หญิงคนนี้ ดวงตาของซูอี้ก็ค่อย ๆ จ้องเขม็ง

ก็เห็นผมยาวขาวดุจหิมะ ทั่วร่างเต็มไปด้วยคราบเลือด บนใบหน้าที่งดงามสะอาดนั้น ไม่มีความรู้สึกใด ๆ นัยน์ตาว่างเปล่าไร้สติ ราวกับไร้จิตวิญญาณก็ไม่ปาน

จู้กู่ชิง!

และในตอนนั้น ใบหน้าที่อ่อนเยาว์ของหนิงซือฮวาก็เผยไอสังหารออกมา จู้กู่ชิงคือหนึ่งในเก้าผู้อาวุโสแห่งตำหนักเทียนหยวน กลับไม่คิดเลยว่าจะกลายเป็น ‘ของเซ่นไหว้’ อยู่ในกำมือไอ้พวกผีนั้น!!

เถาชิงซานกับเถิงหย่งทั่วร่างแข็งทื่อ ชั่วพริบตาหนึ่ง พวกเขาก็สัมผัสได้ถึงไอสังหารที่น่าหวาดกลัวพรั่งพรูออกมาจากหนิงซือฮวาที่อยู่ข้าง ๆ คล้ายจะปะทุได้ทุกเมื่อ …ราวกับมีดาบแขวนอยู่บนศีรษะ พร้อมนำความตายมาสู่ทุกคนรอบกาย!

“ว่ากันว่า ผู้หญิงคนนี้เป็นปรมาจารย์ที่ถูกสุ่ยจวินจับกุมหลายวันก่อน รูปร่างนั้นงดงามจริง ๆ แต่ถูกนำไปเป็นของเซ่นที่มีชีวิตเช่นนี้ ช่างน่าเสียดายนัก…”

“เหตุใดข้าถึงคุ้นหน้าคุ้นตานัก ราวกับว่านางคือจู้กู่ชิงผู้อาวุโสแห่งตำหนักเทียนหยวน!”

“หึ! เบาเสียงลงหน่อย ข้าไม่สนว่านางจะเป็นใคร คนเป็นที่มาถึงเมืองเก้าคด ยังจะมีทางเลือกให้มีชีวิตอยู่อีกรึ?”

“มาลองดูกันว่าจะสามารถเก็บแขนขาที่ถูกตัดได้หรือไม่ นี่คือเลือดเนื้อของปรมาจารย์ รสชาตินั้นจะต้องยอดเยี่ยมมากแน่ ๆ ”

…มีเสียงเบา ๆ ดังขึ้นในลานพิธี เหล่าภูตผีปีศาจก็เผยสีหน้าฮึกเหิมรอคอยออกมา

ในตอนนี้ อูหวนสุ่ยจวินนำมีดกระดูกขาวดุจหิมะออกมาถือไว้ในมือ มองไปที่จู้กู่ชิงด้วยสายตาน่าสงสาร เอ่ยเสียงเบา “คนสวย เจ้าแน่ใจว่าจะเลือกตายแทนแม่สาวน้อยคนนั้น?”

[1] บนโลกนี้ไม่มีขนมตกลงมาจากฟ้า หมายถึงมีแต่ต้องพยายามถึงจะได้มาซึ่งสิ่งที่ต้องการ

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *