กาลหนึ่งเคยมีเขากระบี่วิญญาณ 11 พลังปราณไร้ลักษณ์ดั้งเดิม

Now you are reading กาลหนึ่งเคยมีเขากระบี่วิญญาณ Chapter 11 พลังปราณไร้ลักษณ์ดั้งเดิม at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ภายในกระแสน้ำทมิฬนั้นไร้ทั้งแสงและเสียง ทว่าการปรากฏตัวของยักษ์ใหญ่ขนาดเท่าเนินเขาทั้งสิบตนนั้นทรงพลังราวกับว่ามีพายุงวงช้างอยู่เบื้องหน้าพวกเขา หวังลู่ที่รับรู้ในความมืดได้ สามารถประทับใบหน้าที่ดุร้ายของอีกฝ่ายไว้ในใจได้เลยทีเดียว

มันคือใบหน้าที่มีความเกลียดชังล้ำลึก แม้ในหมู่วิญญาณร้ายด้วยกันเอง มีวิญญาณเพียงไม่กี่ตนที่จะมีความจงเกลียดจงชังที่มุ่งร้ายและรุนแรงเช่นนี้ ความจริงแล้ว ไม่ใช่วิญญาณทุกตนที่ไม่สามารถอยู่ร่วมกับสิ่งมีชีวิตอื่นได้ ณ ตอนนี้อาจพูดได้ว่าในอาณาจักรเก้าแคว้นนั้นสงบสุข ในหมู่สำนักต่างๆ เส้นแบ่งระหว่างคุณธรรมและความชั่วร้ายนั้นไม่ชัดเจนนัก หลายร้อยปีมานี้ในโลกบำเพ็ญเซียน ผู้บำเพ็ญเซียนหลายต่อหลายคนได้เขียนเรื่องรักใคร่ที่ไม่สมหวังระหว่างวิญญาณและมนุษย์ออกมาไม่น้อย บางพื้นที่มีกระแสนิยมรูปแบบใหม่ที่นำผีดิบสาวมาเป็นคนรักด้วยซ้ำ แต่แน่นอนว่าอีกฝ่ายต้องงดงามมากพอ

ทว่าเหล่าวิญญาณร้ายในกระแสน้ำทมิฬนั้นแตกต่างจากผีดิบและวิญญาณทั่วไปในอาณาจักรเก้าแคว้นมาก การมีอยู่ของพวกมันนั้นบิดเบี้ยวและมุ่งร้ายมากกว่า แม้พวกมันจะมีสติปัญญา แต่พวกมันก็ไม่ปรารถนาจะอยู่ร่วมอย่างสันติกับสิ่งมีชีวิตอื่นแม้แต่น้อย ทุกครั้งที่พวกมันปรากฏตัวออกมา พวกมันตั้งใจที่จะกวาดล้างสิ่งมีชีวิต โดยไม่มีการประนีประนอมใดๆ ทั้งสิ้น

ไม่เช่นนั้นแล้ว ในปีที่ผ่านมานี้ หวังลู่ย่อมเปลี่ยนเหล่าวิญญาณร้ายเหล่านี้ให้กลายเป็นผู้ติดตามของสำนักภูมิปัญญา ทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่เหล่ามนุษย์เป็นเพื่อให้โลกเคลื่อนคล้อยสู่สวรรค์ไปนานแล้ว

“เจ้าตูบโง่ เจ้าหลอกข้านี่”

เจ้าสุนัขหน้าโง่นี่นำทางให้เขามาเจอกับวงล้อมของวิญญาณร้ายขนาดมหึมาสิบตนนี้ เขาไม่รู้ว่าสิ่งใดดลใจให้เจ้าสุนัขโง่นี่ออกตามหาพวกมัน แต่น่ามีบางอย่างที่ผิดธรรมดาอยู่ในใจกลางวงล้อมนั้น ที่ทำให้พวกมันต้องเฝ้าระวังอย่างแน่นหนา… เคราะห์ดีที่เจ้ายักษ์ใหญ่พวกนี้ไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกับราชาซากศพปรลัย จากความแข็งแกร่งของหวังลู่ในตอนนี้ การเผชิญหน้ากับเจ้ายักษ์ใหญ่สามถึงสี่ตนไม่ถือว่ากดดันอะไร เพียงแค่หากพวกมันทั้งสิบพุ่งเข้ามาหาเขาพร้อมกัน มันก็อาจจะเสี่ยงไม่น้อย แถมนอกจากวิญญาณร้ายยักษ์ใหญ่สิบตนนี่แล้ว ยังมีเหล่าผีดิบ ลูกไฟ และสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ที่มารวมตัวกันเป็นภูเขาอยู่ก่อนหน้านี้ด้วย

ทว่าในฐานะนักผจญภัยมืออาชีพ เขารู้ตัวดีว่าไม่ควรขวัญหนีในสถานการณ์เช่นนี้ ดังนั้นหวังลู่จึงยื่นกระบี่ไปด้านหน้า “เจ้าตูบหน้าโง่ โจมตี”

“โฮ่ง”

เจ้าสุนัขหน้าโง่พุ่งเข้าใส่วิญญาณร้ายขนาดยักษ์ทั้งสิบอย่างไม่ลังเล อาหารจานพิเศษนี้อยู่ใกล้เสียจนมันสามารถได้กลิ่นอย่างชัดเจน แน่นอนว่าสิ่งนั้นอยู่ที่ใจกลางวงล้อมของวิญญาณขนาดยักษ์ทั้งสิบนี้ และด้วยสัญชาตญาณสัตว์ มันรู้ชัดว่าการพุ่งเข้าชนเหล่ายักษ์ใหญ่พวกนี้นั้นเสี่ยงอันตรายใหญ่หลวง เพราะมันไม่อาจรับมือเจ้ายักษ์ใหญ่พวกนั้นได้สักตัว หากออกล่าพร้อมหวังลู่ก็อาจจะฆ่าพวกมันได้บ้าง ทว่าการที่ต้องเผชิญหน้ากับยักษ์ใหญ่เหล่านี้สิบตนพร้อมกันก็เหมือนเดินเข้าไปหาที่ตาย

แต่สุดท้ายแล้วมันก็เลือกพุ่งตัวเข้าไปอยู่ดี หนำซ้ำยังโถมเข้าไปด้วยความเร็วที่เหลือเชื่อ ทิ้งหวังลู่ให้อยู่ด้านหลังเพียงลำพัง ทันใดนั้นวิญญาณยักษ์ใหญ่ทั้งสิบก็คำรามไร้เสียงและพุ่งตัวหมายจะคว้าเจ้าสุนัขไว้

ตู้ม!

ประกายไฟจำนวนไม่น้อยระเบิดขึ้นท่ามกลางความมืด ดวงไฟเหล่านี้ยากจะมองเห็นในความมืด และแม้จะเบาบางและสั่นไหวไปมาในความมืดที่ไร้ขอบเขตนี้ แต่เปลวไฟก็รุนแรงเพียงพอที่จะเผาไหม้ได้

ประกายไฟนี้ดูเหมือนจะเป็นเส้นแบ่งระหว่างหยินกับหยาง ความสว่างกับความมืด และขาวกับดำ ด้วยเส้นแบ่งนี้ ดินแดนที่แอบซ่อนอยู่ในความเงียบสงัดก็พลันสะท้อนสีสันขึ้นมา ภาพวิญญาณยักษ์ใหญ่ทั้งสิบที่กำลังยื่นมือน่าเกลียดน่าชังขนาดมหึมาสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน และถูกสะท้อนไปมาจากแสงและเงาของประกายไฟ เสียงคำรามจากวิญญาณที่อยู่รอบข้างในชั่วขณะที่ไฟกำลังเผาไหม้ไหลเอ่อเข้ามาในหูในทันที เสียงก่นด่าอย่างโกรธเกรี้ยวนับไม่ถ้วนรวมทั้งเสียงที่เปี่ยมไปด้วยความเกลียดชังจำนวนมากหมุนวนรวมกันจนกลายเป็นเสียงกรีดร้องคร่ำครวญไม่ขาดสาย

นี่คือไฟจากหยกเรืองแสง แหล่งที่มาของแสงเพียงอย่างเดียวในกระแสน้ำทมิฬ ขณะเดียวกันกับที่เจ้าสุนัขหน้าโง่พุ่งตัวออกไป หวังลู่ก็ล้วงเอาหยกเรืองแสงที่สะสมไว้ออกมาจากย่ามสีเหลืองหม่นและโปรยมันไปทั่ว

แสงไฟขับไล่กระแสน้ำทมิฬรวมถึงวิญญาณใหญ่ยักษ์ที่หวาดกลัวและรีบชักมือกลับจนร่างเซไปด้านหลังขณะรีบร้อนถอยหนี แน่นอนว่าวิญญาณปรลัยเหล่านี้หวาดกลัวไฟจากหยกเรืองแสงเป็นทุนเดิม ทว่าทันทีที่พวกมันถอยหลัง สิ่งที่พวกมันปกป้องอย่างแน่นหนาก็ปรากฏสู่สายตา ไฟจากหยกเรืองแสงของหวังลู่นั้นเจิดจ้า มันสะท้อนให้เห็นสิ่งที่วิญญาณใหญ่ยักษ์เหล่านั้นล้อมรอบอยู่

ทว่าทันทีที่วิญญาณเหล่านั้นถอยร่นไปจนเผยให้เห็นสิ่งที่พวกมันซ่อนไว้ หวังลู่ก็อดอุทานออกมาไม่ได้ “ระยำ!” จากนั้นเขาก็หยุดเท้า ไม่อาจพุ่งเข้าไปเปิดการโจมตีได้

รายรอบไปด้วยแสงไฟจากหยกเรืองแสง ภายในระยะการมองเห็นของเขา ปรากฏให้เห็นวิญญาณรูปร่างมนุษย์กายสีเข้มผิวหนังวาววับ มันซ่อนใบหน้าไว้ในฝ่ามือ ส่งเสียงขู่ออกมาด้วยความหวาดกลัวเปลวไฟ

วิญญาณตนนี้สูงเท่ามนุษย์ทั่วไป รูปร่างของมันคล้ายมนุษย์มาก และเพราะทั้งร่างเปลือยเปล่า ทำให้มองเห็นกลุ่มกล้ามเนื้อและผิวหนังเรียบลื่นวาบวาม แม้หวังลู่จะมองไม่เห็นหน้าของอีกฝ่าย เพราะถูกฝ่ามือปกปิดเอาไว้ แต่เขาก็เห็นบางอย่างที่ทั้งใหญ่และยาวห้อยอยู่กลางหว่างขาของมันอย่างชัดเจน

“ระยำจริงๆ ข้าคิดอยู่แล้วเชียวว่าต้องมีวิญญาณแปลกๆ พรรค์นี้อยู่ในหมู่วิญญาณร้ายด้วย เจ้าตูบเดนตายเอ๊ย สิ่งที่เจ้าเรียกว่าทรงพลังและรุนแรงหมายถึงทรงพลังและรุนแรงเช่นนี้สินะ!”

ในฐานะนักผจญภัยมืออาชีพ หวังลู่นั้นมีจิตใจมั่นคงยิ่งยวดไม่หวั่นไหวแม้ต้องเผชิญกับภูเขาที่กำลังถล่มลงต่อหน้า หลังจากที่ก้าวเท้าเข้ามายังโลกบำเพ็ญเซียน และด้วยการช่วยเหลือจากจิตเซียนไร้ลักษณ์ พลังวิญญาณขั้นปฐมของเขาก็เฉียบแหลม สติปัญญาก็เฉียบคมขึ้น แม้เขาจะยังมีความรู้สึกแปลกใจอยู่ แต่ในความเป็นจริง ความรู้สึกที่ว่านั้นแทบไม่ส่งผลต่อการกระทำของเขาเลย

ทว่าครั้งนี้ วิญญาณสีเข้มตนนี้กลับทำให้หวังลู่ลังเลไปพักหนึ่ง แถมมันยังทำให้เขาหยุดการจู่โจมได้

ทว่าเจ้าสุนัขเดนตายกลับไม่รู้สึกรู้สาและยังเข้าโจมตีต่อไป ขณะที่อีกฝ่ายยังคงหวาดหกลัวแสงไฟจากหยกเรืองแสง มันจึงเผยช่องว่างให้เข้าจู่โจม เจ้าสุนัขเดนตายกัดเข้าที่แขนของอีกฝ่าย พยายามกระชากมันออกเพื่อเผยให้เห็นลำคอที่มือปิดอยู่

ในเมื่อเจ้านี่เป็นวิญญาณที่มีรูปร่างคล้ายมนุษย์ มันอาจกัดเข้าที่ลำคอหรือขยี้กะโหลกจนแตกได้… ในทางทฤษฎี วิญญาณกับสิ่งมีชีวิตมีโครงสร้างที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ทว่าเมื่อไม่นานนี้ตอนที่พวกเขาออกล่าเหล่าวิญญาณร้าย พวกเขาก็สังหารวิญญาณที่มีรูปร่างคล้ายมนุษย์ไปไม่น้อย เมื่อถูกเจ้าสุนัขหน้าโง่กัด เสียงขู่ของวิญญาณร้ายผิวคล้ำก็ดังขึ้นเป็นสองเท่า แสดงให้เห็นว่ามันเจ็บปวดมหันต์ อึดใจถัดมา กล้ามเนื้อแขนของมันก็ถูกสะบั้นออกเป็นสองส่วน

ทันใดนั้น แขนของวิญญาณตนนี้ก็คลายลง เผยให้เห็นสิ่งที่เชื่อมระหว่างศีรษะกับลำตัว ซึ่งก็คือลำคอ

เจ้าสุนัขหน้าโง่ยินดียิ่งนัก มันถีบขาหลังพุ่งตัวไปยังใบหน้าของวิญญาณตยนั้น ฟันทั้งสองแถวอ้ากว้างหมายมั่นที่จะเข้าไปขย้ำลำคอของอีกฝ่าย ตรายใดที่มันสามารถฝังเขี้ยวไปบนลำคอของอีกฝ่ายได้ ชัยชนะก็ไม่ไปไหนเสีย แม้จะไม่แจ่มชัดนัก แต่ระบบย่อยอาหารของเจ้าสุนัขเดนตายตัวนี้ก็ถือว่าฝืนลิขิตสวรรค์อย่างแท้จริง ทันทีที่สิ่งใดก็ตามเข้าปากของมัน สิ่งนั้นจะหายไปตลอดกาล… ต่อให้อีกฝ่ายระดับสูงกว่ามันหลายขั้นก็ตาม

วิญญาณร่างเข้มนั้นแข็งแกร่งอย่างไม่ต้องสงสัย แม้จะมีวิญญาณยักษ์ใหญ่สิบตนคอยปกป้อง ทว่าพละกำลังของมันกลับมากกว่าเหล่ายักษ์ใหญ่พวกนั้นเสียอีก หากหวังลู่กับเจ้าสุนัขอยู่ภายใต้กระแสน้ำทมิฬ ต่อให้ทั้งคู่ร่วมแรงกัน โอกาสที่จะชนะก็มีเพียงครึ่งเดียว… ทว่าก่อนหน้านี้ ตาลุงผิวเข้มตนนี้มัวแต่หวาดกลัวไฟจากหยกเรืองแสง ทำให้ไม่อาจตั้งรับได้ทัน

ทว่าตอนที่คมเขี้ยวของเจ้าสุนัขกำลังจะบดขยี้ลงไปที่เป้าหมาย มันก็ได้ยินคำสั่งจากปากของหวังลู่

“เจ้าตูบหน้าโง่ มานี่”

เจ้าสุนัขจอมทึ่มตัวแข็งทื่อ มันไม่ได้กำลังคิดว่าเหตุใดหวังลู่จึงบอกให้ถอนตัว ทั้งยังไม่ได้คิดว่าจะทำตามใจตัวเอง… ความจริงแล้วมันไม่รู้จะตอบสนองต่อเสียงเรียกนี้อย่างไรต่างหาก

เจ้าสุนัขหน้าโง่มีสมองจำกัด เมื่อพลังสมองของมันถูกใช้ไปกับการต่อสู้หมดแล้ว การประมวลผลด้านภาษาจึงทำงานได้อย่างเชื่องช้า ในการออกล่าก่อนหน้านั้น พวกเขาไม่ได้เหนื่อยยากเท่าครั้งนี้ เจ้าสุนัขไม่ได้ใช้พละกำลังมากมาย จึงมีพลังสมองเหลือพอทำตามคำสั่งของหวังลู่ได้ ทว่าครั้งนี้ ต่อหน้าอาหารชั้นเลิศ แรงกระตุ้นที่มากเกินขนาดทำให้มันสูญเสียความสามารถในฟังคำสั่งไปชั่วคราว

แต่หวังลู่ที่อยู่ด้านหลังกลับตกใจวูบขึ้นมา

นั่นเป็นเพราะหลังจากที่ตกตะลึงไปในตอนแรก หวังลู่ก็จำวิญญาณผิวคล้ำนี่ได้ เขารู้สึกยินดีอย่างยิ่งที่หยุดเท้าตัวเองไว้เมื่อได้เห็นรยางค์ขนาดใหญ่โตของอีกฝ่าย

เพราะเจ้านี่คือแม่ทัพซากศพปรลัย หนำซ้ำเมื่อดูจากสีผิวที่ดำคล้ำของอีกฝ่าย เขาก็รู้ได้ว่ามันคือหนึ่งในแม่ทัพซากศพพิษทมิฬที่โด่งดัง เจ้านี่มีพละกำลังใกล้เคียงกับเสี่ยวหมิงที่อยู่ในขั้นพิสุทธิ์ระดับต้น หากจะบอกว่ามันทรงพลังไม่เบาก็อาจไม่ถึงขนาดนั้น แต่ทว่า… เจ้านี่เจ้าเล่ห์อย่างฉกาจฉกรรจ์เลยทีเดียว

ที่แม่ทัพตนนี้หวาดกลัวเปลวไฟจากหยกเรืองแสงอาจจะเป็นเรื่องจริง ทว่าถึงขั้นกลัวเสียจนเอามือปิดหน้าและไม่อาจต้านทานต่อแสงไฟได้นั้นดูเสแสร้งไปหน่อย การปล่อยให้แขนข้างหนึ่งถูกฉีกทึ้งเป็นสองส่วนดูเหมือนจะทำให้เจ้าสุนัขหน้าโง่ได้เปรียบ ทว่าอันตรายที่ซ่อนอยู่นั้นใกล้จะปรากฏออกมาแล้ว

นอกจากระบบย่อยอาหารที่ทรงพลังแล้ว เจ้าสุนัขหน้าโง่ก็ไม่มีจุดเด่นด้านอื่นแล้ว มันย่อมไม่อาจต้านทานต่อการจู่โจมกลับของแม่ทัพซากศพพิษทมิฬได้ และหากเจ้าสุนัขหน้าโง่นี่ตาย หวังลู่ก็ไม่มีทางเอาชนะเสี่ยวหมิงตบะขั้นพิสุทธิ์นี่ได้เพียงลำพัง ทำให้การออกล่าครั้งนี้ต้องล้มเหลว…

เคราะห์ดี…ที่เขายังมีไพ่ตายซ่อนอยู่

“โฮ่ง!”

ช่วงเวลาวิกฤตนั่นเอง เสียงเห่าก็ดังก้องไปทั่ว ทำเอาเจ้าสุนัขหน้าโง่อกสั่นขวัญแขวน มันรีบคลายกรามออกและวิ่งกลับมา

แม้เขาจะช่วยชีวิตเจ้าสุนัขหน้าโง่ได้สำเร็จ แต่เขากลับมีใบหน้าถมึงทึง ไม่ได้มีทีท่าภูมิอกภูมิใจในการเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านภาษาต่างด้าวเลยแม้แต่น้อย เสียงเห่าเมื่อครู่แน่นอนว่าออกมาจากปากเขา ซึ่งความอับอายครั้งนี้จะฝังตรึงอยู่ในสมองของเขาไปชั่วชีวิต หลังจากนี้พอพวกเขากลับถ้ำไป เขาจะต้องให้เจ้าสุนัขชดใช้ด้วยขาของมันเสียแล้ว

ในขณะเดียวกัน ผิวหนังของแม่ทัพซากศพพิษทมิฬก็ค่อยๆ หลอมละลาย มันไหลย้อยลงมาราวกับเป็นโคลนพิษสีดำ แม้ของเหลวพิษร้ายแรงนี้อาจจะถูกย่อยได้หากมันเข้าไปอยู่ในกระเพาะของเจ้าสุนัขหน้าโง่ แต่หากกระเด็นโดนตัวของเจ้าสุนัขละก็ ฝ่ายหลังมีแต่ตายสถานเดียวเท่านั้น ผิวหนังที่หลุดร่อนได้ของแม่ทัพซากศพพิษทมิฬนี้มีไว้ล่อหลอกและสังหารศัตรู

เจ้าสุนัขหน้าโง่ที่เกือบถูกฆ่าเพราะเล่ห์กลดังกล่าวตัวสั่นไปจนถึงกระดูกด้วยความกลัว มันหันกลับมาหาหวังลู่และเอ่ยถาม “ท่านพูดภาษาสุนัขได้จริงอ่ะ”

ทว่าทันทีที่มันหันหน้ามา เสียงคำรามของหวังลู่ก็ดังก้องในโสตประสาท “เจ้าโง่ มองไปข้างหน้า”

หวังลู่ไม่คาดคิดว่าเจ้าสุนัขจอมทึ่มจะโง่เง่าขนาดหนักในสถานการณ์เช่นนี้ ต่อหน้าแม่ทัพซากศพพิษทมิฬ มันยังกล้าที่จะหันหน้ากลับมา หรือจริงๆ แล้วเจ้านี่อยากตายไวๆ กันแน่

ในขณะเดียวกัน มีหรือที่แม่ทัพซากศพพิษทมิฬจะปล่อยให้โอกาสนี้หลุดลอยไป แส้กระดูกสีอ่อนพุ่งออกมาอย่างรวดเร็วจากใต้ผิวหนังที่ละลายร่อนออกมา

ช้าไป…

ช่วงเวลาที่แส้กระดูกปรากฏขึ้น หวังลู่ก็คำนวณไว้แล้วว่าเจ้าสุนัขหน้าโง่ที่วอกแวกเพียงชั่วอึดใจเดียวจะต้องถูกแส้นั่นฟาดใส่แน่ ปฏิกริยาและการออกตัวของมันไม่สัมพันธ์กับความเร็วของแม่ทัพซากศพพิษทมิฬ หนำซ้ำอีกฝ่ายยังโจมตีตอนที่มันไม่ทันตั้งตัว ทำให้มันไม่มีโอกาสได้หลบหนี

ตอนออกล่าในกระแสน้ำทมิฬครั้งล่าสุด ความสำเร็จของพวกเขาเกิดขึ้นได้เพราะเพลงกระบี่ไร้ลักษณ์คอยปกป้องเจ้าสุนัขหน้าโง่อยู่ ทว่าครั้งนี้เพราะเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน ทำให้พวกเขาต้องแยกจากกัน เปิดช่องโหว่ขนาดใหญ่ในการร่วมมือกัน น่าสมเพชชะมัด แม้ความเร็วในการคิดของเขาจะว่องไวมาก แต่ร่างกายของเขากลับตามไม่ทัน แถมวิชาไร้ลักษณ์ก็ไม่ได้ขึ้นชื่อด้านความเร็ว ต่อให้เขาพุ่งออกไปในตอนนี้ ก็ยังห่างจากพวกนั้นหลายจั้งอยู่ดี

นี่คือจุดอ่อนเรื่องวรยุทธ์ของเขา ในการต่อสู้หลายต่อหลายครั้ง ระยะห่างเพียงไม่กี่จั้งสามารถตัดสินความเป็นความตายได้ ทว่าต้องเป็นช่วงเวลาเร่งด่วนเช่นนี้ล่ะ ที่เขาจะใช้ไพ่ตายที่ซ่อนไว้

หวังลู่ก้าวไปข้างหน้าและกวัดแกว่งกระบี่ไปมา ภายใต้แสงวิบวับของกระบี่แห่งเขาคุน แส้กระดูกที่อยู่ห่างออกไปหลายจั้งกลับหยุดนิ่งอยู่กลางอากาศ ไม่อาจขยับเขยื้อนไปได้แม้เพียงสักชุ่นราวกับปะทะเข้ากับกำแพงที่มองไม่เห็น เจ้าสุนัขหน้าโง่ยังคงไม่รู้ตัวว่าตอนนี้มันอยู่ในสถานการณ์ที่อันตรายอย่างสุดซึ้งเพราะปลายแส้ที่แหลมคมกำลังพุ่งเข้าหามัน

อึดใจถัดมา ที่ผิวนอกของแส้กระดูกก็เกิดเป็นรอยร้าวขึ้นตลอดทั้งเส้น นั่นเป็นเพราะการโจมตีที่รุนแรงถูกสกัดเอาไว้ แส้กระดูกจึงเสียหายรุนแรง แม่ทัพซากศพพิษทมิฬชักแส้กลับพร้อมกรีดร้องขึ้นมาอย่างเจ็บปวด มันตรึงสายตาดุร้ายไปที่หวังลู่ ซึ่งส่งยิ้มจริงใจกลับไป

แน่นอนว่าหวังลู่กับเจ้าสุนัขหน้าโง่อยู่ห่างกันหลายจั้ง แต่การเคลื่อนไหวเพียงครั้งเดียวของเขาสามารถสกัดการโจมตีที่รุนแรงของวิญญาณร้ายระดับแม่ทัพซากศพได้ หวังลู่เพิ่งเคยใช้ไพ่ตายนี้เป็นครั้งแรก แต่เขากลับทำสำเร็จ พลังปราณไร้ลักษณ์ดั้งเดิมนี่ช่างทรงพลังจริงๆ…

…………………………………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด