กาลหนึ่งเคยมีเขากระบี่วิญญาณ 13 นางเผยเรื่องสำคัญออกมา!

Now you are reading กาลหนึ่งเคยมีเขากระบี่วิญญาณ Chapter 13 นางเผยเรื่องสำคัญออกมา! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

 

เสี่ยวชีคิดจะทลายกรงที่ขังเหล่าสุนัขไว้ แต่ก่อนที่อาคมของนางจะส่งผลอย่างสมบูรณ์ พลังปราณฟ้าดินที่จู่ๆ เข้มข้นขึ้นก็พลันทำลายอาคมของนางลง เสี่ยวชีขมวดคิ้วพลางดึงมือขวากลับจากนั้นนางก็ได้ยินเสียงหญิงสาวดังก้องไปทั่วทั้งหุบเขา

“นักบวชเซนเนื้อสุนัข เจ้านี่มันบ้าบิ่นดีจริงๆ กล้าปีนขึ้นมาบนเขาอวิ๋นไท่ของข้า โดยที่ไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่าเดินมาหาที่ตายแท้ๆ!”

ทันใดนั้นร่างอรชรก็ปรากฏตัวกลางอากาศต่อหน้าทุกคน เห็นได้ชัดว่าคนผู้นี้คือหนึ่งในผู้อาวุโสของสำนักเชี่ยวชาญสรรพสัตว์สาขาเขาอวิ๋นไท่ หลังจากที่ค่ายกลทำงานแล้ว ร่างของนางก็ปรากฏบนยกพื้น ท่าทางของนางสง่างามจนชวนตะลึง พลังอิทธิฤทธิ์จำนวนมหาศาลของนางไหลพล่านราวกับเป็นคลื่นบ้าคลั่งที่บรรจุความลึกลับของจักรวาลไว้ เพียงเท่านี้ก็รู้ได้ว่าตบะเซียนของนางนั้นอยู่ในขั้นสร้างแกนช่วงปลาย

“จิ๊ๆ ดูที่ท่านทำสิ ท่านยั่วจนหัวหน้าของพวกมันต้องออกมา!” หวังลู่ถอนหายใจอย่างสิ้นหวังขณะที่มือขวาล้วงเข้าไปในย่ามสีเหลืองตุ่นซึ่งมียันต์กระบี่วิญญาณนภาอยู่ หากเรียกใช้มันในช่วงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวาน มันจะส่งตัวเขากลับไปยังเขากระบี่วิญญาณทันทีโดยไม่สนสถานการณ์ใดๆ ทั้งสิ้น ผลของยันต์นี้เรียบง่าย ตรงไปตรงมาและไม่สง่างามเท่าไร มันคือตัวช่วยชีวิตฝืนลิขิตสวรรค์ของหวังลู่ ที่นักผจญภัยมืออาชีพเช่นเขาเก็บเอาไว้ดิบดี

ทว่าทันทีที่หวังลู่ใช้ไพ่ไม้ตายนี้ ชื่อเสียงของเขาในฐานะนักผจญภัยมืออาชีพก็จะลดลงไปครึ่งหนึ่งเลยทีเดียว หากไม่ใช่ที่พึ่งสุดท้าย เขาก็ไม่มีวันคิดถึงสิ่งนี้ ทว่าเมื่อต้องเผชิญหน้ากับฝ่ายตรงข้ามที่มีตบะขั้นสร้างแกนช่วงปลาย หากเขาไม่คิดจะตาย เขาก็ควรที่จะคิดใช้มัน

หากไม่มีนักบวชเซนเนื้อสุนัขที่เขายังไม่อาจหยั่งความสามารถได้ หวังลู่ย่อมใช้ยันต์ดังกล่าวและกลับขึ้นเขาไปกับหลิวหลีตั้งแต่แรกแล้ว พวกเขาไม่อาจยอมให้ฝ่ายตรงข้ามที่มีตบะขั้นสร้างแกนช่วงปลายโจมตีได้แม้เพียงกระบวนท่าเดียว

“เฮอะ เจ้ากลัวอะไรกัน นางก็แค่ขั้นสร้างแกนช่วงปลายเท่านั้น”

ศิษย์พี่เสี่ยวชีเบ้ปากอย่างเหยียดหยาม

หวังลู่ตะโกนลั่นในใจ ‘แน่สิ นางเป็นสหายของอาจารย์นี่ สำหรับผู้บำเพ็ญเซียนตบะขั้นสร้างแกนระดับกลางแล้ว ขั้นสร้างแกนช่วงปลายเป็นอะไรที่ไม่อาจเอาชนะได้ ทว่าสำหรับศิษย์พี่ที่เชี่ยวชาญอย่างนาง อีกฝ่ายคงเป็นเพียงยามน้องใหม่ที่จัดการได้ง่ายๆ สินะ’

ตอนนั้นเองหวังลู่ก็ปรายสายตาไปมองร่างอรชรที่อยู่บนอากาศจากนั้นก็อุทานออกมา “น้องเหมียว!?”

กลายเป็นว่าผู้อาวุโสจากสำนักเชี่ยวชาญสรรพสัตว์ที่ออกมาสกัดพวกเขาไว้คือเด็กสาวที่มีหูเป็นแมว อายุของนางน่าจะประมาณสิบสองหรือสิบสามปี ดูเด็กน้อยเสียยิ่งกว่าหลิวหลีอีก หูปุกปุยทั้งสองข้างที่อยู่บนศีรษะดูระแวดระวังและว่องไวไม่น้อย บนแก้มของนางยังมีหนวดหลายเส้นที่สั่นไปมาทุกครั้งที่เด็กสาวเปิดปาก อีกทั้งนางยังมีเล็บแหลมคมอยู่บนนิ้วมือทั้งสองข้าง ทั้งหมดนี้แสดงให้เห็นตัวตนที่ไม่ใช่มนุษย์ของนาง

แน่นอนว่านางไม่ใช่ผู้บำเพ็ญเซียนที่เป็นมนุษย์ แต่เป็นแมวภูตที่สำเร็จวิชาเปลี่ยนร่าง… เหตุการณ์เช่นนี้ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่อะไรในสำนักเชี่ยวชาญสรรพสัตว์ หลังจากบำเพ็ญเซียนสำเร็จแล้ว สัตว์ภูตก็สามารถได้รับอภิสิทธิ์ต่างๆ เหมือนผู้บำเพ็ญเซียนทั่วไป เว้นเพียงตำแหน่งผู้อาวุโสที่อาจจะได้มายากหน่อย ทว่าผู้อาวุโสของสำนักเชี่ยวชาญสรรพสัตว์สาขาเขาอวิ๋นไท่นี้ไม่ใช่ตำแหน่งผู้จัดการอาวุโสแต่อย่างใด

ทันทีที่เห็นหูแมวของหญิงสาว หวังลู่ก็เริ่มเข้าใจความยากลำบากของสุนัขภูตนับพันตัวที่อยู่บนยกพื้นขึ้นมา ตามกฎของสวรรค์และโลกมนุษย์สุนัขและแมวนั้นไม่ถูกกัน และในเมื่อผู้อาวุโสเป็นแมวภูต สุนัขภูตในพื้นที่รอบๆ เขาอวิ๋นไท่ก็ย่อมพบเจอกับความยากลำบากเป็นธรรมดา หากอีกฝ่ายเป็นหมาใน สุนัขป่า เสือโคร่ง หรือเสือดำที่ต้องกินเนื้อสดๆ จำนวนมากเพื่อให้ได้รับสารอาหารที่เพียงพอ สิ่งมีชีวิตทั้งหมดในเขาอวิ๋นไท่ย่อมต้องลำบากหนักแน่

เด็กสาวหูแมวที่ลอยค้างอยู่กลางอากาศแปลกใจไม่น้อยที่ได้เห็นว่า ทั้งที่นางแสดงอำนาจของผู้บำเพ็ญเซียนตบะขั้นสร้างแกนออกมาแล้ว แต่บางคนก็ยังกล้าทำตัวน่ารำคาญอยู่อีก เด็กสาวย้ายสายตาจากนักบวชเซนเนื้อสุนัขที่นางมองว่าตายไปแล้วมายังหวังลู่และหลิวหลี

“พวกเจ้าทุกคนถูกขังอยู่ในค่ายกลห้าเขากำราบเส้นโลหิตของสำนักเชี่ยวชาญสรรพสัตว์ ไม่ว่าจะมีวิธีที่ยอดเยี่ยมเพียงใด ก็อย่าคิดว่าจะออกจากที่นี่ไปได้ นักบวชเซนเนื้อสุนัขไม่อาจมีชีวิตรอดแน่นอน แต่สำนักเชี่ยวชาญสรรพสัตว์ของเราก็ยังมีเมตตา หากผู้ติดตามทั้งสองจะยอมจำนนโดยไม่เสียเลือดเสียเนื้อและมอบสุนัขภูตให้ข้า ข้าก็จะไว้ชีวิตพวกเจ้า”

เด็กสาวหูแมวพยายามวางท่าน่ายำเกรงเพื่อสร้างความหวาดกลัวต่อผู้คน แต่เสียงแหลมเล็กเหมือนเด็กของนางกลับทำให้คำพูดที่เปล่งออกมานั้นฟังดูน่าหัวร่อ แต่แน่นอนว่าภายใต้พลังอิทธิฤทธิ์ที่ไหล่พล่านของผู้บำเพ็ญเซียนตบะขั้นสร้างแกนช่วงปลายนี้ ผู้ที่กล้าหัวเราะออกมาดังๆ มีอยู่ไม่กี่หยิบมือเท่านั้น

ทว่าหวังลู่ในฐานะนักผจญภัยมืออาชีพรังเกียจการข่มขู่ที่ไร้ชั้นเชิงเช่นนี้ยิ่งนัก เขาแย้งออกไปทั้งที่ในใจรู้สึกเบื่อหน่าย “หากแม่แมวอย่างเจ้าเปลี่ยนชุดเป็นชุดสาวใช้และรินน้ำชาให้เรา เราอาจไว้ชีวิตเจ้าก็ได้ ไม่อย่างนั้นท่านป้านักบวชเซนเนื้อสุนัขของข้าจะจับเจ้าทำน้ำซุป แล้วเอาเนื้อเจ้ามาทำเครื่องเคียงเสียเลย!”

“เจ้าคนอวดดี!”

เสียงคำรามแหลมหูของเด็กสาวหูแมวเป็นดั่งคลื่นที่ทำเอาท้องฟ้าปั่นป่วนแผ่นดินสั่นไหว ราวกับว่าทั่วท้องฟ้าถูกสายลมแหลมคมที่มองไม่เห็นกรีดไปทั่ว ก้อนหินที่อยู่โดยรอบส่งเสียงดังและยุบตัวลง ต้นไม้ก็หักโค่นทั้งกลางลำ และสิ่งเหล่านี้เป็นเพียงผลข้างเคียงเท่านั้น พลังของเสียงกรีดร้องนี้พุ่งเป้าไปที่ร่างของเสี่ยวชีโดยตรง

แม้คนที่พูดจายั่วยุนางจะเป็นหวังลู่ แต่เหตุใดนางจึงต้องแยแสผู้บำเพ็ญเซียนที่มีตบะเพียงขั้นสร้างฐานด้วยเล่า นางบำเพ็ญเซียนมาสามร้อยปี จากร่างของสัตว์ภูตมาสู่ร่างมนุษย์ และใช้วิชาลับของสำนักเชี่ยวชาญสรรพสัตว์ล้างไอปีศาจออกไปหมดสิ้นได้เป็นผลสำเร็จ จนกลายมาเป็นพลังอิทธิฤทธิ์ที่ถูกต้องดีงาม ตอนนี้นางมีตบะขั้นสร้างแกนช่วงปลาย และตบะขั้นกำเนิดใหม่ก็อยู่อีกไม่ไกลนัก สำหรับนางผู้บำเพ็ญเซียนตบะขั้นสร้างฐานก็ไม่ต่างอะไรจากมดปลวก มีเพียงนักบวชเซนเนื้อสุนัขที่เก่งกาจผู้นี้เท่านั้นที่ดูน่าจะเป็นพิษเป็นภัยกับนาง

เสียงคำรามนั้นเต็มไปด้วยพลังโจมตีของปรมาจารย์ตบะขั้นสร้างแกน หวังลู่ที่ยืนอยู่ข้างๆ เสี่ยวชีและได้รับเพียงผลกระทบเล็กน้อยยังรู้สึกได้ถึงสัญญาณที่บ่งบอกว่าวิชาไร้ลักษณ์ทั้งหมดของเขากำลังพังทลาย พลังอิทธิฤทธิ์ภายในกายของเขาไหล่พล่านไปพร้อมคลื่นเสียงโดยที่เขาไม่อาจควบคุมได้ แม้แต่กระดูกกระบี่ไร้ลักษณ์ก็สั่นสะเทือนและเผยให้เห็นรอยแตก เคราะห์ดีที่วิชาตั้งรับกระบี่ไร้ลักษณ์และความสามารถในการเอาตัวรอดของเขานั้นไร้เทียมทาน ด้วยการปกป้องสองชั้นของทั้งพลังอิทธิฤทธิ์และร่างกาย เขาไม่เพียงไม่บาดเจ็บแต่ยังรักษาวิชากระบี่ไร้ลักษณ์ไว้ได้อีกด้วย

ส่วนคุณหนูเจ็ดที่รับพลังจากเสียงคำรามนั่นไปเต็มๆ นั้น…

“เฮอะ!”

หลังจากส่งเสียงเฮอะแล้ว หญิงสาวในชุดตะวันออกก็ถอยหลังกลับมาสามก้าว ส่วนมือก็วาดตราสัญลักษณ์หลายตราอย่างต่อเนื่อง อาคมจำนวนมากปรากฏอยู่ที่ด้านหน้าของหญิงสาวและระเบิดออกราวกับเป็นดอกไม้ไฟที่งดงาม

ขณะที่หวังลู่กำลังครุ่นคิดว่านี่มันกลประเภทใดกัน เขาก็เห็นว่าสีหน้าของคุณหนูเจ็ดพลันเปลี่ยนไป จากนั้น… นางก็กระอักเลือดออกมากองใหญ่!

ยะ อย่าบอกนะว่านี่คือวิชาเงาโลหิต ที่จะพ่นโลหิตออกมาเพื่อทำให้ศัตรูบาดเจ็บ ทว่าเมื่อเขาเห็นใบหน้าที่ซีดเผือดและบาดแผลภายนอกของหญิงสาว หวังลู่ก็จำต้องยอมรับความจริงที่น่าเศร้านี้

นักบวชเซนเนื้อสุนัข คนปลิ้นปล้อนสารเลว! เมื่อกี้ท่านยังพูดอย่างฮึกเหิมอยู่เลยว่าแค่ตบะขั้นสร้างแกนช่วงปลายจะต้องกลัวอะไร แล้วนี่เผลอแวบเดียวท่านกลับกระอักเลือดออกมาเสียได้ ซ้ำยังบาดเจ็บหนักขนาดนี้!? ท่านเป็นสหายของอาจารย์ข้าไม่ใช่รึ สหายของอาจารย์ประสาอะไรเหตุใดถึงได้ห่วยแตกขนาดนี้! ท่านเป็นสหายประเภทที่ว่าเดินเข้ามาจับสะโพกของหวังอู่แล้วตะโกนเสียงดังว่า “มาเป็นเพื่อนกันเถอะศิษย์พี่!” หรืออย่างไร

ขณะที่หวังลู่ยังอยู่ในอาการดูหมิ่น โกรธเคืองและประหลาดใจอยู่นั้น คุณหนูเจ็ดก็พยายามเปิดปากเพื่อแก้ตัว “เป็นแค่ขั้นสร้างแกนช่วงปลาย หากร่างจริงของข้าอยู่ที่นี่ ข้าย่อมไม่ยอมให้นางทำตัวโอหังได้แน่! โชคร้ายที่ตอนนี้ข้าเป็นเพียงร่างที่แบ่งภาคมา ฝีมือถึงได้ด้อยกว่า…”

ข้าไม่สนว่านี่จะเป็นร่างจริงหรือว่าร่างแบ่งภาคของท่าน หากความสามารถของท่านไม่เจ๋งเท่ายัยเด็กแมวนี่ ก็แค่คุกเข่าลงดีๆ ไม่ใช่แสร้งว่าเก่งกาจและโกหกคนของตัวเองเช่นนี้!

ทว่าเขาก็ทำได้เพียงตะโกนด่านางในใจ เมื่อเห็นว่าสถานการณ์กำลังย่ำแย่ลง หวังลู่ก็ดึงหลิวหลีเข้ามาใกล้ตัวเขาและจับแขนอีกฝ่ายไว้ ขณะเดียวกันท่ามกลางเสียงคำรามแสบหูนั่น เขาก็สืบเท้าไปหาเสี่ยวชีช้าๆ พร้อมที่จะใช้ยันต์กระบี่วิญญาณสวรรค์และหนีไปด้วยกัน

ในตอนนั้นเอง เสี่ยวชีก็พลันพูดขึ้น “ยังไงซะแม้ว่าเราจะเอาชนะนางไม่ได้ แต่นางก็สกัดเราไม่ให้หนีไม่ได้เช่นกัน”

ขณะพูด ลำแสงสีทองก็สว่างวาบขึ้นบนมือของเสี่ยวชี ไม้เท้ารูปร่างหนาและทรงพลังปรากฏขึ้นในมือของนาง เสี่ยวชีกระทุ้งไม้เท้าลงบนพื้นพลางร้องตะโกน “สิ่งมีชีวิตล้วนเท่าเทียม!”

ทันในนั้นเอง ภูเขาทั้งลูกก็สั่นไหวและค่ายกลห้าเขากำราบเส้นโลหิตก็ถูกบีบให้เปิดออก เมื่อต้องเผชิญกับอาคม ‘สิ่งมีชีวิตล้วนเท่าเทียม’ นี้ กรงที่ไม่อาจทำลายได้ก็สลายไป

เด็กสาวหูแมวประหลาดใจเหลือล้น ไม่อาจทำใจให้เชื่อได้ว่าค่ายกลไร้พ่ายจะถูกทำลายได้โดยง่าย ทว่านางก็ตระหนักถึงสาเหตุของปัญหาได้ในทันที นั่นก็คือไม้เท้าในมือของนักบวชเซนเนื้อสุนัขนั่นเอง!

แก่นของมันถูกสงวนไว้ มันผลิตพลังอิทธิฤทธิ์ขึ้นได้เอง พลังของมันทั้งคล่องแคล่วว่องไวไม่ต่างจากสิ่งมีชีวิต นี่คืออาวุธศักดิ์สิทธิ์ เป็นอาวุธศักดิ์สิทธิ์ระดับกลางอย่างแน่แท้!

สำหรับสำนักทั่วไป อาวุธศักดิ์สิทธิ์ระดับต่ำสักชิ้นหนึ่งก็เพียงพอให้สมาชิกตบะขั้นสร้างแกนต้องแก่งแย่งกันแล้ว สำนักเชี่ยวชาญสรรพสัตว์นั้นเป็นสำนักชั้นสูง ดังนั้นแล้วสถานการณ์ของพวกเขาย่อมดีกว่ามาก สมาชิกตบะขั้นสร้างแกนระดับสูงทั่วไปมักจะมีอาวุธศักดิ์สิทธิ์ไว้ในครอบครองอยู่แล้ว ทว่าเด็กสาวหูแมวผู้นี้เป็นสัตว์ภูตที่เปลี่ยนร่างมา นางใช้ทรัพยากรไปมหาศาลในการเปลี่ยนร่าง ดังนั้นในตัวของนางจึงมีเพียงอาวุธวิเศษสองชิ้นเป็นอาวุธหลัก ซึ่งยังห่างชั้นกับอาวุธศักดิ์สิทธิ์อยู่ไกลโข ยิ่งไม่ต้องพูดถึงอาวุธศักดิ์สิทธิ์ระดับกลางเลย!

ไม่แปลกที่ก่อนหน้านี้ตอนคนผู้นี้มาปล้นสุนัขภูตไป จึงสามารถหลบหนีไปได้ง่ายๆ นั่นเพราะอีกฝ่ายมีของมีค่าที่ดีงามเช่นนี้นี่เอง!

เด็กสาวหูแมวรู้สึกริษยา สองเขี้ยวของนางยื่นออกมาขณะเบ้ริมฝีปาก ในตาดำก็หดตัวลงเผยให้เห็นสัญชาตญาณของนักล่า

ทว่าโชคร้ายที่นางช้าเกินไป ทันทีที่เสี่ยวชีใช้ไม้เท้าทำลายค่ายกลห้าเขากำราบเส้นโลหิต หญิงสาวก็ตะโกนออกมา “โปรดเปิดทางให้ข้า!”

จากนั้นประตูบานใหญ่ที่สลับกันอยู่ระหว่างมิติจริงและอีกมิติหนึ่งก็ปรากฏและขยายออกที่ปลายของไม้เท้า ขณะที่มือขวาของนางถือไม้เท้าอยู่ นางก็ใช้อีกมือดึงหวังลู่เข้ามาและก้าวไปข้างหน้า แม้จะเป็นย่างก้าวปกติแต่ก็เพียงพอให้ผ่านประตูไปได้ อึดใจถัดมาพวกเขาก็มาอยู่ด้านนอกเขาอวิ๋นไท่

หลังจากที่หนีจากสถานการณ์เลวร้ายบนเขาอวิ๋นไท่มาได้ ก่อนที่นางจะทันได้พักหายใจ เสี่ยวชีก็มองกลับไปและได้เห็นหวังลู่ที่มือข้างหนึ่งกำกระบี่แห่งเขาคุนไว้ ส่วนมืออีกข้างก็จับแขนของหลิวหลี มีเจ้าสุนัขลายด่างเกาะอยู่ที่ขา… คนพวกนี้ก็กำลังเตรียมตัวจะหนีเช่นเดียวกัน

ดังนั้นเสี่ยวชีจึงคลายใจลง และทิ้งตัวลงนอนบนพื้นถอนหายใจเฮือกใหญ่ นางเพิ่งรับมือกับพลังโจมตีเสียงคำรามเต็มขั้นจากเด็กสาวหูแมวมา ดังนั้นอวัยภายในจึงบาดเจ็บไม่น้อย ทว่าวิชาเซียนของหญิงสาวก็ดูลึกลับไม่เบา ไม่นานนักนางก็ทำให้พลังอิทธิฤทธิ์ในร่างที่ยังคงปั่นป่วนสงบลงได้ หนำซ้ำไม้เท้าในมือขวาก็ยังปล่อยลำแสงที่ช่วยรักษาอาการบาดเจ็บของนางออกมาอีกด้วย

“ฮ่าๆๆ เป็นยังไงบ้าง ตื่นเต้นดีว่าไหม”

“วิธีเปลี่ยนเรื่องเพื่อเลี่ยงความอับอายของท่านนี่ช่างห่วยแตกชะมัด”

หวังลู่เปิดโปงอีกฝ่ายอย่างอำมหิต “ฮ่าๆๆ ก่อนหน้านี้ท่านมั่นใจในตัวเอง ทั้งยังโอหังจนไม่สนใครหน้าไหนทั้งนั้น ทว่าอึดใจถัดมาท่านกลับบาดเจ็บเจียนตายแล้วก็รีบตะลีตะลานหนีออกมา นี่มันวิถีตัวร้ายชัดๆ!”

ใบหน้าของเสี่ยวชีแดงขึ้นเล็กน้อย “โธ่เอ๊ย ข้าก็แค่คำนวณผิดไป คำนวณผิดไปนิดเดียวจริงๆ บางครั้งนักปราชญ์เองก็ยังรู้พลั้งเหมือนกันละน่า หากร่างจริงของข้าอยู่ที่นี่ ข้าใช้นิ้วเดียวฆ่านางในเสี้ยววินาทียังได้เลย เพราะงั้นแค่ประมาทไปนิดเดียวแบบนี้อภัยให้กันได้”

“ปัญหาก็คือร่างจริงท่านไม่อยู่ที่นี่… พูดก็พูดเถอะ ไอ้ร่างแบ่งภาคร่างจริงของท่านนี่มันยังไงกัน ร่างจริงของท่านหมายถึงไม้เท้าอันนั้นหรือ”

ไม่บ่อยนักที่หวังลู่จะเป็นคนเปลี่ยนหัวข้อสนทนา เสี่ยวชีจึงรีบอธิบายทันที “แน่นอนว่าไม่ใช่ สิ่งที่เรียกว่าร่างจริงนั้น… สำนักกระบี่วิญญาณไม่สอนเจ้าหรอกหรือ มีหลายวิธีที่ตบะขั้นกำเนิดใหม่จะบรรลุสู่ขั้นเปลี่ยนวิญญาณ หนึ่งในนั้นคือวิธีแบ่งภาค โดยการแบ่งพลังวิญญาณขั้นปฐมเป็นภาคๆ และรอจนกว่าแต่ละภาคจะบรรลุถึงขั้นกำเนิดใหม่อีกครั้ง จากนั้นก็เอาทุกภาคมารวมกัน ด้วยวิธีนี้เจ้าก็จะทะลวงสู่อีกขั้นได้ภายในคราวเดียว…”

หวังลู่กล่าว “พวกเขาสอนข้าแล้ว แต่ข้าแค่ไม่อาจเชื่อมโยงท่าทางที่ดูเป็นอันธพาลของท่านกับผู้บำเพ็ญเซียนตบะขั้นกำเนิดใหม่ช่วงปลายได้เลยสักนิด”

“…”

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด