กาลหนึ่งเคยมีเขากระบี่วิญญาณ 17.2 คนรักของข้าคือโครงกระดูก (2)

Now you are reading กาลหนึ่งเคยมีเขากระบี่วิญญาณ Chapter 17.2 คนรักของข้าคือโครงกระดูก (2) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

ในที่สุดแสงสีทองแปดสายก็ลงมาหยุดบนพื้นดิน ทว่าทันทีที่ทั้งแปดคนก้าวเท้าออกมา พวกเขาก็ได้ยินคนในชุดแดงสลับขาวจากฝั่งตรงข้ามตระโกนเสียงดังลั่น

“ดนตรี”

ทันทีที่สิ้นเสียงของอีกฝ่าย เสียงอึกทึกก็ดังก้องทั่วทั้งยอดเขาสี่สภาพ เสียงดนตรีดังขึ้นปุบปับจนทำให้คนทั้งแปดจากสำนักเซียนหมื่นเวทผงะด้วยความตกใจ ทั้งหมดมองไปรอบๆ อย่างงุนงง พลางคิดว่าสำนักกระบี่วิญญาณร่ายค่ายกลปกป้องพิบูลย์มาห่อพวกเขาให้กลายเป็นเกี๊ยวเสียแล้ว

ผ่านไปพักใหญ่ พวกเขาจึงแน่ใจว่านี่อาจจะเป็นพิธีต้อนรับที่สำนักกระบี่วิญญาณเตรียมไว้… พวกเขาอับอายมากกว่าโกรธ เพราะเสียงดนตรีต้อนรับทำให้พวกเขาตื่นตกใจจนมีสีหน้าประหลาด ทุกคนต่างคิดว่าสำนักกระบี่วิญญาณตั้งใจเตรียมดนตรีเช่นนี้เอาไว้

ทว่าไม่นานผู้บำเพ็ญเซียนในชุดแดงสลับขาวที่ยืนอยู่ด้านหลังเหล่าผู้อาวโสของสำนักกระบี่วิญญาณก็เปิดปากอีกครั้ง

“สาวๆ ได้เวลาแสดงแล้ว!”

อึดใจถัดมา ทุกเวทีบนยอดเขาสี่สภาพก็คลาคล่ำไปด้วยคณะขับร้องสาว หญิงสาวหน้าตาสะสวยนับร้อยคนขึ้นมาบนเวทีและล้อมรอบเหล่าคนที่มาจากสำนักเซียนหมื่นเวทเอาไว้

หญิงสาวนับร้อยนี้ บางคนสูงเพรียมสะโอดสะอง บางคนตัวเล็กบอบบาง บางคนมีน้ำมีนวล บางคนผอมแห้งแต่ทรงเสน่ห์ คนที่อายุมากสุดดูแล้วไม่น่าเกินสามสิบปีซึ่งอวลด้วยเสน่ห์ของผู้ใหญ่ ทว่าส่วนใหญ่มีอายุราวสิบหกสิบเจ็ด เป็นสาวน้อยที่เต็มเปี่ยมด้วยชีวิตชีวา บางคนก็เพิ่งอายุสิบสามสิบสี่ปี พวกนางยังมีเค้าความเป็นเด็กทว่างดงามอ่อนหวาน

หญิงสาวเหล่านี้สวมอาภรณ์พิเศษ แม้จะไม่เผยผิวมากนัก แต่เนื้อผ้าก็แนบไปกับเรือนร่าง เผยให้เห็นสัดส่วนโค้งเว้าที่สมบูรณ์แบบ บางคนสวมกระโปรงที่ดึงดูดยิ่งกว่า เผยให้เห็นขาอ่อนที่นุ่มขาวราวกับหิมะ อวลไปด้วยเสน่ห์เย้ายวน

หญิงสาวเหล่านี้เข้าไปล้อมผู้คนที่มาจากสำนักเซียนหมื่นเวทจากนั้นก็ตะโกนออกมาด้วยน้ำเสียงทรงเสน่ห์

“ขอต้อนรับสำนักเซียนหมื่นเวทสู่สำนักกระบี่วิญญาณ”

“ขอต้อนรับสู่สำนักกระบี่วิญญาณ”

“ท่านเซียน ท่านนี่หล่อเหลาจริงๆ”

“ท่านเซียน ท่านเซียน ข้าขอลายเซ็นของท่านได้ไหม เขียนให้ข้าตรงนี้นะ” หญิงสาวที่สวมใส่ชุดเบาบางยืดอกอวบอิ่มขึ้น

ช่วงเวลานั้น ผู้คนทั้งหมดบนยอดเขาสี่สภาพต่างก็ตกตะลึงจนพูดไม่ออกราวกับกำลังต้องมนตร์ ยกเว้นก็แต่เหล่าวงในที่รู้เรื่องนี้ตั้งแต่แรก

อึดใจถัดมา คนจากสำนักเซียนหมื่นเวททั้งแปดก็ไม่ต่างจากมดในหม้อไอน้ำ พวกเขากระวนกระวายทำตัวไม่ถูก โดยเฉพาะผู้บำเพ็ญเซียนที่ยังเป็นหนุ่มน้อยซึ่งหน้าแดงจนถึงหู ดวงตาล่อกแล่กไปทั่วในขณะที่ในหัวมีแต่ความสับสน

หนึ่งในศิษย์สำนักในของสำนักกระบี่วิญญาณพูดออกมาอย่างตะกุกตะกัก “ศะ ศิษย์พี่หวังลู่ นะ นี่มันเกิดอะไรขึ้น…”

“หืม สิ่งนี้เรียกว่าการแสดงร่องอก” หวังลู่เหยียดยิ้มจากนั้นก็ตะโกนลั่น “สาวๆ เปิดร่องอกให้พวกเขาดูหน่อย”

“ได้เลย”

หญิงสาวมากกว่าสิบคนที่อยู่แถวหน้าต่างเปลื้องท่อนบนออก เผยให้เห็นชุดชั้นในรวมถึงหน้าอกหน้าใจที่อวบอัดใหญ่โต

“แค่ก!”

ศิษย์น้องสามของสำนักเซียนหมื่นเวทไม่อาจอดกลั้นได้อีกต่อไป เลือดกำเดาพุ่งปรี๊ดออกมาจากจมูก ศิษย์น้องสี่ที่อยู่อยู่ข้างกันเกิดอาการน้ำลายไหลลงคอ จนทำให้ไอออกมากะทันหัน ผู้บำเพ็ญเซียนขั้นสร้างฐานผู้ยิ่งใหญ่ที่สำลักน้ำลายตัวเองน่าจะเป็นข่าวหน้าหนึ่งได้ไม่ยาก

“นี่พ่อรูปหล่อ ท่านชื่ออะไร”

“ขะ ข้าชื่อจ้านจื่อเย่ ข้า…”

“แหม ชื่อสุดจะเจ๋ง ข้ารู้ว่าท่านน่ะทรงพลังตั้งแต่แค่ได้ยินชื่อของท่านแล้ว”

“ฮ่ะๆ ไม่ขนาดนั้น แค่ขั้นสร้างฐานระดับกลางเท่านั้น”

“ว้าว ขั้นสร้างฐานระดับกลาง? สุดยอดไปเลย แต่ท่านยังดูไม่แก่เลยนะ”

“ฮ่ะๆ ข้าอายุสิบเก้า ยังโสด…”

ขณะกำลังตกประหม่าอยู่นั้น เขาก็ได้ยินเสียงไม่พอใจดังมาจากใกล้ๆ “หึ เล่ห์กลชั้นต่ำ! สกัด!”

หนึ่งในผู้อาวุโสของสำนักเซียนหมื่นเวทวาดตราขึ้นมาจากนั้นก็ร่ายอาคม สายลมเย็นๆ พัดผ่านไปทั่วทั้งยอดเขา จริงๆ แล้วมันคืออาคมพิเศษของสำนักเซียนหมื่นเวทที่มีไว้เพื่อสกัดภาพลวงตาทุกรูปแบบ เมื่อเผชิญกับอาคมสกัดภาพลวงตานี้ มีเพียงภาพลวงตาทรงพลังไม่กี่อย่างเท่านั้นที่จะอยู่รอดได้

ทว่าหลังจากสายลมเย็นพัดผ่านไป เสียงหวานหูที่มีอยู่ก่อนหน้านั้นก็ยังคงอยู่ ผู้อาวุโสคนนั้นตัวแข็งทื่ออยู่พักใหญ่ พลางตะโกนก้องในใจ ‘เป็นไปไม่ได้! นี่มันภาพลวงตาประเภทไหนกัน’

ทันใดนั้น หญิงสาวรูปร่างอวบอิ่มสองคนก็ประชิดตัวเขา “ท่านเซียน นั่นมันวิชาเซียนชนิดใดกัน ท่านเรียกลมได้เช่นนี้ถือว่าวิเศษยิ่งนัก”

“ท่านเซียน ท่านเซียน ท่านสอนข้าร่ายมนตร์ทีสิ ข้าอยากเรียนวิชาเซียนบ้าง”

ขณะพูด หญิงสาวร่างอวบผู้นั้นก็เริ่มเอาหน้าอกใหญ่โตของนางถูไถไปกับแขนผู้อาวุโส ไม่นานนักใบหน้าผู้อาวุโสก็แดงเถือกด้วยความอับอาย เขาตะโกนออกไปอย่างกลั้นไม่อยู่ “จะ …เจ้ามันแค่ภาพลวงตา ข้าไม่กลัวเจ้าหรอก ลองชิมวิชาจิตเวียนสกัดภาพลวงตาของข้านี่”

หัวหน้าของเหล่าผู้อาวุโสของสำนักเซียนหมื่นเวทนั้นสุขุมกว่าผู้อาวุโสคนนั้น เมื่อวิชาวายุสกัดภาพลวงตาล้มเหลว เขาก็รู้ได้ทันทีว่าหญิงสาวเหล่านี้ไม่ใช่ภาพลวงตา แต่เป็น…

ระยำ! สำนักกระบี่วิญญาณ นี่เจ้ารู้ขีดความต่ำช้าของตัวเองบ้างไหม นี่พวกเจ้ากล้าเอาคนเป็นๆ มาเต้นระบำลามกเช่นนี้จริงๆ หรือ หึ น่าสมเพช เล่ห์กลไร้เกียรติเช่นนี้ทำอะไรสำนักเซียนหมื่นเวทของข้าไม่ได้หรอก!

“ทำใจให้สงบ ขับไล่สิ่งชั่วร้ายในใจและล้างจิตใจเจ้าให้สะอาด”

ผู้อาวุโสวัยกลางคนเหยียดนิ้วชี้ของมือขวาขึ้น และปล่อยแสงสีทองเจิดจ้าออกมาจากปลายนิ้ว ผู้ใดที่สัมผัสแสงนี้ ความคิดชั่วช้าในจิตใจจะถูกล้างออกไป และจิตใจจะกลับมาหนักแน่นดังเดิม นี่คือคาถาสงบจิตและเพิ่มพูนความมุ่งมั่น แม้จะเป็นคาถาพื้นฐาน แต่เมื่อผู้ร่ายเป็นถึงผุ้อาวุโสขั้นเปลี่ยนวิญญาณ มันจึงสามารถสังหารสัตว์ประหลาดชั่วร้ายได้เพียงเสี้ยววินาทีและทำให้เหล่าคนบาปนับไม่ถ้วนสำนักผิด

พวกเจ้า เหล่าหญิงสาวหน้าไม่อาย สำนึกผิดเสีย!

ทว่าเมื่อสัมผัสลำแสงสงบนิ่ง เหล่าหญิงสาวเพียงชะงักไปเล็กน้อย พวกนางไม่เพียงไม่คุกเข่าสำนักผิด แต่ยังเข้ามาใกล้มากขึ้นเสียอีก “ท่านเซียน ท่านนี่หล่อเหลาจริงๆ”

“ขอข้าเลียนิ้วท่านได้ไหม”

“ท่านเซียน ข้าอยากให้กำเนิดลูกของท่านจัง” “พรูด!” เลือดกำเดาของผู้อาวุโสขั้นเปลี่ยนวิญญาณทะลักออกมาเล็กน้อย ลำแสงสงบนิ่งของเขาล้มเหลว หรือจะเป็นเพราะหญิงสาวกลุ่มนี้ไม่มีความคิดสัปดนอยู่ในจิตใจแม้แต่น้อย แล้วนี่พวกนางคิดว่าตัวเองทำอะไรกันอยู่ ทำตัวเป็นเมียที่ดีอย่างนั้นหรือ

คนจากสำนักกระบี่วิญญาณเองก็สับสนพอๆ กัน

แม้แต่เหล่าผู้อาวุโสที่ล่วงรู้ถึงการแสดงนี้มาก่อนก็ยังอดสงสัยไม่ได้ว่าสาวงามเหล่านี้มาจากที่ใดกันแน่

ความกระตือรือร้นของพวกนางเปรียบเสมือนไฟ แต่พวกนางก็ดูจริงใจ หนำซ้ำบุคลิกยังบริสุทธิ์ผุดผ่อง การแสดงออกไม่ได้ดูผิดทำนองคลองธรรม ทว่าคำพูดและกริยาท่าทางกลับคล้ายคลึงเหล่านางโลม ตอนที่อาวุโสห้าและหวังลู่เสนอแผนนี้ขึ้นมา พวกเขาก็ถูกผู้อาวุโสคนอื่นตั้งคำถาม จะเป็นอย่างไรหากอีกฝ่ายหยุดยั้งการกระทำของหญิงสาวเหล่านี้ด้วยอาคม ในตอนนั้นหวังลู่รับปากอย่างหนักแน่นว่าจะไม่เป็นเช่นนั้น นอกเสียจากว่าสำนักเซียนหมื่นเวทจะโยนความเที่ยงธรรมทิ้งและสังหารหญิงสาวไร้เดียงสาเหล่านี้ ความจริงแล้ว สำนักเซียนหมื่นเวทไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากจะใช้อาคมสกัดภาพลวงตาไม่ก็ลำแสงสงบจิต ซึ่งถือที่ว่าเป็นการจู่โจมที่ละมุนละม่อม… เมื่อรู้เช่นนี้ สิ่งสำคัญข้อเดียวคือการหาตัวผู้แสดงที่เหมาะสม

สำหรับคำถามที่ยังไม่ได้คำตอบนี้ สุดท้ายหวังลู่ก็เผยความจริงออกมา

“พวกเขาเป็นผู้ติดตามของสำนักภูมิปัญญา”

“ข้าเป็นคนสั่งให้เย่ชูเฉินคัดเลือกหญิงงามหัวอ่อนจากผู้ติดตามนับสิบล้านคนของสำนักภูมิปัญญาเพื่อมารับฟังหลักการล้างสมองอันเข้มข้นของสำนักภูมิปัญญา… หลังจากที่พวกนางถูกล้างสมองเรียบร้อย จิตของพวกนางจะบริสุทธิ์ผุดผ่องและมีศรัทธาที่แน่วแน่ หนำซ้ำ… พวกนางล้วนเป็นผู้บำเพ็ญเซียน ไม่เช่นนั้นด้วยท่าทางสูงส่งทรงพลังของคนพวกนั้นแล้ว ข้าเกรงว่าคนธรรมดาคงจะรับมือไม่ได้”

หวังลู่พูดพลางถอนใจราวกับว่าเป็นชายหนุ่มที่โดดเดี่ยวบนจุดยอดสุด “ดูท่าว่าการปลุกใจเล็กๆ น้อยๆ นี่เกินกว่าที่พวกหมกมุ่นเหล่านี้จะรับมือไหว ฮ่าๆๆ”

ถึงตอนนี้ใครบางคนจากสำนักเซียนหมื่นเวทก็ตัดสินใจจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเอง แม้นางจะเป็นเพียงผู้บำเพ็ญเซียนตบะขั้นสร้างฐานระดับต้น แต่ฉากที่เกิดขึ้นรอบตัวนั้นไม่ส่งผลต่อนางแม้แต่น้อย เย่เฟยเฟยถอนหายใจยาว “ให้ตายสิ พวกท่านมัวทำบ้าอะไรกันอยู่ ปฐพีเปลี่ยนสภาพ กายหยาบร่วงโรย!”

ทันใดนั้นระลอกคลื่นก็บังเกิดขึ้นรอบตัวนาง ภายใต้สายตาของผู้อาวุโสรวมทั้งศิษย์รุ่นเยาว์ ฉากรอบตัวพลันแปรเปลี่ยนไปในทันที

ภายในชั่วพริบตา หญิงสาวสะสายทรงเสน่ห์ทั้งหลายพลันเหี่ยวเฉาเหลือเพียงโครงกระดูก สร้างความหวาดกลัวยิ่งนัก

แม้เย่เฟยเฟยจะรู้สึกสิ้นหวังกับศิษย์พี่น้องและผู้อาวุโสของนาง แต่จำเป็นต้องใช้วิธีรุนแรงถึงเพียงนี้ด้วยหรือ

แน่ละว่าพวกเขาไม่อาจผลักไสหรือรวบตัวหญิงสาวทรงเสน่ห์เหล่านี้ ไม่เช่นนั้นสำนักเซียนหมื่นเวทจะกลายเป็นอุรังอุตังป่าเถื่อนไม่ต่างจากสำนักจอมทัพกษัตริย์ ทว่า… ทุกคนต่างก็รู้จักอาคมภาพลวงตากายหยาบร่วงโรยที่ทำให้เหล่าหญิงสาวกลายเป็นโครงกระดูกอย่างดี แต่กลับไม่มีใครคิดจะใช้มันยกเว้นเพียงเย่เฟยเฟย

แน่ละว่าด้วยอาคมภาพลวงตากายหยาบร่วงโรย ศิษย์ของสำนักเซียนหมื่นเวทแต่ละคนก็ค่อยๆ สงบลงจากอาการคลุ้มคลั่ง

ทว่าเย่เฟยเฟยไม่เพียงประเมินผลจากเล่ห์กลของสำนักกระบี่วิญญาณต่ำไป นางยังประเมินขีดจำกัดคนของฝั่งตัวเองต่ำไปด้วย

ทันทีที่เหล่าผู้บำเพ็ญเซียนของสำนักเซียนหมื่นเวทเริ่มได้สติ หนึ่งในคนเหล่านั้นก็ตะโกนออกมาทันที “เหอะ ต่อให้นางเป็นโครงกระดูกแล้วยังไง นางก็ยังเป็นหญิงสาวที่มีลมหายใจอยู่ดี”

ศิษย์อีกหลายคนเริ่มแตกตื่น “ใช่ เจ้าพูดถูกแล้ว”

ชายคนเดิมตะโกนต่อ “ช่างวิทยาศาสตร์สิ เราควรจะมองทะลุม่านหมอกเพื่อให้เห็นความจริง ใช้จิตใจสำรวจสิ่งต่างๆ แทนที่จะเป็นดวงตา ภายใต้โครงกระดูกเหล่านี้คือสาวงามทรงเสน่ห์ทั้งสิ้น!”

“ใช่… ใช่ กล่าวได้ดี แม้ภายนอกจะดูเหมือนโครงกระดูก แต่จริงๆ แล้วคือสาวงาม”

ชายคนเดิมตะโกนด้วยเสียงอันดัง “หนำซ้ำดูเหมือนโครงกระดูกแล้วอย่างไร ในการบำเพ็ญเซียนหลายปีมานี้ ไม่ต้องกล่าวถึงสาวงาม แค่สาวงามที่ดูเหมือนโครงกระดูกยังหาดูได้ยากเลย”

“…จริงด้วย”

“ดังนั้นต่อให้พวกนางดูเหมือนโครงกระดูก แต่ก็ไม่อาจหยุดยั้งพวกเราได้”

“ถูกต้อง พวกนางแค่ดูคล้ายโครงกระดูกเท่านั้น” ศิษย์คนหนึ่งที่ถูกมนตร์เสน่ห์เข้าอย่างจังไม่อาจทนได้อีกต่อไป เขาพรวดมาข้างหน้า กอดหมับเข้าที่โครงกระดูกเล็กๆ เบื้องหน้า จากนั้นก็พยายามจูบนาง

ความเงียบเข้าปกคลุมไปทั่วทั้งยอดเขาสี่สภาพ

หวังลู่ยักไหล่ “อย่ามองข้าเชียว ข้ามีหน้าที่แค่ช่วยกระตุ้น แต่การกระทำพวกนั้นพวกเขาลงมือเองทั้งนั้น”

ศิษย์สำนักในคนหนึ่งอดพูดขึ้นมาไม่ได้ “ตะ แต่…ศิษย์พี่ ท่านไปหาเด็กสาวหน้าตางดงามเช่นนั้นมาจากไหน”

หวังลู่ปรายตามองไปเบื้องหน้า ผู้ที่ถูกศิษย์จากสำนักเซียนหมื่นเวทกอดเป็นเด็กสาวอายุเพียงสิบขวบ ที่กำลังหัวเราะคิกคักอยู่ในอ้อมกอดนั้น

หวังลู่กล่าวค่อยๆ “หากคิดจะล่อพวกหมกมุ่น แน่นอนว่าต้องใช้เด็กผู้หญิงวัยขบเผาะ”

………………………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด