กาลหนึ่งเคยมีเขากระบี่วิญญาณ 26 หลิวหลีแทงเด็กสาวหูแมว…เพราะความดื้อรั้น

Now you are reading กาลหนึ่งเคยมีเขากระบี่วิญญาณ Chapter 26 หลิวหลีแทงเด็กสาวหูแมว...เพราะความดื้อรั้น at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

          เห็นได้ชัดว่าเด็กสาวหูแมวไม่ได้วางแผนนี้แค่ชั่วข้ามคืน และวันนี้นางก็ได้โอกาสเปิดปากพูด

          ยาที่อาเซี่ยให้นางกินนั้นไม่ธรรมดา ตอนที่มันถูกคิดค้นขึ้นเป็นครั้งแรก เรียกได้ว่าเป็นฝันร้ายของเหล่าสัตว์ภูตเลยทีเดียว มันสามารถประทับตราที่ไม่อาจลบเลือนได้ลงบนพลังวิญญาณขั้นปฐมของสัตว์ภูต มีเพียงเมื่อสัตว์ภูตบรรลุถึงขั้นเปลี่ยนวิญญาณเท่านั้น ที่พลังวิญญาณขั้นปฐมจะเกิดใหม่และพวกเขาจะมีโอกาสได้เป็นอิสระอีกครั้ง ทว่าแม้ผู้บำเพ็ญเซียนในโลกจะนี้มีมากมาย แต่มีกี่คนกันที่สามารถบรรลุถึงขั้นเปลี่ยนวิญญาณ

          มีวิธีอื่นอีกไม่น้อยที่จะลบล้างประสิทธิภาพของยานี้ แต่ทุกวิธีกลับติดขัดอยู่เพียงขั้นทฤษฎี ทางเลือกนั้นดูราวจะมีอยู่มากมาย แต่หากมองดูใกล้ๆ กลับไม่เห็นทางออกด้วยซ้ำ

          แต่ตอนนี้เด็กสาวหูแมวกลับเห็นหนทางที่มีแสงสว่างอยู่ที่ปลายทาง

          วิชากระบี่กระจ่างใจ

          นับเป็นความโชคดีของเด็กสาวหูแมวโดยแท้ ทั้งที่เป็นเชลย นางกลับมีความสัมพันธ์อันดีกับหลิวหลี ฝ่ายหลังนั้นเป็นคนใสซื่อ ทำให้หลุดปากเล่าสิ่งต่างๆ ที่ไม่ควรเล่าออกมาไม่น้อย ซึ่งรวมถึงลักษณะเด่นต่างๆ ของวิชากระบี่กระจ่างใจด้วย

          ครั้งแรกที่นางได้ยินว่าวิชากระบี่ของหลิวหลีสามารถตัดได้ทุกสิ่ง เด็กสาวหูแมวยังรู้สึกไม่เชื่อ หากเป็นเรื่องการบำเพ็ญเซียน ในโลกบำเพ็ญเซียนนั้นนางไม่ถือว่าอ่อนแอ ตบะขั้นสร้างแกนช่วงปลายสามารถมีตำแหน่งในสำนักเซิ่งจิงได้ ทว่านางกลับไม่เคยได้ยินเรื่องพลังกระบี่ที่สามารถตัดทุกอย่างได้ด้วยซ้ำ แล้วนับประสาอะไรกับพลังกระบี่ของผู้บำเพ็ญเซียนที่มีตบะขั้นเพียงขั้นสร้างฐานระดับสูงเล่า

          ทว่าตอนที่หลิวหลีสาธิตเพลงกระบี่ให้อีกฝ่ายดูอย่างกระตือรือร้น กรามของเด็กสาวหูแมวก็แทบร่วงจากปากด้วยความตกใจ

          หลิวหลีมองหาแอ่งน้ำขัง จากนั้นก็กวัดแกว่งนิ้วชี้ ทันใดนั้นพลังที่มองไม่เห็นก็ทำให้น้ำแยกตัวออกจากกัน และหลังจากผ่านไปพักใหญ่ น้ำในแอ่งก็ยังไม่กลับมารวมกันเสียที

          แม้จะเป็นการสาธิตง่ายๆ แต่ความหมายนั้นกลับไม่น้อยเลย หลังจากที่หลิวหลีปล่อยพลังปราณกระบี่ออกมา นางก็ไม่ได้ใช้พลังอิทธิฤทธิ์เพิ่ม แต่ถึงอย่างนั้นพลังกระบี่ของนางก็ยังแยกน้ำออกจากกันได้อยู่ และกว่ามันจะกลับมารวมกันก็ผ่านไปอีกพักใหญ่ พลังกระบี่บริสุทธิ์เช่นนี้ทำลายความรู้เรื่องเพลงกระบี่ของหลังเยียนไปหมดสิ้น แม้นางมีตบะขั้นสร้างแกนช่วงปลาย และศึกษาวิชากระบี่แค่ช่วงหนึ่ง แต่นางก็รู้ว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะรักษาพลังกระบี่ที่ปล่อยออกมานอกร่างได้เป็นเวลานาน!

          ทว่าทันทีที่ได้เห็นความลับนี้ เด็กสาวหูแมวก็เชื่อในเพลงกระบี่กระจ่างใจของหลิวหลี และเป็นตอนนั้นเองที่นางเริ่มคิดหาวิธีจะเป็นอิสระจากรอยประทับแห่งทาสบนพลังวิญญาณขั้นปฐมของตน ด้วยขั้นตบะของหลิวหลีในตอนนี้ นางอาจไม่สามารถฉีกรอบประทับที่ฝังแน่นอยู่ให้หลุดออกมาได้ก็จริง ทว่าวิชากระบี่กระจ่างใจเป็นวิชาระดับเซียนอย่างแท้จริง ในเมื่อมีต้นกำเนิดสูงส่ง แม้พลังกระบี่ที่ออกมาจากเพลงกระบี่กระจ่างใจจะยังเบาบางอยู่ แต่มันก็เป็นพลังที่บริสุทธิ์ผิดธรรมดา และงดงามอย่างไม่อาจจินตนาการได้ ทั้งหมดนี้ทำให้เด็กสาวหูแมวมองเห็นโอกาสของตน

          แน่นอนว่าหากไม่ประสบด้วยตัวเอง ก็ไม่มีใครสามารถรับรองประสิทธิภาพของพลังกระบี่นี้ได้ ไม่แน่ว่าสุดท้ายแล้วนางอาจจะต้องผิดหวัง แต่เด็กสาวหูแมวก็อยากลองเสี่ยงดู

          และเพื่อการนี้จะให้นางทำอะไรก็ได้ทั้งนั้น

          “ความจริงใจของเจ้านั้นน่าชื่นชม แต่บอกตามตรง ข้าไม่มีอะไรที่อยากได้จากเจ้า” หวังลู่มองเด็กสาวหูแมวที่กำลังคุกเข่าอยู่อย่างรู้สึกขบขันเล็กน้อย “ตอนที่เจ้ายังมีตบะขั้นสร้างแกนช่วงปลาย เจ้าถือว่ายังมีประโยชน์ แต่ตอนนี้เจ้าบาดเจ็บสาหัส ความแข็งแกร่งเหลือไม่ถึงหนึ่งในสิบส่วนของความแข็งแกร่งดั้งเดิม แล้วเจ้าจะมีประโยชน์อะไร ถึงเจ้าจะอยากอุ่นเตียงให้ข้า แต่เจ้าก็ไม่ได้น่ารักขนาดนั้น”

          เด็กสาวหูแมวจ้องมองอีกฝ่ายอย่างไร้สติอยู่ครู่หนึ่ง และรู้สึกสิ้นหวัง

          แน่ละ ด้วยร่างกายที่ไม่สมบูรณ์เช่นนี้ ต่อให้ยกทั้งตัวให้ นางจะมีค่าเพียงใดกันในสายตาคนอื่น

แม้ตบะขั้นของคนผู้นี้อาจจะไม่สูงนัก แต่เด็กสาวหูแมวจะมองไม่ออกได้อย่างไรว่าเขามีพื้นเพที่ไม่ธรรมดา แค่เรือคลื่นเมฆาที่สามารถเปลี่ยนเป็นรถถังออกศึกได้ก็ไม่ใช่สิ่งที่ผู้บำเพ็ญเซียนทั่วไปจะครอบครองได้แล้ว หนำซ้ำวิชาบำเพ็ญเซียนของเขาก็สามารถเพิ่มความแข็งแกร่งขึ้นจากขั้นตบะได้มากโข และมันก็ยิ่งเน้นยำถึงความไม่ธรรมดาของอีกฝ่าย

          ตระกูลเยวี่ยจากทะเลสาบวารีสวรรค์งั้นหรือ ต่อให้เด็กสาวหูแมวจะด้อยปัญญา แต่นางก็ไม่เชื่อว่านั่นคือพื้นเพของอีกฝ่ายจริงๆ เห็นได้ชัดว่าหวังลู่เป็นศิษย์ของสำนักที่ทรงอำนาจสำนักใดสำนักหนึ่งแน่ และสำหรับสำนักที่ทรงอำนาจเหล่านั้น เด็กสาวหูแมวที่มีตบะเพียงขั้นสร้างแกนไม่มีคุณสมบัติพอให้คนพวกนั้นปรายตามองด้วยซ้ำ

          ทว่านางไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว…

          “ศิษย์พี่ ศิษย์พี่ ช่วยนางเถอะนะ”

          ขณะที่เด็กสาวกำลังหมดอาลัยตายอยาก เสียงละมุนก็ดังเข้ามาในหูแมวของนาง

          หวังลู่ถอนใจ “ตอนนี้เจ้ากำลังทำตัวเหมือนพวกองค์กรพิทักษ์สัตว์อยู่… องค์กรพวกนั้นไม่มีอนาคตหรอก อย่ายอมใจอ่อนเพราะสติปัญญาของตัวเองสิ”

          แม้หลิวหลีจะไม่เข้าใจคำพูดของหวังลู่ แต่นางก็รู้ว่าจะรับมือกับอีกฝ่ายอย่างไร

          “ศิษย์พี่ เถอะนะ ทำตัวน่ารักหน่อยนะ”

          หวังลู่รู้สึกได้ถึงความเย็นยะเยือกที่พุ่งขึ้นมาจากก้นบึ้งของจิตใจซึ่งอาจทำให้กระดูกและพลังวิญญาณขั้นปฐมของเขาหยุดการทำงานได้

          “อย่าเอาแต่ใจตัวเองน่า!”

          “ทำตัวน่ารักหน่อยเถอะน้า…”

          “แม่งเอ๊ย! ตามใจเจ้าเลย บิดาของเจ้าคนนี้ขอตัวไปล้างหูก่อน!”

          หวังลู่ลุกขึ้นยืนและเดินออกไป ไม่ใส่ใจหลิวหลีที่กำลังหัวเราะคิกคักอีก

          หลังจากที่อีกฝ่ายเดินจากไปแล้ว หลิวหลีชูมือทำท่ากำชัย “ข้าชนะ!”

          เด็กสาวหูแมวทำเพียงส่งยิ้มแหยให้ ทว่าในใจนางกลับรู้สึกริษยาความสัมพันธ์ของพี่ชายและน้องสาวคู่นี้อย่างเหลือล้น ตลอดสามร้อยปีในโลกบำเพ็ญเซียนของนาง นางไม่เคยพบเจอใครที่จะเอ็นดูนางได้ถึงขนาดนี้… เมื่อครู่แม้ว่าหวังลู่จะรำคาญและเบื่อหน่ายหลิวหลี แถมไม่เคยสั่งสอนอีกฝ่ายอย่างปรานี แต่นางมั่นใจว่าเขาเอ็นดูศิษย์น้องหญิงที่แสนจะไร้เดียงสาคนนี้อย่างสุดจิตสุดใจ เด็กสาวหูแมวยังจำได้ว่าตอนที่ต่อสู้กันในหุบเขา เพลงกระบี่ตั้งรับไร้ลักษณ์ของชายหนุ่มโอบล้อมร่างของหลิวหลีไว้อย่างเหนียวแน่น ไม่ยอมให้อันตรายได้แพ้วพานนางแม้แต่น้อย

          “ไหนบอกซิเจ้าอยากให้ข้าทำอะไร” จากนั้นหลิวหลีก็เดินพลังอิทธิฤทธิ์ในวิหารหยกของนาง จิตกระบี่กระจ่างใจก็พลันเปล่งแสงออกมา

          เด็กสาวหูแมวสูดลมหายใจลึกจากนั้นก็เดินพลังอิทธิฤทธิ์ของตนเช่นกัน ทว่าวิหารหยกของนางบาดเจ็บรุนแรง แถมที่แกนทองคำของนางก็มีรอยแตกอยู่เต็มไปหมด แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ค่อยๆ หมุนอย่างช้าๆ จากนั้นก็ปล่อยประกายแสงออกมาอาบรอบวิหารหยก

          ทว่าในประกายแสงนั้น รูปทรงสีม่วงจางก็ปรากฏขึ้นที่ใจกลางของวิหารหยกซึ่งโอบรอบแกนสีทองอยู่อย่างเลือนราง

          มันคือพลังวิญญาณขั้นปฐมที่ควบแน่นอย่างหนักของเด็กสาวหูแมว แรกเริ่มพอบรรลุขั้นสร้างฐาน พลังวิญญาณขั้นปฐมจะเข้ามาปกคลุมวิหารหยกและร่างทั้งร่างของผู้บำเพ็ญเซียน หลังจากนั้นเมื่อขั้นตบะของผู้บำเพ็ญเซียนพัฒนาขึ้น มันก็จะควบแน่นและหดตัวลงมาอยู่ในวิหารหยกในตอนที่บรรลุขั้นสร้างแกน จากนั้นพลังวิญญาณขั้นปฐมจะค่อยๆ ควบแน่นขึ้นเรื่อยๆ จนมันมีขนาดเท่าแกนทองคำ เมื่อถึงตอนนั้นก็จะเกิดปาฏิหาริย์ที่น่าเหลือเชื่อขึ้น เพราะแกนทองคำจะปรากฏลักษณะของสิ่งมีชีวิตและกลายร่างไปเป็นวิญญาณกำเนิดใหม่

          สำหรับเด็กสาวหูแมวที่มีตบะขั้นสร้างแกนช่วงปลาย การควบแน่นของพลังวิญญาณขั้นปฐมของนางนั้นไม่ต่างจากขั้นกำเนิดใหม่มากนัก เห็นได้ชัดจากพลังวิญญาณขั้นปฐมของนางที่เริ่มมีสีม่วงอ่อนและเห็นเป็นรูปร่างของเด็กสาว

          “เจ้าเห็นหรือ” เด็กสาวถามเสียงเบา นางรู้ว่าด้วยจิตกระบี่กระจ่างใจของหลิวหลี หญิงสาวย่อมเห็นแน่

          หลิวหลีพยักหน้าเล็กน้อยตามที่คาดไว้ “ดูเหมือนว่าจะมีรอยสลักแปลกๆ อยู่ทั่วพลังวิญญาณขั้นปฐมของเจ้า เจ้าอยากให้ข้ากำจัดรอยพวกนี้หรือ งั้นรอหน่อย ข้าขอเตรียมตัวก่อน”

          ขณะพูด กระบี่โปร่งใสราวแก้วก็บินออกมาจากแขนเสื้อของนาง หญิงสาวตวัดข้อมือจากนั้นกระบี่บินก็หมุนวนเป็นวงกลมแล้วก็หดลงมามีขนาดเพียงเข็มหมุด หลิวหลีที่มีใบหน้าเคร่งเครียดจับกระบี่บินไว้แน่น ก้าวขึ้นมาข้างหน้าหลายก้าวจากนั้นก็ยกมือขึ้นและเสือกไปด้านหน้า

          เด็กสาวหูแมวพลันรู้สึกว่าพลังวิญญาณขั้นปฐมของนางสั่นสะท้าน เกิดเป็นความเจ็บปวดรุนแรงจนทำให้นางแทบสิ้นสติ แม้แต่แกนทองคำที่หมุนวนก็เกือบหยุดชะงักลง!

          เด็กสาวหูแมวตกใจ “เจ้าทำอะไรน่ะ!? อย่ารีบร้อนสิ!”

          หลิวหลีชักกระบี่บินกลับมาแล้วทำหน้าประหลาดใจ “เจ้าไม่ได้จะให้ข้ากำจัดรอยพวกนี้ออกไปหรือ”

          “เจ้า…ทำได้หรือ” เด็กสาวหูแมวไม่เชื่ออีกฝ่าย

          หลิวหลีเงยหน้าขึ้น นิ่งคิดสักครู่ จากนั้นก็ถอนหายใจและกล่าวด้วยน้ำเสียงสิ้นหวัง “ดูเหมือนว่าจะเป็นไปไม่ได้”

          “…” เด็กสาวหูแมวอุทานในใจ ‘แล้วเจ้าจะลงมือทำไมเล่า!?’

          หลิวหลีพูดปลอบ “ไม่เป็นไร พอข้าบรรลุตบะขั้นพิสุทธิ์ ข้าคงควบคุมพลังของตัวเองได้ดีขึ้น”

          เด็กสาวหูแมวปล่อยโฮออกมาในใจ นางคิดว่าต่อให้พี่หญิงเซียนเอ๋อร์คนนี้แสนจะน่ารัก แต่สติปัญญาของนางก็ต่ำอย่างน่ากลัว เมื่อครู่อีกฝ่ายก็เกือบทำให้พลังวิญญาณขั้นปฐมของนางแตกสลายเพราะกระบี่บินในมือแล้ว

          “คืออย่างนี้ ข้าไม่ได้ต้องการให้เจ้ากำจัดรอยที่อยู่บนพลังวิญญาณขั้นปฐม เจ้าแค่ต้องปล่อยพลังกระบี่ของเจ้าไปที่พลังวิญญาณขั้นปฐมของข้า มันจะได้กำจัดสิ่งรบกวนภายนอกออกไป”

          หลิวหลีผงะ “ให้ทิ้งพลังกระบี่ของข้าไว้ที่พลังวิญญาณขั้นปฐมของเจ้า? มันจะไม่เป็นไรหรือ อาจารย์บอกว่าทำแบบนั้นมันเสียมารยาท”

          “ไม่มีปัญหา มันจะช่วยข้าต่างหาก… ฟังนะ ข้าต้องการให้เจ้าย่อจิตกระบี่ของเจ้าลงแบบนี้…

          เด็กสาวหูแมวมองหลิวหลีอย่างจริงจังขณะบอกความต้องการของตัวเอง นางเห็นคิ้วระหงของอีกฝ่ายขมวดกันแน่นก่อนจะคลายลงเมื่อผ่านไปพักหนึ่ง “ข้าเข้าใจแล้ว มันก็ไม่ยากเท่าไร!”

          หัวใจของเด็กสาวหูแมวเต้นแรงขึ้นในทันที หากหลิวหลีมีท่าทีหวาดกลัว นางก็จะคลายใจเล็กน้อย เพราะนางเตรียมตัวมาเพื่อการนี้ไม่น้อย ด้วยความช่วยเหลือภายนอกที่หลากหลาย นางจึงยอมให้กระบี่กระจ่างของอีกฝ่ายทำหน้าที่ในครั้งนี้ แต่ตอนนี้หลิวหลีกลับรับปากนางอย่างง่ายดาย มันทำให้เด็กสาวหูแมวรู้สึกตะขิดตะขวงใจแทน นี่อีกฝ่ายเข้าใจในสิ่งที่นางขอร้องให้ทำจริงๆ หรือ

          “ง่ายมาก แบบนี้ใช่ไหม”

          หลิวหลีกล่าว จากนั้นนิ้วของนางก็พุ่งตรงไปยังหน้าผากของเด็กสาวหูแมวอย่างรวดเร็วปานสายฟ้า

          อึดใจถัดมา เด็กสาวหูแมวก็รู้สึกว่ามีชิ้นส่วนของกระบี่สวรรค์พุ่งตรงเข้าใส่วิหารหยก และมุ่งไปยังพลังวิญญาณขั้นปฐมของนาง

          มันคือจิตกระบี่ของหลิวหลี… ในความรู้สึกของหลิงเยียน มันคือจิตกระบี่สีสันสดใสเจิดจ้าไม่ต่างจากภูเขาที่เข้าไปตั้งตระหง่านอยู่ในวิหารหยกของนาง จิตกระบี่ที่กึ่งว่างเปล่ากึ่งมีอยู่จริงนั้นเข้าไปครอบคลุมวิหารหยกทั้งหมด ที่แปลกยิ่งกว่าก็คือ จิตกระบี่ที่ว่านี้ทำตัวราวกับเป็นกรงขัง แต่กลับไม่ปิดกั้นการโคจรลมหายใจของพลังปราณฟ้าดินของเด็กสาว ทว่านอกจากพลังปราณฟ้าดินแล้วทุกอย่างก็ดูเหมือนถูกจิตกระบี่ตัดออกไปสิ้น ทำให้มันกลายเป็นกำแพงกั้นที่สมบูรณ์แบบ

          แน่นอนว่าพลังของจิตกระบี่นี้มีจำกัด และอาจใช้อาคมทำลายได้ง่ายๆ ทว่าสายไยที่เชื่อมรอยประทับแห่งทาสกับอาเซี่ยไว้นั้นเป็นเพียงเกลียวเชือกแห่งความคิดที่มองไม่เห็น มันไม่ได้แข็งแรงเลยสักนิด การมีอยู่ของมันเป็นเรื่องที่แสนลึกลับ และยากที่จะใช้อาคมทั่วไปกำจัดออกได้

          ทันทีที่หลิวหลีปล่อยจิตกระบี่ออกไป สายไยนั่นก็สะบั้นออก แม้เด็กสาวหูแมวจะยังมีเครื่องบ่งชี้แห่งความเป็นทาส แต่นางก็ไม่ต้องรับคำสั่งจากใครอีกแล้ว ซึ่งก็ไม่ต่างอะไรกับการได้รับอิสรภาพเลย

          นี่คือแผนการที่นางคิดเอาไว้อยู่หลายปี เด็กสาวหูแมวหลับตาลงขณะตรวจสอบพลังวิญญาณขั้นปฐมอย่างระมัดระวัง แล้วก็รับรู้ว่าแรงที่เคยกดนางเอาไว้ได้สูญสลายไปแล้ว

          จากนั้นเด็กสาวก็สูดหายใจเต็มปอดก่อนตะโกนออกมาสุดเสียง

          “ข้าเป็นอิสระแล้ว!”

          เสียงแหลมของนางดังกึงก้องไปทั่วหุบเขาแล้วค่อยๆ ถูกความมืดมิดของรัตติกาลกลืนไป ทว่าหลังจากที่ประกาศก้องออกไปแล้วนั้น ความสบายใจที่นางรู้สึกไปทั่วร่างกลับไม่จางหายไป

          มันเป็นความรู้สึกที่เด็กสาวหูแมวไม่ได้สัมผัสมาหลายทศวรรษแล้ว มันเหมือนพันธนาการที่จองจำนางมาหลายปีถูกยกออกไป… หากรอยประทับแห่งทาสนั้นยังส่งผลอยู่ นางคงไม่อาจประกาศอิสรภาพได้ดังก้องอย่างที่ทำเมื่อครู่

          การที่สามารถป่าวประกาศว่าตนเองเป็นอิสระอย่างเปิดเผยตรงไปตรงมาเป็นข้อพิสูจน์ให้เห็นว่าสัญญาทาสของนางถูกทำลายลงเรียบร้อยแล้ว แม้ว่ารอยประทับแห่งทาสจะยังฝังอยู่บนพลังวิญญาณขั้นปฐมของนาง แต่เด็กสาวหูแมวก็รู้ว่าตอนนี้นางเป็นอิสระอย่างแท้จริง

          เมื่อเห็นใบหน้าอาบรอยยิ้มของหลิวหลี เด็กสาวหูแมวก็เปิดปากขึ้น แต่กลับพบว่าไม่อาจสรรหาถ้อยคำแสดงความขอบคุณใดที่จะถ่ายทอดความรู้สึกของนางได้

          นางจะแสดงความรู้สึกขอบคุณอย่างไรให้พอเพียงกับความใจดีใหญ่หลวงเช่นนี้

          ดวงตาของเด็กสาวค่อยๆ พล่าเบลอเพราะหยาดน้ำตาอุ่นๆ ทว่าในตอนนั้นเอง คำพูดของหวังลู่ก็ทะลุกลางปล้องขึ้นมาในบรรยากาศที่แสนอบอุ่นนี้

          “โย่ว เรียบร้อยแล้วเนอะ งั้นมาตกลงเรื่องค่าตอบแทนกัน ตามที่เจ้าพูดไว้ก่อนหน้านี้ ตกลงเจ้าจะมีลูกให้ข้าใช่ไหม”

          …ไปถามเอากับน้องสาวเจ้าเถอะ!

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด