กาลหนึ่งเคยมีเขากระบี่วิญญาณ 15 แท่นบูชาปฐมกลียุค

Now you are reading กาลหนึ่งเคยมีเขากระบี่วิญญาณ Chapter 15 แท่นบูชาปฐมกลียุค at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.
ตอนที่ 15 แท่นบูชาปฐมกลียุค

 

การระเบิดรุนแรงที่คาดคิดเอาไว้มิได้เกิดขึ้น

หวังลู่หลับตา กอดอกแน่น ปรับการตั้งรับของกระดูกกระบี่ไร้ลักษณ์จนถึงขั้นสุด แต่สิ่งที่ประสบคือความเงียบผิดปกติที่อยู่รอบตัว

อึดใจถัดมา เสียงลังเลของหญิงสาวก็ทำลายความเงียบนี้ลง “หวัง… เอ่อ เจ้าสำนัก ท่านกำลังทำพิธีกรรมอะไรอยู่กันแน่”

หวังลู่ลืมตาขึ้น แล้วก็พบกับใบหน้ากึ่งเย้าแหย่กึ่งสงสัยของธิดาเทพเฟิงหลิง เขาจึงผินหน้าไปอีกทาง ทัศนียภาพของหมู่บ้านตระกูลหวังและเทือกเขาที่อยู่รายรอบยังคงงดงามเช่นเดิม

ไม่มีการระเบิด ไม่มีพายุรุนแรงของห้วงพลังปราณฟ้าดิน ข้างๆ เขา ดวงแก้วสีเทาขนาดสูงเท่าคนนอนอยู่บนพื้น

หวังลู่กระแอม โบกไม้โบกมือให้ตาแก่ลามกและคนอื่นๆ แสดงบทบาทต่อ ตาแก่รู้ดีกว่าเกิดอะไรขึ้น จึงพยักหน้าและร่วมมือกับอู้เฟยฮวาร่ายมนต์ลวงตารอบหวังลู่ในระยะ 5 วาเอาไว้

สิ่งนี้เป็นแผนที่ตกลงกันไว้ล่วงหน้า เมื่อใดที่แท่นบูชาสร้างเสร็จสมบูรณ์ พวกเขาจะใช้มนต์ลวงตาบังมันไว้ เพื่อไม่ให้พวกชาวบ้านได้เห็นตำหนิแม้เพียงน้อยนิดที่อาจมี

ทันทีที่มนต์ลวงตาทำงาน หวังลู่ก็ไม่มีอะไรให้ต้องกังวล เขาเอื้อมมือไปสัมผัสผิวนอกของดวงแก้วอย่างสงสัย ทันใดนั้น ดวงจิตขั้นปฐมของเขาก็สั่นสะท้าน!

หวังลู่ประหลาดใจที่ดวงแก้วสีเทาและดวงจิตขั้นปฐมได้สร้างสายใยที่มิอาจแยกออกจากกันขึ้นมา ในขณะเดียวกันเขาก็รู้สึกถึงแรงดึงดูดแผ่วเบา และพลังปราณฟ้าดินที่อยู่รอบๆ ก็ถูกดูดเข้าไปในดวงแก้วอย่างช้าๆ ผ่านไปครู่หนึ่งพลังปราณฟ้าดินก็กระจายออกอีกครั้ง… แม้จะมีขนาดเล็ก แต่นี่คือคุณสมบัติของกระแสพลังปราณไม่ผิดแน่!

หลังจากจ้องมองอย่างประหลาดใจ หวังลู่ก็อ้าปากค้าง แสดงให้เห็นสีหน้ายากเกินจะเชื่อ

“ระยำ! นี่…นี่คือแท่นบูชาชนิดพิเศษหรือ”

แท่นบูชานี้ควรจะเป็นแท่นบูชากลั่นหยกที่สมบูรณ์แบบ แต่หลังจากที่เศษดาวหางพิลึกนั่นถูกดูดรวมเข้าไป มันก็กลายมาเป็นสิ่งนี้!? เจ้านี่มันอะไรกัน ยังมีแท่นบูชาชนิดอื่นในอาณาจักรเก้าแคว้นอีกหรือ

หวังลู่ทบทวนสารานุกรมแท่นบูชาที่เคยอ่านมาของลู่หลี แต่ดูเหมือนไม่มีบันทึกของสิ่งที่หน้าตาคล้ายเจ้านี่อยู่ ส่วนตำราโบราณอย่าง ตำรารวบรวมของแปลกของอาณาจักรเก้าแคว้น ก็ไม่เคยเอ่ยถึงการมีอยู่ของแท่นบูชาทรงกลม… แม้เขาจะเป็นศิษย์แถวหน้าผู้คงแก่เรียนของสำนักกระบี่วิญญาณ แต่หวังลู่ก็มิอาจระบุได้ว่าเจ้าแท่นบูชานี้มีดีอย่างไร!

ทว่าการที่ไม่อาจระบุได้ตามความรู้ที่มีอยู่ในตำราไม่ได้แปลว่าเขาจะหาคุณงามความดีของเจ้าสิ่งนี้ไม่ได้ การตรวจสอบที่เกิดเหตุก็เพียงพอที่จะระบุได้แล้ว หวังลู่หลับตา จากนั้นดวงจิตขั้นปฐมของเขาก็ค่อยๆ แทรกซึมเข้าไปในดวงแก้วนี้ เมื่อเขาใช้ความรู้ที่มีตรวจสอบโครงสร้างภายในของสิ่งนี้ผ่านสายใยที่เชื่อมต่อกัน เขาก็จะสามารถตัดสินคุณสมบัติของแท่นบูชานี้ได้

ทว่าเมื่อดวงจิตขั้นปฐมของเขาเข้ามาสู่ภายใน เขาก็พบว่าภายในของแท่นบูชาทรงกลมนี้โกลาหลวุ่นวายยิ่งนัก! ทันทีที่พลังปราณฟ้าดินถูกดูดเข้ามา มันก็กลายเป็นบางสิ่งที่ยุ่งเหยิงในทันที ทำให้เขาไม่สามารถตรวจสอบได้แม้เพียงนิด!

“เหอะ เป็นแท่นบูชาที่ไม่เหมือนใครจริงๆ เป็นชนิดดีงามชั้นสูงเสียด้วย!”

เมื่อไม่อาจตรวจสอบโครงสร้างภายใน จึงไม่อาจวิเคราะห์คุณสมบัติของแท่นบูชานี้ได้ ทว่าเมื่อดูจากความหนาแน่นของกระแสพลังปราณ รวมถึงความแตกต่างของการดูดซับและปลดปล่อยพลังปราณ หวังลู่ก็ตัดสินคร่าวๆ ว่าสิ่งนี้น่าจะเป็นแท่นบูชาระดับหกหรือเจ็ด

เจ้าสิ่งนี้แย่กว่าแท่นบูชากลั่นหยกเล็กน้อย… หวังลู่ค่อนข้างผิดหวัง ทว่าเขากลับพบความไม่ธรรมดาของมันอย่างรวดเร็ว

แม้ความหนาแน่นของกระแสพลังปราณจะต่ำ แต่ทุกครั้งที่มีการดูดซับและปลดปล่อยพลังปราณฟ้าดิน… ดูเหมือนว่าปริมาณของพลังปราณฟ้าดินในแต่ละรอบจะมากกว่ารอบก่อนหน้านั้นเล็กน้อย หวังลู่อดทนรอคอยจนถึงรอบที่สิบ และความสามารถในการหยั่งรู้ถึงพลังปราณฟ้าดินที่เฉียบคมของเขาก็ช่วยยืนยันเรื่องนี้ได้

เขาเคยอ่านคุณสมบัติของแท่นบูชานี้ในตำรามาก่อน มันอธิบายได้ด้วยคำคำเดียว คือเป็นประเภทงอกเงย!

“น่าสนใจ…”

ในโลกแห่งการบำเพ็ญเซียนมีกฎที่ไม่ได้บันทึกไว้ นั่นคือสิ่งใดก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นอาวุธวิเศษ กระบี่บิน หรือแท่นบูชา… หากมันอยู่ใน ‘ประเภทงอกเงย’ มูลค่าของมันจะเพิ่มเป็นเท่าทวีในทันที! เพราะสมบัติประเภทนี้ถือว่าหายากยิ่ง!

มีแท่นบูชาประเภทงอกเงยเพียงหยิบมือเดียวในโลกแห่งการบำเพ็ญเซียน เมื่ออนุมานตามประสบการณ์ของเขา หากแท่นบูชาที่ถูกสร้างขึ้นใหม่ที่เป็นระดับหกหรือเจ็ดพัฒนาศักยภาพอย่างเต็มขั้นแล้ว ไม่ถือว่าผิดปกติหากจะสามารถพัฒนาขึ้นได้อีกหนึ่งหรือสองระดับจากระดับดั้งเดิม ดังนั้นผลที่ออกมาจึงถือว่าดีกว่าที่เขาคาดหวังไว้มาก

ตอนนี้ปัญหาเดียวที่มีก็คือ แม้ดวงแก้วนี้จะสามารถดูดซับพลังปราณฟ้าดินได้ แต่โครงสร้างภายในของมันปั่นป่วนยุ่งเหยิงยิ่งนัก ดังนั้นผลลัพธ์ที่ได้จึงไร้แบบแผนเกินจะคาดเดา หวังลู่พยายามร่ายอาคมไปเจ็ดแปดอาคมเพื่อกระตุ้นมัน แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น!

“ระยำเถอะ! เป็นแท่นบูชาชั้นเลิศไม่ใช่รึ!?”

ในเมื่อใช้ไม้อ่อนไม่ได้ผล เขาจึงเปลี่ยนมาใช้ไม้แข็งแทน หวังลู่ถอนใจ ชักเท้าขวากลับแล้วเตะดวงแก้วดังกล่าวเต็มแรง

ทันใดนั้น ดวงแก้วก็สั่นสะท้านขึ้นมา จากนั้นก็หมุนวนอย่างบ้าคลั่ง ไม่นานส่วนบนของมันก็เปิดออก สิ่งหนึ่งกระเด็นออกมาและตกลงสู่พื้น มันสุกใสวับวาวเป็นที่สุด

หวังลู่มองตามลงไป “สวรรค์! นี่มันศิลาวิญญาณชั้นสูงมิใช่หรือ ดูจากความสามารถในการแปลงรูปแล้ว หมายความว่ามันสามารถแปลงวัตถุวิเศษระดับแปดหรือสูงกว่านั้นออกมาได้! ประสิทธิภาพในการแปลงรูปของมันถือว่าไม่เลวเลยทีเดียว!”

หวังลู่เอื้อมไปและปล่อยพลังปราณฟ้าดินจำนวนหนึ่งลงไปในแท่นบูชาด้วยความตื่นเต้น จากนั้นก็เตะแท่นบูชา ดวงแก้วจึงเริ่มหมุนอีกรอบ อึดใจถัดมา มันก็ส่งเสียงดัง พร้อมพ่นวัตถุสิ่งหนึ่งออกมาทางด้านบนอีกครั้ง สิ่งนั้นหล่นลงบนพื้น ปรากฏว่าเป็นถ่านสีดำสนิทหนึ่งก้อน!

“ระยำแท้! พ่นถ่านออกมาเนี่ยนะ!? แท่นบูชานี่เอาแน่เอานอนไม่ได้จริงๆ!?”

หลังจากนั้น หวังลู่ก็เทพลังปราณฟ้าดินลงไปกลุ่มใหญ่ แต่คราวนี้ดวงแก้วกลับไม่ยอมขยับ หลังจากนิ่งคิดอยู่พักหนึ่ง หวังลู่ก็ตระหนักได้ว่าสองสิ่งที่ถูกพ่นออกมาอาจจะเป็นการแปลงรูปของกระแสพลังปราณที่ยังตกค้างอยู่ขณะที่ดวงแก้วกำลังก่อตัวเป็นรูปเป็นร่างขึ้นก็เป็นได้ ดังนั้นพอเขาใส่พลังปราณของตนเข้าไปเอง ปริมาณของพลังปราณอาจมีไม่พอที่จะทำให้เกิดการแปลงรูปได้

ทว่าหวังลู่กลับไม่ยี่หระ แม้ขั้นตบะของเขาจะต่ำเตี้ย พลังปราณในตัวอาจไม่เพียงพอ แต่เขามีศิลาวิญญาณล้นเหลือ หวังลู่หยิบศิลาวิญญาณจำนวนหนึ่งออกมาจากย่ามสีเหลืองหม่น จากนั้นก็หลอมมันให้กลายเป็นพลังปราณฟ้าดินและใส่มันลงไปในดวงแก้ว พอทำเช่นนี้อยู่หลายครั้ง เขาก็รู้สูตรของแท่นบูชานี้ได้คร่าวๆ ผลลัพธ์ที่ได้จากแท่นบูชานั้นไร้แบบแผน ทว่าจำนวนพลังปราณฟ้าดินที่ต้องการเพื่อให้ดวงแก้วทำงานและพ่นวัตถุออกมาน่าจะเท่าๆ กับพลังปราณฟ้าดินที่อยู่ในศิลาวิญญาณระดับมาตรฐานหนึ่งร้อยสามสิบศิลาวิญญาณ

หากเขาใส่พลังปราณฟ้าดินลงในดวงแก้วต่ำกว่าปริมาณดังกล่าว แม้ว่าเขาจะเตะดวงแก้วแรงเท่าใดมันก็ไม่ขยับ หากใส่พลังปราณลงไปมากกว่าปริมาณดังกล่าว แท่นบูชาจะกักเก็บพลังปราณส่วนที่เหลือไว้ และหากใส่พลังปราณลงไปมากกว่าที่จำเป็นหลายเท่า แท่นบูชาก็จะพ่นสิ่งของออกมาหลายรอบ

ในความคิดของหวังลู่ แท่นบูชาทรงกลมนี้ก็เหมือนกล่องเสี่ยงทายรางวัล หากจ่ายหนึ่งร้อยสามสิบศิลาวิญญาณ ก็จะได้หมุนวงล้อสุ่มรางวัล แต่ช่วงต่างของรางวัลนั้นมหึมา… เดี๋ยวก่อนนะ ทำไมเขาถึงรู้สึกคุ้นเคยกับของพรรค์นี้พิกล!?

หวังลู่นิ่งอึ้งไปอึดใจใหญ่ จากนั้นก็กัดฟันแน่น เขาควานหยิบศิลาวิญญาณทั้งหมดออกจากย่ามสีเหลืองหม่นโดยไม่เหลือแม้สักก้อน มูลค่าน่าจะหลายร้อยศิลาวิญญาณได้ จากนั้นก็หลอมจนกลายเป็นพลังปราณฟ้าดินแล้วใส่เข้าไปในดวงแก้ว ปริมาณของศิลาวิญญาณในครั้งนี้มากเสียจนตาแก่ลามกและคนอื่นๆ ที่ล้อมวงยืนมองหวังลู่อยู่อดที่จะตาเหลือกไม่ได้!

ศิลาวิญญาณชั้นเยี่ยมอีกหลายร้อย!? เพื่อสังเวยเป็นเชื้อเพลิงให้แท่นบูชานี่… “โอ้ ท่านผู้จัดการ ท่านเป็นจอมสุรุ่ยสุร่ายของสำนักกระบี่วิญญาณโดยแท้!? ทุกคนต่างรู้ว่าความสำคัญของแท่นบูชาอยู่ที่ความสามารถในการควบรวมพลังปราณฟ้าดินออกมาเป็นศิลาวิญญาณและสิ่งอื่นๆ แต่ท่านกลับทำตรงกันข้าม ถลุงศิลาวิญญาณจนหมดสิ้น!”

หลังจากที่หวังลู่เทศิลาวิญญาณทั้งหมดลงในแท่นบูชา ดวงแก้วสีเทาก็ลอยหวือราวกับกำลังเผาไหม้ด้วยศิลาวิญญาณชั้นเยี่ยม จากนั้นมันก็หมุนวนอย่างรุนแรง โดยที่ไม่ต้องให้ใครมาแตะด้วยซ้ำ

อึดใจถัดมา หวังลู่ที่คาดหวังอย่างเต็มเปี่ยมก็เห็นว่าส่วนบนของมันเปิดออก และมันพ่นวัตถุออกมาหนึ่ง สอง สาม…สิบเอ็ดรอบ!

หวังลู่ยินดีเป็นล้นพ้น เมื่อครู่จำนวนศิลาวิญญาณชั้นสูงที่เขาใช้ไปคือหนึ่งร้อยยี่สิบแปดศิลาวิญญาณ เทียบเท่ากับศิลาวิญญาณชั้นมาตรฐานหนึ่งพันสองร้อยแปดสิบศิลาวิญญาณ ซึ่งขาดไปเล็กน้อยในการจะผลิตสิ่งของวิเศษให้ได้สิบชิ้น แต่นี่แท่นบูชากลับให้รางวัลพิเศษเขามาหนึ่งชิ้นด้วย!

ส่วนสิ่งของที่ได้มานั้น…

หวังลู่เหลือบตาดูก้อนกรวดห้าก้อนบนพื้นอย่างปลงๆ เรียกว่าก้อนกรวดอาจฟังดูรุนแรงเกินไป เพราะความจริงมันคือศิลาวิญญาณบิ่นๆ ซึ่งเทียบมูลค่ากับศิลาวิญญาณชั้นต่ำยังไม่ได้เลยด้วยซ้ำ ทว่าภายในก็มีพลังปราณฟ้าดินอยู่พอสมควร ซึ่งถือเป็นอาหารชั้นดีสำหรับตาแก่ลามกและคนอื่นๆ หากไม่ติดว่ามันเป็นศิลาวิญญาณที่เสียหาย ก็น่าจะมีค่าสูงถึงสิบศิลาวิญญาณชั้นสูง

เจ้าของห้าชิ้นนี้ถือเป็นความสูญเสียใหญ่หลวงของหวังลู่ แน่นอนว่าการใช้ศิลาวิญญาณเป็นเชื้อเพลิงให้แท่นบูชาซึ่งปกติมีหน้าที่เพียงแค่แปลงรูปพลังปราณฟ้าดินอย่างไรเสียก็ขาดทุน ความดีงามของแท่นบูชาอยู่ที่การแปลงรูปพลังปราณฟ้าดินที่คงที่ ทว่าหากมิใช่แท่นบูชาระดับสูง อัตราการแปลงรูปก็มักจะทำให้ประสาทเสียได้

นอกจากก้อนกรวดหักๆ ห้าก้อนนั้นแล้ว ยังมีแผ่นเหล็กสีดำสนิทอีกสองแผ่น หวังลู่ที่มีดวงตาแหลมคม รู้ได้ในทันทีว่ามันเป็นวัตถุดิบที่มีค่าที่สุดในยุทธภพของโลกมนุษย์ นั่นคือเหล็กนิลดำ ซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักของกระบี่เหล็กนิลดำของเจ้าอ้วนนั่นเอง… ทว่าในโลกแห่งเซียน มันเทียบเท่ากับอาวุธชั้นดีทั่วไปเท่านั้น

ที่ข้างๆ แผ่นเหล็กนิลดำ ยังมีก้อนโคลนเมฆาหนึ่งก้อน น้ำแข็งแห้งหนึ่งก้อน หินเหล็กไฟหนึ่งชิ้น ของเหล่านี้จัดเป็นสิ่งของวิเศษระดับแปดไม่เกินนี้

เมื่อได้เห็นของพวกนี้ ตาแก่ลามกและอู้เฟยฮวาก็รู้สึกตื้นตัน! อย่างไรเสียมันก็เป็นถึงสิ่งของวิเศษระดับแปด! แท่นบูชาของสำนักเจ็ดดาราที่ครอบด้วยค่ายกลห้าธาตุนั้นไม่อาจควบรวมสิ่งของวิเศษระดับเก้าออกมาได้ด้วยซ้ำ!

ทว่าหวังลู่กลับเหลือบมองสิ่งเหล่านั้นเพียงแวบเดียว สายตาของเขาจับจ้องอยู่ที่วัตถุชิ้นสุดท้ายเท่านั้น

มันคือเม็ดยาสีแดงวาวกระจ่างใสรูปทรงกลมเกลี้ยง มีพลังวิญญาณเคลื่อนไหวราวกับคลื่นอยู่ภายในนั้น หวังลู่ถอนหายใจ เขารู้ได้ในทันที มันคือโอสถเมฆานที ยาอายุวัฒนะระดับห้า

ไม่มีใครล่วงรู้มาก่อนว่าดวงแก้วธรรมดาๆ นี่จะสามารถใช้พลังปราณฟ้าดินเป็นวัตถุดิบในการควบรวมโอสถระดับห้าออกมาได้ กระบวนการทำงานของมันช่างไม่มีหลักการแม้แต่น้อย แถมสิ่งที่นำเข้าไปกับสิ่งที่ได้ออกมายิ่งไม่มีหลักการเข้าไปใหญ่! หากนำยาอายุวัฒนะระดับห้านี่ไปขายที่หอนภาเร้นลับ ก็น่าจะได้เงินอย่างน้อยสักหนึ่งพันศิลาวิญญาณระดับมาตรฐาน!

หวังลู่มิอาจกลั้นขำได้อีกต่อไป เขาส่ายศีรษะ “ได้ของมาสิบเอ็ดชิ้นจากการเขย่าเพียงครั้งเดียว หึ ถือว่าโชคไม่เลวเลยทีเดียว”

จากสัดส่วนของสิ่งที่ใส่เข้าไปและสิ่งที่ได้มา ผลลัพธ์ถือว่าสวรรค์บันดาลอย่างแท้จริง! เมื่อดูจากศิลาวิญญาณที่ใส่เข้าไปและศิลาวิญญาณที่ได้ออกมา แม้แท่นบูชาชั้นยอดยังให้ผลลัพธ์ที่ขาดทุนไปสองถึงสามส่วน ส่วนแท่นบูชาระดับหกและเจ็ด ผลลัทธ์ที่ได้ย่อมขาดทุนไปมากกว่าครึ่ง ทว่าหวังลู่กลับได้สิ่งของออกมาถึงสิบเอ็ดอย่าง แม้ความจริงสิ่งของทั้งสิบเอ็ดอย่าง จะมีเพียงอย่างสุดท้ายซึ่งคือยาอายุวัฒนะระดับห้าที่มีมูลค่า ทว่าหากวัดตามมาตรฐานของตาแก่ลามก การที่สามารถผลิตวัตถุวิเศษระดับแปดออกมาได้ถือว่าเป็นการเขย่าที่ยอดเยี่ยมแล้ว! ดังนั้นท่ามกลางสิ่งของสิบเอ็ดชิ้นของหวังลู่ หกชิ้นนับว่าเป็นการเขย่าที่ดีเยี่ยม ทั้งอีกหนึ่งชิ้นยังเป็นการเขย่าชั้นเลิศอีกด้วย หากไม่เรียกว่าสวรรค์บันดาลจะเรียกว่าอะไรได้อีก

หวังลู่เริ่มพูดโอ่ถึงความสำเร็จว่า “ไม่เลว” โชคร้ายที่ไม่มีใครกล่าวตาม ทำให้เขารู้สึกไม่ค่อยสำราญใจเท่าไร

หลังจากที่หยิบวัตถุวิเศษและยาอายุวัฒนะขึ้นจากพื้น หวังลู่ก็ไม่คิดจะทดสอบดวงแก้วอีก ด้านหนึ่งเขาไม่อยากผลักโชคตัวเองทิ้ง อีกด้านคือนี่ไม่ใช่เวลาจะมาเสี่ยงโชค เขายังเป็นนักแสดงที่กำลังแสดงอยู่บนเวที เขาจึงจำต้องทำการแสดงต่อ ละครเรื่องนี้มีจุดด่างพร้อยมากพอแล้ว ถึงเวลาต้องจบเสียที

ดังนั้น น้ำเสียงเฉื่อยของหวังลู่จึงดังก้องไปทั่วหมู่บ้าน “แท่นบูชานี้ทำจากสายฟ้าที่กำเนิดจากสวรรค์ ซึ่งข้าเก็บไว้เมื่อครั้งเกิดกลียุคในครั้งก่อน มันรวบรวมแหล่งกำเนิดแสนมหัศจรรย์ของสรรพสิ่งในสากลโลก… ซึ่งข้าจะเรียกว่าแท่นบูชาปฐมกลียุค บัดนี้แท่นบูชาสร้างเสร็จเรียบร้อย ขอพวกเจ้าจงประจักษ์ความมหัศจรรย์ด้วยตาตนเอง”

จากนั้นเขาก็แอบขยิบตาให้ตาแก่ลามก อีกฝ่ายเข้าใจในทันทีและยุติมนต์ลวงตา จากนั้นก็ร่ายคาถาพรางตาใส่หวังลู่ เพื่อให้ดูว่าเขากลับสู่โลกแห่งเซียนไปแล้ว

เมื่อได้ประจักษ์ด้วยตาตัวเองจากระยะไกล เหล่าชาวบ้านผู้โง่เขลาก็ต่างพากันหมอบกราบแท่นบูชาดังกล่าว

หวังลู่ที่กำบังกายอยู่เหยียดยิ้ม พลางคิดในใจ ‘เอาเลย คำนับข้า คำนับวัตถุสวรรค์ประทานทั้งหก! พวกเจ้าชื่นชอบมันใช่ไหมเล่า! เจ้าพวกคนสติปัญญามีจำกัดเอ๋ย จงทำตัวให้ดีเถิด ไม่แน่ว่าพวกเจ้าอาจจะอยู่รอดก็เป็นได้!’

……………………………………………

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด