กาลหนึ่งเคยมีเขากระบี่วิญญาณ 5.1 เจ้าตายแน่! ไม่มีใครหน้าไหนจะช่วยเจ้าได้ทั้งนั้น!

Now you are reading กาลหนึ่งเคยมีเขากระบี่วิญญาณ Chapter 5.1 เจ้าตายแน่! ไม่มีใครหน้าไหนจะช่วยเจ้าได้ทั้งนั้น! at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.
ตอนที่ 5 เจ้าตายแน่! ไม่มีใครหน้าไหนจะช่วยเจ้าได้ทั้งนั้น! (1)

ไม่ว่าจะเป็นเรื่องใด หากได้รับการร่วมมือเต็มขั้นจากเสี่ยวหลิงเอ๋อร์ ขั้นต่อไปของพวกเขาก็จะราบรื่นอย่างดี

หลักทั่วไปของแผนในครั้งนี้นั้นง่ายมาก นั่นคือให้เสี่ยวหลิงเอ๋อร์เข้าหาผู้อาวุโสหกดาวโดยอาศัยนิสัยบ้าตัณหาของเขา จากนั้นก็จัดการเขาในระยะประชิด

ด้วยอำนาจพิเศษของเสี่ยวหลิงเอ๋อร์ที่สามารถต้านทานพลังเซียนได้ทุกรูปแบบ เมื่อนางเข้าใกล้ผู้บำเพ็ญเซียนในระยะประชิด ผู้บำเพ็ญเซียนทั่วไปจึงไม่อาจตั้งรับได้ทัน และตราบที่เสี่ยวหลิงเอ๋อร์สยบผู้อาวุโสคนนั้นได้ ฝ่ายตรงข้ามก็มิอาจสำแดงพลังขั้นสูงสุดออกมาได้ ส่วนทูตระดับสี่ดาวนั้น…พวกเขาจะปล่อยนางไป!

ปัญหาเดียวก็คือทำอย่างไรถึงจะให้เถ้าแก่เนี้ยผู้งดงามราวดอกไม้ได้เจอะเจอหน้าตาแก่ตัณหากลับหกดาวนั่น

“เรื่องนี้ง่ายมาก ตอนที่เจ้าอ้วนเข้าไปในจวนนั่น ก็เห็นว่ามีหญิงรับใช้ตั้งหลายคนมิใช่หรือ พี่หญิงหลิง ท่านก็ใช้วิธีนี้นั่นแหละ หากไม่มีข้อผิดพลาดล่ะก็ มันต้องเป็นไปด้วยดีแน่”

“ยังไง”

หวังลู่อธิบาย “ก็จากที่เจ้าอ้วนเล่ารายละเอียดให้ฟัง หญิงสาวพวกนั้นสมัครใจทำเรื่องลามกนี่เองโดยไม่ได้ดูเหมือนถูกบังคับด้วยซ้ำ จริงอยู่ที่ผู้บำเพ็ญเซียนตบะขั้นสร้างฐานมีความสามารถในการควบคุมจิตผู้อื่น แต่การทำเช่นนั้นย่อมทิ้งร่องรอยที่เด่นชัดไว้ ซึ่งเจ้าอ้วนไม่มีทางมองข้ามแน่นอน อีกอย่างในเมื่อพวกเขาอยู่อย่างสุขสบายในอำเภออู่โหวแห่งนี้ ย่อมต้องมีข้อตกลงที่ได้รับความเห็นชอบจากผู้พิพากษาและคนของเขาอย่างแน่นอน”

เถ้าแก่เนี้ยพยักหน้าเห็นด้วย “แล้วจากนั้นเล่า”

“แต่ในรายละเอียดเดียวกัน เราจะเห็นได้ว่า ท่ามกลางหมู่สาวรับใช้พวกนี้ มีทั้งพวกที่เป็นมืออาชีพ ซึ่งคือพวกนางโลมที่มีทักษะในเรื่องนี้อยู่แล้ว กับพวกมือใหม่ ซึ่งก็คือเด็กสาวที่ถูกสภาพแวดล้อมกดดันให้ขายเรือนร่างแลกเงินทอง และด้วยนิสัยและสถานะของผู้อาวุโสคนนั้น ข้าว่าหากว่ากันตามกฎของโลกปุถุชน คนผู้นี้ต้องร่ำรวยมหาศาลทีเดียว”

“แล้วยังไง”

“ทว่าสำหรับตาแก่มากตัณหาเช่นเขา การจัดเตรียมหญิงสาวอย่างน้อยย่อมต้องมีปัญหา จำนวนประชากรในอำเภอเล็กๆ เช่นนี้มีไม่กี่พันคน ไม่เพียงพอที่จะให้กำเนิดหญิงงามจำนวนมากแน่ อีกอย่างไม่ใช่ว่าสาวงามทุกคนจะยินยอมขายตัวเอง พนันได้ว่าผู้อาวุโสหกดาวนั่นเพิ่งมาถึงอำเภอนี้ได้ไม่นาน เขาจึงยังสามารถควานหาหญิงงามจำนวนมากพอที่จะสนองความบ้ากามของตัวเองได้ แต่ข้าว่าจำนวนของหญิงงามคงจะตึงมือไม่น้อยแล้ว และสำหรับชายตัณหากลับเช่นนั้น ไม่ช้าเขาย่อมเบื่อเหล่าหญิงงามที่อยู่ในมือแน่นอน เพราะส่วนใหญ่ก็ไม่ได้มีคุณภาพอะไร ย่อมเรียกร้องความสนใจเขาได้ไม่นานพอ ดังนั้นเขาย่อมต้องออกไปล่าหญิงงามใหม่ๆ มาอีกแน่นอน!”

เถ้าแก่เนี้ยเบ้ปากอย่างรังเกียจ “หึ น่าสะอิดสะเอียนชะมัด”

หวังลู่ยักไหล่ “เป็นเรื่องธรรมชาติที่มนุษย์ต้องการแพร่เผ่าพันธุ์ มีเพียงท่านที่ยืนอยู่เหนือมนุษยชาติทั้งปวงจึงสามารถเห็นปัญหาได้อย่างแจ่มชัด”

เถ้าแก่เนี้ยยกนิ้วกลางให้เขาไปทีหนึ่ง

“พูดสั้นๆ ก็คือ ข้าว่าอีกไม่นานผู้บำเพ็ญเซียนคนนั้นคงจะบอกให้คนในจวนไปเฟ้นหาสาวงามคนใหม่ๆ แน่ คราวนี้หากพี่หญิงหลิงสามารถไปปรากฏตัวต่อหน้าพวกเขาโดยไม่มีข้อแคลงใจ พวกเขาต้องพาท่านไปพบผู้อาวุโสคนนั้นอย่างแน่นอน”

“…ที่เจ้าพูดว่าไม่มีข้อแคลงใจน่ะหมายความว่าอย่างไร”

หวังลู่นิ่งคิดสักพักก่อนจะกระซิบใส่นาง “ก็เช่น…”

ผ่านไปพักใหญ่ หลังจากได้ฟังแผนการโดยสรุปของหวังลู่แล้ว เถ้าแก่เนี้ยก็ถอนหายใจออกมา “ข้าคิดมาตลอดเลยว่าเจ้าตั้งใจหาเรื่องมาให้ข้า”

“ข้าสาบานเลยว่าไม่เคยตั้งใจเช่นนั้น แม้วิธีจะชั่วร้ายไปหน่อย แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าวิธีชั่วร้ายมักสัมฤทธิ์ผลมากกว่า นอกจากนั้นในอำเภออู่โหวที่ห่างไกลเช่นนี้ การทำให้ชาวบ้านเชื่อใจก็ไม่น่ายากเย็นอะไร… อีกอย่างต่อให้ท่านทำให้ชาวบ้านเชื่อใจไม่ได้แล้วอย่างไร ตราบเท่าที่พี่หญิงหลิงอวดเรือนร่างชวนตื่นตะลึงของท่านให้พวกนั้นเห็น แม้ว่าพวกนั้นจะสงสัยตัวตนของท่าน แต่ก็ต้องยอมมองข้ามไปอย่างแน่นอน”

“…เอาล่ะ ข้าจะทำตามแผนเจ้าก็ได้ แต่อย่าลืมเสียล่ะ”

หวังลู่ตอบกลับทันใด “ข้ารู้ ข้าติดหนี้ท่านครั้งใหญ่”

“หึ ดีที่เจ้ารู้” ——

เพื่อไม่ให้ชักช้ามากกว่านี้ เย็นวันนั้นเอง ทั้งสามคนก็ดำเนินการตามแผนที่วางไว้

พูดให้ถูกก็คือ มีเพียงสองคนเท่านั้นที่ลงแรงในแผนการครั้งนี้

หนึ่งคือเถ้าแก่เนี้ย อีกหนึ่งคือเหวินเป่า ส่วนหวังลู่น่ะหรือ ในฐานะผู้กำกับ เขาจึงเลือกยืนมองอยู่ไกลๆ

การแสดงพิเศษของพวกเขาเป็นไปตามนี้

ฉากแรก : บนถนนหลักของอำเภออู่โหว ตัวละคร : เถ้าแก่เนี้ยและเหวินเป่า

เถ้าแก่เนี้ยกับเหวินเป่าเดินอยู่ข้างๆ กัน พวกเขาทั้งคู่สวมเสื้อผ้ามอมแมม ขาดรุ่งริ่ง ชาวบ้านสามารถมองออกได้ทันทีว่าคนทั้งคู่ยากจน เหวินเป่าเดินโซเซตัวงอ ไอออกมาเป็นระยะราวกับว่าเจ็บป่วยแสนสาหัส

เถ้าแก่เนี้ย : “เสี่ยวเป่า เจ้าไหวไหม”

เหวินเป่า : “พี่หญิงใหญ่ ข้าไม่เป็นไร ท่านไม่ต้องเป็นห่วงไป”

“จะไม่ให้ข้าห่วงได้อย่างไร! อาการป่วยของเจ้า…ท่านหมอบอกว่า หากเจ้ากินยาตรงตามเวลา เจ้าจะต้องหายดีแน่! หมู่บ้านเรายากจน ข้าจึงพาเจ้าเข้ามาในอำเภอเพื่อหาซื้อตัวยา!”

“แต่พี่หญิงใหญ่ แม้ร้านสมุนไพรจะมีตัวยาที่ว่านั่น แต่ก็ต้องใช้เงินแลกมา”

“โธ่เอ๋ย หากท่านพ่อไม่ขายไร่นาไปเสียหมด กะอีแค่ซื้อตัวยาให้กับเจ้า…”

“พี่หญิงใหญ่ ท่านอย่าโกหกเลย อาการป่วยข้า… ต้องใช้ส่วนผสมของตัวยาที่มีราคาแพง ต่อให้ไร่นาของเรายังอยู่ครบ ก็ยังไม่พอจ่ายค่ายาของข้าจนหายขาด เพราะงั้นพี่หญิงใหญ่ ท่านไม่ต้องใส่ใจข้าก็ได้”

“…วางใจเถอะ ไหนๆ ข้าก็พาเจ้ามาถึงที่นี่แล้ว ต้องมีหนทางหาเงินเพื่อซื้อตัวยารักษาเจ้าสิ!”

“หนทางหาเงิน? พี่หญิงใหญ่ ท่านจะหาเงินมาได้อย่างไร”

“ได้ก็แล้วกัน! พี่ของเจ้าจะปักผ้า ทอผ้า ทำอาหาร ทำโน่นนั่นนี่ ที่นี่เป็นอำเภอใหญ่ งานที่เงินดีๆ ต้องมีเยอะแยะแน่”

“แต่…”

“ไม่มีแต่ ท่านลุงหวังจากหมู่บ้านทางตะวันออกบอกข้าว่าแค่ผ้าเช็ดหน้าที่ข้าปักลาย ก็ขายในอำเภอนี้ได้เงินมากโขแล้ว… พูดสั้นๆ คือ เจ้าไม่ต้องเป็นกังวลกับเรื่องนี้เลย!”

ฉากสอง : หน้าประตูทางเข้าจวนรับรองของผู้พิพากษาอำเภอ ตัวละคร : เถ้าแก่เนี้ย

“โธ่ ข้ากับเสี่ยวเป่า ข้ากับเสี่ยวเป่ามีกันแค่สองพี่น้องเท่านั้น จะปล่อยให้เขาป่วยตายไม่ได้ แม้จะต้อง… เอาล่ะ ข้าต้องหาเงินมาให้ได้!”

จากนั้นหญิงสาวที่ตัดสินใจแน่วแน่แล้วก็ก้าวยาวๆ ไปยังประตูทางเข้าแล้วเอ่ยปากถามผู้คุ้มกันที่ยืนอยู่ด้านหน้า

นางกุมมือเข้าด้วยกัน รวบรวมความกล้าแล้วพูดเสียงตะกุกตะกักว่า “ขะ ขอประทานอภัย ไม่ทราบว่าที่นี่รับคนงานหรือไม่”

ผู้คุ้มกันคนหนึ่งโบกมือไล่นางโดยไม่ปรายตามองด้วยซ้ำ “ไปให้พ้น หากจะมาขออาหาร ก็ไปขอที่อื่น!”

ทว่าผู้คุ้มกันอีกคนกลับมีสายตาแหลมคม เพียงแค่ปรายตามองหญิงสาว นัยน์ตาของเขาก็ลุกโชนขึ้นมาในทันใด เขารีบตบบ่าเพื่อน “นี่ นี่ เจ้าดูนางก่อน!”

ชายอีกคนหันหน้ามามองอย่างใคร่รู้ ผ่านไปอึดใจหนึ่งก็ตระหนักได้เช่นกัน จึงรีบพูดกับหญิงสาวว่า “เจ้ารอตรงนี้ ข้าจะเรียกพ่อบ้านมาคุยกับเจ้า”

พักต่อมา บุคคลที่ดูเหมือนจะเป็นพ่อบ้านก็เดินออกมาจากจวน เมื่อสำรวจดูหญิงสาวเขาก็พยักหน้าด้วยความพึงพอใจ “ตามข้ามา มาคุยกันข้างในดีกว่า”

………………………………………..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด