กาลหนึ่งเคยมีเขากระบี่วิญญาณ 41.1 วิธีเป็นสมาชิกของพันธมิตรหมื่นเซียน (1)

Now you are reading กาลหนึ่งเคยมีเขากระบี่วิญญาณ Chapter 41.1 วิธีเป็นสมาชิกของพันธมิตรหมื่นเซียน (1) at นิยาย นิยายออนไลน์ นิยายวาย นิยาย pdf OreNovel.Com.

 

ตราประทับทองคำนี้ทำให้ผู้อาวุโสทั้งสองตกตะลึงอย่างหนัก

“ปะ เป็นไปได้อย่างไร” ดวงตาของฟางเฮ่อเบิกกว้าง ตรวจสอบภาพตราประทับที่เห็นตรงหน้านับครั้งไม่ถ้วน แต่ผลสรุปก็มีเพียงประการเดียว ตัวอักษรบนตราดังกล่าวไม่ใช่ของปลอม และความหมายของสิ่งนี้ก็เรียบง่ายและชัดเจน

สำนักภูมิปัญญาของหวังลู่ผ่านการรับรองคุณสมบัติและได้เป็นหนึ่งในสมาชิกของพันธมิตรหมื่นเซียนอย่างเป็นทางการ!

เป็นไปได้อย่างไร ไม่สิ ประโยชน์ดังกล่าวไม่อาจถ่ายทอดความตกตะลึงในจิตใจของหลิวเสี่ยนและฟางเฮ่อได้อย่างสมบูรณ์ ประโยคที่แท้จริงควรจะเป็น…

ระยำเอ๊ย แม่งเป็นไปได้ยังไงวะเนี่ย!?

แม้แต่ตอนที่พวกเขาตกตะลึงที่ได้ยินว่าปรมาจารย์เจ้าสำนักเฟิงอิ๋นมีบุตรสาวอายุสิบหกปี ผู้อาวุโสทั้งสองยังไม่มึนงงถึงเพียงนี้ ฟางเฮ่อมองไม่ออกด้วยซ้ำว่าใบหน้าของหวังลู่ฉายแววน่าสงสัยตอนที่อีกฝ่ายเผยตราประทับให้เห็น เขารู้สึกเพียงว่าความสับสนในหัวใจของตนเป็นเหมือนรอยแยกบนพื้นดินที่จะนำไปสู่หุบเหวลึก รอยแยกนั้นรังแต่จะถ่างออกจากกัน ไม่มีวันกลับมาประสานกันได้อีก

เป็นไปได้อย่างไร เป็นไปได้อย่างไร เป็นไปได้อย่างไร!!??

ในหัวของฟางเฮ่อมีถ้อยคำอยู่นับไม่ถ้วน แต่ถ้อยคำเหล่านั้นกลับติดขัดอยู่ในลำคอ! คนสติดีไม่ว่าหน้าไหนย่อมมองว่าสำนักภูมิปัญญาคือลัทธิชั่วร้ายแน่แท้อย่างไม่ต้องสงสัย มีเพียงเจ้าเด็กหวังลู่ ศิษย์หน้าไม่อายจากยอดเขาไร้ลักษณ์เท่านั้นที่ปฏิเสธเสียงแข็ง ตลอดสามวันที่ผ่านมา ฟางเฮ่อและหลิวเสี่ยนต่างประจักษ์กับตาว่ามีการใช้วิชาโลหิตเพลิงโหมนภา ทั้งยังยืนยันได้อีกว่าสำนักนี้มีผู้ติดตามมากกว่าหนึ่งล้านคน ซึ่งเข้าค่ายลักษณะของลัทธิทั้งสิ้น

เหตุใดผู้อาวุโสทั้งสองจึงโมโหโกรธาอย่างหนักในตอนแรกน่ะหรือ นั่นเพราะการก่อตั้งลัทธิย่อมส่งผลลบใหญ่หลวงไม่ว่าจะต่อสำนักกระบี่วิญญาณหรือตัวหวังลู่เองก็ตาม โดยเฉพาะกับหวังลู่ หากข่าวที่ว่าเด็กคนนี้เป็นเจ้าลัทธิแพร่กระจายออกไป หวังลู่ย่อมถูกทุกคนประณาม และไม่อาจจะใช้ชีวิตอยู่ในอาณาจักรเก้าแคว้นได้แน่! ปัญหาก็คือนิยามของคำว่าลัทธิ ตามข้อกำหนดภายในของพันธมิตรหมื่นเซียน ลัทธินั้นเป็นรองเพียงลัทธิมารเท่านั้น ซึ่งเรื่องนี้เป็นความจริงที่ไม่อาจปฏิเสธได้! แล้วนี่เจ้าบอกว่าได้รับการรับรองจากประเทศต้าหมิง ปัญหาจะยิ่งใหญ่โตเข้าไปใหญ่ ทั้งประเทศต้าหมิงอาจล่มสลายได้ภายในไม่ถึงข้ามคืน! การใช้การรับรองจากประเทศต้าหมิงมาปกปิดความจริงที่ว่าที่นี่เป็นลัทธิก็เหมือนเอาใบไม้แห้งมารองรับระดูของหญิงสาว การประเมินความสามารถของอีกฝ่ายสูงเกินไปอย่างน้อยก็ควรมีขีดจำกัดบ้าง! ส่วนเรื่องโลกเคลื่อนคล้อยสู่สวรรค์หรือเสรีภาพในกำลังการผลิตนั้น… เชิญไปอธิบายต่อหน้ากระดูกของตัวเองตอนที่เกิดใหม่เถอะ!

ดังนั้น แม้หวังลู่จะฟื้นฟูร่างกายได้อย่างรวดเร็วจากการตรวจสอบของกระบี่แห่งสัจจะ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งอย่างน่าทึ่งในฐานะศิษย์ผู้สืบทอด ฟางเฮ่อก็ยังไม่ยอมอ่อนข้อต่อเขาอยู่ดี ครั้งนี้หากเขายอมผ่อนผันก็อาจทำลายอนาคตของเด็กคนนี้ก็ได้!

ทว่าตอนนี้ ตราประทับวับวาวกลายเป็นเรื่องตลกขนาดใหญ่ที่ทำลายความโกรธและข้อสงสัยของผู้อาวุโสทั้งสองลง

สำนักภูมิปัญญาเป็นลัทธิ? น่าขำอะไรเช่นนั้น! ตรารับรองของพันธมิตรหมื่นเซียนก็อยู่ตรงนี้แล้วอย่างไรเล่า ใครหน้าไหนกล้าพูดว่ามันเป็นลัทธิอีก!? หากการรับรองอย่างเป็นทางการของประเทศต้าหมิงยังไม่พอ เช่นนั้นการรับรองของพันธมิตรหมื่นเซียนนั้นก็ยิ่งกว่าพอเสียอีก! มีองค์กรใดที่มีอำนาจยิ่งกว่าพันธมิตรหมื่นเซียนอีกหรือ แน่ละว่าไม่!

ทว่ากลับกัน ฟางเฮ่อและหลิวเสี่ยนก็ไม่ได้รู้สึกว่าสิ่งที่พวกเขาเห็นตลอดสามวันเป็นภาพลวงตา คุณลักษณะของลัทธิที่เด่นชัดในสำนักภูมิปัญญานั้นไม่ใช่ของปลอมแน่!

แล้ว… แม่งเป็นไปได้ยังไงกัน!?

ผ่านไปพักใหญ่ ผู้อาวุโสทั้งสองก็ยังขบคิดความจริงไม่ออก หวังลู่เองก็ไม่ได้เอ่ยปากอธิบาย เขาเพียงยิ้มอย่างมีเลศนัยปล่อยให้สองผู้อาวุโสพากันงงงวยหนักขึ้นเรื่อยๆ สุดท้ายแล้วหลิวเสี่ยนก็ถอนหายใจและเอ่ยปากออกมาก่อน “เจ้าทำได้อย่างไร”

หวังลู่กล่าวพร้อมรอยยิ้ม “ความจริงแล้วเรื่องนี้ง่ายมาก ข้าก็แค่ติดสินบนผู้อาวุโสที่มีหน้าที่ลงทะเบียนสำนักในพันธมิตรหมื่นเซียนไปก้อนเบ้อเริ่มก็เท่านั้น”

แค่ก!

ผู้อาวุโสทั้งสองตัวแข็งทื่อ พวกเขายืนนิ่งไม่ไหวติงแม้กล้ามเนื้อสักมัด ทว่าเสียงของพลังวิญญาณขั้นปฐมที่กระอักเลือดออกมากลับได้ยินชัดเจน!

หวังลู่อ้าแขนทั้งสองออกพลางหัวเราะ “ข้าถึงได้บอกว่าคนมากมายไม่เข้าใจแก่นแท้ของพันธมิตรหมื่นเซียน พวกเขาไม่เชิงเป็นองค์กรแห่งเซียนที่ดูแลความเรียบร้อยในอาณาจักรเก้าแคว้น… แต่ถ้าจะกล่าวให้ถูกพวกเขาเป็นองค์กรราชการหัวกะทิระดับสูง ในเมื่อเป็นองค์กรราชการ ก็ย่อมมีข้อบกพร่องที่องค์กรราชการใดๆ ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ นั่นคือการทุจริต แน่ล่ะว่าในฐานะผู้ได้รับผลประโยชน์ ข้าย่อมต้องชมเชยว่า การทุจริตนี่มันเยี่ยมจริงๆ!”

“…” ผู้อาวุโสพยายามอย่างหนักที่จะไม่อ้าปากค้าง

“ส่วนขั้นตอนลงลึกนั้นเป็นอย่างไร ก็ง่ายมาก สองล้านศิลาวิญญาณต่อหนึ่งตราประทับสำหรับสมาชิกพื้นฐาน ตั้งแต่เริ่มก่อตั้งสำนัก นี่เป็นการเจรจาทางธุรกิจครั้งใหญ่ที่สุดที่สำนักภูมิปัญญาเคยมีมา และข้าว่าเราได้กำไรจากเรื่องนี้”

สองล้านศิลาวิญญาณ!

หลิวเสี่ยนและฟางเฮ่อมองหน้ากัน ต่างฝ่ายต่างเริ่มเข้าใจว่าอะไรเป็นอะไร

สำหรับสำนักใหญ่ๆ แล้ว เงินสองล้านศิลาวิญญาณเป็นเหมือนหยดน้ำในถัง ทว่าสำหรับผู้บำเพ็ญเซียนแต่ละคน เงินจำนี้นี้นับว่ามากมายมหาศาล! อาวุโสห้าแห่งสำนักกระบี่วิญญาณได้เบี้ยเลี้ยงแค่เดือนละไม่กี่ร้อยศิลาวิญญาณ ดังนั้นรายได้ต่อปีของนางจึงไม่ถึงหมื่นศิลาวิญญาณ แน่ละว่าเป็นเพราะนางไม่ค่อยได้ทำประโยชน์ให้สำนัก ส่วนใหญ่จะหนักไปทางสร้างปัญหามากกว่า ดังนั้นเงินเบี้ยเลี้ยงของนางจึงน้อยกว่าผู้อาวุโสคนอื่นๆ อยู่โข ตัวอย่างเช่น หลิวเสี่ยนผู้ที่ลงแรงให้สำนักไม่น้อย เขาได้เงินรายปีอยู่ที่หนึ่งแสนศิลาวิญญาณ ส่วนคนที่มีรายได้มากที่สุดก็คืออาวุโสหกลู่หลี ที่รู้กันว่าได้เงินต่อปีมากถึงสิบล้านศิลาวิญญาณ…

ทว่านั่นคือค่าตัวผู้อาวุโสของหนึ่งในห้าวิเศษแห่งพันธมิตรหมื่นเซียน สำหรับผู้อาวุโสที่มีหน้าที่ลงทะเบียนสำนักในองค์กร สองล้านศิลาวิญญาณนั้นคุ้มค่าที่จะเสี่ยงชีวิต ต่อให้ผู้อาวุโสคนนั้นแบ่งเงินกับลูกน้องในหน่วยด้วยแล้ว ส่วนที่เหลือก็ยังถือว่ามากยิ่งกว่ามาก ดังนั้นเงินสินบนจำนวนมหาศาลเพื่อแลกกับตรารับรองสำนักก็ไม่ใช่เรื่องที่คาดไม่ถึง โดยเฉพาะเมื่อสาขาของพันธมิตรหมื่นเซียนในแคว้นธาราครามเลื่องลือเรื่องทุจริตอยู่แล้ว ปกติแล้วสำนักกระบี่วิญญาณอยู่อย่างเงียบๆ และสันโดษไม่ได้มีกิจธุระกับองค์กรนี้ ผู้อาวุโสทั้งสองที่ความประทับใจในพันธมิตรหมื่นเซียนหยุดอยู่เพียงที่สำนักงานใหญ่ซึ่งมีสภาพแวดล้อมที่ดีกว่าไม่อาจโต้ตอบอะไรได้ ตอนนี้พวกเขาเข้าใจทุกอย่างกระจ่างแล้ว ตราประทับวาววับนี้ไม่ใช่สิ่งที่เป็นไปไม่ได้

ปัญหาเพียงข้อเดียวก็คือ…

แม้จะพัฒนาได้อย่างรวดเร็ว แต่สำนักเล็กๆ อย่างสำนักภูมิปัญญาจะสามารถรวบรวมเงินถึงสองล้านศิลาวิญญาณภายในเวลาแปดเดือนได้อย่างไร ทั้งที่ในขณะเดียวกันพวกเขาก็ก่อสร้างอาคารต่างๆ อย่างไม่หยุดไม่หย่อน เงินสองล้านศิลาวิญญาณนี้มาจากที่ใดกันแน่

หวังลู่มองเห็นคำถามในแววตาของผู้อาวุโสทั้งสอง เขาจึงอธิบายอย่างภาคภูมิใจ “แน่นอนว่ามาจากการขอเงินลงทุน”

“…เงินลงทุน?”

“ใช่ เป็นผลมาจากความสัมพันธ์อันแนบแน่นของสำนักและหอนภาเร้นลับ หากจะพูดเรื่องเงินทุนแล้ว ในอาณาจักรเก้าแคว้นนี้ องค์กรใดจะเหมาะสมไปกว่าหอนภาเร้นลับกันเล่า”

หลิวเสี่ยนฉงน “เหตุใดหอนภาเร้นลับจึงยอมให้เจ้าหยิบยืมเงินจำนวนมหาศาลเช่นนี้”

“เพราะความสามารถในการหาเงินของสำนักข้านั้นมากมายอย่างน่าทึ่ง แม้ช่วงแรกเราต้องลงทุนมหาศาล แถมค่าใช้จ่ายในการดำเนินการของสำนักก็แพงหูฉี่ ทำให้ผลกำไรที่ได้ไม่มากมายนัก แต่ดูจากรายได้ที่เข้ามา รายได้ต่อปีของสำนักภูมิปัญญานั้นสูงเกือบหนึ่งล้านศิลาวิญญาณ ซึ่งมากกว่าสำนักระดับล่างจำนวนไม่น้อยที่เป็นสมาชิกของพันธมิตรหมื่นเซียน หนำซ้ำ การพัฒนาของสำนักในอนาคตยังประเมินค่าไม่ได้ อีกทั้งตอนนี้สำนักภูมิปัญญาครอบครองพื้นที่เพียงประเทศเดียว นั่นคือประเทศต้าหมิง”

หลิวเสี่ยนอึ้งไปครู่หนึ่ง แต่ก็เข้าใจได้อย่างรวดเร็ว แม้รายได้ประจำปีที่ไม่ถึงหนึ่งล้านศิลาวิญญาณอาจจะดูไม่มาก แต่สำหรับสำนักเซียน ยี่สิบปีเร็วเหมือนกะพริบตา นั่นหมายความว่าผลกำไรที่ได้รับจะสูงถึงสิบล้านศิลาวิญญาณเลยทีเดียว!

“เจ้าให้หอนภาเร้นลับเข้ามาร่วมบริหารด้วยหรือ”

…………………………………………..

Comments

การแสดงความเห็นถูกปิด